ตอนที่ 109-1
ฟ่งอวี๋กุยแย่แล้ว!
ได้ยินมาว่า ภรรยาผู้เป็นที่รักของเว่ยหลินหลางกำลังป่วยหนัก หมอจำนวนนับไม่ล้วนต่างก็ไม่สามารถรักษาได้ ถึงขั้นที่ว่า เว่ยหลินหลางพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อ เชิญปรมาจารย์แห่งการปรุงยา ท่านอาจารย์โหลวมาเพื่อรักษาภรรยา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับผลอันใด
ท่านอาจารย์โหลวอุทานออกมาเพียงคำเดียวว่า ไม่สามารถรักษาได้!
หลังจากนั้น อาการป่วยของภรรยาผู้เป็นที่รัก จึงกลายเป็นปมในใจของเว่ยหลินหลาง หากที่มีใครสามารถแก้ปมในใจนี้ของเขาได้ เว่ยหลินหลางจะซื่อสัตย์ต่อคนผู้นั้นอย่างที่สุด
หลังจากที่ได้ครอบครองโอสถเก้าชีวิตหวนคืนจากจูลี่ ฟ่งอวี๋กุยก็เริ่มมีแผนการในใจ
แต่ไม่คิดว่า หลังจากที่เข้าสู่จวนตระกูลเว่ย เขาไม่เพียงไม่ได้รับการต้อนรับอย่างมีมารยาท แต่ยังเห็นผู้ที่เคยมีปัญหากับตนเองกลายเป็นแขกของจวนตระกูลเว่ย การปฏิบัติของเว่ยหลินหลางยิ่งจุดประกายเปลวเพลิงแห่งโทสะของเขา กว่าจะพยายามเก็บอาการได้และยื่นข้อเสนอการรักษาให้ช่างยากเย็น ไม่ว่าอย่างไร ฟ่งอวี๋กุยก็จะรอคำขอร้องจากเว่ยหลินหลาง
แต่ทว่า ครู่หนึ่งผ่านไป ฟ่งอวี๋กุยก็ยังคงไม่ได้ยินคำขอร้องจากปากของเว่ยหลินหลาง ยิ่งไปกว่านั้น คือ รอบๆ ได้เงียบสงบลง ทำให้เขาสัมผัสได้ว่า มีอะไร บางอย่างผิดปกติ
สายตาของเขาเคร่งขรึม พร้อมหันไปมองผู้คนที่อยู่รอบๆ
ใบหน้าของเว่ยหลินหลางนิ่งสงบ ใบหน้าของเว่ยฉีและยังมีเว่ยกว่านกว่านที่มองเขาอย่างขบขัน แต่ไอ้คนที่เห็นแล้วขัดหูขัดตาคนนั้น กลับนั่งดื่มเหล้าอยู่บนที่นั่งอย่างไม่รู้สึกรู้สา
ส่วนพวกคนที่เหลือต่างก็แสดงอาการแปลกประหลาด ราวกับอยากจะพูดอะไร แต่ไม่กล้าที่จะพูด รอยยิ้มบนใบหน้าของฟ่งอวี๋กุยหายไป เขามองเว่ยหลินหลางและพูดขึ้นอีกครั้ง ในนํ้าเสียงได้เปี่ยมล้นด้วยโทสะ “ว่าอย่างไร ท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อใจในความสามารถด้านการรักษาของข้าหรือ”
เว่ยหลินหลางที่ถูกเอ่ยชื่อ ราวกับเพิ่งจะได้สติ เผยรอยยิ้มจางๆ พลันก้มหน้าลงและพูดว่า “องค์ชายสามเข้าใจผิดแล้ว สำหรับความสามารถด้านยาขององค์ชาย สาม แซ่เว่ยมิบังอาจจะประเมินค่า เพียงแต่ว่าในตอนนี้ภรรยาของข้าได้หายดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องรักษาอีกแล้ว แซ่เว่ย ขอขอบคุณความหวังดีจากองค์ชายสามเป็น อย่างมาก”
อะไรนะ! อาการป่วยของฮูหยินของเว่ยหลินหลาง หายดีแล้ว!
ความตื่นตระหนกเกิดขึ้นในใจของฟ่งอวี๋กุย ข้อมูลที่เพิ่งได้รับนี้ แทบจะทำให้แผนการที่เขาวางไว้พังทลายลงจนหมดสิ้น
ในตอนแรก เขาคิดจะรักษาฮูหยินให้หาย และใช้คำขอบคุณของเว่ยหลินหลางในการขอลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา เพราะหากเป็นเช่นนี้ ความสัมพันธ์ของทั้ง สองก็จะไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ในขณะที่เขาได้ตำแหน่งรัชทายาท ก็จะมีผู้มีอำนาจอันยิ่งใหญ่อีกคนที่คอยสนับสนุน
ใคร? ใครกัน!
ฟ่งอวี๋กุยกวาดสายตามองไปรอบๆ กลับไม่เห็นว่าจะมีใครมีความสามารถมากพอที่จะรักษาฮูหยินได้
สำหรับเขาแล้ว ผู้ที่จะสามารถรักษาฮูหยินได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถเป็นอย่างมาก อย่างน้อยในด้านของการปรุงยา ก็แน่นอนว่าจะต้องมีความสามารถโดดเด่น
เมื่อไม่เห็นใครที่คิดว่าจะเป็นไปได้ ความคิดในใจของฟ่งอวี๋กุยก็เปลี่ยนไป และสงสัยว่าเว่ยหลินหลางโกหกเขา จึงแอบหัวเราะอย่างเย็นเยียบ และพูดกับเขาว่า “ท่านเจ้าเมืองเว่ยอย่าได้ฝืนเลย ที่ข้ามาที่นี่ ก็เพราะมีความมั่นใจในระดับหนึ่ง หรือว่าท่านทนได้ที่จะเห็นฮูหยินต้องทรมานเพราะความเจ็บปวดเช่นนี้ต่อไป ท่านจะสามารถทนเห็นคุณหนูเว่ยต้องเสียใจเกี่ยวกับอาการป่วยของท่านแม่เช่นนี้ได้อย่างไร”
เมื่อเห็นว่าฟ่งอวี๋กุยไม่เชื่อ เว่ยหลินหลางก็กระตุกมุมปาก กำลังจะอธิบาย แต่กลับไม่คิดว่า เว่ยกว่านกว่านจะส่งเสียงตะโกนแทรกเข้ามาเสียก่อน
“นี่! ท่านแม่ของข้าหายดีแล้ว เหตุใดข้าจึงต้องเสียใจ ท่านพ่อได้บอกท่านแล้ว ท่านยังจะพูดเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่ามันเป็นการสาปแช่งท่านแม่ของข้า”
“กว่านกว่านหยุดพูด” เว่ยหลินหลางกวาดสายตามามองนาง นางเงียบลงในทันที เพราะถูกเว่ยฉีดึงตัวเอาไว้ จึงนั่งลงด้วยความโกรธ
ฟ่งอวี๋กุยพยายามเก็บสายตาอันแฝงเร้นไปด้วยโทสะ เขาเคลื่อนสายตาไปที่เว่ยหลินหลาง โดยที่ไม่ตอบโต้ในสิ่งที่นางพูด เพียงแค่มองเว่ยหลินหลาง และพูดด้วยนํ้าเสียงจริงใจว่า “บางที ท่านเจ้าเมืองเว่ยอาจจะไม่เชื่อในความสามารถด้านการรักษาของข้า…” ในขณะที่พูด ก็พลิกมือ โอสถที่ส่งกลิ่นหอมอย่างรุนแรงก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา “ท่านไม่เชื่อในความสามารถของมันหรือ”
ทันทีที่เอาโอสถออกมา ทั่วทั้งห้องโถงก็มีกลิ่นหอมอันรุนแรงแผ่กระจายออกไป
แม้แต่มู่ชิงเกอผู้ที่ทั้งไม่สนใจและนั่งดื่มเหล้าของตนเองอยู่เงียบๆ ก็ได้เงยสายตาขึ้นมอง ดวงตาอันสดใสกวาดผ่านโอสถที่วางอยู่ในฝ่ามือของเขา
“ซี๊ดดด นี่มันโอสถอะไรกัน เหตุใดได้กลิ่นแล้วจึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเช่นนี้” “แน่นอนว่า ระดับของโอสถนี่ จะต้องเป็นโอสถระดับสูงอย่างไม่ต้องสงสัย”
“โอสถระดับสูงอย่างนั้นหรือ หากได้ครอบครองสักเม็ด จะต้องแลกด้วยชีวิตครึ่งชีวิตข้าก็ยอม!”
เหล่าทหารของเว่ยหลินหลาง ต่างก็หลงใหลอยู่ในกลิ่นหอมของโอสถนั่น ความจริงแล้ว แม้กระทั่งเว่ยหลินหลางเอง ในขณะที่เห็นโอสถเม็ดนั้น ในสายตาก็ดูสงสัยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม โอสถระดับสูงเป็นสิ่งที่หายากมาก
องค์ชายสามผู้นี้มีโอสถระดับสูง ดูเหมือนว่าจะมีการวางแผนก่อนมาและมิได้พูดเล่น
‘เพียงแต่ว่า เมื่อครู่นี้ เขาบอกว่าตนเองมีความรู้เรื่องยา และในตอนนี้ก็เอาโอสถเช่นนี้ออกมา หรือโอสถนี่จะเป็นโอสถที่เขา…’ ในใจของเว่ยหลินหลางเกิดตื่นตะลึงขึ้นมา แต่ยังคงรักษาความนิ่งสงบ
เมืองจื้อห่างจากเมืองถัวไกลมาก ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเพราะโอสถเก้าชีวิตหวนคืน ผู้คนในจวนตระกูลเว่ยจึงไม่รู้
อีกประการหนึ่ง ฟ่งอวี๋กุยเอาโอสถออกมา แต่ไม่ได้บอกชื่อของมันอย่างชัดเจน ท่ามกลางความตื่นตระหนก นอกจากเจ้าของตัวจริงและคนที่เคยเห็นแล้ว จะมีใครที่เอาโอสถนี้ไปโยงกับโอสถระดับสูงที่ก่อความวุ่นวายให้เมืองจื้อนั้นได้
“องค์ชายสาม นี่มัน…” เว่ยหลินหลางมองโอสถเม็ดนั้นแล้วถามด้วยนํ้าเสียงอันเคร่งขรึม
ในที่สุดก็ทำให้เว่ยหลินหลางเกิดความสนใจจนได้ ในสายตาของฟ่งอวี๋กุยแฝงความได้ใจ
นิ้วมือทั้งห้าของเขาประสานกัน เขากำโอสถเอาไว้ในฝ่ามืออย่างแน่นหนา เพื่อบดบังสายของของทุกคนที่มองมา ทำให้ในส่วนลึกของสายตาของทุกคนต่างฉายแววผิดหวัง
มู่ชิงเกอเพียงยิ้มและไม่ได้พูดอะไร
สองพี่น้องตระกูลเว่ยนงอยู่ข้างหลังเว่ยหลินหลาง จึงถูกบังไม่น้อย เพราะคำอุทานของคนรอบข้าง ทำให้พวกเขาอยากจะเห็นให้ชัดๆ แต่ยังไม่ทันได้เห็นเต็มตา โอสถก็ถูกฟ่งอวี๋กุยเก็บกลับไป ในตอนนี้ จึงทำได้เพียงแค่หดคอที่ยื่นออกไปและนั่งอย่างอึดอัดอยู่กับที่
“ท่านเจ้าเมืองเว่ย นี่คือโอสถชุบชีวิตที่ข้าได้ปรุงขึ้น โอสถนี้มีขั้นตอนการปรุงที่ยากยิ่งนัก ข้าทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ จึงปรุงออกมาได้เม็ดหนึ่ง โอสถนี่มี สรรพคุณในการรักษา 108 โรค เมื่อคิดถึงท่านเจ้าเมืองเว่ยที่เป็นทุกข์เพราะอาการป่วยของฮูหยิน ข้าจึงได้รีบมาที่นี่” ฟ่งอวี๋กุยกระตุกยิ้มจางๆ ความได้ใจที่สะท้อนออกมาจากสายตายากที่จะเก็บซ่อนได้ “โอสถชุบชีวิตอย่างนั้นหรือ ราวกับจะเคยได้ยินชื่อนี้!” เสียงของเว่ยฉีได้ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
“เคยได้ยินอะไรกัน ก็เขานั่นแหละที่พูด เจ้าจำไม่ได้แล้วหรือ ตอนที่อยู่ในเมืองฮ่วน เขาได้เคยพูดถึงโอสถชุบชีวิตมิใช่หรือ” เว่ยกว่านกว่านรีบพูดเสริม
คำพูดของพี่น้องตระกูลเว่ย ทำให้สีหน้าของฟ่งอวี๋กุยแย่ลงในทันที
ทั้งสองช่างไม่ใช่เห็นฐานะองค์ชายอย่างเขาอยู่ในสายตา หากไม่ใช่เพราะท่านพ่อของพวกเขาคือเว่ยหลินหลาง เขาคงจะสั่งคนให้ไปสังหารพวกเขาให้สิ้นซาก!