Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 152

№ 152 ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด!

ฟังคำพูดนี้ พวกเขาต่างเงียบเชียบลง แปดคนนี้หาใช่ใครอื่น เป็นหัวหน้าทั้งแปดกองย่อยของกองอาจารย์ผู้เก่งกาจในหมู่องครักษ์ตระกูลเฟิ่ง

สำหรับพวกเขาที่เข้ารับการฝึกฝนอย่างลับๆ เรื่องจวนตระกูลเฟิ่งหากไม่มีองครักษ์มารายงาน ก็ไม่มีทางรู้หรอก ทว่าหลังจากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนช่วงนี้ จึงลงมือตรวจสอบ

โดยเฉพาะเรื่องที่ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งเป็นโรควิกลจริตและถูกลักพาตัว แต่นึกไม่ถึง ว่าคนที่ท่านผู้นำตระกูลพาองครักษ์ทั้งนอกในจวนไปตามยังหาไม่เจอ กลับถูกสาวน้อยนางหนึ่งพาไปรักษาตัวที่ในเรือนแห่งหนึ่ง

พวกเขาลองเข้าไปสังเกตการณ์ใกล้ๆ ทว่าเพิ่งจะเข้าใกล้ก็โดนไหวตัวทัน ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นเพราะสาวน้อยนั่นรู้สึกไวเกินไป หรือทักษะการซ่อนกลิ่นอายยังอ่อนด้อย

เดิมทีพวกเขาคิดจะพาท่านผู้เฒ่ากลับมา แต่เห็นเขาพูดคุยหัวเราะกับสาวน้อยผู้นั้น หนำซ้ำนางยังประคองท่านผู้เฒ่ามาเดินในสวนอยู่ทุกวัน เห็นเขาไม่เหมือนคนวิกลจริตเลยสักนิด จึงละทิ้งความคิดไป

แม้ไม่รู้ว่าสาวน้อยเป็นใคร แต่ความเอาใจใส่นั้นกลับไม่ใช่การเสแสร้ง ในเมื่อไม่คิดร้ายกับท่านผู้เฒ่า พวกเขาก็ไม่ใส่ใจ

“เฮ้ พวกเจ้าว่าใบหน้าแม่นางถูกทำลายกลายเป็นเช่นนั้น ไยจึงทำเหมือนไม่สนใจเท่าไหร่เลยเล่า?” บุรุษชุดฟ้าเอ่ยถามอย่างสงสัยอยู่บ้าง คราแรกที่เห็นใบหน้าเสียโฉมนั่น เขาก็ตกใจสะดุ้งเสียดื้อๆ

อันที่จริง นั่นก็เป็นสาวน้อยคนหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าใบหน้าจะถูกทำลายเสียจนดูไม่ได้โดยสิ้นเชิง แค่เขามองยังรู้สึกสงสารเลย

“บนตัวแม่นางไม่มีกลิ่นอายพลังเร้นลับ เดาว่าเป็นแค่คนธรรมดา กลิ่นอายคนชื่อกวนสีหลิ่นนั่นกลับสงบเงียบ เป็นผู้มีความสามารถ”

บุรุษชุดดำกล่าวเสียงเข้ม ชะงักลงพักหนึ่ง ก่อนจะหลับตาลง เอ่ยว่า “วันนี้พวกเจ้าต่างเห็นลูกสาวท่านผู้นำตระกูลแล้วล่ะสิ? คิดเห็นเช่นไรกันบ้าง?”

“ก็ไม่เท่าไหร่ คุณสมบัติไม่พอจะมาเป็นผู้นำกององครักษ์เราเลยจริงๆ”

“อืม พละกำลังไม่โดดเด่นก็จริง แต่หน้าตากลับงามเป็นเลิศ”

“เห็นเป็นสาวน้อยอ่อนโยนสง่างาม จะให้มาเป็นผู้นำกององครักษ์เรางั้นรึ? จิ๊ จริงๆ ข้าก็ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่”

“เฮ้อ! เห็นครั้งแรก ก็รู้สึกผิดหวังยิ่งนัก”

“ข้าก็ไม่เห็นด้วย”

“นางกำราบพวกเราไม่ได้หรอก”

“ไม่มีทาง ใครให้ท่านผู้นำตระกูลมีลูกสาวเช่นนั้นคนเดียวเล่า!”

ฟังพวกเขาพูดจบคนละหนึ่งประโยค บุรุษชุดดำก็ยืนขึ้นมา บอกว่า “ไม่ นางไม่ธรรมดา”

“หืม? ทำไมล่ะ?” ทั้งเจ็ดคนถามขึ้นพร้อมกันโดยไม่นัดหมาย ประหลาดใจนิดหน่อยที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา เฟิ่งชิงเกอผู้นั้น พวกเขาดูแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษ

“สัญชาตญาณน่ะ”

“หึ!”

พวกเขาหลุดหัวเราะ “ไม่รู้สึกเลยสักนิด”

สายตาทุกคนล้วนหันเหลียวมองไปยังบริเวณเดียวกัน หนึ่งในพวกเขาพูดยิ้มๆ ว่า “ล้วนกล่าวกันว่า กลางวันอย่าพูดถึงคน กลางคืนอย่าเอ่ยถึงผี พวกเจ้าดูสิ เพิ่งพูดถึงไป คนก็มาเสียแล้ว”

บริเวณไม่ไกล เรือนรางในชุดกระโปรงสีสดใสพลิ้วไหวกำลังเดินมาทางด้านนี้ ด้านหลังนางมีสาวใช้ตามมาสองคน เมื่อเห็นเหล่าชายหนุ่มอ่อนวัยหน้าตาโดดเด่น ท่าทางไม่ธรรมดาบ้างนั่งบ้างยืนกันอยู่ในศาลา นัยน์ตาก็ฉายแววเป็นประกาย

แปดคนนี้คือหัวหน้ากองย่อยทั้งแปดนายของกองอาจารย์ผู้เก่งกาจในหมู่องครักษ์ตระกูลเฟิ่ง พละกำลังพวกเขาต่างบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุด

ต้องรู้ไว้ ว่าท่านผู้เฒ่าบำเพ็ญตนมาตลอดชีวิต ก็เพิ่งเป็นแค่ผู้แกร่งกล้าระดับบรรพชนนักรบพลังเร้นลับขั้นเริ่มต้นช่วงที่แปด

แม้แต่เฟิ่งเซียว เมื่อไม่กี่ปี่ก่อนก็เพิ่งบรรลุถึงระดับบรรพชนนักรบ ตอนนี้เป็นแค่ผู้แกร่งกล้าพลังเร้นลับขั้นเริ่มต้นช่วงที่สอง

ภายในเวลาที่กำหนด แปดคนนี้จำจะต้องก้าวขึ้นเป็นบรรพชนนักรบ เมื่อถึงตอนนั้น…

…………………………….

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!