Skip to content

สู่วิถีอสุรา 622

ตอนที่ 622 เหี้ยมโหด

ซูหมิงครุ่นคิดในใจอยู่เงียบๆ ไม่ได้สนใจเป่าชิวด้านข้าง

ผ่านไปพักหนึ่ง เป่าชิวก็ยืนขึ้นมาอยู่ด้านข้างเขาอย่างว่าง่าย บ้างก็มองที่ซูหมิง สีหน้าเริ่มฉายความประหลาดใจและ….สลับซับซ้อน

นางนึกไม่ถึงเลยว่าจะเจอคนแบบนี้ที่นี่…..

ความจริงแล้วหลังจากที่ซูหมิงป้ายโลหิตตรงระหว่างคิ้วนางจนทำให้ผ่านพ้นภัยพิบัติหมานไปได้ ความตื่นตะลึงในใจก็ส่งผลให้นางนึกถึงบุคคลหนึ่ง….

ไม่ว่าอย่างไรนางก็คาดไม่ถึงว่าการพบกันระหว่างนางกับคนผู้นี้จะลงเอยกันเช่นนี้ อีกทั้ง…เขายังกลายเป็นเจ้านายของตนด้วย

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ นอกหอเงียบสงบ ทว่าแรงกดดันและเสียงระฆังจากโลกภายนอกยังคงอยู่ จนกระทั่งฟ้าเริ่มมืดแล้วเข้าสู่ยามเที่ยงคืน ทั้งสำนักวิญญาณอสูรมีคนตายไปแล้วมากกว่าสามสิบคน!

ในสามสิบคนนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกเผ่าหมานปรับสายเลือด พวกเขาหักหลังเผ่าหมาน หักหลังบรรพบุรุษ และยอมปรับเปลี่ยนสายเลือดด้วยเหตุผลนานาประการเพื่อฝึกวิชาของสำนักอสูร

ในหนึ่งวันนี้ ระฆังรกร้างบูรพาไม่ได้ปรากฏเพียงน่านฟ้าสำนักวิญญาณอสูรเท่านั้น สำนักกระหายอสูร สำนักธุลีอสูร และสำนักเซียนอสูรก็ปรากฏร่างมายาของมันเหมือนกัน

กระทั่งบนแผ่นดินใหญ่รกร้างบูรพา ในเวลาหนึ่งวันนี้มันไม่ได้ปรากฏเพียงสำนักเซียนเท่านั้น แต่ไปหาผู้มาเยือนแผ่นดินเผ่าหมานที่อยู่เพียงลำพังด้วย

วินาทีที่พวกเขาเผยพลังต่างเผ่า ระฆังรกร้างบูรพาจะปรากฏขึ้นเหนือศีรษะในชั่วพริบตาแล้วสังหารไปทีละคน

จนกระทั่งใกล้ยามเที่ยงคืน หลังจากในสำนักวิญญาณอสูรไม่มีใครต้องรับการทดสอบภัยพิบัติหมานแล้ว ม่านแสงโลหิตก็ปกคลุมที่นี่อีกครั้งประหนึ่งบดบังสายตาของระฆังไว้ ให้มันไม่เห็นระลอกคลื่นของคนต่างเผ่าอีก แล้วค่อยๆ หายไปในช่วงเวลาสุดท้าย รอคอยวันนี้ในอีกห้าสิบปีข้างหน้า….ถึงจะมาเยือนอีกครั้ง

เมื่อเวลาผ่านไป นัยน์ตาซูหมิงเริ่มเป็นประกาย เขาเดินมายืนอยู่ข้างหน้าต่างหอ มองฟ้ายามค่ำคืนข้างนอก รอคอยภาพที่อาจเกิดขึ้นเมื่อผ่านยามเช้ามืดไป

‘ตามความหมายแฝงของเสียงนั้น หอคอยรกร้างบูรพา…’ ขณะซูหมิงกำลังตรึกตรอง ยามเช้ามืดก็มาถึง!

ยามเช้ามืดนี้เป็นสิ่งที่ยากจะลืมเลือนสำหรับแผ่นดินรกร้างบูรพา มันสลักอยู่ในหัวของชาวรกร้างบูรพาทุกคนไปชั่วนิรันดร์!

เพราะว่าวันนี้เป็นสิ่งที่สำนักเซียนต่างๆ บนแผ่นดินรกร้างบูรพาและคนสำนักอสูรรอคอยมานาน!

สาเหตุที่จี๋อั้นแห่งสำนักอสูรใช้พลังมหาศาลปรับแก้กฎการมาเยือนของระฆังรกร้างบูรพา นั่นก็เป็นเพราะปราถนาจะให้เกิดเรื่องหนึ่งขึ้น เพียงแต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าต้องมีเงื่อนไขใดกันแน่ถึงจะเกิดเหตุการณ์ที่พวกเขาปรารถนา

รวมถึงสำนักเซียนอื่นๆ ด้วย ต่อให้เป็นตี้เทียนก็รู้เพียงเงื่อนไขเดียวที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ คือจะต้องมีคนต่างแดนจำนวนมากบนแผ่นดินเผ่าหมาน

ทว่าผ่านมาเนิ่นนานหลายปี ผู้มาเยือนแดนกร้างบูรพามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยัง…ไม่เกิดเหตุการณ์ที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา

ฉะนั้น…ผู้มาเยือนเหล่านี้จึงคิดทำเหมือนกันโดยไม่ได้นัดแนะ พวกเขายอมใช้พลังอาคมและอภินิหารแก่กล้า กระทั่งยอมจ่ายไปในราคาสูงจนไม่อาจจินตนาการ…..

เพื่อให้แผ่นดินรกร้างบูรพาบรรจบกับแผ่นดินอรุณใต้!

ด้วยความที่ไม่รู้เงื่อนไขการปรากฏเหตุการณ์นี้ พวกเขาจึงต้องเสาะหาไปเรื่อยๆ ลองเงื่อนไขที่น่าจะเป็นไปได้หลายอย่างเพื่อสำเร็จความต้องการของตน

การชนกันของแผ่นดินรกร้างบูรพากับอรุณใต้ แม้จะทำโดยไม่ได้นัดแนะกันมาก่อน ทว่าสำนักอสูรและสำนักเซียนอื่นๆ กลับใช้วิธีต่างกันจนตามหาคนเผ่าเซียนที่อยู่จุดสูงสุดในการพยากรณ์พบ และให้พวกเขาพยากรณ์เกี่ยวกับเงื่อนไขในการเกิดเหตุการณ์นั้น

นั่นจึงทำให้เกิดภัยพิบัติรกร้างบูรพา!

แม้สำนักอสูรและสำนักเซียนจะได้รับผลการพยากรณ์ต่างกัน คำพูดต่างกัน ทว่าความหมายกลับคล้ายคลึงกันคือ การชนกันของสองแผ่นดินใหญ่จะเพิ่มโอกาสในการเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น

โอกาสนี้คืออะไรไม่มีใครรู้

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลังจากการชนกันในครั้งนั้น ภัยพิบัติหมานครั้งแรกคือจุดสำคัญในการตรวจสอบว่าโอกาสนั้นเกิดขึ้นหรือไม่ หากเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริงๆ ก็หมายความว่าการพยากรณ์ของเผ่าเซียนสำเร็จ

หากไม่เกิดพวกเขาก็จะใช้วิธีอื่นต่อไป เพื่อให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นให้จงได้

เพราะในภัยพิบัติครั้งนี้อาจมีโอกาสเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน สำนักเซียนผู้มาเยือนจากแดนเซียนจึงให้โอรสสวรรค์ที่เก่งกาจที่สุดในสำนักมาเยือนแผ่นดินหมาน

อย่างเช่น…เป่ยหลิง เฉินซิน เฉินชง ซือคง….และยังมีปี้ซู่แห่งสำนักอสูรรกร้างบูรพากับเยี่ยวั่งแห่งสำนักเต๋าเจิ้งเทียน โอรสสวรรค์เหล่านี้ล้วนมาเยือนและรอทดสอบหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นแล้ว!

กระทั่งพวกเขายังถูกส่งไปตามหาจุดผนึกแขนขาของเทพหมานรุ่นสองระหว่างแดนอรุณใต้กับรกร้างบูรพา นั่นก็เป็นเพราะว่าสำนักของพวกเขาคิดว่าบางทีหนึ่งในเงื่อนไขที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นั้นอาจเกี่ยวกับเทพหมานรุ่นสอง

นี่คือสิ่งที่ผู้มาเยือนจากเผ่าเซียนบนแดนรกร้างบูรพาเฝ้าปรารถนาอย่างยิ่ง และก็เป็นสิ่งที่พวกเขาเตรียมพร้อมมาหลายปี ทดลองหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ยังไม่สำเร็จ

เรื่องนี้เกี่ยวกับเทพหมานรุ่นหนึ่ง!

หลังจากแผ่นดินหมานถูกผู้มาเยือนเผ่าเซียนยึดครองไปเรื่อยๆ ความลับและความน่ายำเกรงของเผ่าหมานก็ค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมา จากความเข้าใจและการค้นหาไม่หยุดหย่อน เผ่าเซียนเลยล่วงรู้ความลับมาอย่างหนึ่ง

บนแผ่นดินรกร้างบูรพามีหอคอยอยู่แห่งหนึ่ง หอคอยนี้มีนามว่ารกร้างบูรพา มันมีทั้งหมดเก้าสิบเก้าชั้น หากมีคนก้าวไปถึงชั้นสุดท้ายก็จะได้รับการตระหนักรู้เกี่ยวกับโลกและภัยพิบัติของเทพหมานรุ่นหนึ่ง

ความเข้าใจในโลกนี้ บางทีอาจไม่ดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งเผ่าเซียนที่มีขีดจำกัดมากนัก ทว่า…ภัยพิบัติกลับต่างออกไป นี่คือสิ่งที่พวกเขาเฝ้าใฝ่ฝัน หากได้ตระหนักรู้มันจะมีผลสำคัญต่อการข้ามผ่านขั้นพลังของพวกเขาอย่างยิ่ง

ที่นั่นยังมีสมบัติล้ำค่าของเทพหมานรุ่นหนึ่งและวิชาต่างๆ ทุกอย่างนี้ล้วนกระตุ้นจิตใจพวกเซียน หลังจากพวกเขามั่นใจในเรื่องนี้แล้วก็ยิ่งปรารถนาในตัวหอคอยรกร้างบูรพามากขึ้นไปอีก

สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เมื่อคาดการณ์จากเบาะแสที่เผ่าเซียนได้รับมาแล้ว พวกเขาคิดว่าชั้นสุดท้ายของหอคอยรกร้างบูรพาจะต้องซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่เอาไว้อย่างแน่นอน!

ความลับนี้เหมือนจะเกี่ยวกับ…หม้อฮวงแห่งต้าอวี๋!

นั่นคือเบาะแสของสมบัติล้ำค่าชิ้นแรกของทั้งเผ่าหมาน!

นอกจากนี้ สมบัติชิ้นนี้ยังเกี่ยวพันไปถึงคำบัญชาจากแดนดาราสัจธรรมแห่งโลกศักดิ์สิทธิ์ดาราสัจธรรม ที่แพร่สะพัดไปทั้งโลกศักดิ์สิทธิ์ในสมัยก่อนยุคบรรพกาล!

‘ผู้ฝึกฌานทั้งหลายในโลกศักดิ์สิทธิ์ดาราสัจธรรม จงตามหาหม้อสำริดต้นกำเนิดเต๋า หรืออีกนามหนึ่งคือหม้อฮวงต้าอวี๋ ผู้หาเจอจะได้รับมรดกของข้าเต้าเฉิน และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดแห่งโลกศักดิ์สิทธิ์ดาราสัจธรรม!’

ซูหมิงไม่รู้เรื่องเหล่านี้ ทว่าก็ลองยืนอยู่ข้างหน้าต่างพลางมองฟ้ายามค่ำคืน รอคอยการปรากฏตามเสียงนั้น

เวลานี้ไม่ใช่แค่เขาที่เป็นเช่นนี้ เซินตงผู้อาวุโสสูงสุดในสำนักวิญญาณอสูรก็เป็นคนที่รู้ความลับนี้เช่นกัน เขามองฟ้าและเฝ้ารอคอยอยู่

‘ครั้งนี้หวังว่าจะสำเร็จ…แผ่นดินหมานนี้พิลึกนัก ตาแก่ขั้นพลังสูงส่งเหล่านั้นไม่อาจส่งร่างจริงมาเยือน ท่านจี๋อั้นเองก็ต้องใช้ร่างแยกถึงจะควบคุมสถานการณ์ที่นี่ได้…โอกาสสร้างคุณูปการครั้งใหญ่นี้…อาจมีส่วนของข้าอยู่!’

สำนักธุลีอสูรและสำนักกระหายอสูรก็เช่นกัน ผู้อาวุโสสูงสุดของสองสำนักกับผู้มาเยือนที่รู้ความลับนี้ต่างพากันมองฟ้าด้วยความตื่นเต้น

ไม่เพียงแค่สำนักอสูรที่เป็นเช่นนี้ ณ สำนักชุมนุมเซียน ร่างแยกตี้เทียนก็กำลังยืนอยู่ในลานอย่างเงียบงัน สายตามองฟ้าด้วยสีหน้าเย็นชา ทว่านัยน์ตากลับวาววับ

สำนักซ่อนมังกรและสำนักเต๋าเทียนหลันต่างก็มีสำนักอยู่บนแผ่นดินรกร้างบูรพาเช่นกัน ตอนนี้มองฟ้าด้วยความตื่นเต้นและเฝ้ารอคอย พวกเขาจ่ายไปมากมายนักเพื่อให้หอคอยรกร้างบูรพาปรากฏขึ้น

เทียนหลันเมิ่งกับเทียนหลันโยว สองพี่น้องคู่นี้ยืนอยู่ข้างบรรพบุรุษเทียนหลันด้วยสีหน้าต่างกัน มองฟ้ายามค่ำคืนเงียบๆ เทียนหลันโยวมีสีหน้าเย็นชาประดุจน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย ส่วนเทียนหลันเมิ่งก็มีสีหน้าซับซ้อนตลอดและยังมัวหมอง เหมือนมีเรื่องในใจอยู่เต็มอก

บนท้องฟ้า วินาทีที่ยามเช้าตรู่ผ่านไป ทันใดนั้นทุกคนที่มองฟ้าจากจุดที่ต่างกันบนแดนรกร้างบูรพาล้วนหน้าเปลี่ยนสี

พบว่ารอยแยกยาวที่อยู่มาหนึ่งวันบนฟ้าไม่ได้ผสานรวมกันเหมือนเมื่อห้าสิบปีก่อน แต่กลับมีแสงแรงกล้าหลายสายเปล่งมาจากข้างในนั้นจนฟ้าพลันสว่างไสว!

แสงสว่างนั้นกลายเป็นดวงไฟส่องสว่างทั้งฟ้าแดนรกร้างบูรพา!

เสียงโครมครามดังกึกก้อง รอยแยกบนฟ้าพลันถูกฉีกออก ช่วงที่แสงสว่างขยายออกมาข้างนอกก็มีวัตถุยักษ์ลอยลงมาจากข้างใน

สิ่งที่ปรากฏเหมือนกับหินยักษ์ก้อนหนึ่ง ทำให้รอยแยกยากจะรับไหวและเริ่มฉีกแยกออก จนกลายเป็นอุโมงค์ยักษ์ขนาดหลายหมื่นจั้ง!

พอเกิดอุโมงค์ วัตถุยักษ์ก็ลดระดับลงมาได้อย่างสบายๆ มันเป็นวัตถุลักษณะแปดเหลี่ยม นั่นก็คือฐานหอคอยสูงใหญ่!

เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น ช่วงที่ทั้งแผ่นดินสั่นสะเทือน หอคอยสูงใหญ่พลันตกลงสู่พื้นดิน เดิมทีด้านล่างมันเป็นภูเขาลูกหนึ่ง ทว่าภูเขานี้บอบบางรับไม่ไหวในคราเดียว ยามนี้จึงระเบิดกระจายเป็นเสี่ยงๆ ทำให้หอคอยนี้ตั้งตระหง่านอยู่กลางพื้นดินอย่างมั่นคง!

ความสูงของมันไร้ขีดจำกัด อยู่ระหว่างพื้นดินกับอุโมงค์บนฟ้า เพียงแต่ว่านี่เป็นเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ยังมีอีกครึ่งหนึ่งอยู่ในอุโมงค์ยักษ์!

นี่คือหอคอยสูงใหญ่ที่สร้างความตื่นตะลึงกับทุกคนที่เห็นมัน!

“หอคอยรกร้างบูรพาปรากฏ…จากนี้ไปจนจบ…จะมีเวลาจำกัดหนึ่งพันวัน….หลังจากหนึ่งพันวันนี้ จะทำการบวงสรวงให้แสงโลหิตของหอคอยรกร้างบูรพาไปไกลถึงสิบล้านลี้…ยี่สิบหกคนที่เซ่นไหว้วิญญาณแห่งเผ่าเซียนมากที่สุดจะมีคุณสมบัติเข้าไปในหอคอย

หากแสงโลหิตของหอคอยรกร้างบูรพาไม่ถึงระยะสิบล้านลี้ก็ไม่อนุญาตให้เปิดออก”

“ในหอคอยนี้มีสมบัติของข้าเลี่ยซานซิวอยู่ มีเม็ดโอสถและวิชาของข้าจำนวนมาก เซียนหมานล้วนฝึกได้หมด นอกจากนั้นยังมีการตระหนักรู้แห่งโลกของข้า ความเข้าใจในเคราะห์ภัยจากการรวมหมื่นโลกให้เป็นหนึ่ง และยังมีเส้นทางการฝึกฝนครึ่งชีวิตของข้า…

ในหอคอยนี้มีสมบัติชิ้นแรกของเผ่าหมานอยู่ ตอนนั้นข้าแซ่เลี่ยชิงมาจากเต้าเฉิน….นั่นคือเบาะแสของหม้อฮวงต้าอวี๋! หากใช้เบาะแสนี้ ข้าเลี่ยซานซิวขอสาบานด้วยชีวิตว่าเจ้าจะตามหาหม้อฮวงเจออย่างแน่นอน!”

ซูหมิงใจสั่นสะท้านยามมองฟ้า ได้ยินเสียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ น้ำเสียงนี้แฝงไว้ด้วยความโอหังและเผด็จการ

‘เลี่ยซานซิวเทพหมานรุ่นหนึ่งผู้นี้เหี้ยมโหดนัก…’ ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!