บทที่ 407 หลีกไป! (ปลาย)
……
เยี่ยฉวนนิ่วหน้า “วิชาเต๋าอัศจรรย์……มีด้วยหรือ?” ……
……
เด็กสาวพยักหน้าหงึก “มีสิ นอกจากนั้นแล้วยังมีวิชาเต๋าปีศาจ และแม้แต่วิชาเต๋าภูตผีก็มี อย่างไรก็ตามวิชาเหล่านี้มีความซับซ้อนยากจะเข้าใจ ส่วนคนที่ฝึกในสำนักเหอฮ่วนและชุมนุมฮวนเสี่ยวล้วนแล้วแต่ไม่ใช่คนดี เพราะฉะนั้นพบเจอพวกมันที่ไหนฆ่าได้ทันที!” ……
..
เยี่ยฉวน “……”
จากนั้นภายใต้การนำของเยี่ยฉวน เรือเหาะจึงเร่งความเร็วและมุ่งหน้าสู่แคว้นหนิง!
ตลอดการเดินทางในช่วงถัดมา เยี่ยฉวนทั้งสองได้เผชิญหน้ากับเรือเหาะลำอื่นอีกหลายลำ คนที่มาส่วนใหญ่ล้วนมาจากกองกำลังต่างๆ มีทั้งคนที่มิได้มีพลังแข็งแกร่ง ในขณะที่พวกที่มีพลังกล้าแกร่งชนิดที่แม้แต่เยี่ยฉวนยังรับรู้ได้ถึงอันตรายก็มีอยู่บ้างเช่นกัน
ทั้งหมดต่างมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางที่แคว้นหนิง!
แคว้นหนิงอย่างน้อยได้ชื่อว่าเป็นแคว้น ทำให้ถ้าผู้นำสิ้นชีพลงเมื่อใด จำนวนทรัพย์สมบัติมหาศาลของแคว้น สามารถทำให้ใครต่อใครถึงกับตกตะลึงได้เหมือนกัน!
ทุกคนที่มาล้วนต่างเร่งรีบ ด้วยเกรงว่าถ้าช้าจะชวดส่วนแบ่งที่สมควรได้รับ
ช่วงเวลานั้นผู้คนบนเรือเหาะต่างเกิดความขัดแย้งกัน ถึงกระนั้นก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่าไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อก่อปัญหากับเยี่ยฉวนและทั่วปาเซียวเหยา
เพราะทั่วปาเซียวเหยาจะคอยยืนอยู่ที่ส่วนหัวเรือ เมื่อใดที่เด็กสาวเห็นเรือเหาะลำอื่นผ่านเข้ามา ก็จะโบกมือหยอยๆ พร้อมตะโกนโหวกเหวก “พวกเจ้าจะมาปล้นหรือเปล่า? ข้ามีเงินเยอะแยะเลย.”
ขณะที่ปากก็ตะโกน มือก็หยิบบรรดาศาสตราวุธขั้นแท้จริงและศิลาจิตวิญญาณขั้นหยกออกมา.
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มต้องรู้สึกประหลาดใจเป็นอันมากด้วยแม้จะโอ้อวดสักเพียงใด หากทว่าไม่มีใครสักคนที่จะสร้างปัญหาให้นาง!
พวกเขาไม่กล้า!
ใครก็ตามที่กล้าบ้าบิ่นด้วยการท้าให้คนอื่นมาปล้นตนเองได้นั้น คนจำพวกนี้มีอยู่สองประเภท หนึ่งคือคนที่ทั้งโง่และบ้า ในขณะที่อีกพวกคือคนที่มีพลังกล้าแกร่งและมีความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างยิ่ง แม้ว่าเด็กสาวออกจะเป็นคนพิลึกอยู่บ้าง หลังจากที่ได้เห็นนางใช้ค้อนเดียวตอกคนปรมาจารย์ขั้นผสานเทพจนพ่ายอย่างราบคาบในครั้งนั้นแล้ว คนที่อยู่รอบนอกไม่มีใครอยากเข้าปล้นนางอีกเลย
เด็กสาวแสร้งทำให้ดูเหมือนบอบบางน่าทนุถนอม!
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครกล้าเข้ามาปล้นตนเองแล้วจริง ทั่วปาเซียวเหยาก็มีท่าว่ากลุ้มอกกลุ้มใจนักหนา!
เยี่ยฉวนไปทันที “ทำไมเจ้าไม่ไปปล้นพวกเขาเสียเองเล่า?”
เด็กสาวเหลือบตามองเยี่ยฉวน “บิดาเคยสอนข้าว่าเราไม่ควรเป็นฝ่ายจู่โจม หากเราไม่ถูกจู่โจมก่อน พวกเขาไม่มาปล้นข้า ดังนั้นการที่ข้าไปปล้นพวกเขาคงเป็นเรื่องน่าอายพิลึก อย่างไรก็ตามถ้าพวกเขาทำร้ายข้าก่อน ข้าก็สามารถฆ่าพวกเขาได้โดยไม่รู้สึกผิดยังไงละ!”
อีกฝ่ายนิ่งงันด้วยไม่อาจโต้แย้งต่อเหตุผลในการปล้นของนางที่ได้ยินได้ฟัง อย่างไรก็ตามสิ่งที่เด็กสาวพูดมานั้นจะว่าไปนับว่าสมเหตุสมผลพอควร
เราไม่ควรทำร้ายผู้อื่นถ้าอีกฝ่ายไม่ได้ทำร้ายเรา!
ถึงแม้เยี่ยฉวนจะเป็นโจรปล้นทรัพย์ แต่ถ้าไม่ถูกจู่โจมก่อน เขาก็จะไม่ปล้นคนอื่นอยู่แล้ว!
เมื่อคิดไปคิดมา ตัวเขาเองกับเด็กสาวทั่วปาเซียวเหยาจัดว่าเป็นคนประเภทเดียวกัน!
ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะนึกอะไรออกบางอย่าง เยี่ยฉวนหันไปเผชิญหน้าโดยตรงกับอีกฝ่าย “ไม่จริง เซียวเหยาจำได้ไหม……ก่อนหน้าเจ้าจู่โจมข้า ทั้งที่ข้ายังไม่ได้ทำอันตรายเจ้าสักนิด!”
สาวน้อยกระพริบตาถี่ “ข้าทำงั้นหรือ?”
เยี่ยฉวนพยักหน้าเป็นการยืนยันอย่างหนักแน่น “ใช่สิ!”
ทั่วปาเซียวเหยาทำท่าคิด ครู่ต่อมานางจึงพูดตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ปัญหานี่พูดยาก พวกเราหยุดคิดเรื่องนี้ก่อนและค่อยคุยกันทีหลังจะดีกว่า!”
ชายหนุ่ม “……”
เด็กสาวลอบชำเลืองสังเกตคนที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าว่าจะต่อความยาว ทั่วปาเซียวเหยาจึงค่อยผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก อันที่จริงคราวก่อนนางไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเยี่ยฉวน เพียงต้องการหยุดเขาและไปรับเงินรางวัลเท่านั้น ส่วนเหตุผลที่ว่าเหตุใดเด็กสาวจึงทำทีว่าจะสังหารชายหนุ่มในครั้งแรก ก็เพราะนางแสร้งทำให้ดูว่าเป็นคนก้าวร้าวในขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ไกลบ้านนั่นเอง
หากไม่ทำเช่นนั้น อาจถูกคนอื่นรังแกได้โดยง่าย! เรื่องนี้บิดาของนางได้สอนไว้!
เรือเหาะจึงมุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วและใกล้แคว้นหนิงเข้าไปทุกที
แคว้นหนิง
ช่วงเวลานั้นกำลังมีผู้คนมากหน้าหลายตามาที่เมืองหลวงแคว้นหนิง จากนั้นทุกคนล้วนทำในสิ่งที่เลวร้ายอย่างลักวิ่งชิงปล้น ฆ่าฟันและทำร้ายอย่างรุนแรง……
สำหรับคนเหล่านั้น พวกเขาต่างต้องการทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังกล้าแกร่งและสิ่งที่ตนต้องการ!
ทว่าแคว้นหนิงมิได้นิ่งเฉย ได้จัดองครักษ์แห่งวังหลวงรวมทั้งกององครักษ์จิ้นอู๋ออกปราบปราม เพื่อสกัดกั้นเหล่าปรมาจารย์ที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งหลั่งไหลเข้าสู่เมือง
โชคร้ายนักที่การสกัดกั้นไม่เป็นผล ด้วยกองทหารแข็งแกร่งได้ถูกสังหารไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้แล้วกลุ่มคนที่เข้ามาล้วนพวกที่มีพลังกล้าแกร่งเยี่ยมยอด ดังนั้นทั่วทั้งแคว้นหนิงจึงตกอยู่ในภาวะยุ่งเหยิงชุลมุน! ส่วนกองกำลังจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่เหล่านี้ต่างก็พากันรีบเร่งตรงไปยังวังหลวง……
ภายในโถงพระโรง ฮ่องเต้สตรีทัวป้าเหยียนกำลังประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์เศียรมังกร สีหน้าหมองหม่นอย่างยิ่ง โดยมีสตรีสูงวัยและชายชรายืนอยู่ทางด้านหลัง
ขณะนั้นมีชายสวมชุดดำตรงเข้ามาภายในโถงพระโรง เขาเดินมาหยุดลงเบื้องหน้าและทรุดเข่าลงข้างหนึ่งแสดงความเคารพต่อคนบนบัลลังก์ “ฝ่าบาท เวลานี้เหล่าคนกล้าแข็งจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ล้อมวังหลวงไว้แทบทุกด้าน โดยเราถูกยึดประตูวังทางทิศเหนือแล้วยังเหลือประตูทางด้านทิศใต้ซึ่งพยายามยื้อเอาไว้ คาดว่าคงต้านได้ไม่เกินครึ่งชั่วยามเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ……”
“ข่าวด่วน!”
ชายสวมชุดดำอีกคนหนึ่งวิ่งถลันเข้ามาและทรุดเข่าข้างหนึ่งแสดงคารวะ ก่อนจะรีบกล่าวถวายรายงานเสียงร้อนรน “ฝ่าบาท ตระกูลลี่ ตระกูลเย่ว และตระกูลเฟิงที่อยู่ในเมือง……เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาสมคบกันลุกฮือก่อการกบฏ และร่วมมือกันเข้าจู่โจมวังหลวงแล้วพ่ะย่ะพ่ะ!”
คนบนบังลังก์เศียรมังกร ทัวป้าเหยียนเม้มปากขณะเดียวกันมือกำหมัดแน่น สีหน้าเคร่งเครียดทันทีที่ได้รับฟังรายงาน ไม่มีใครรู้ว่าขณะนั้นนางกำลังคิดอะไร
.
บนเรือเหาะ เยี่ยฉวนที่กำลังยืนอยู่ตรงส่วนหัวเรือพลันหันมาพูดกับคนซึ่งยืนข้าง “เซียวเหยา คุ้มกันให้ข้าด้วยอย่าให้ใครเข้ามาในห้องพักของข้าเด็ดขาด!”
จากนั้นคนจึงหายกลับเข้าไปภายในห้องทันที
เมื่อเข้ามาอยู่ภายในห้องพัก เยี่ยฉวนเข้าสู่หอคอยแห่งเรือนจำทันที ขณะแบมือข้างขวาออกไปพลันกระบี่ทั้งแปดเล่มปรากฏออกเบื้องหน้า
หลังจากนิ่งงันไปพักใหญ่ เยี่ยฉวนได้เริ่มดูดกลืนและแทงกระบี่เข้าสู่ภายใน……
