ตอนที่ 621 ได้รับสัญลักษณ์
‘ข้ามีคุณสมบัติเป็นเจ้านายของมันหรือไม่…’ ในใจซูหมิงผุดประโยคนี้ขึ้นมา
ระฆังรกร้างบูรพาหรือของศักดิ์สิทธิ์เผ่าหมาน สมบัติของเทพหมานรุ่นหนึ่งในอดีตชิ้นนี้เป็นมรดกตกทอดสู่ชนรุ่นหลัง มีพลังสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับต่างแดน…ต่อให้เป็นจี๋อั้นแห่งสำนักอสูรที่ทำให้ตี้เทียนต้องส่งร่างแยกมาถึงสองตน ก็ทำได้เพียงปรับเปลี่ยนวงโคจรการมาเยือนของวัตถุสิ่งนี้ แต่ไม่กล้าทำลายมัน!
‘เห็นได้ว่าหนึ่งแม่น้ำหนึ่งภูเขานี้มีพลังเท่าขีดจำกัดของขั้นวิญญาณหมานตอนปลาย หากมันใช้เก้าภูเขาเก้าแม่น้ำเก้าทะเลทรายรกร้างทั้งหมด ระลอกคลื่นที่ปล่อยมาจะอยู่ในขั้นพลังระดับใดกัน…’ ซูหมิงลืมตา เป่าชิวที่อยู่ด้านหลังตัวสั่นและมีสีหน้าขัดขืน สองมือเปลี่ยนสัญลักษณ์มืออย่างต่อเนื่อง แต่กลับกัดฟันแน่น ไม่ได้ขอให้ซูหมิงลงมือ
เมื่อม่านโลหิตเข้าปกคลุมหอแห่งนี้และเผยมันสู่ข้างนอกทั้งหมดแล้ว กลิ่นอายพลังต่างแดนของเป่าชิวจึงเปิดเผยต่อหน้าระฆังรกร้างบูรพาชัดเจน
ระลอกคลื่นพลังนี้อยู่ระหว่างเปลี่ยนวิญญาณกับกล่อมเกลาจิตของเผ่าเซียน ทันทีที่มันเผยออกมา ระฆังรกร้างบูรพาพลันกดทับลงไป ทั้งหอสั่นสะเทือน รูปปั้นสตรีมายาตรงหน้าเป่าชิวระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ โดยพลัน นางกระอักเลือด ใบหน้าซีดขาว ร่างกายเหมือนจะถูกบดขยี้ได้ทุกเมื่อ
ระฆังรกร้างบูรพาลดระดับลงมาอีกครึ่งจั้ง เช่นนี้จึงเหมือนว่ามีน้ำหนักอันหนักอึ้งกดบนร่างคนที่กำลังลอยน้ำอยู่ ราวกับจะกระชากให้ลงลึกสู่ก้นบึ้ง ทำให้นัยน์ตาเป่าชิวฉายแววสิ้นหวัง
เห็นได้รางๆ ว่าเมื่อระฆังรกร้างบูรพาลดระดับ ก็เหมือนมีเงามายาของระฆังตรงมายังเป่าชิว ยามนี้มันเข้ามาใกล้แล้วทะลวงผ่านหอเข้ามาเพื่อสังหารคนต่างแดนทุกคนตามภารกิจ
ซูหมิงถอนหายใจเบาแล้วหมุนตัวกลับ ช่วงที่มันจะเข้าไปใกล้กลางกระหม่อมของเป่าชิว เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว ชั่วพริบตาเดียวของหนึ่งก้าวนี้ ซูหมิงมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเป่าชิวก่อนยกมือขวาขึ้นยันระฆังมายาเอาไว้!
ซูหมิงสั่นสะท้านไปทั้งตัว ทว่าสีหน้ากลับเป็นปกติ ระฆังมายาบนมือขวาไม่ลดระดับลงมาอีก แต่ถูกเขาขวางเอาไว้ตรงๆ
แทบเป็นช่วงที่มือขวาซูหมิงสัมผัสกับระฆังมายา ระฆังรกร้างบูรพาบนฟ้าส่งเสียงระฆังลากยาว ขณะเดียวกันในใจซูหมิงก็พลันมีความคิดยิ่งใหญ่ตรงเข้ามา
ความคิดนี้ไม่มีข้อความใดๆ เพียงให้ความรู้สึกหนาวเยือกและโบราณ ครั้นวูบผ่านร่างซูหมิงไปแล้วก็กลับไปในระฆังรกร้างบูรพาบนฟ้าอีกครั้ง ต่อมาถึงมีแรงกดดันที่แกร่งยิ่งกว่าเดิมกดทับลงมาอีกครั้ง ประหนึ่งจะอ้อมผ่านซูหมิงไปสังหารเป่าชิว
บนฟ้าปรากฏภูเขาหนึ่งลูก!
ภูเขานี้มีขนาดหมื่นจั้ง สูงตระหง่านกลางภาพมายา วินาทีที่มันปรากฏตัว ผู้คนทั้งสำนักวิญญาณอสูรที่กำลังมองอยู่ล้วนหน้าเปลี่ยนสี ผู้อาวุโสสูงสุดเซินตงนัยน์ตาเป็นประกายในทันที
ทั้งสำนักวิญญาณอสูร ตั้งแต่เริ่มภัยพิบัติหมานจนถึงตอนนี้ มีเพียงเขาคนเดียวที่ทำให้ระฆังรกร้างบูรพาสร้างหนึ่งภูเขาหนึ่งแม่น้ำ คนอื่นๆ ไม่มีใครมีคุณสมบัติให้ระฆังเป็นเช่นนี้ เพียงแค่มันกดทับมาก็ลงทัณฑ์คนต่างแดนถึงตายได้
ยามนี้ภัยพิบัติหมานปรากฏภาพมายาภูเขาหนึ่งลูกเป็นครั้งแรกต่อจากเซินตง
“เป่าชิว…” ผู้อาวุโสสูงสุดเซินตงเอ่ยกับตัวเองเบาๆ
หลังจากปรากฏภูเขาหนึ่งลูก ภูเขาลูกนี้ก็กินพื้นที่ไปเกือบครึ่งฟ้า มันเป็นภูเขาดำ โดยรอบอบอวลไปด้วยพลังชีวิตหนาแน่น ภูเขาลูกนี้พลันกดทับลงไปยังหอที่นูนออกมาจากม่านแสงโลหิตอย่างชัดเจน!
เป่าชิวอยู่ข้างซูหมิง เวลานี้เบิกตากว้าง นางรู้สึกได้ถึงพลังแห่งหนึ่งภูเขาบนฟ้า นี่คือสิ่งที่นางไม่เคยคาดคิดมาก่อน ภัยพิบัติหมานของตนปรากฏภูเขามายา!
นัยน์ตาซูหมิงวาววับ เขาพลันสังเกตเห็นว่าความคิดของตนเมื่อครู่ผิดพลาดไป!
หลังจากระฆังรกร้างบูรพาดึงความคิดออกห่างจากตัวเขาแล้วก็สร้างภูเขานี้ขึ้น ไม่ใช่เพื่อเป่าชิว…แต่เพื่อเขาเอง!
ซูหมิงยกยิ้มบาง พอเข้าใจในจุดนี้แล้วก็มองภูเขามายาที่กำลังลดระดับลงมาอีกครั้ง เพียงแวบเดียวก็มองออกว่าภูเขานี้ไม่ได้มีจิตสังหารจริงๆ!
จุดนี้ เว้นแต่จะเป็นเป้าหมายของระฆังอย่างซูหมิง อีกทั้งยังมีการวิเคราะห์คาดเดาอย่างเขา มิเช่นนั้นแล้วคนอื่นคงไม่มีทางมองออกถึงเงื่อนงำ ไม่ว่าจะมองอย่างไรภาพนี้ก็คือภัยพิบัติหมานมาเยือน
‘พลังแห่งภูเขาที่ไม่มีจิตสังหาร มันส่งพลังนี้มาเพราะข้า…ในเมื่อไม่ใช่เพื่อลบข้า เช่นนั้นจะต้องเป็น…..การทดสอบอย่างหนึ่ง!’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายวาบผ่าน ในขณะที่แววตาวาววับ รอยยิ้มบนใบหน้าเขากว้างยิ่งขึ้น อีกทั้งในแววตายังมีความเคารพ
ซูหมิงต่างกับคนอื่น เพราะเขาคุ้นเคยกับระฆังเขาหาน เพราะความเศร้าโศกกับเหตุการณ์ต่างๆ ในภัยพิบัติหมานเมื่อครู่ เพราะความยึดมั่นและเคารพ แม้ว่าระฆังรกร้างบูรพา…..จะเป็นเพียงสมบัติล้ำค่า แต่ซูหมิงก็ยังเคารพ!
ยามนี้ขณะพลังแห่งหนึ่งภูเขากดทับลงมา ซูหมิงยกมือขวาขึ้นใช้นิ้วโป้งป้ายไปยังนิ้วชี้ ฉับพลันนั้นก็ปรากฏรอยแผลเล็กเส้นหนึ่ง โลหิตไหลซึมย้อมนิ้วชี้มือขวา ช่วงที่เงยหน้าสัมผัสถึงพลังแห่งภูเขาซึ่งเข้ามาใกล้เรื่อยๆ อีกทั้งเป่าชิวด้านข้างยังตัวสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาก็ใช้นิ้วชี้เปื้อนโลหิตป้ายไปบนหน้าผากขาวสะอาดของเป่าชิว
นำโลหิตสดป้ายตรงระหว่างคิ้วเป่าชิว!
รอยโลหิตนี้เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง วินาทีที่ถูกป้ายลงไป เป่าชิวอึ้งงันอยู่ตรงนั้น เพราะนางพบว่าเมื่อป้ายโลหิตแล้วกลับไม่รู้สึกถึงแรงกดดันอะไรเลยในทันที!
ราวกับว่าตนถูกวางเอาไว้ข้างนอก ถูกระฆังรกร้างบูรพามองข้ามไป และข้ามผ่านภัยพิบัติหมานไปเลย!
เหตุการณ์นี้ทำให้เป่าชิวหัวใจเต้นรัวแรง สภาพจิตใจยังคงตื่นตระหนก มองซูหมิงตาค้างอ้าปากกว้าง ในใจเกิดคลื่นลูกใหญ่ถาโถม ความไม่เข้าใจหลายอย่างส่งผลให้นางหายใจกระชั้น
นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเพียงซูหมิงป้ายโลหิตตรงระหว่างคิ้วตนแล้วก็ข้ามผ่านภัยพิบัติหมานไปเลย
นางยิ่งไม่เข้าใจไปอีกว่าอีกฝ่ายทำได้อย่างไรกันแน่ เขาเป็นใคร มีขั้นพลังระดับใด และมาจากที่ใด…มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับระฆังรกร้างบูรพา
นางคาดเดาว่าในนั้นจะต้องมีความลับยิ่งใหญ่ซ่อนเอาไว้แน่นอน ความลับนี้คืออะไรกันแน่ ชั่วขณะที่นางกำลังลังเลใจก็เหมือนจะนึกอะไรออก ดวงตาจึงเบิกกว้างพลางเหม่อมองซูหมิง สีหน้าดูเหลือเชื่อและสับสน
เสียงโครมดังสะเทือนฟ้าดิน ในสายตาของสำนักวิญญาณอสูรทุกคนที่มองอยู่ ภูเขามายานั้นทะลวงผ่านหอสองชั้นเข้าไปข้างใน ทุกคนรวมถึงเซินตงคงคาดไม่ถึงว่าในหอของเป่าชิวยังมีอีกคนอยู่
ในความรู้สึกพวกเขา ตอนนี้เป่าชิวกำลังรับมือกับพลังภูเขามายาลูกนั้น
ซูหมิงพลันยกมือขวาขึ้น เส้นผมยาวปลิวไสวรุนแรง อาภรณ์สะบัด สายตาจับจ้องภูเขาดำมายาที่ทะลวงผ่านหอเข้ามา พริบตาเดียวเหมือนจะบดขยี้จิตวิญญาณเขาให้สลายไป ทว่าช่วงที่ภูเขาดำมายาเข้ามาใกล้นั้น ซูหมิงที่ยกมือขวาอยู่ก็กดไปยังภูเขา!
เกิดเสียงครึกโครมดังกึกก้อง เสียงระเบิดแผ่กระจายออกปานระลอกคลื่น กึกก้องทั้งในและนอกยอดเขาสำนักวิญญาณอสูร ทว่าเสียงนี้หูไม่ได้ยิน มันเป็นเสียงวิญญาณที่มีเพียงจิตวิญญาณเท่านั้นถึงจะสัมผัสได้
ภายใต้เสียงวิญญาณนี้ ถึงแม้เป็นผู้ที่ได้ยิน ต่อให้เป็นเซินตงก็ยังมีสีหน้าไม่มั่นใจ ในความคิดมีเสียงนี้ดังสะท้อนอยู่นานไม่เลือนหาย
อีกทั้งในยามนี้ พอเป่าชิวในหอเห็นภาพนี้แล้วก็ทำให้นางยากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต กระทั่งยังเป็นภาพฝังอยู่ในจิตวิญญาณชั่วนิรันดร์
นางเห็นซูหมิงกำลังยิ้ม!
วินาทีที่มือขวาซูหมิงสัมผัสกับภูเขามายา นอกตัวเขาปรากฏวัตถุมายาขึ้นมาอีกชิ้นทันที มัน….ก็คือระฆังใบหนึ่ง!
ระฆังปรากฏอยู่นอกร่างซูหมิง ปกคลุมเขาเอาไว้ข้างใน ทั้งยังเห็นรางๆ ว่านอกระฆังมายามีสัตว์เก้าเศียรลอยอยู่ แม้รูปแกะสลักจะไม่ใช่แม่น้ำภูเขาทะเลทราย แต่ระฆังนอกตัวซูหมิงนี้กลับสร้างความตื่นตะลึงให้กับเป่าชิว และให้ความรู้สึกคล้ายระฆังรกร้างบูรพา
เสียงวิญญาณที่ทำให้จิตวิญญาณของทุกคนเหม่อลอยก็คือการปะทะกันระหว่างระฆังมายากับพลังแห่งหนึ่งภูเขา!
เป่าชิวกัดริมฝีปากพลางมองพลังแห่งหนึ่งภูเขาที่ว่า เมื่อปะทะกับระฆังมายานอกตัวซูหมิงแล้ว มันกลับไม่ปล่อยจิตสังหารหรือแรงกดดัน แต่ค่อยๆ หายไปดุจหลอมละลาย แล้วพรั่งพรูเข้าในระฆังมายานอกตัวซูหมิง
เมื่อพลังแห่งหนึ่งภูเขาหายไปในระฆังเขาหานจนหมด บนผิวนอกระฆังของซูหมิง นอกจากภาพจิ่วอิงแล้วยังมี…..ภูเขาสูงตระหง่านเพิ่มมาอีกหนึ่งลูก!
“การปรากฏตัวของเจ้าตรงตามกฎของเลี่ยซานเจ้านายของข้า เมื่อคนต่างแดนยึดครองแผ่นดินหมาน…หอคอยรกร้างบูรพาจะมาเยือน…หอคอยนี้มีเก้าสิบเก้าชั้น หากบุกไปถึงยอดจะได้เป็นเจ้านายคนใหม่ของข้า…อีกทั้งยังได้ตระหนักรู้หมื่นโลกของเลี่ยซาน ผู้ได้รับจะรู้ชะตาชีวิตดี…”
“ขั้นพลังของเจ้ายังไม่พอจะรับพลังของข้า…ประทานภูเขาหนึ่งลูกให้เป็นสัญลักษณ์ ด้วยสัญลักษณ์นี้…..เจ้าจะเข้าไปในหอคอยรกร้างบูรพาได้…และเปิดเส้นทางแห่งการฝึกฝนโลหิต”
“เจ้าคือผู้ได้รับสัญลักษณ์ภูเขาคนแรก…เมื่อหอคอยรกร้างบูรพาปรากฏ หลังจากเจ้าจะมีอีกยี่สิบหกคนได้รับคุณสมบัตินี้…”
น้ำเสียงเย็นเยียบดังก้องในความคิดซูหมิง คำพูดเหล่านี้ทำให้เขาหรี่ตาลง ผ่านไปพักหนึ่งหลังจากเสียงนั้นหายไป ม่านแสงโลหิตก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง หอแห่งนี้พลันถูกม่านแสงปกคลุมเอาไว้ภายใน ส่วนที่เผยออกสู่ภายนอกก็เป็นของผู้ทดสอบภัยพิบัติหมานคนอื่นๆ แล้ว นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย แม้เสียงในความคิดจะหายไป ทว่าความหมายแฝงในคำพูดกลับทำให้เขาต้องครุ่นคิดให้ดีๆ
‘หอคอยรกร้างบูรพา…ดูจากความหมายแล้ว หอคอยนี้จะต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขอะไรบางอย่างถึงจะได้รับการอนุญาตให้มาเยือน นอกจากแผ่นดินหมานถูกต่างแดนยึดครองแล้ว ในเงื่อนไขเหล่านี้ยังมีอีกข้อหนึ่งก็คือการปรากฏตัวของข้า
เลี่ยซานซิว….’ นัยน์ตาซูหมิงฉายแววครุ่นคิด
เป่าชิวที่อยู่ข้างๆ มองซูหมิงด้วยความตะลึงงัน สีหน้าเริ่มมีความยำเกรง ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของเจ้านายลูกน้องระหว่างจิตวิญญาณหรือเหตุผลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเผ่าใด การเคารพต่อผู้แข็งแกร่งล้วนไม่เปลี่ยนไปชั่วนิรันดร์
“เป่าชิวขอขอบคุณนายท่าน” เป่าชิวยืนขึ้นเบาๆ แล้วประสานมือคารวะซูหมิง