ตอนที่ 967 มหาโลกสามรกร้าง
“เผ่าย่วนเว่ยไม่ถูกกับสวรรค์ เพราะเว่ยโบราณสูญสลายไปเพราะเจตนาสวรรค์ ทว่าวิญญาณของเว่ยไม่มอดดับ รวมออกมาเป็นย่วน หรือก็คือเป็นศัตรูกับฟ้ากระจ่างดาว ดังนั้นเลยถูกทำลายล้าง!
ผู้สังหารย่วนเว่ยจะได้รับการรวมดวงชะตาของฟ้ากระจ่างดาวมา ไม่ว่าทำอะไรก็ราบรื่นไปหมด ในตอนนั้นจึงทำให้แคว้นโบราณอีกสองแคว้นใหญ่ร่วมกันปิดล้อม
ทำให้เผ่านี้ถูกทำลายล้างไปอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีย่วนเว่ยรอดชีวิตแม้แต่น้อย ที่นี่…ไม่อยากเชื่อว่ายังมีย่วนเว่ยเหลืออยู่อีกตัวหนึ่ง! สังหารมัน หากฆ่ามันได้ ต่อให้ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังจะได้รับดวงชะตาแห่งฟ้ากระจ่างดาวมารวมอยู่ในร่าง โดยเฉพาะยุคสมัยหลังจากการทำลายล้างครั้งใหญ่ คนที่ได้รับดวงชะตาฟ้ากระจ่างดาวหายากยิ่ง!
โดยเฉพาะร่างแยกขั้นพลังของเจ้าซูหมิงที่เดิมทีได้รับดวงชะตาและถือกำเนิดขึ้น ดังนั้นหากเจ้าสังหารสัตว์ตัวนี้ก็จะได้รับดวงชะตามากขึ้น แม้ดวงชะตานี้จะล่องลอย แต่ก็มากพอจะทำให้สิ่งที่ใจเจ้าอยากทำมาตลอดหมื่นปีสำเร็จ!” กระเรียนขนร่วงมีสีหน้าจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ภายในคำพูดไม่มีความรู้สึกต่ำทรามอย่างก่อนหน้านี้มีอยู่ตลอดเลย แต่แฝงไว้ด้วยพลังสง่าผ่าเผย
เพียงแต่พลังนี้กำลังหายไปอย่างรวดเร็ว กระเรียนขนร่วงตัวสั่น ดวงตาฉายแววสับสน เหมือนกับมันที่เอ่ยเมื่อครู่นี้ไม่ใช่มัน!
“ระหว่างสามแคว้นโบราณใหญ่กับห้ามหาโลกแท้จริงเกี่ยวข้องกันอย่างไร?” ซูหมิงถามขึ้น
“เก้าโลกแท้จริงเป็นดินแห่งโลกเบื้องล่าง สามแคว้นใหญ่คือฟ้าแห่งโลกเบื้องบน เมื่อรวมเข้าด้วยกันจะเรียกว่ามหาโลกสามรกร้าง เป็นหนึ่งมหาโลกนอกเหนือจากหนึ่งร้อยแปดสิบมหาโลกเงามืดรุ่งอรุณ และอีกหนึ่งร้อยแปดสิบมหาโลกสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนในจักรวาล
ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนหายไปหนึ่งโลก ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณเพิ่มมาหนึ่งโลก ใครถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเอ็ดมหาโลกก่อน…ก็จะเริ่มสงครามได้!” กระเรียนขนร่วงกล่าวถึงตรงนี้หัวก็ดิ่งลง มันหมดสติไปทันที แต่มังกรยมโลกเข้ามาประคองเอาไว้
ซูหมิงใจสั่นสะท้าน สวี่ฮุ่ยข้างๆ ก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็วเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าคำพูดของกระเรียนขนร่วงเป็นความลับที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน คำพูดประโยคนี้ดูเหมือนธรรมดามาก แต่ภายในแฝงไว้ด้วยความหมายเกินหยั่ง หากวิเคราะห์ดีๆ จะทำให้คนเหมือนเกิดพายุคลั่งในความคิด
ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณหนึ่งร้อยแปดสิบมหาโลก ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนหนึ่งร้อย แปดสิบมหาโลก เท่ากับว่าขยายความรู้ของซูหมิงไปอย่างไร้ขีดจำกัด ทำให้เขารู้ได้ถึงความกว้างใหญ่ของทั้งฟ้ากระจ่างดาวนี้ทันที
โลกดาราสัจธรรมก็ดี โลกหยินศักดิ์สิทธิ์ก็ดี ต่อให้รวมโลกจักรพรรดิยมโลก โลกแท้จริงที่สี่อันลึกลับ และรวมโลกแท้จริงที่ห้าที่หายไปกับสี่มหาโลกแท้จริงที่เหลือซึ่งหายไปจากการทำลายล้างครั้งใหญ่แล้ว สิ่งเหล่านี้ก็ยังไม่ใช่มหาโลกสามรกร้างอย่างสมบูรณ์ ยังต้องรวมสามแคว้นโบราณใหญ่เข้าไปด้วย แบบนี้ถึงจะเรียกว่ามหาโลกสามรกร้างอย่างสมบูรณ์แบบ
อีกทั้ง…มหาโลกสามรกร้างอันสมบูรณ์แบบนี้ กลางฟ้ากระจ่างดาวยังมีโลกที่มีขนาดเท่ากับมันอยู่อีกสามร้อยหกสิบโลก จักรวาลนี้…กว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขต!
พลังของคนคนหนึ่ง ต่อให้บรรลุถึงระดับกุมชะตาเกิดดับ จะอยู่อันดับที่เท่าไรกันในมหาโลกสามร้อยหกสิบเอ็ดโลกนี้…
ไม่ใช่เพียงแค่ซูหมิงกับสวี่ฮุ่ยที่ตกตะลึงจนเงียบไปเพราะคำพูดของกระเรียนขนร่วง พวกเสวียนซางสี่คนข้างหน้าก็ตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวกเขาลืมตาขึ้นโดยไม่อาจควบคุม แล้วหันไปมองกระเรียนขนร่วงกันทุกคน
พวกเขาก็ได้ยินคำพูดกระเรียนขนร่วงเช่นกัน ตอนนี้ระหว่างที่หน้าเปลี่ยนสี ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นความจริงที่ยากจะยอมรับ พวกเขาคิดว่าสี่มหาโลกแท้จริงคือขอบเขตของจักรวาลแล้ว และก็เข้าใจว่าโลกแท้จริงที่ห้าเป็นตำนาน
ทว่าตอนนี้ ความคิดพวกเขาถูกทำลายจนป่นปี้ ที่แท้นอกห้ามหาโลกแท้จริงยังมีอีกสี่มหาโลกแท้จริง ที่แท้นอกโลกแท้จริงทั้งเก้าโลกนี้ยังมีอีกสามแคว้นโบราณใหญ่ ที่แท้สามแคว้นโบราณใหญ่กับโลกแท้จริงทั้งเก้ารวมกันถึงจะเรียกว่าหนึ่งมหาโลกสามรกร้างที่สมบูรณ์แบบ ที่แท้…นอกมหาโลกสามรกร้างยังมีฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณอีกหนึ่งร้อยแปดสิบมหาโลก ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนอีกหนึ่งร้อยแปดสิบมหาโลก ทั้งหมดสามร้อยหกสิบ!
สิ่งแรกที่ลอยขึ้นมาในใจพวกเขาคือไม่เชื่อ แต่สีหน้าซูหมิงกับสวี่ฮุ่ย และยังมีกลิ่นอายผ่านโลกมานานจากในคำพูดของกระเรียนขนร่วง ทุกอย่างของทุกอย่างนี้ แม้จะไม่มีสิ่งยืนยันว่าจริงหรือเท็จ ทว่าลางสังหรณ์ของผู้ฝึกฌานบอกพวกเขาสี่คนว่า ทุกอย่าง…เป็นจริงแปดส่วน!
ขณะที่ทุกคนเงียบ ก็มีเสียงคำรามที่สี่ดังมาจากม้าดำย่วนเว่ย ม้าดำหัวมังกรสองหัวขนาดหลายร้อยจั้งปรากฏตัวในสายตาทุกคน อีกทั้งยังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ความโอหังกับความไม่ยอมการยั่วยุในดวงตาหกดวงเด่นชัดอย่างยิ่ง
ซูหมิงมองม้าดำเข้ามาใกล้ตนเรื่อยๆ ขณะเขามองมัน ในความคิดมีคำพูดกระเรียนขนร่วงดังก้อง เขาพลันสังเกตเห็นว่าตนกับม้าตัวนี้มีความคล้ายกันในระดับบางอย่าง
จะเห็นได้ว่ามันถูกส่งมาที่นี่ตั้งแต่เยาว์วัยระหว่างเกิดการทำลายล้างเผ่าพันธุ์ กลายเป็นตัวเดียวที่เหลือรอด และซูหมิง…ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
ชาวเผ่าของมันถูกผู้อื่นร่วมมือสังหาร เผ่ายมโลกก็เช่นกัน
เขากับม้าตัวนี้เติบโตในดินแดนที่ไม่ใช่ของตัวเอง จนกระทั่งถึงวันนี้
ซูหมิงเงียบนิ่ง อารมณ์ความคิดเผยอยู่ในสายตา ทันทีที่ม้าดำเห็นมันก็หยุดชะงักไปชั่วครู่ แต่ไม่นานก็เชิดหน้าขึ้นสูงและชำเลืองตามอง ขณะเดียวกันยังเผยท่าทีไม่ต้องการความสงสาร
มันจ้องซูหมิงด้วยความเย็นชาพลางพุ่งมาข้างหน้าด้วยความเร็วสูงกว่าเดิม
เพียงแต่ว่าระยะทางที่ดูเหมือนใกล้แท้จริงไกลนัก ในโลกน้ำวนแห่งนี้ดูเหมือน ไม่ไกลเลย ทว่าความจริงกว้างใหญ่ยิ่ง แม้ม้าดำจะรวดเร็วไม่มีใครเปรียบ แต่เพราะห่างกันเกินไป จึงไล่ตามพวกซูหมิงไม่ทันภายในเวลาสิบกว่าลมหายใจ
อีกทั้งโลกน้ำวนนี้ ซูหมิงรู้สึกรางๆ ว่า…ความเร็วมีขีดจำกัดที่กำหนดไว้ จึงใช้การเคลื่อนย้ายไม่ได้
เขาเห็นว่ารอบตัวม้าดำเหมือนกับมีปราการที่ถูกมันชนไม่หยุด และนี่ก็คือสาเหตุสำคัญที่สกัดกั้นความเร็วไว้ ทุกครั้งที่มันเดินหน้าจะเหมือนกับชนปราการจนแหลกไปเรื่อยๆ
ขณะที่ทุกคนเงียบ ครั้งนี้ซูหมิงไม่ยั่วยุอีก แต่หายตามพวกเสวียนซางสี่คนไป เขากับสวี่ฮุ่ยรวมถึงสัตว์อากาศธาตุใต้ร่างก็หายไปในโลกน้ำวนเช่นกัน
เสียงคำรามซึ่งแฝงไว้ด้วยความเศร้าที่คนอื่นไม่เข้าใจแต่ซูหมิงรู้สึกได้ดังมาจากปากม้าดำ ดังก้องอยู่นานไม่หายไป
ฟ้ากระจ่างดาวของวงแหวนชั้นในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตที่อยู่ใกล้กับใจกลาง ที่นี่ดูเหมือนกับบึงน้ำใส ไม่มีฝุ่นละอองแม้แต่น้อย พอมองไปจะตกอยู่ในห้วงความงามที่หาจากที่อื่นมิได้
ที่นี่ห่างจากเผ่าขวางสวรรค์ไกลยิ่งนัก หากบินมา ด้วยความเร็วของซูหมิงก็ต้องใช้เวลาหนึ่งปีขึ้นไปโดยไม่หยุดพัก ยามนี้เมื่อทุกคนโผล่ออกมากันแล้ว ซูหมิงมองทางเข้าน้ำวนเงียบๆ คำพูดกระเรียนขนร่วงยังคงดังก้องในความคิด
สวี่ฮุ่ยเองก็ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย นางมักจะตกอยู่ในห้วงความคิดเสมอ
“หืม? ออกมาแล้ว ย่ากระเรียนมันเถอะ เหตุใดข้าถึงหลับไปได้” กระเรียนขนร่วงลืมตาขึ้นทันที สีหน้ามีความเหนื่อยล้าลึกๆ มันกระโดดไปมาอยู่หลายครั้ง พึมพำอยู่ตรงนั้นด้วยความไม่เข้าใจ
ทว่าพึมพำไปได้ไม่กี่ประโยค มันก็เห็นความซับซ้อนเล็กน้อยในสายตามังกรยมโลกที่มองมัน และยังมีสวี่ฮุ่ย ผู้ฝึกฌานสี่คน จนกระทั่งซูหมิง
“เป็นอะไร? เหตุใดพวกเจ้ามองข้าอย่างนั้น?” กระเรียนขนร่วงถูกมองจนรู้สึกขนลุกเล็กน้อย ในใจตึงเครียดอย่างยิ่ง และมีสีหน้าตื่นตัว มันถอยไปหลายก้าว ใช้กรงเล็บกดก้นเอาไว้แน่น
“ข้าไม่มีหินผลึก ไม่มีหินผลึก…” กระเรียนขนร่วงตะโกนเสียงดัง มันพบว่าไม่ใช่แค่ซูหมิงที่มองตน แม้แต่ผู้ฝึกฌานสี่คนยังมองมาด้วยสายตาประหลาดใจและตื่นตัวตลอดเวลา
ซูหมิงพิจารณามองกระเรียนขนร่วงแล้วละสายตากลับ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิอยู่บนตัวสัตว์อากาศธาตุ เมื่อมือตบสัตว์ตัวนี้ มันจึงขยับวูบไหวทันที หมุนร่างกลับลอยไกลออกไป
ถึงตรงนี้ก็เป็นช่วงที่ต้องแยกทางกับผู้ฝึกฌานสี่คนแล้ว แม้ซูหมิงจะสังหารคนจนชินชาและดูเหมือนกระหายเลือดก็ตาม ทว่าความจริงหากไม่มีการล่วงเกินทางตรงหรือทางอ้อม เขาจะไม่ลงมือง่ายๆ ผู้ฝึกฌานสี่คนนี้ไม่มีเรื่องบาดหมางใจกัน เขาจึงไม่คิดสังหาร ตอนนี้เมื่อสัตว์อากาศธาตุบินไกลออกไป ฟ้ากระจ่างดาวก็ค่อยๆ เกิดระลอกคลื่นกระเพื่อมหลายชั้น
สวี่ฮุ่ยลังเลอยู่ชั่วครู่ พอมองซูหมิงแล้วก็ไม่พูดอะไร แต่นั่งอยู่ข้างเขา ส่วนกระเรียนขนร่วงตอนนี้กำลังจับมังกรยมโลกและพูดอะไรบางอย่างด้วยเสียงเบา ไม่ต้องฟังก็เดาได้ว่ามันจะต้องถามอีกฝ่ายแน่ว่าเหตุใดทุกคนถึงมองมันด้วยสายตาแปลกประหลาด
เดิมทีพอผู้ฝึกฌานสี่คนนั้นออกมาแล้วก็แอบตื่นตัวขึ้นมาทันใด ถึงการตื่นของกระเรียนขนร่วงจะดึงดูดสายตาบางส่วนไป และจิตใจยังคงตกตะลึงกับคำพูดของอีกฝ่ายเมื่อครู่อยู่ก็ตาม ทว่าเรื่องเกี่ยวกับความเป็นตายทำให้พวกเขาไม่คิดถึงเรื่องอื่น สมาธิส่วนใหญ่อยู่กับการป้องกัน
พวกเขาไม่รู้ว่าซูหมิงจะปฏิบัติตามสัญญาหรือไม่ แต่ยามนี้เห็นร่างเขาไกลออกไป พวกเขาจึงถอนหายใจโล่งอก แต่พร้อมกันนั้นก็มองหน้ากันและกัน ล้วนเห็นถึงความลังเลของแต่ละคน
คำพูดของสวี่ฮุ่ยก่อนหน้านี้ดังมาถึงในใจพวกเขา
อาศัยเพียงพลังของพวกเขาสี่คนคงไม่มีโอกาสสำเร็จในการเดินทางครั้งนี้มากนัก ความจริงก็ต้องพึ่งโชคด้วย แต่หากมีซูหมิงกับสวี่ฮุ่ย โอกาสสำเร็จจะเพิ่มขึ้นมาก
นี่คือการเลือก หนึ่งคือไม่มีการสูญเสีย แต่โอกาสสำเร็จจะไม่มาก อีกหนึ่งคือมีการสูญเสีย แต่โอกาสสำเร็จจะมากขึ้น
ยามเห็นพวกซูหมิงไกลออกไป สี่คนนี้ก็มองหน้ากันอีกครั้งก่อนมองเสวียนซาง ถึงอย่างไรคนคิดต้นเรื่องนี้ก็เป็นเขา ดังนั้นให้เขาเป็นคนตัดสินใจจะดีที่สุด
เสวียนซางเปลี่ยนสีหน้าติดกันหลายครั้ง หากก่อนหน้านี้ซูหมิงบังคับเค้นความจริง เช่นนั้นต่อให้เขาบอกไป ก็จะต้องหาโอกาสโจมตีสวนกลับในระยะทางข้างหลังแน่ แต่ซูหมิงไม่บังคับกัน ทำให้เขาลังเลและชั่งน้ำหนักได้กับเสียอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงกัดฟันเดินหน้าไปหลายก้าว ก่อนประสานมือคารวะซูหมิงที่อยู่ไกลๆ
“ช้าก่อนผู้อาวุโส ผู้เยาว์ยินยอมบอกความลับกับผู้อาวุโส หากพวกเราเดินทางร่วมกันจะต้องสำเร็จแน่”
“ข้าไม่สนใจ” ในฟ้ากระจ่างดาว เสียงราบเรียบของซูหมิงดังแว่วมาจากแผ่นหลังที่นั่งอยู่บนสัตว์ร้าย สัตว์อากาศธาตุก็ไม่หยุด แต่บินไปไกลกว่าเดิม
“เรื่องนี้เกี่ยวกับการเปิดเตาหลอมลำดับห้า!” เสวียนซางพูดต่อทันที