Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 945


บทที่ 945 : วิทยายุทธไร้คู่ต่อสู้! (ปลาย)

เยี่ยฉวนเกือบจะพูดออกไปแล้วทีเดียว แต่อาหลิงกระตุกชายเสื้อของเขายิกๆ เสียก่อน จึงทำให้ชายหนุ่มต้องหันไปมองดูฝ่ายนั้นด้วยความสงสัย นางชี้มือขึ้นไป แววตาที่มองมาเปี่ยมไปด้วยความหวัง “บนนั้นมีอะไร?”

ชายหนุ่มตอบไปว่า “หีบหนึ่งใบกับขนมถังหูลู่หนึ่งชิ้น!”

ขนมถังหูลู่!

หีบ!

อาหลิงน้อยนิ่งมองตากะพริบปริบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปรบมือด้วยความดีอกดีใจพลางบอกกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ของข้า ของของข้าเอง!”

เยี่ยฉวนได้แต่นิ่ง…

อาหลิงทำท่าเหมือนจะนึกอะไรได้ จากนั้นมองมาที่เยี่ยฉวนพลางพูดอย่างเบิกบานว่า “ของพวกนั้นเป็นของข้า นางทิ้งไว้ให้ข้า ฮิๆ…”

คนฟังจำต้องเออออ “ถูกแล้ว มันเป็นของเจ้า”

อาหลิงรีบพูดเสียงเร็ว “ข้าจะเข้าไปเอา!”

เยี่ยฉวนสั่นศีรษะ “ตอนนี้เจ้าไปไม่ได้หรอก!”

อาหลิงถามทันที “ทำไม?”

คนถูกถามพูดพลางยิ้ม “เอาเถอะ ตอนนี้เจ้าเข้าไปไม่ได้ อีกสักพักพวกเราค่อยขึ้นไป ตกลงไหม?”

อีกฝ่ายมองตาปริบๆ “ตกลง!”

จากนั้นนางไม่พูดไม่จา หมุนตัวหันหลังและออกไป

ขณะนั้นเสียงพูดดังมาจากชั้นที่หก “ความคิดของเด็กคนนี้น่าอันตรายนัก คอยระวังป้องกันเอาไว้บ้างก็ดี! มิเช่นนั้นนางจะนำเรื่องเดือดร้อนมาให้เข้าสักวัน!”

คนฟังพยักหน้า เขารู้สึกได้ว่าอาหลิงน้อยเป็นคนที่ค่อนข้างอันตรายทีเดียว จะว่าไร้เดียงสาเสียก็ไม่เชิง ด้วยมีบ่อยครั้งที่แสดงความโหดเหี้ยมและความคิดที่ชั่วร้ายให้เห็นอยู่หลายคน ถึงกระนั้นก็ดูไร้เดียงสาด้วยไม่ค่อยเข้าใจในหลายๆ เรื่อง อีกทั้งมักจะทำอะไรลงไปด้วยอารมณ์นึกสนุกเท่านั้น

ถึงอย่างไรเขาต้องคอยระวังไม่ให้นางก่อปัญหาอยู่ดี!

ดูเหมือนเยี่ยฉวนเพิ่งนึกออกจึงถามอีกฝ่ายว่า “ผู้อาวุโส วิทยายุทธไร้คู่ต่อสู้นี้……แข็งแกร่งกว่าทักษะหนึ่งกระบี่ชี้ชะตางั้นหรือขอรับ?”

เสียงตอบจากชั้นที่หกว่า “ไม่อาจเทียบกันได้ ทักษะกระบี่ของเจ้าเสมือนปณิธานเต๋าแห่งกระบี่ พลังของมันเกิดจากความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเต๋าแห่งกระบี่ กล่าวอีกนัยหนึ่งสิ่งนี้คือทักษะกระบี่ที่มีการเติบโต ส่วนวิทยายุทธไร้คู่ต่อสู้เป็นทักษะวิชายุทธ์… ถ้าอยากรู้จริงๆ ว่าใครที่แข็งแกร่งกว่า มีทางเดียวที่จะหาคำตอบได้ นั่นคือให้เจ้าของดั้งเดิมมาประลองฝีมือกัน เมื่อนั้นจะได้รู้ว่าใครแข็งแกร่งกว่าใคร”

เยี่ยฉวนพึมพำเสียงอ่อย “ถ้าเช่นนั้นคงไม่มีทางรู้แน่”

สตรีลึกลับสินะ?

เมื่อนึกแล้วเขาคิดถึงนางขึ้นมา

ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเวลานั้น สตรีผู้ที่เกือบเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของใครหลายคนอยู่ที่ใด!

พักใหญ่ต่อมาเยี่ยฉวนส่ายหน้า ละจากภวังค์ความคิดและฝึกฝนพลังต่อไป!

การที่ชายหนุ่มฝึกกับมนุษย์ไม้ ทำให้มีความรุดหน้าไปเป็นอันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้เผชิญหน้าในระยะประชิด เขาเกือบจะผ่านไปได้สำเร็จ โดยมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่มีคุณภาพมากขึ้น

ถึงกระนั้นเขาก็มิได้เลิกฝึกทักษะหนึ่งกระบี่ชี้ชะตาและทักษะกระบี่บินเสียทีเดียว โดยเวลานี้ทักษะกระบี่บินถือว่าเป็นไม้ตายที่ร้ายกาจที่สุด!

รวมทั้งทักษะเทพโลหิต!

ทักษะนี้สามารถใช้ร่วมกันกับหนึ่งกระบี่ชี้ชะตาได้!

เขาสามารถใช้โลหิตที่แข็งตัวก่อเป็นกระบี่!

ทักษะกระบี่เทพโลหิตเป็นอีกหนึ่งไม้ตาย ด้วยสามารถใช้โลหิตของศัตรูทำให้เกิดการแข็งตัวของกระบี่ แล้วใช้มันตีศัตรูจนแตกพ่าย! ทักษะนี้เป็นการโจมตีด้วยฝูงกระบี่ ยิ่งศัตรูมากจำนวนยิ่งดี ด้วยมากโลหิตยิ่งทำให้ทักษะกระบี่เทพโลหิตทรงพลังแกร่งกล้า!

และเยี่ยฉวนสามารถใช้พลังแมวดำได้ด้วยเช่นเดียวกัน!

ในขณะที่กระบี่เทพราชันก็เป็นหนึ่งในไม้ตายอีกอย่าง!

นอกจากนี้ยังมีจิตวิญญาณมังกรและอำนาจมังกรซึ่งเคยช่วยเหลือชายหนุ่มไว้!

ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะเขาต้องอาศัยความช่วยเหลือจากวัตถุภายนอก หากปราศจากกระบี่เจิ้นหุนกับกระบี่เทพราชันแล้วละก็……คงจะทำให้พลังที่แข็งแกร่งของตนลดทอนไปไม่น้อยทีเดียว!

อย่างไรก็ตามในตอนนั้น ชายหนุ่มกำลังเฝ้าฝึกฝนทักษะพื้นฐานดังที่ได้กล่าวมาเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ!

การใช้วัตถุภายนอกก็ดี ทว่าต้องรู้จักประมาณกำลังของตัวเองให้ดี!

ในวันนั้น ขณะที่เยี่ยฉวนกำลังฝึกฝนบ่มเพาะพลังตามปกติ ชายหนุ่มแหงนหน้ามอง จากนั้นก็ละออกจากหอคอยแห่งเรือนจำไป แล้วกลับเข้ามาในห้องพัก

ตอนนั้นเองมีเสียงคนพูดมาจากด้านนอกห้อง “คุณชายเยี่ย เจ้าเมืองของเราขอให้ท่านไปพบขอรับ!”

เจ้าเมือง!

เยี่ยฉวนฟังแล้วถึงกับขมวดคิ้ว พวกเขาอยากมาพบงั้นหรือ?

ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตู ก่อนจะพบว่ามีชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น ชายชรามองคนตรงหน้าก่อนจะบอกกับเขาว่า “ยินดีที่ได้รู้จัก คุณชายเยี่ย!”

เยี่ยฉวนถามกลับ “เจ้าเมืองของเจ้าบอกว่าอยากพบข้างั้นหรือ?”

คนมาใหม่ผงกศีรษะเล็กน้อย “ได้ข่าวว่าท่านเข้ามาพักที่นี่ เจ้าเมืองจึงอยากเชิญไปพบที่จวนเจ้าเมืองขอรับ”

ชายหนุ่มย้อนถาม “ทำไมเขาให้ข้าไปพบที่นั่น?”

ชายชราสั่นหน้าเป็นทำนองปฏิเสธ “ข้าไม่รู้ ท่านไปแล้วจะรู้เอง”

คนตรงหน้าถามอีก “ถ้าข้าปฏิเสธคำเชิญเล่า?”

ชายชราตอบให้ว่า “แล้วแต่ท่าน ทว่าเจ้าเมืองอยากจะแจ้งให้ทราบว่า……เวลานี้ผู้คนในเมืองกำลังควานหาตัวท่านกันจ้าละหวั่น รวมทั้งสตรีที่มาจากเผ่าถังด้วยคนหนึ่ง!”

คุณหนูใหญ่แห่งเผ่าถัง!

เยี่ยฉวนนิ่งคิด ในที่สุดสตรีผู้นั้นก็มาถึงที่นี่จนได้!

ครู่หนึ่งชายหนุ่มหันไปบอกอีกฝ่ายว่า “งั้นไป!”

ชายชราผงกศีรษะเล็กน้อย “คุณชายเยี่ย เชิญ!”

ชายหนุ่มก้าวออกไป ต่อมาไม่นานชายชรานำเขามาถึงจวนเจ้าเมืองตามที่บอก

เมื่อพาคนที่ต้องการให้มาพบเข้าไปภายในหอโถงเรียบร้อยแล้ว ชายชราจึงถอยกลับไปเงียบๆ

ชั่วครู่ มีบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามา ชายผู้มาใหม่สังเกตว่าเป็นคนมีผิวพรรณซีดเซียวและดูขี้โรค

เขารีบเดินตรงมาหาเยี่ยฉวนก่อนเอ่ยทักทายยิ้มๆ ว่า “คุณชายเยี่ย ข้าชื่อหลิ่วสือไป้ เป็นเจ้าเมืองดูแลนครผู้คุมกฎ”

เยี่ยฉวนพยักหน้า “เจ้าเมืองหลิ่ว ให้ข้ามาพบมีเรื่องอันใด?”

หลิ่วสือไป้ไม่ตอบทันทีหากแต่ยิ้มและเหลือบตามองไปอีกด้านหนึ่ง พลันที่นั่นมีสตรีสวมชุดยาวสีดำสนิทเดินออกมา

ที่แท้นางคือคุณหนูใหญ่แห่งเผ่าถัง!

คุณหนูใหญ่มองดูชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะเอ่ยทักทายอย่างมีมารยาท “คุณชายเยี่ย สบายดีหรือ?”

เยี่ยฉวนตอบเรียบๆ “แม่นางถัง ไม่ได้พบกันไม่กี่วัน ดูสวยขึ้นกว่าเดิมนะ! สงสัยว่าจะได้ตกล่องปล่องชิ้นกับคนแถวนี้เสียแล้ว……โอ๊ะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดข้าถามไปอย่างนั้นเอง จริงๆ นะ!”

สตรีจ้องหน้าคนพูดเขม็งสายตาบอกว่าแทบจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะยิ้มกว้างทันที “ถ้าเจ้าจะมอบสมบัติล้ำค่าเป็นของกำนัลงานหมั้นหมาย ไฉนข้าจะปฏิเสธคำขอแต่งงานกับเจ้าได้ลงคอ?”

ชายหนุ่มนิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนจะโต้ตอบกลับไปว่า “งั้นมาตกลงกันเอาไหม? เจ้ามีลูกให้ข้าก่อน และหลังจากที่เด็กเกิดมาแล้ว……ข้าจะยกสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นให้เขา ว่าไง?”

คุณหนูใหญ่เม้มปาก ขณะจ้องมองเยี่ยฉวนไม่ได้ต่อคำใด……

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version