Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1092

บทที่ 1092 เหตุใดยังใช้นางเป็นเหยื่อล่ออีกเล่า

นํ้าเสียงท่านเจ้าผมเงินเย็นชา “อู๋เหยียนควบคุมร่างนั้นได้ไม่ค่อยดี ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว นางเดินทางล้วนหอบหายใจอยู่ตลอด เหยียนนั่วจึงพานางไปพักที่โรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง ดูแลให้กินอยู่อย่างดี บอกว่าแจ้งให้ทูตสวรรค์ฝ่าย้ายทราบแล้ว ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะมาพบนาง…”

หลงฟั่นขมวดคิ้ว “เช่นนี้ก็หารังกบดานของเขาไม่พบแล้วสิขอรับ?”

“เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า? เขาก็หาแหล่งกบดานของเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่พบเหมือนกัน! ทุกคนก็ไม่ต่างกันหรอก ตอนนี้ผู้คุ้มกันทั้งสี่คนของเขาล้วนถูกเขาส่งออกไปสืบหาที่อยู่ของเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยามที่เขาปรากฏตัวอีกครั้งคาดว่าจะอยู่เพียงลำพัง มีอู๋เหยียนคอยเป็นไส้ศึกอยู่ คาดว่าสามารถสังหารเขาได้ในคราเดียว!” ประกายดุดันวาบผ่านนัยน์ตาท่านเจ้าผมเงิน

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” หลงฟั่นถอนหายใจ “เพียงแต่ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่าเรื่องราวมิได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น ทักษะการเล่นละครของอู๋เหยียนคงจะหลอกได้เพียงเหยียนนั่วผู้นั้น เมื่อพบหน้าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเข้าจริงๆ ด้วยความสามารถของตี้ฝูอี เกรงว่าจะแยกแยะเท็จจริงออกอย่างรวดเร็ว ไม่แน่ว่าจะยอมติดกับของพวกเรา…”

ท่านเจ้าผมเงินเอ่ยว่า “อันที่จริงข้าก็ไม่ได้คาดหวังให้อู๋เหยียนสามารถหลอกตี้ฝูอีได้จริงๆ หรอก เพียงแต่หากเขาทราบว่าสังขารนั้นเป็นตัวปลอม จะต้องหาทางตามหาตัวจริงเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นซีจิ่วก็จะเป็นตัวหมากสำคัญที่หลอกล่อให้เขาติดกับ”

หลงฟั่นเงียบไปครู่หนึ่ง “ท่านชอบซีจิ่วมิใช่หรือ? เหตุใดยังใช้นางเป็นเหยื่อล่ออีกเล่า?”

ท่านเจ้าผมเงินมองเขาครู่หนึ่ง “หลงฟั่น เจ้าเข้าใจอะไรข้าผิดไปหรือเปล่า?”

“อะไรหรือขอรับ ?”

“ในใจเจ้ารู้สึกว่าข้าเป็นประเภทที่ยอมสละแผ่นดินเพื่อหญิงงามเมื่อไหร่กัน?”

หลงฟั่นนิ่งงัน

ท่านเจ้าผมเงินตบไหล่เขาเบาๆ “หลงฟั่น ถึงเจ้าจะมีประสบการณ์ข้ามภพแล้ว ถึงแม้ความสามารถบางอย่างจะพิสดารยิ่งนัก แต่ความคิดบางอย่างไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ เอาล่ะ พวกเราอย่าสนทนาเรื่องพวกนี้เลย เลี่ยงไม่ให้เจ้าและข้าต้องรู้สึกกร่อย ร่างอันสูงส่งของข้า ค้นคว้าถึงไหนแล้ว? เจ้าสร้างร่างโคลนนิ่งได้มากมายถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงสร้างร่างอันสูงส่งของข้าไม่ได้เสียทีเล่า?”

ใบหน้าหลงฟั่นราบเรียบไร้อารมณ์ “ท่านเจ้าต่างจากคนทั่วไป ความต้องการสูง ข้าน้อยเพียงอยากสร้างให้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ…”

“”เช่นนั้นจะสำเร็จเมื่อไหร่? คงมิใช่ว่าต้องรออีกหลายสิบปีกระมัง?”

หลงฟั่นนวดหว่างคิ้ว “อันที่จริง ความต้องการของท่านเจ้าสูงเกินไป…วางใจเถอะขอรับ อย่างมากก็หนึ่งเดือนอย่างน้อยก็ครึ่งเดือน ข้าน้อยสามารถคืนชีพให้ท่านเจ้าอย่างสมบูรณ์ได้แน่นอน สังขารใหม่จะมีระดับพลังวิญญาณเริ่มต้นที่ขั้นเก้า…”

ท่านเจ้าผมเงินถอนหายใจอย่างโล่งอก “เช่นนั้นก็พอไหว”

มีเพียงต้องใช้ร่างกายที่สมบูรณ์แบบเช่นเดียวกับร่างกายดั่งเดิมเขาถึงจะกระทำบางเรื่องอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมได้ ยกตัวอย่างเช่นร่วมหอกับสตรีในดวงใจ…

….

ภายในตำหนักใต้ดินแห่งนี้ไม่แบ่งแยกทิวาราตรี ถึงขั้นที่ไม่มีแม้แต่นาฬิกาทรายบอกเวลาด้วยซํ้า

กู้ซีจิ่วเองก็ไม่ทราบว่าตนอยู่ที่ตำหนักใต้ดินแห่งนี้มานานเท่าไหร่แล้ว คาดว่าน่าจะสองวันแล้ว สองวันมานี้นอกจากกินกับนอนแล้ว เธอก็แค่เดินเล่นเท่านั้น วนไปวนมาอยู่ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้

ตำหนักใต้ดินแห่งนี้ถึงแม้จะใหญ่โตนัก แต่กลับมีคนไม่มาก ประมาณหนึ่งร้อยคน แต่ละคนล้วนเป็นมือดีทั้งสิ้น มีผู้ที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นหกขึ้นไปอยู่ครึ่งหนึ่ง และที่พำนักของแต่ละคนก็เป็นความลับด้วย เดี๋ยวมาเดี๋ยวไป วรยุท์ที่ใช้ก็ค่อนข้างประหลาด

บนแผ่นดินนี้ผู้ที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นหกได้มีน้อยนิ่งนัก

จริงๆ ก่อนหน้านี้หรงเจียหลัวที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นหกตอนกลางได้ก็ถูกเรียกขานว่าอัจฉริยะพลังวิญญาณแล้ว แต่ที่นี่มีผู้ที่บรรลุงพลังวิญญาณขั้นหกขึ้นไปอยู่กว่าห้าสิบคน นี่เห็นได้ชัดยิ่งนักว่าผิดปกติเกินไป กู้ซีจิ่วสงสัยว่าคนเหล่านี้อาจถูกหลงฟั่นดัดแปลงพันธุกรรม ด้วยนิสัยพิลึกของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนี้ เขาทำได้แน่!

กู้ซีจิ่วทำตัวเสมือนพวกถํ้ามอง ชมดูอยู่ด้านในเหมือนขี่ม้าชมบุปผา ทว่าไม่มีใครขัดขวางเธอเลย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!