Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 405


บทที่ 405 ใครกล้าแตะนาง? (ปลาย)

……

เยี่ยฉวนนิ่งคิดเป็นครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ผู้อาวุโส เอาอย่างนี้ไหมขอรับ? ท่านไม่ต้องปิดสาขาสำนักอัปสรเมรัยที่แคว้นเจียง และให้ส่งคนกับสิ่งของของสำนักอัปสรเมรัยที่อื่นมารวมไว้ที่สาขาแคว้นเจียง ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยของสำนักอัปสรเมรัย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสถานศึกษาฉางหลาน!” ……

……

คนอาวุโสหันมามองคนพูดเต็มตาขณะตอบว่า “สหาย เจ้ารู้ไหมว่าการทำเช่นนี้จะทำให้แคว้นเจียงกลายเป็นเป้าหมายของต่างแคว้นและแม้แต่ชุมนุมสำนักต่างๆ รวมถึงเหล่าตระกูลใหญ่ทั้งหลาย?” ……

..

อีกฝ่ายผงกศีรษะยอมรับ “ข้ารู้!”

ผู้มีอาวุโสขมวดคิ้วแววตาแสดงความข้องใจ “ถ้าเช่นนั้น เพราะเหตุใด?”

ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ “สำนักอัปสรเมรัยให้การช่วยเหลือข้ามาแล้วหลายครั้ง ตอนนี้พวกท่านกำลังประสบปัญหา จะให้ข้าดูดายได้หรือ? ข้าไม่อาจรับปากได้ว่าจะปกป้องสำนักอัปสรเมรัย แต่ข้าจะให้ความร่วมมือกับทางสำนักอัปสรเมรัยทุกอย่างขอรับ!”

ด้วยอุปนิสัยส่วนตัวของเยี่ยฉวน เขาเป็นคนที่ไม่อาจลืมความเกลียด ทว่าเหนือสิ่งอื่นใดก็ไม่อาจลืมน้ำมิตร

เขาไม่เคยลืมคนที่ทำร้าย ในทำนองเดียวกันก็ไม่เคยลืมคนที่ดีกับตน!

ขณะนิ่งฟังคำพูดของเยี่ยฉวน แววตาของจ้าวหอชั้นหกเปล่งประกายลึกล้ำ ความจริงความช่วยเหลือที่สำนักอัปสรเมรัยให้กับเยี่ยฉวนนั้น เขาคัดค้านมาตลอด ด้วยในตอนนั้นเยี่ยฉวนต้องเผชิญกับเรื่องวุ่นต่างๆ มากมาย และถ้าสำนักอัปสรเมรัยยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้อง มีแต่จะนำพาหายนะมาสู่ตนเอง

แม้ว่าจะคัดค้าน หากก็มิได้เอ่ยห้ามเมื่อทุกคนลงความเห็นที่จะให้การช่วยเหลือชายหนุ่มคนนี้ และบัดนี้เวลาเป็นเครื่องตัดสินแล้วว่าการติดสินใจของสำนักอัปสรเมรัยนั้นถูกต้อง ไม่ได้หมายถึงการที่เยี่ยฉวนให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ แต่หมายถึงความเป็นยอดฝีมือและศักยภาพที่จะพัฒนาได้ของเขาต่างหาก ด้วยอนาคตของเยี่ยฉวนยังไปได้อีกไกลเพราะฝีมือและศักยภาพที่มีในตัวของเขานั่นเอง!

อนาคตเยี่ยฉวนยิ่งไปได้ไกลเท่าใด ก็ยิ่งถือเป็นเครื่องตัดสินว่าสำนักอัปสรเมรัยจะได้รับผลตอบแทนจากเขามากเท่าใดด้วยเช่นกัน

โดยไม่ต้องมองไปถึงอนาคต เพียงแค่ในปัจจุบันสำนักอัปสรเมรัยในแผ่นดินชิงก็ได้รับประโยชน์จากเขาคนนี้แล้ว ด้วยอาณาจักรต้าอวิ๋นกับสถานศึกษาฉางหลานกลายเป็นมหาอำนาจทรงพลังที่สุดบนแผ่นดินชิง……สถานศึกษาฉางหลานตอนนี้มีทั้งเยี่ยฉวนและขุนศึกเต๋าแห่งฉางหลาน ซึ่งถ้าสำนักใหญ่แห่งสำนักอัปสรเมรัยไม่ส่งคนมาที่นี่ สำนักอัปสรเมรัยที่นี่ย่อมไม่มีทางสู้กับสถานศึกษาฉางหลานแห่งแผ่นดินชิงได้อย่างแน่นอน!

ถึงวันนี้สถานศึกษาฉางหลานแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะขุนศึกเต๋าฉางหลาน……พวกเขาไม่แพ้ขุนศึกเต๋าแห่งสำนักอัปสรเมรัย ณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่เลย!

ภายหลังจากเสร็จสิ้นการเจรจากับเยี่ยฉวนแล้ว จ้าวหอชั้นหกจึงส่งข่าวไปยังทุกสาขาสำนักอัปสรเมรัยในแผ่นดินชิงให้เร่งมาที่แคว้นเจียงโดยเร็ว

ขณะเดียวกันเยี่ยฉวนและทั่วปาเซียวเหยาเริ่มออกเดินทางด้วยเรือเหาะเพื่อมุ่งหน้ากลับแคว้นเจียง

เยี่ยฉวนและสาวน้อยยืนเคียงข้างกันอยู่บนหัวเรือเหาะ ต่ำลงไปเป็นแผ่นน้ำสงบราบเรียบ บนสองฝั่งแม่น้ำประกอบด้วยภูเขาสูงต่ำมีนกบินโฉบเฉี่ยวผ่านยอดเขาตัวแล้วตัวเล่า

สาวน้อยเหยียดแขนเกาะเกี่ยวไว้กับเสากระโดง ดวงตาเหม่อมองแผ่นดินด้วยท่าทีเพิกเฉยต่อทัศนียภาพที่ปรากฏเบื้องล่าง ด้วยกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเองชั่วขณะ

เยี่ยฉวนจึงหันมากระตุกแขนเสื้อ “กำลังคิดอะไร?”

เด็กสาวเงยหน้ามองเยี่ยฉวน “ข้าออกจากบ้านมานานแล้ว แต่บิดาไม่ให้คนออกตามข้าเลย ป่านนี้เขาคงมีลูกคนใหม่แล้วละมัง?”

ชายหนุ่มชักจนปัญญาจึงได้แต่มองอีกฝ่ายนิ่งอยู่เช่นนั้น

ทั่วปาเซียวเหยาอยู่ดีๆ แสดงท่าราวกับโกรธขึ้งขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ต้องเป็นอย่างนั้นแน่! ข้ารู้ว่าบิดาต้องมีลูกคนใหม่! ฮึ! ข้ารู้ว่าเขาเกลียดข้ามานานแล้ว! เอาแต่บ่นว่าข้าฟุ่มเฟือย! ฟุ่มเฟือย! บ้านของเขาก็เป็นของข้าไม่ใช่หรือ? มันจะอะไรกันนักหนาในเมื่อเงินที่ใช้ก็เป็นเงินของตระกูลข้า? ทีข้ายังไม่เห็นโมโหสักหน่อย ทำไมเขาต้องโมโหข้าด้วย?”

เยี่ยฉวนแอบส่ายหน้า ตรรกของนางไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!

เขาไม่รู้สึกคล้อยตามเลยสักนิด!

ครานี้คนพูดกลับถอนใจเบาๆ “บิดาของข้าทั้งจู้จี้ขี้บ่นแต่กลับยังมีลูกสาวเฉลียวฉลาดอย่างข้า ข้ารู้สึกอายแทนบิดาจริงๆ”

เยี่ยฉวนเบ้ปากมองบน “……”

หากอีกฝ่ายก็ไม่สังเกต ยังคงส่ายหน้าถอนใจไปตามเรื่อง “ข้าจะไม่นึกถึงเขาอีกแล้ว!”

จากนั้นนางก็หันขวับมาทางเยี่ยฉวน “เออนี่จอมยุทธ์เยี่ย ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีสถานศึกษาฉางหลานด้วย ฉางหลานของเรากับที่นั่นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร?”

อีกฝ่ายส่ายหน้า “ไม่เกี่ยวข้องกัน เขาอยู่ส่วนพวกเขา เราก็อยู่ส่วนพวกเรา!”

เด็กสาวกระพริบตาปริบๆ “เจ้าอยากอยู่ลำพังงั้นหรือ?”

เยี่ยฉวนอมยิ้ม “ทำนองนั้น!”

ทั่วปาเซียวเหยาได้ยินก็ถึงกับยกนิ้วหัวแม่โป้งให้ “เจ้าเป็นคนกล้าหาญดี ไม่แปลกหรอกที่เจ้าจะเล็งเห็นความเป็นเลิศในตัวข้าตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าเจ้าเหมาะสมเป็นสหายข้า ถึงแม้ความเป็นเลิศจะไม่เท่ากับข้า แต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้าย!”

เยี่ยฉวนส่ายหน้าน้อยๆ พลางยิ้มให้ เด็กสาวทำทีกล่าวชื่นชมยกย่องคนอื่น ทว่าแท้ที่จริงแล้วนางไม่นึกเอะใจสักนิดเดียวว่าคำพูดนั้นเป็นการพูดถึงตนเองทั้งหมด! เรียกว่าเป็นคนที่ทั้งแข็งแกร่งและมีความมั่นใจ!

ทันใดนั้นจู่ๆ มีบุรุษหนุ่มปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของเรือเหาะ ด้านหลังสวมปีกขนาดใหญ่ประหนึ่งนกยักษ์ก็ปาน

จากนั้นทางด้านหลังของชายหนุ่มปรากฏเรือเหาะสามลำ!

สายตาของผู้มาเยือนมองตรงมายังเยี่ยฉวนและทั่วปาเซียวเหยา “พวกเจ้ามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ?”

ก่อนที่เยี่ยฉวนจะอ้าปากตอบคำถาม เสียงจากเด็กสาวคนข้างๆ ร้องถามอย่างตื่นเต้น “พวกเจ้าจะมาปล้นเราใช่ไหม?”

เยี่ยฉวน “……”

ชายหนุ่มหันมาจ้องมองคนพูด และร่องรอยความครั่นคร้ามฉายชัดในดวงตาคู่นั้น “เจ้านี่ตลกดี”

อันตราย!

นี่คือความรู้สึกที่ชายผู้มาใหม่มีต่อเยี่ยฉวนและทั่วปาเซียวเหยา!

เมื่อแน่ใจว่าชายผู้มาใหม่ไม่ได้มีเจตนาจะเข้ามาปล้นพวกนาง เด็กสาวจึงไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าใดนักพลางเอนพิงเสากระโดง และควงค้อนตีตะปูที่ถืออยู่เล่นอย่างเพลิดเพลิน สายตาซุกซนจับจ้องชายที่เข้ามาใหม่ ไม่มีใครล่วงรู้ความคิดของเด็กสาวในขณะนั้น

ตั้งแต่ติดตามเยี่ยฉวน ทั่วปาเซียวเหยาชักจะติดอกติดใจการปล้นเสียแล้ว!

พลันมีเสียงถามจากผู้มาเยือนดังขึ้นว่า “พวกเจ้ากำลังจะไปแคว้นหนิงใช่ไหม?”

“แคว้นหนิง?”

เยี่ยฉวนนิ่วหน้าพร้อมถามออกไปโดยเร็ว “หมายความว่าอย่างไร?”

หากคนอีกฝ่ายกลับยิ้มมีเลศนัย “นี่เจ้าไม่รู้เรื่องเลยหรือ? ข่าวลือเกี่ยวกับทัวป้าเหยียนฮ่องเต้สตรีแห่งแคว้นหนิง ว่านางเกิดมาพร้อมทรวดทรงอันน่าหลงใหล ถ้าใครได้มีความสัมพันธ์กับนาง เขาจะได้รับพลังแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีก! เวลานี้คนของสำนักเหอฮ่วน และชุมนุมฮวนเสี่ยว ต่างมุ่งไปที่แคว้นหนิง หวังจะได้ลิ้มรสสัมผัสที่ร้อนแรงของนางสักครั้ง!”

ขณะนั้นผู้พูดบิดมุมปากยิ้มมีเลศนัย “เขาว่ากันว่าฮ่องเต้สตรีแคว้นหนิงคนนี้รูปโฉมงดงามยิ่งนักและเป็นความงามที่หาตัวจับยาก ถ้าข้าได้……”

ฉับพลันนั้นเสียงพูดขาดห้วนลงทันที ด้วยกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งเข้ากลางศีรษะของคนพอดี!

ชายคนดังกล่าวเหลือกตามองเยี่ยฉวนด้วยความตื่นกลัว ท่าทางของชายหนุ่มบ่งบอกความเย็นชาและเกลียดชัง เขากระชับด้ามกระบี่แน่นและจ้วงแทงออกไปตรงๆ พลางกัดฟันกรอดเค้นเสียงพูดเหี้ยมเกรียม “ผู้หญิงของข้า ห้ามใครแตะต้องนางเด็ดขาด!”

จากนั้นจึงสะบัดข้อมือ ตวัดกระบี่สะบั้นศีรษะคนตรงหน้า

ฉับ!

พลันศีรษะคนกระเด็นหวือลอยขึ้นไปในอากาศ!

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version