№ 172 ท่านอาหลิง!
“เขาแซ่หลิง ชื่อโม่หาน เป็นอาจารย์ของสำนักศึกษาหมอกดาราผู้มีชื่อเสียงที่สุดในแคว้นเหินเวหา ที่มาลึกลับ เป็นผู้ฝึกเซียน หนำซ้ำระดับวรยุทธ์พลังวิญญาณยังบรรลุถึงขั้นหลอมแก่นพลัง ที่สำคัญยิ่งกว่า คือเขาอายุยี่สิบห้า ดังนั้น ท่านสามารถเรียกเขาว่าท่านที่เคารพ หรือผู้อาวุโส แต่ท่านอานี่ เหอะๆ… เดาว่าน้อยคนนักจะเรียกกัน!”
“เพิ่งอายุยี่สิบห้ารึ?”
สีหน้าเธอประหลาดใจ กล่าวว่า “อายุยี่สิบห้าจะไว้เคราดกไปทำไมกัน? ข้านึกว่าอย่างน้อยเขาต้องอายุสักสามสิบห้าแล้วกระมัง!”
“เหอะๆ ดังนั้นถึงบอกว่าที่มาลึกลับ เพราะไม่มีใครเคยเห็นหน้าจริงเขา”
เขาพูดยิ้มๆ สายตาจับจ้องบนร่างหลิงโม่หาน “นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะมาที่นี่ รอประเดี๋ยว ข้าจะเข้าไปคารวะเสียหน่อย ใต้เท้าภูตหมอไปด้วยกันหรือไม่ขอรับ?”
“อาจารย์สำนักศึกษาหมอกดาราผู้ลึกลับรึ?”
เธอพยักหน้าในทันที ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ พอได้ยินเขาบอกว่าจะไปคารวะ ก็พลันยิ้มขึ้น “แน่นอน ได้รู้จักผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ถือว่าดียิ่งนักเป็นธรรมดา”
ดังนั้น ประมุขเคอจึงพาเธอเดินไปหาหลิงโม่หานทางด้านนั้น
และเมื่อพวกเขาปรากฏตัว หลิงโม่หานสังเกตเห็นชายหนุ่มชั่วร้ายในชุดแดงแพรวพราว คุ้นเคยกับชุดสีแดงและหน้ากากลายดอกลำโพงนั่น เพราะคืนนั้นในบ่อน้ำพุร้อน สองสิ่งนี้ก็วางอยู่ข้างๆ กัน
นึกถึงตรงนี้ แววตาเฉียบคมก็จับจ้องบนร่างชายหนุ่มอย่างพิเคราะห์
คืนนั้นเพราะละอองน้ำในบ่อน้ำพุร้อนจึงไม่สามารถเห็นได้ชัดเจน ทว่าใบหน้าที่ถูกทำลายกลับสะท้อนสู่ดวงตาเขาอย่างแจ่มชัด และตอนนี้ จะไม่ยอมรับไม่ได้ ว่าคุณชายชุดแดงแวววาวราวกับแสงแดดบนท้องฟ้า ท่าทางสูงศักดิ์ร้ายกาจ โดยเฉพาะดวงตาสงบนิ่งที่มีรอยยิ้มนั่น ทำให้คนเห็นไม่อาจลืม…
แต่พอมองดวงตาคู่นั้น ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยอยู่นิดหน่อยนะ?
“ท่านอาจารย์หลิง ไม่ได้พบกันเสียนาน นึกไม่ถึงว่าจะได้พบท่านที่นี่ ช่างโชคดี โชคดีจริงๆ ขอรับ” ประมุขเคอรีบร้อนออกหน้าประสานมือคารวะ พลางเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม หากท่านประมุขเคอรู้ว่าคนที่ขโมยยาทิพย์จิตวิญญาณอันล้ำค่าไปคือท่านอาหนวดเคราเฟิ้มตรงหน้านี้ เดาว่าคงไม่ร้องโชคดีอยู่ตรงนั้นแน่
“ที่แท้ก็เป็นท่านประมุขเคอ” เขายืนขึ้นมาประสานมือทำความเคารพ สายตาจับจ้องไปบนร่างเฟิ่งจิ่ว เอ่ยถาม “ท่านนี้คือ?”
“เหอะๆ เขาคือนักปรุงยาที่ตลาดมืดเราเชิญมาเข้าร่วมงานแข่งปรุงยาทิพย์ขอรับ นี่… อืม เขาคือภูตหมอขอรับ” เขากล่าวด้วยหน้าเหยเก เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าภูตหมอผู้นี้ชื่ออะไรกันแน่ จึงไม่รู้ว่าจะแนะนำตัวเช่นไรไปชั่วขณะ
“ท่านอาหลิง”
เฟิ่งจิ่วขานเรียกเสียงใส ดวงตานั้นฉายประกายเจ้าเล่ห์แวววาว มุมปากอมยิ้มยียวน กล่าวอย่างเป็นกันเอง “ท่านอาหลิงหากคิดว่าภูตหมอเรียกยาก งั้นเรียกข้าภูตน้อยก็ได้นะขอรับ”
ฟังคำเรียกท่านอาหลิง หลิงโม่หานก็ลูบเคราใต้คางขึ้นโดยไม่รู้ตัว มองคุณชายชุดแดงตรงหน้าอย่างมีความนัย สีหน้ามีความเคลือบแคลงและแปลกใจอยู่บางส่วน
“ท่านอารึ?”
เขาไว้เครามาก็ไม่ใช่แค่วันสองวัน แต่คนอื่นๆ ก็ไม่เคยมีคำเรียกเช่นนี้ แต่แม่สาวน้อยร้อยเล่ห์ผู้นั้นที่พบกันในป่าเก้าหมอบคำแรกก็เรียกเขาว่าท่านอา คุณชายชุดแดงผู้นี้พอปริปากก็เรียกท่านอา หรือว่าเขาดูแก่มากจริงๆ?
แววตาเธอหรี่ลง คลี่ริมฝีปากยิ้ม “จริงด้วย! ปีนี้ข้าเพิ่งสิบห้า ได้ยินว่าท่านอาอายุยี่สิบห้า งั้นก็โตกว่าข้าสิบปี หากไม่ใช่ท่านอาจะเป็นอะไรได้อีกเล่า?”
“สิบ สิบห้ารึ?” ท่านประมุขเคอข้างๆ เบิกดวงตา สีหน้าตกใจ
……………………………