Skip to content

แบล็คเมล์ไฮโซ 3

Chapter 3

ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ

จากนั้นทั้งสองก็เดินเคียงข้างกันไปขึ้นเครื่อง พออยู่บนเครื่องทั้งสองก็แยกไปนั่งตามที่นั่งของตัวเอง ปรียารอจนผู้โดยสารนั่งที่หมดแล้วเครื่องกำลังจะถอยออกเธอหันไปดูอารยะ พอเห็นที่นั่งข้างเขาว่างไม่มีคนนั่งเธอก็รีบลุกไป

“ฉันนั่งด้วยคนนะคะ” เธอยิ้มให้เขา

“ครับ” อารยะพยักหน้ายิ้มตอบ ปรียานั่งข้างเขาพร้อมกับรัดเข็มขัด

อารยะเหลือบมองเธออย่างงงๆ นึกในใจว่าทำไมเธอจะต้องกลับพร้อมเขาด้วย ทั้งๆที่เมื่อวานคุยกันก็ไม่เห็นเธอพูดเลยว่าจะกลับเที่ยวเดียวกัน เท่าที่ฟังเธอเล่า พ่อแม่เธอมาร่วมหุ้นลงทุนทำโรงแรมที่นี่ ส่วนตัวเธอมาเยี่ยมพ่อแม่แล้วก็ตระเวนเที่ยวนครวัดตามประสาคนชอบเมืองเก่า ส่วนผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่พ่อแม่ของเธออยากจะให้แต่งงานกันแต่เธอไม่ชอบก็เลยพยายามหาตัวช่วย เท่าที่รู้จักกันเธอก็นิสัยดีทีเดียว เสียแต่ค่อนข้างจะเอาแต่ใจไปนิดตามประสาลูกคนรวย

“คิดอะไรอยู่เหรอคะ?” ปรียาถามเขา อารยะสะดุ้ง!โพล่งว่า “ก็คิดว่าทำไมคุณถึงกลับเที่ยวนี้ล่ะ?”

ปรียายิ้ม “อ้าวก็ไม้กันหมาอย่างคุณไม่อยู่แล้วเรื่องไรฉันจะอยู่ต่อล่ะ ฉันก็กลับซิคะยิ่งรำคาญนายนั่นอยู่ด้วย”

“โห นี่คุณคิดจะใช้ผมเป็นไม้กันหมาไปตลอดเลยรึไง?” อารยะถามเล่นๆ

“แล้วคุณยอมเป็นไม้กันหมาให้ฉันตลอดไปได้ป่ะล่ะ?” ปรียาแกล้งถามไปงั้นแหละ

“เรื่องไรล่ะคุณ เสียเครดิตหนุ่มหล่อเนื้อหอมหมด” อารยะพูดเล่น

“หลงตัวเองไปรึเปล่าคะคุณอารยะ” ปรียาแกล้งค้อน

“ไม่หลงล่ะ เห็นแบบนี้สาวๆในสต็อกผมก็เยอะเหมือนกันนะคุณ” อารยะแกล้งคุยอวด

ปรียาค้อน “เยอะตายล่ะ”

ส่วนในใจกลับคิดตรงข้ามเพราะหลายวันที่รู้จักกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน เธอสังเกตเห็นสายตาสาวๆจ้องเขาตาเป็นมันเชียว นี่ถ้าไม่ติดว่ามีเธออยู่ด้วยแม่สาวๆพวกนั้นคงได้เข้ามาแจกเบอร์โทรแจกไอดีให้เขาเป็นพรวนเลยเชียว ดูๆไปเขาก็หล่อดี หล่อกว่านายภาสกรนั่นเยอะ รูปร่างก็ดีกว่า ถึงแม้การแต่งตัวจะดูโลเกรดกว่านายคนนั้น แต่โดยรวมแล้วเขาก็ดูดีกว่าเยอะ

อารยะยิ้ม แล้วเครื่องก็เริ่มเทคออฟออกจากสนามบิน ปรียาชะโงกมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่อง

อารยะผงะเพราะหน้าเธอแทบจะเฉียดจมูกเขาเชียว นึกในใจว่า เธอไม่ค่อยระวังเลยเมื่ออยู่กับเขา แล้วกับผู้ชายคนอื่นเธอไม่ระวังตัวอย่างนี้ด้วยรึเปล่านะ? กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆโชยเข้าจมูก เขาสูดกลิ่นเข้าไปเต็มๆ หอมดีจัง กลิ่นหอมนี้ชวนให้คิดถึงกลิ่นน้ำหอมที่แม่ชอบใช้ แม่ของเขาชอบใช้น้ำปรุงที่ทำเอง กลิ่นน้ำหอมของแม่จึงไม่เหมือนใคร จนกระทั่งมาได้กลิ่นน้ำหอมของเธอนี่แหละหอมคล้ายๆ กันแต่ก็ไม่เหมือนกับของแม่เขาหรอก

“เดี๋ยวพอสัญญาณดับคุณมานั่งตรงนี้ไหม?” เขาเสนอเพราะเห็นเธอตั้งอกตั้งใจมองข้างนอกมาก อีกอย่างจะได้ไม่ต้องชะโงกจนหน้าแทบจะติดเขาแบบนี้ ก็เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ

“ไม่ล่ะ ฉันเข้าห้องน้ำบ่อยนั่งตรงนี้ดีแล้ว” ปรียาบอกแล้วก็มองไปข้างนอกต่อ อารยะลอบทำหน้าเซ็ง นั่งเกร็งพยายามไม่ให้หน้าตัวเองไปชนกับหน้าเธอ เขาขี้เกียจเจอข้อหาเอาเปรียบ จนกระทั่งปรียาถอยไปนั่งพิงเก้าอี้เลิกมองนอกหน้าต่างแล้วเขาจึงลอบถอนหายใจโล่งอก

สักพักสัญญาณคาดเข็มขัดก็ดับลงพร้อมกับเสียงกัปตันประกาศสภาพการเดินทางตามปกติ แอร์โฮสเตสก็เริ่มให้บริการเครื่องดื่มและอาหาร

“ฝากบอกเขาด้วยว่าฉันไม่กินนะคุณ อยากนอนมากกว่า” ปรียาบอกแล้วก็ปรับพนักพิงเอนตัวนอนหลับ

“ครับ” อารยะได้แต่พยักหน้ารับ นึกในใจว่ารู้จักกันไม่กี่วันเท่านั้นเองเธอกลับทำสนิทสนมราวกับรู้จักกันมานาน เขาไม่เคยเจอผู้หญิงแบบเธอเลย ส่วนมากเจอแต่พวกอยากสนิทสนมกับเขาจนออกนอกหน้า หรือไม่ก็พวกแอ๊บสร้างภาพ กับอีกพวกคือหยิ่งใส่เลย เขาเหลือบมองเธอแล้วก็หยิบนิตยสารมาเปิดอ่าน พอแอร์โฮสเตสมาบริการเครื่องดื่มเขาก็บอกตามที่เธอสั่งพร้อมกับเก็บนิตยสาร แอร์โฮสเตสยิ้มแล้วก็บริการอาหารเครื่องดื่มให้เขาแล้วก็เข็นรถไปบริการคนอื่นต่อ

พอกินอาหารเสร็จแล้วแอร์โฮสเตสก็เดินมาเก็บถาดไป เขาหยิบนิตยสารมาอ่านต่อ สักพักปรียาก็เอนหัวมาพิงซบไหล่ของเขา เขาเหลือบมองแล้วก็อ่านนิตยสารต่อปล่อยให้เธอหลับซบไหล่อยู่อย่างนั้น

ณ สนามบินดอนเมือง เครื่องบินแลนดิ้งเรียบร้อย ปรียากับอารยะนั่งรอจนกระทั่งผู้โดยสารคนอื่นทยอยลงจากเครื่องไปจนเกือบหมด จากนั้นปรียาก็ลุกไปหยิบกระเป๋าของตัวเอง อารยะตามไปช่วยถือกระเป๋าให้

“ขอบคุณค่ะ” ปรียายิ้มให้เขา “แล้วนี่คุณจะกลับบ้านยังไงคะ? จะเรียกแท็กซี่เหรอ?”

“ก็คงต้องเรียกแท็กซี่แหละครับ” อารยะตอบพร้อมกับเดินนำหน้าออกจากเครื่อง

“ถ้างั้นฉันไปส่งดีไหม? พอดีฉันให้คนขับรถมารับน่ะค่ะ อีกอย่างจะได้รู้จักบ้านคุณด้วยเผื่อโอกาสหน้าฉันผ่านไปจะได้แวะไปเที่ยวบ้านคุณไง” ปรียาอาสา

“รบกวนคุณเปล่าๆ ผมเรียกแท็กซี่สะดวกกว่า” อารยะปฏิเสธอย่างเกรงใจ

“ไม่รบกวนหรอกค่ะ ให้ฉันไปส่งเถอะ ฉันจะได้รู้จักบ้านคุณด้วยไงคะ นะคะคุณอารยะ” ปรียาบอกอย่างเอาแต่ใจ ทำตาอ้อน

อารยะพยักหน้า “ก็ได้ครับ ขอบคุณมากครับ”

ก็เจอสายตาอ้อนๆของคุณเธอทีไรเขายอมแพ้ทุกที

ปรียายิ้มพอใจ

จากนั้นทั้งสองก็ลงจากเครื่องเดินเข้าสู่อาคารผู้โดยสารตรงไปยังเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมือง ทั้งสองเดินคุยกันไปสารพัดเรื่อง พอผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองแล้วทั้งสองก็เดินไปรับกระเป๋า จากนั้นก็เดินออกประตูไปด้านหน้า

คนขับรถของปรียายืนคอยอยู่พอเห็นเจ้านายก็รีบปราดเข้าไปหา “สวัสดีครับคุณปรี เดินทางเป็นยังไงมั่งครับ?”

“สวัสดีค่ะน้านาจ” ปรียาทักทายแล้วก็หันไปแนะนำตัวคนขับรถกับอารยะ “คุณยะคะนี่น้านาจคนขับรถของปรีเองค่ะ”

อารยะยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”

อำนาจรีบรับไหว้ “สวัสดีครับคุณ”

“น้านาจคะนี่คุณยะเพื่อนใหม่ของปรีค่ะ เดี๋ยวน้านาจไปส่งคุณยะก่อนนะคะแล้วค่อยกลับบ้าน” ปรียาแนะนำพร้อมกับสั่งเสร็จสรรพ

“ครับคุณปรี” อำนาจพยักหน้ายื่นมือไปรับกระเป๋า “มาครับผมถือให้ครับคุณ”

อารยะส่งกระเป๋าของปรียาให้อำนาจ ส่วนกระเป๋าของเขาๆถือเอง

“รถจอดอยู่ไหนคะน้านาจ?” ปรียาถามเพราะถ้าจอดไม่ไกลมากเธอก็กะจะเดินไปที่รถเลย

“คุณปรีรอที่ประตูทางออกดีกว่าครับ เดี๋ยวผมไปเอารถมารับครับ วันนี้รถเยอะเลยจอดไกลหน่อยครับ” อำนาจบอกแล้วก็รีบเดินไปเอารถ

สองหนุ่มสาวจึงเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้

สักพักใหญ่อำนาจก็ขับรถไปจอดหน้าประตูทางออก ปรียาเห็นรถมาแล้วก็ลุกขึ้น “รถมาแล้วค่ะคุณยะ”

“ครับ” อารยะพยักหน้ายืนขึ้นเข็นรถขนกระเป๋าไปที่รถ อำนาจรีบเปิดท้ายรถแล้วก็เดินเร็วๆไปรับรถเข็นจัดแจงยกกระเป๋าใส่ท้ายรถ อารยะก็ช่วยยกกระเป๋าใส่ท้ายรถอย่างมีน้ำใจ

“คุณขึ้นรถเถอะครับ ผมยกเองครับ” อำนาจบอกอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นไรครับ ให้ผมช่วยเถอะกระเป๋าคุณปรีหนักมาก” อารยะบอก

ปรียามองทั้งสองคนแล้วก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งรอ

อำนาจยิ้มนึกถูกชะตากับเพื่อนของเจ้านาย คุณคนนี้ใจดีจังไม่เหมือนคุณภาสกรเลย รายนั้นรึอย่าหวังเลยว่าจะช่วยยกกระเป๋าแบบนี้น่ะ พอยกกระเป๋าใส่ท้ายรถเสร็จแล้ว เขาก็ปิดท้ายรถจากนั้นก็เดินไปเปิดประตูให้ “เชิญครับคุณ”

“ขอบคุณครับ” อารยะยิ้มก้าวเข้าไปนั่งเคียงข้างปรียา

อำนาจปิดประตูรถแล้วก็เดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งคนขับ จากนั้นเขาก็ขับรถออกจากสนามบิน “บ้านคุณอยู่ไหนเหรอครับ?”

“อยู่ราชเทวีครับ” อารยะบอก

อำนาจพยักหน้า “ถ้าถึงแถวๆนั้นแล้วคุณบอกทางผมด้วยนะครับ”

“ครับ” อารยะพยักหน้ายิ้มให้คนขับรถ

ปรียามองทั้งสองคุยกันแล้วก็หันไปมองวิวข้างทาง พยายามจดจำเส้นทางด้วยความอยากรู้จักอารยะให้มากขึ้น

อารยะหยิบโทรศัพท์ออกมาไลน์หาตะวัน สักพักเขาก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วก็มองออกไปนอกรถ

อำนาจขับรถขึ้นทางด่วน จากนั้นไม่นานนักรถก็ไปถึงบ้านของอารยะตามที่เจ้าของบ้านบอกทาง

ปรียาชะเง้อมองอย่างสนใจ

“บ้านคุณร่มรื่นดีจัง” เธอชมสายตาก็มองลอดลูกกรงประตูรั้วเข้าไปภายในบ้านสองชั้นบนเนื้อที่ครึ่งงาน

“ขอบคุณครับ” อารยะพูดอย่างติดปาก เขาเปิดประตูรถลงไป

อำนาจรีบเปิดประตูฝั่งเจ้านาย

ปรียาลงไปยืนมอง

ประตูรั้วเปิดออกพร้อมกับตะวันเดินออกมา

“ไงไอ้ยะ” เขาทักทายเพื่อนแต่พอเห็นผู้หญิงที่มากับเพื่อนก็ประหลาดใจ “คุณปรียา!”

“อ้าว…คุณตะวัน” ปรียาทักอย่างประหลาดใจเช่นกัน

อารยะมองทั้งสองคนทักกัน “นี่รู้จักกันเหรอ?”

“รู้จักซิ คุณปรียาเจ้าของร้านเพชรที่แม่ฉันชอบไปซื้อบ่อยๆไง” ตะวันบอกแล้วก็ถามว่า “แล้วนี่แกมากับคุณปรียาได้ไงเนี่ย?”

“ก็คนนี้ไงที่เจอที่เสียมเรียบไงล่ะ” อารยะตอบ

ตะวันพยักหน้ารับรู้ “อ๋อ…” เขาจะพูดต่อแต่ก็รีบยั้งไว้ทัน ก็ขืนพูดไป ‘คนเอาแต่ใจ’ ของไอ้ยะคงวีนใส่เขาแน่ เขาหันไปพูดกับปรียาว่า “เชิญคุณปรียาเข้าบ้านก่อนครับ”

ปรียานึกงง “นี่บ้านคุณตะวันเหรอคะ?”

ตะวันรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอกครับ นี่บ้านไอ้ยะน่ะครับ ผมกับมันสนิทกันมากน่ะครับ ก็เลยเข้าๆออกๆเหมือนเป็นบ้านตัวเองอีกหลังเลยล่ะครับ”

ปรียาพยักหน้ารับรู้ “อ๋อค่ะ”

อำนาจเดินไปเปิดท้ายรถยกกระเป๋าลง

อารยะเดินไปช่วย จากนั้นเขาก็ลากกระเป๋าเข้าบ้าน ก่อนจะเข้าไปเขาก็หันไปพูดกับปรียาว่า “เชิญครับคุณปรี”

“เชิญครับ” ตะวันบอกพร้อมกับผายมือ

“ค่ะ” ปรียาพยักหน้าแล้วก็เดินตามอารยะเข้าไป

อำนาจปิดท้ายรถปิดประตูรถแล้วก็ขับรถไปจอดแอบข้างรั้วไม่ให้ขวางทางรถคันอื่น แล้วเขาก็จัดแจงเมมตำแหน่งบ้านเพื่อนเจ้านายไว้ในจีพีเอส เผื่อครั้งหน้าเจ้านายจะมาที่นี่อีกจะได้ขับรถมาส่งได้ถูก

อารยะลากกระเป๋าไปไว้มุมห้องรับแขกแล้วก็หันไปพูดกับปรียาว่า “เชิญนั่งครับ”

“ขอบคุณค่ะ” ปรียาเดินไปนั่งที่โซฟามองไปรอบๆห้อง

ตะวันเดินไปนั่งตรงข้ามกับปรียาแล้วก็หันไปสั่งเพื่อนว่า “ไอ้ยะเอาน้ำมาเผื่อฉันด้วยนะ”

“เออ” อารยะพยักหน้าแล้วก็เดินเข้าครัวไป พอเข้าไปในครัวเขาก็ตะลึง! “ยัยวา!”

เขาโผกอดอย่างดีใจ

“เฮ้ย! ไรวะไอ้ยะ?” ตะวันรีบลุกไปดูตั้งแต่ได้ยินเสียงเพื่อน

“ว๊าย!” เจ้าหญิงจันทราตกใจตัวแข็งทื่อ พอตั้งสติได้นางก็ผลักสุดแรง “ปล่อย!”

อารยะเซไปชนตะวันซึ่งพรวดเข้ามาพอดี “โอ๊ะ”

ปรียารีบตามตะวันไปอย่างอยากรู้ “มีอะไรเหรอคะ?”

อารยะตั้งตัวได้ก็มองน้องอย่างงงๆ “เป็นไรยัยวา ผลักพี่ทำไมเนี่ย?”

เจ้าหญิงจันทรารีบวิ่งผ่านอารยะเข้าไปหาตะวัน “ช่วยด้วย!”

ตะวันอ้าแขนรับ

“ไม่ต้องกลัวนะครับ ไม่มีอะไรครับ นี่ไอ้ยะไงครับ” เขาปลอบเสียงนุ่ม

เจ้าหญิงจันทราหันไปมองอารยะอย่างตื่นกลัว

“ไอ้ยะแกลืมไปแล้วเหรอ นี่ไม่ใช่ทิวานะ” ตะวันบอกเพื่อนอย่างพอจะเข้าใจสถานการณ์

อารยะหันไปมองเจ้าหญิงจันทรากับตะวัน “ขอโทษที ฉันลืมไป”

เขายกมือลูบท้ายทอยหน้าเจื่อน

ปรียามองอย่างงงๆ

อารยะมองเจ้าหญิงจันทรา “ผมขอโทษครับ ผมลืมไปว่าคุณไม่ใช่ยัยวา”

“ไปข้างนอกกันเถอะครับ” ตะวันพูดกับเจ้าหญิงจันทราแล้วก็สั่งเพื่อนว่า “แกเอาน้ำไปด้วยล่ะ พอดีป้าอ้อยออกไปซื้อของยังไม่กลับ”

อารยะทำหน้างง “ใครวะป้าอ้อย?”

“ก็แม่บ้านที่ฉันจ้างมาใหม่ไง” ตะวันบอก “แกลืมอีกล่ะซิ”

อารยะพยักหน้านึกขึ้นได้ แม่บ้านที่ตะวันบอกว่าให้มาคอยดูแลคุณเจ้าหญิงที่บ้านเขา “เออๆ จำได้แล้ว”

แล้วเขาก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเหยือกน้ำออกมาพร้อมกับหยิบแก้วน้ำใส่ถาดยกไปให้แขก

ตะวันหันไปเห็นปรียาก็บอกว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับ เชิญที่ห้องรับแขกดีกว่าครับคุณปรียา”

“ค่ะ” ปรียาพยักหน้าแล้วก็เดินกลับไปนั่งที่โซฟา ตาก็มองหญิงสาวแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า “อ๋อ…ผู้หญิงคนนี้นี่เองที่คุณยะบอกว่าเหมือนกับน้องของเขาใช่ไหมคะ ที่ว่ามาจากอีกโลกนึงนั่นใช่ไหมคะ” เธอโพล่งอย่างลืมตัว

ตะวันอึ้งไป “นี่ไอ้ยะมันเล่าให้คุณฟังเหรอครับ?”

“ค่ะ” ปรียาพยักหน้า

ตะวันหันไปมองทางห้องครัว นึกสงสัยว่าเพราะอะไรเพื่อนถึงได้เล่าเรื่องสำคัญให้คนที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันได้รับรู้แบบนี้นะ แล้วเขาก็พูดกับเจ้าหญิงจันทราว่า “นั่งตรงนี้นะครับ”

เจ้าหญิงจันทราพยักหน้าแล้วก็นั่งที่โซฟาเยื้องกับหญิงสาวแปลกหน้า

ตะวันนั่งข้างเจ้าหญิงจันทรา

ปรียาหันไปมองรูปบนผนังแล้วก็มองหญิงสาวต่างโลก “เหมือนน้องสาวคุณยะมากเลยค่ะ นี่ถ้าไม่บอกก็ต้องคิดว่าเป็นคนเดียวกันกับในรูปแน่ค่ะ”

อารยะยกน้ำเข้ามาพอดี เขาวางถาดบนโต๊ะแล้วก็รินน้ำแจกทุกคน “น้ำครับ”

“ขอบคุณค่ะ” ปรียายิ้มยกแก้วขึ้นดื่ม

อารยะนั่งที่โซฟาเดี่ยวเยื้องกับปรียา เขามองเจ้าหญิงจันทราแล้วก็มองหน้าเพื่อน “แกมานานรึยัง?”

“มาตั้งแต่เช้าแล้ว” ตะวันตอบ “แล้วแกล่ะเป็นไงมั่ง มีวี่แววว่าจะเจอทิวามั่งไหม?”

อารยะส่ายหน้า พลัน! เขาก็นึกขึ้นได้ “เออจริงซิ!”

เขารีบลุกไปเปิดกระเป๋าเป้หยิบม้วนทองคำออกมา

พอเจ้าหญิงจันทราเห็นม้วนทองคำนางก็หลุดปากว่า “สาส์นเทพ!”

ทุกคนหันไปมองเจ้าหญิงเป็นตาเดียว

“ไอ้นี่เรียกว่าอะไรนะ?” อารยะถามพร้อมกับจ้องหน้าเธอ

“สาส์นเทพ” เจ้าหญิงจันทราตอบแล้วก็ถามว่า “ท่านได้รับจากเทพีจันทราใช่ไหม? สาส์นนั่นคงส่งให้ข้าแน่”

นางรีบยื่นมือไป

อารยะส่งให้อย่างงงๆ

เจ้าหญิงจันทรารับไปอย่างดีใจ นางเปิดออกแต่สาส์นเทพกลับปิดสนิทไม่สามารถเปิดได้

“เอ๊ะ! ไม่ใช่สาส์นที่ส่งให้ข้าหรือ?” นางมองสาส์นเทพอย่างงงๆ แล้วก็ยื่นคืนให้อารยะ “ไม่ใช่ของข้า”

อารยะรับคืนไปอย่างงงๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!