Skip to content

สู่วิถีอสุรา 702

ตอนที่ 702 กลืนกินเจ้า

ตอนที่เสียงคำรามเหล่านั้นแว่วเข้ามา มีเสียงหัวเราะด้วยความชั่วร้ายแฝงอยู่ด้วย เสียงหัวเราะนี้ไม่มีเจตนาร้ายต่อซูหมิงเท่าไรนัก ถึงอย่างไรกลิ่นอายมรณะในตัวซูหมิงก็เป็นส่วนหนึ่งของหมอกมรณะหยินอยู่แล้ว

ทว่ากระบี่ครามต่างออกไป มันรับแรงกดดันสูงมาก โดยเฉพาะแรงกดดันสามสายเมื่อครู่ที่พุ่งชนอย่างแรง ทำให้มันแทบจะรับไม่ไหว

แรงกดดันสามสายที่เทียบเท่ากับยอดฝีมือก้าวที่สามของเซียนมาพร้อมกับความชั่วร้ายและดิบเถื่อน มันส่งกลิ่นอายมรณะหยินเข้าไปในตัวกระบี่ครามโดยตรง ทำให้กระบี่ครามส่งเสียงร้องกระบี่เหมือนจะรับไม่ไหว

ยามนี้กระบี่ครามอ่อนแสงลงไม่น้อย แต่ก็ยังมีส่วนที่คมกริบอยู่ มันตรงไปหาซูหมิงพร้อมส่งเสียงลากยาวเฉียบคม ซูหมิงจึงกัดฟันหยุดนิ่งอยู่ตรงชายขอบของหมอก ไม่มุ่งหน้าต่อไป

นี่เป็นการหยุดครั้งที่สองของเขาหลังจากถูกกระบี่ครามล่าสังหาร แทบเป็นวินาทีที่ขาสองข้างซึ่งฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์หยุดชะงัก เขาก็ยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือแล้วสะบัดไป

ซูหมิงใช้ความเร็วสูงสุดทำสัญลักษณ์มือต่างกันเก้าสิบเก้าครั้ง

ครั้นเสร็จสิ้นการทำสัญลักษณ์มือ กระบี่ครามก็เข้ามาใกล้เขาไม่ถึงหลายสิบจั้งแล้ว กลิ่นอายเฉียบคมบีบไปหาเขา ในกลิ่นอายพลังนี้มีจิตสังหาร ราวกับว่าหากเขาไม่ตายจะไม่ยอมเลิกรา

“เก้าแปรสิบเปลี่ยน เสียงรวมเป็นหนึ่ง!” ช่วงที่กระบี่ห่างเพียงสิบจั้ง ซูหมิงคำรามเสียงต่ำ ทำสัญลักษณ์มือขวาแล้วสะบัดไป ส่วนมือซ้ายยกขึ้นทำสัญลักษณ์มือต่างกันอีกจำนวนมากครั้ง จากนั้นนำสองมือประกับกัน นัยน์ตาฉายประกายพิลึก

“เก้าแปร เปลี่ยนเป็นหยิน!” ซูหมิงคำรามเสียงต่ำ จิตใจกับงูน้อยเชื่อมต่อกัน ฉับพลันนั้นมีกลิ่นอายพลังจู๋จิ่วอินระเบิดออกมาจากร่างเขา ก่อนร่างกายตนจะบิดเบี้ยวในทันใด แทบเป็นวินาทีที่กระบี่ครามเข้ามาใกล้ เขาก็หายแล้วไป สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามันคือจู๋จิ่วอินยักษ์!

นี่คือวิชาสิบแปรเปลี่ยนของซูหมิง!

จู๋จิ่วอินสามารถกินฟ้าดินและดารา ดวงตามันแทนที่ตะวันจันทราและฟ้ากระจ่างดาว วินาทีที่กลายเป็นจู๋จิ่วอิน กระบี่ครามก็ปะทะกับจู๋จิ่วอินร่างแปลงซูหมิงในทันใด

เสียงโครมครามดังสนั่น เสียงกึกก้องอย่างรุนแรงส่งผลให้หมอกมรณะหยินม้วนตลบออกไปรอบๆ ท่ามกลางเสียงระเบิด ยังมีเสียงหัวเราะแว่วมาจากในหมอกพร้อมกับคำพูดชั่วร้าย

“ไม่อยากเชื่อว่าจะแปลงเป็นจู๋จิ่วอินได้ ไม่เลวเจ้าหนุ่ม เพิ่มแรงอีกนิด จำกัดมันเสีย!”

“บังอาจเผยกลิ่นอายแสงสว่างหยางในแดนศักดิ์สิทธิ์มรณะหยิน ของเล่นน้อยชิ้นนี้ใจกล้าไม่เบา ต่อให้เป็นวิญญาณกระบี่ของยอดฝีมือหรือกระทั่งคนที่แกร่งกว่าจากเผ่าเซียน ก็ยังไม่กล้าอวดดีเช่นนี้ในแดนศักดิ์สิทธิ์มรณะหยิน เจ้าหนู หากเจ้าไม่กำจัดมันวันนี้ ข้าจะกำจัดเจ้าแทน!”

“ออกแรงหน่อย ย่าเจ้าเถอะ หรือว่าเจ้าหนูนี่ยังไม่ได้กินข้าวมา?”

เสียงเหล่านั้นแฝงไว้ด้วยเสียงหัวเราะพิลึกพิลั่น ดังแว่วมาจากในหมอกไม่หยุด ทว่าซูหมิงไม่มีเวลาไปสนใจ พลานุภาพของกระบี่ยังคงรุนแรงอยู่ ทันทีที่ปะทะกับร่างจู๋จิ่วอินก็เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง ขณะเดียวกัน ร่างจู๋จิ่วอินพลันระเบิดกระจายแล้วกระเด็นถอยไปอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าร่างกายจะสลายไปทั้งหมด

ทว่าจังหวะเดียวกับที่ร่างระเบิดออก จู๋จิ่นอินอ้าปากกว้างสูบหมอกมรณะหยินจากรอบๆ เข้ามา หมอกมรณะหยินมหาศาลม้วนเข้ามาในทันที ก่อนตรงเข้าสู่ปากใหญ่ของมัน หลังจากถูกสูบอย่างบ้าคลั่งแล้วก็เข้าต่อต้านกับพลานุภาพกระบี่ครามในร่างกาย

เสียงระเบิดดังอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การต่อต้านกัน สุดท้ายร่างจู๋จิ่วอินของซูหมิงเหลือไม่ถึงครึ่ง ร่างที่เหลืออยู่ตอนนี้กลายเป็นควันสลายหายไป

ความเจ็บปวดแล่นอยู่ในใจเขา ดวงตาแดงก่ำ กระทั่งดวงตาจู๋จิ่วอินซึ่งลืมขึ้นโดยพลันยังฉายประกายพิลึกและเต็มไปด้วยเส้นเลือด จ้องที่กระบี่ครามเขม็ง

การโจมตีของกระบี่ยังไม่อาจสังหารซูหมิงในร่างจู๋จิ่วอินได้ ท่ามกลางเสียงโครมคราม ตัวกระบี่ถูกหมอกมรณะหยินที่หลั่งทะลักเข้าไป ทำให้สีของมันมัวหมองกว่าเดิมเล็กน้อย ตอนนี้กระบี่ส่งเสียงเล็กแหลม มันหมุนตัวกลับ ครั้งนี้ไม่พุ่งไปหาซูหมิง แต่พุ่งออกไปนอกหมอก

มันอยากออกไปจากที่นี่ มีเพียงหนทางนี้เท่านั้น มันจึงจะได้สูบพลังฟ้าดินจากรอบๆ เพื่อขจัดกลิ่นอายมรณะหยินในร่างออกไป และเพิ่มพลานุภาพของกระบี่ให้แกร่งขึ้นด้วย

มันเล็งเป้าซูหมิงเอาไว้แล้ว ไม่ว่าซูหมิงอยู่ที่ใด มันจะไล่ตามไปได้ในพริบตาเดียว ทว่าตอนนี้มันต้องการเวลาหายใจสักช่วงหนึ่งเพื่อสูบพลังฟ้าดินให้เพียงพอ

ฉะนั้นมันจึงเลิกล่าสังหารซูหมิงชั่วคราว เวลานี้ห้อเหยียดไป พริบตาเดียวก็จะพุ่งออกจากหมอกอยู่แล้ว ทันใดนั้นแรงกดดันสามสายจากในส่วนลึกน้ำวนหมอกก็กลายเป็นเสียงตะโกน

“บัดซบ ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะให้มันหนีไป เหตุใดเจ้าไม่กำจัดมัน!”

“เจ้าหนู แม้แต่กระบี่ยังกำจัดไม่ได้ เจ้ายังเรียกตัวเองว่าเทพหมานของโลกข้างล่างได้อยู่อีกรึ?”

“ขยะ ขยะ ขยะตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้าไม่กำจัดมัน เจ้าก็ต้องถูกมันกำจัด!” ในเสียงตะโกนชั่วร้ายสามเสียงนั้นไม่มีความโกรธแค้น ทว่าตั้งแต่ซูหมิงหนีกระบี่ครามอยู่ในหมอกจนถึงตอนนี้ สามเสียงนั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ให้ความรู้สึกน่ารำคาญยิ่งนัก

หากเป็นตอนปกติคงไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้ซูหมิงบาดเจ็บสาหัส เดิมทีนึกรำคาญอยู่แล้ว สามเสียงนี้บ่นไปบ่นมาอยู่นั่น ซูหมิงจึงอดไม่ไหว เงยศีรษะใหญ่ยักษ์ของจู๋จิ่วอินส่งเสียงคำรามไปทางหมอก

“หุบปาก!”

เสียงคำรามนี้กระจายไปในหมอกดุจดั่งสายฟ้าผ่า ช่วงที่ดังออกไป สามเสียงนั้นพลันนิ่งเงียบ ราวกับค่อนข้างเหลือเชื่อที่ซูหมิงกล้าเสียงดังกับพวกมัน

แทบจะขณะเดียวกับที่ซูหมิงส่งเสียงคำราม กระบี่ครามออกไปนอกน้ำวนหมอกครึ่งหนึ่งแล้ว พริบตาเดียวจะวูบไหวออกไปทั้งหมด หากมันออกจากหมอกมรณะหยิน อีกไม่นานจะระเบิดพลังแก่กล้าออกมา เว้นแต่ซูหมิงจะไม่ออกจากน้ำวนมรณะหยินนี้ไปชั่วชีวิต มิเช่นนั้นแล้ว หากออกไปจะต้องเป็นอันตรายอย่างแน่นอน

อีกทั้ง…มีโอกาสสูงมากที่กระบี่ครามฟื้นตัวข้างนอกจนสมบูรณ์แล้วจะกลับเข้ามาในหมอกอีกครั้ง นอกเสียจากซูหมิงจะอยู่ในส่วนลึกของหมอก มิเช่นนั้นแล้วจะเป็นอันตรายเหมือนกัน นี่คือโอกาส กล่าวได้ว่านี่คือโอกาสเดียวที่เขาจะทำลายกระบี่เล่มนี้ได้ นัยน์ตาเขาแดงก่ำ ทำให้ดวงตาจู๋จิ่วอินฉายแววคลุ้มคลั่ง วินาทีที่กระบี่ครามจะออกจากหมอก จู๋จิ่วอินพลันอ้าปากกว้างสูบไปทางกระบี่คราม!

จู๋จิ่วอินสามารถกลืนภูเขาและแม่น้ำ กระทั่งจู๋จิ่วอินโตเต็มวัยยังกลืนกินโลกได้ทั้งใบ พรสวรรค์อันแก่กล้านี้น่าสะพรึงเป็นอย่างยิ่ง

แม้ร่างจู๋จิ่วอินของซูหมิงยังเป็นตัวอ่อน ทว่า…ในจิตใจเขามีคำอวยพรของจู๋จิ่วอินกับพลังแห่งหนึ่งโลกอยู่ ทำให้การกลืนกินมีความเป็นไปได้ไม่มีสิ้นสุด

ทันทีที่สูบเข้ามา หมอกมรณะหยินทั้งหมดรอบตัวกระบี่ครามที่ออกไปข้างนอกครึ่งหนึ่งแล้วพลันม้วนตลบกลับมา เหมือนกับว่ามีแรงสูบมหาศาลจนไม่อาจบรรยายแผ่กระจายไป

หมอกมรณะหยินม้วนกลับมายังปากใหญ่ของจู๋จิ่วอินพร้อมกัน ในเวลาเดียวกันยังมีพลังฟ้าดินภายใต้หมอกเล็กน้อยถูกสูบมาด้วยอย่างไร้การควบคุม ส่วนกระบี่ครามเปล่งแสงสีครามเด่นชัด หมายจะพุ่งออกจากการกลืนกินของจู๋จิ่วอิน

ซูหมิงดวงตาแดงก่ำ ก่อนโผล่ร่างออกมาจากศีรษะจู๋จิ่วอิน เขาจ้องกระบี่ครามเขม็ง พลังในร่างกายระเบิดออกมาทั้งหมดเพื่อเร่งใช้อภินิหารสิบแปรเปลี่ยน ยังผลให้การกลืนกินของจู๋จิ่วอินทรงพลังยิ่งขึ้น

“อยากสังหารข้า ข้าก็จะกินเจ้าก่อน!” ซูหมิงคำรามด้วยสีหน้าดุร้าย เศษพลังแห่งหนึ่งโลกที่ละลายในจิตใจ ยามนี้ปะทุออกมาจากการผสานรวมกับจู๋จิ่วอิน

ความว่างเปล่ารอบๆ กระบี่ครามพลันแตกกระจาย แม้แต่มวลอากาศยังบิดเบี้ยว เหมือนมีเส้นจำนวนหนึ่งม้วนไปยังปากใหญ่ของจู๋จิ่วอิน

ขณะกระบี่ครามถูกสูบไป มันก็พยายามฝืนต้าน อยากจะทำลายทุกอย่างเพื่อเดินหน้าไป แต่ตอนนี้ซูหมิงจะให้มันหนีไปได้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาจะกลืนกินกระบี่เล่มนี้ ส่วนเหตุการณ์หลังจากนี้เขายังไม่มีเวลาตรึกตรอง ทว่าก็ดีกว่าปล่อยให้กระบี่ครามออกจากน้ำวนมรณะหยินไปสูบพลังฟ้าดินอย่างแน่นอน

“ระหว่างอดีตกับอนาคต คือซู่มิ่ง!” ซูหมิงยกสองมือขึ้น มือซ้ายเอาหลังมือตั้ง มือขวาเอาหลังมือลง หลังจากเอาสองมือประกบกัน ทุกอย่างรอบๆ พลันย้อนกลับ กระบี่ครามสั่นสะท้านก่อนถอยหลังมา

พลังแห่งซู่มิ่ง การกลืนกินฟ้าดินของจู๋จิ่วอิน บวกกับกระบี่ครามถูกหมอกมรณะหยินกัดกร่อนและยังถูกแรงกดดันแก่กล้าสามสายบีบอัดจนมัวหมอก ในที่สุดมันก็เริ่มถอยกลับมา

ทว่ากระบี่เล่มนี้ทรงพลังอย่างยิ่ง แม้จะถอยมา แต่ถอยมาได้สิบกว่าจั้งก็หยุดนิ่ง ตัวกระบี่พลันหมุนกลับ มันไม่ออกไปจากหมอกและการกลืนกินของจู๋จิ่วอินอีก แต่เปล่งแสงสีฟ้าสว่างจ้าแสบตา ก่อนปะทุกลิ่นอายชั่วร้ายกับจิตสังหาร ไหลไปตามแรงสูบกับการย้อนเวลา ตรงไปยังปากใหญ่ของจู๋จิ่นอินพร้อมกับเสียงลากยาวแหลมแสบแก้วหู

สองฝ่ายเข้ามาใกล้กันในพริบตาเดียว ก่อนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอยู่ภายในหมอก ท่ามกลางเสียงอึกทึกนั้น จู๋จิ่วอินกลืนกระบี่ครามเข้าไป แต่ร่างกายมันกลับพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ในชั่ววินาทีเดียว หลังจากร่างพังทลายลง ซูหมิงขยับวูบไหวออกมา ครั้งนี้ไม่ใช่การกินของจู๋จิ่วอิน แต่เป็นการกินของตัวเขาเอง ทันทีที่ปรากฏตัวก็มีแสงสีครามหลายเส้นระเบิดภายในร่างกายเขา เห็นได้ชัดว่าใต้ผิวหนังมีแสงสีครามไหลเวียนอยู่ แสงสีครามนั้นก็คือกระบี่คราม!

ความเจ็บปวดรุนแรงปั่นป่วนในร่างกายซูหมิง ทว่าสีหน้ากลับดุร้าย และยังมีความแน่วแน่ เขาโคจรพลังในร่างกายพลางสูบหมอกมรณะหยินจากรอบๆ มาอย่างบ้าคลั่งเพื่อกำราบกระบี่สังหารเล่มนี้!

“….ดี ข้าจะให้อภัยที่เจ้าตะคอกข้าเมื่อครู่ เจ้าหนู เจ้ามีความกล้าดี ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้ากินกระบี่เล่มนี้ไป…”

“ฮ่าๆ กินได้ดี จงหลอมมันเสีย เปลี่ยนมันเป็นของวิเศษของเจ้า หลอมมันเป็นกระบี่แห่งมรณะหยิน ย่าเจ้าเถอะ หากเจ้าไม่ตาย จากนี้ไปเจ้ามาแดนศักดิ์สิทธิ์มรณะหยินได้ตามใจชอบเลย!”

ซูหมิงร้องคำรามเสียงแหลม ร่างกายเขาระเบิดหมอกโลหิตออกมาจำนวนมากในฉับพลัน หมอกโลหิตนั้นเป็นสีคราม ทั้งยังมีแสงสีครามหลายเส้นเปล่งมาจากในร่างกาย เห็นได้ชัดว่ากระบี่ครามกำลังทำลายล้างอยู่ในกายซูหมิง และพยายามจะพุ่งออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version