Skip to content

สู่วิถีอสุรา 872

ตอนที่ 872 เทวรูปสุริยันแตก

“เช่นนั้นเจ้าต้องการอะไร…” เสียงเทพสุริยันเหมือนราบเรียบ ทว่าแฝงไว้ด้วยความต่างเล็กน้อย

“ขั้นพลังเหนือกว่ากุมชะตาเกิดดับ” ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก ตอบเสียงเรียบนัยน์ตาเป็นประกายเล็กน้อยจนไม่อาจตรวจจับ

“ได้” ครั้งนี้สุริยันและจันทรากล่าวพร้อมกัน วินาทีที่เสียงพวกเขาดังกึกก้อง ตะวันและจันทร์บนมือรูปปั้นสองรูปส่องสว่างพร้อมเพรียง

ขณะเดียวกันขั้นพลังซูหมิงปะทุขึ้นอีกครั้ง เขาเหมือนเห็นต้นกำเนิดของจักรวาลนี้ มีความรู้สึกบอกไม่ถูกเกิดขึ้นในใจ

ราวกับว่าเขาสามารถควบคุมการขึ้นลงของตะวัน เหมือนกุมดวงชะตาขึ้นและลง

ซูหมิงหลับตาลง ตอนที่หลับตา ในเขตดาราวงแหวนบูรพานอกดาวทมิฬ กลางแดนประหลาดวงแหวนบูรพา ร่างแยกเอ้อชางของเขาที่นั่งฌานอยู่กลางธารดาราพลันลืมตาขึ้น

ในดวงตาเต็มไปด้วยความฮึกเหิมและเฝ้าปรารถนา

‘สามวิถีสวรรค์…..ที่แท้นี่คือสามวิถีสวรรค์ พวกเขาเกิดจากเผ่าประหลาดวิถีเต๋าที่ศรัทธาอาทิตย์และจันทร์ ในร่างกายพวกเขามีพลังแห่งต้นกำเนิดจิต!

เพียงแต่ว่าต้นกำเนิดจิตนี้ไม่ได้อยู่กลางมหาต้นกำเนิดจิตทั้งเก้า แต่มาจากนอกโลก……พลังของพวกเขามาจากความศรัทธา ขอแค่เชื่อมันก็จะอยู่

คนนอกไม่อาจต่อต้านพลังของพวกเขา แต่ว่า…..ข้าที่มีร่างแยกเอ้อชางควบคุมความรู้สึกได้!

รวมวิชามายาต้นกำเนิดจิตในตัวร่างแยกกลืนนภาของข้าอีกเล็กน้อย มีแต่แบบนี้เท่านั้น….ข้าถึงจะให้ดวงจิตไปเยือนกลางสามวิถีสวรรค์ได้อย่างปลอดภัย!’ ขณะร่างแยกเอ้อชางยกสองมือขึ้น ฟ้ากระจ่างดาวที่เขาอยู่พลันเปลี่ยนเป็นต้นไม้ใหญ่สีม่วงต้นหนึ่ง มันสั่นโคลงเคลง พร้อมกันนั้นนัยน์ตาซูหมิงฉายแสงสีม่วงเด่นชัด

ขณะเดียวกันในโลกของสามวิถีสวรรค์ ซูหมิงยังคงหลับตา ขั้นพลังในร่างกายเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จากดวงชะตาขึ้นลงไปจนถึงขั้นพลังใหม่

ขั้นพลังนี้คือ วัฏจักรจิตใจแห่งความเป็น

ขั้นพลังนี้เหนือความเข้าใจเขา เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตนมีขั้นพลังแบบใด แต่เขารู้สึกเหมือนเพียงความคิดเคลื่อนไหว ก็จะทำให้ที่นี่เกิดวัฏจักรขึ้น

ตอนนี้เอง กลางตะวันและจันทราสว่างพร้อมเพรียง เกิดเสียงโครมในร่างซูหมิง เขารู้สึกชัดว่าขั้นพลังตนถูกเพิ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว

ขั้นพลังนี้ทำให้เขามีความรู้สึกเด่นชัดว่า เขา….เพียงความคิดก็สามารถทำลายสวรรค์ได้

กระทั่งตอนนี้ แสงสว่างพร้อมเพรียงสว่างจ้าจากสุริยันและจันทราในสายตาเขาดูอ่อนแสงลงไปไม่น้อย กระทั่งยังเห็นว่าในรูปปั้นสองรูปมี…..สองคนนั่งฌานอยู่!

เป็นบุรุษหนึ่งสตรีหนึ่ง สองคนนี้นั่งฌานอยู่ในมหาสมุทร เพราะร่างกายปล่อยพลังไปข้างนอก ดังนั้นจึงรวมเป็นคนในรูปปั้น ชายคนนี้มีหน้าตาหล่อเหลา หญิงสาวก็ดุจดั่งเซียน สองคนนี้สมบูรณ์แบบจนหาตำหนิไม่พบ ทว่าความรู้สึกสมบูรณ์แบบนี้ เหมือนกับว่าพวกเขามีเพียงร่างมนุษย์เท่านั้น แต่ไม่มีจิตวิญญาณ

อีกทั้งซูหมิงยังรู้สึกถึงต้นกำเนิดจิตในร่างกายพวกเขา!

‘ต้นกำเนิดจิต…..’ นัยน์ตาซูหมิงมีประกายแสงเด่นชัดวูบผ่าน เสียงจากรูปปั้นสุริยันและจันทราดังก้องอีกครั้ง

“พอแล้ว นี่คือขีดจำกัดที่พวกเราจะมอบให้เจ้าแล้ว ทว่าตอนนี้มันเป็นมายา จงศรัทธาเราสองคนจากในใจ แล้วขั้นพลังจะสมจริง เจ้า…..จากนี้ไปคือทูตของเราสองคน”

“ขั้นพลังเช่นนี้เพียงพอจะให้เจ้าอยู่จุดสูงสุดของโลกภายนอกแล้ว เพียงพอจะให้เจ้าทำสิ่งที่เจ้าไม่อาจทำได้ทั้งหมดเมื่อก่อนแล้ว ศรัทธาเราสองคน เจ้าจะมี”

“ศรัทธาเราสองคนแล้วเจ้าจะมีทุกอย่าง หากไม่ศรัทธา ขั้นพลังเจ้าจะถูกเอาคืนไป……” เมื่อสองคนนี้กล่าวขึ้น ขั้นพลังในตัวซูหมิงพลันล่วงลง ราวกับว่าต้นกำเนิดที่ค้ำยันความแกร่งถูกเอาคืนไป

“พวกเจ้าสองคนต่างหากที่ต้องศรัทธาข้า!” ซูหมิงพลันยิ้มเยาะ

“มดปลวกที่ไม่รู้จักประมาณตน ในเมื่อเจ้าละทิ้งเจตนาดีของเรา เช่นนั้น…..หืม?” ขณะเดียวกับที่ซูหมิงกล่าวขึ้น เสียงน่าเกรงขามจากเทพสุริยันพลันดังกึกก้อง ทว่ายังเอ่ยไม่จบก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่งและกลายเป็นความตื่นตะลึง

สิ่งที่ทำให้เสียงนี้ตกตะลึงคือซูหมิงสะบัดสองมือไปข้างนอก ฟ้าดินด้านหลังเขาพลันบิดเบี้ยว และปรากฏต้นไม้สีม่วงยักษ์ต้นหนึ่งขึ้นในพริบตา

พอต้นไม้ใหญ่สีม่วงโผล่ขึ้นมา ความชั่วร้าย ความเย็นชาและกลิ่นอายพลังที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและบ้าอำนาจระเบิดเป็นวงกว้าง จากนั้นทุกอย่างของที่นี่ถูกย้อมเป็นสีม่วง

“เอ้อชาง!” วินาทีที่ปรากฏต้นไม้ใหญ่สีม่วง สองเสียงร้องด้วยความตกใจพร้อมกันดังแว่วมาจากในรูปปั้น ในเสียงแฝงไว้ด้วยความตกตะลึงและเหลือเชื่อ

“สมควรตาย ในยุคสมัยที่วิญญาณทั้งหมดตกต่ำนี้ เอ้อชางควรจะฟื้นฟูอยู่แท้ๆ ไม่อยากเชื่อว่ามันจะมาที่นี่!”

ขณะเดียวกัน พลังจากขั้นพลังที่รวมอยู่ในตัวซูหมิงหายไปในพริบตาเหมือนกับน้ำหลาก ขณะกำลังลดลงอยู่นี้ ซูหมิงยกมือขวาคว้าไปข้างหน้า

“เอาคืนมาให้ข้า!” เมื่อกล่าวด้วยเสียงเย็นเยียบ ต้นไม้ใหญ่สีม่วงที่ครองพื้นที่นี้พลันโคลงเคลง กิ่งไม้นับไม่ถ้วนยืดยาวอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นมือใหญ่ข้างหนึ่งกลางอากาศที่รวมจากกิ่งไม้ ก่อนคว้าไปยังเทวรูปสุริยัน

ฟ้าดินส่งเสียงดังสนั่น เทวรูปสุริยันส่องแสงสว่างจ้า ก่อนปะทะกับมือของเอ้อชาง ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เทวรูปเกิดเค้ารางจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ขึ้น

ยามนี้เอง บนลานตระกูลอวี้นอกสามวิถีสวรรค์ด่านสอง ท่ามกลางสายตาของหลายร้อยคนที่นี่ พวกเขาเห็นเทวรูปสุริยันบนฟ้าอย่างชัดเจน ไม่อยากเชื่อว่ามัน…..จะเกิดรอยร้าวยักษ์เส้นหนึ่ง

นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อก่อนตอนที่มีคนบุกด่านสองก็ไม่เคยเกิดเรื่องเหนือจินตนาการแบบนี้ พวกเขาจึงส่งเสียงดังเกรียวกราวด้วยหวาดกลัว

“นะ….นี่มันเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากเชื่อว่าเทวรูปสุริยันจะ….จะเกิดรอยร้าว!”

“แขกที่บุกสามวิถีสวรรค์ทำเรื่องอะไรกันแน่ ถึงทำให้เทวรูปสุริยันเกิดรอยร้าว!”

ท่ามกลางความตื่นตะลึงของพวกเขา ชายชราเส้นผมแดงฉานข้างชายวัยกลางคนหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ด้วยขั้นพลังของเขาตอนนี้ก็ยังตื่นตะลึงและเหลือเชื่อ

“เทวรูปสุริยยันเกิดรอยร้าว เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซูหมิงทำอะไรในด่านสองกันแน่!”

“ข้ารู้สึกถึงความโกรธและ…..หวาดกลัวจากในเทวรูปนี้!” ชายวัยกลางคนด้านข้างสูดลมหายใจเข้า

ตอนนี้เอง เสียงระเบิดดังสนั่นกังวานอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความหวาดกลัวของผู้คน เทวรูปสุริยัน….แตกออกทั้งหมด จากนั้นก็มีหมอกสีม่วงกระจายมา ภายในหมอกสีม่วงมีความชั่วร้าย บ้าคลั่งและบ้าอำนาจ สั่นสะเทือนจิตใจของทุกคน

“คนตระกูลอวี้รีบถอยเร็ว!” เสียงแก่ชราดังแว่วมาจากใต้ดินตระกูลอวี้ จากนั้นก็มีพลังแก่กล้าระเบิดมาจากในพื้นดิน ม้วนพาคนตระกูลอวี้ถอยไป ก่อนมีชายชราหลังค่อมคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน

ตอนที่เขาปรากฏตัว ชายชราเส้นผมแดงกับชายวัยกลางคนที่ไม่ได้ถูกผลักออกไป ประสานมือคารวะชายชราผู้นี้

“พี่ใหญ่!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!