Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 113



HH

บทที่ 113 อันที่จริง ข้าก็มีเจ้าใหญ่นายโตช่วยเหลือเหมือนกัน! (ต้น)

เป่ยเฉินก้าวตรงมาที่เยี่ยฉวน ลำแสงสีเขียวทอประกายเรืองรองอยู่กลางฝ่ามือของนาง

หญิงสาวไม่อาจดูแคลนชายหนุ่ม หากจะกล่าวให้ถูก นางไม่อาจดูแคลนใครที่นี่ทั้งสิ้น! ไม่ว่าคนผู้นั้น

จะเป็นใคร หากขัดขวางนางจะกำจัดไม่เหลือ!

เขาจับตามองเป่ยเฉินที่เคลื่อนที่เข้ามา ความรู้สึกสิ้นหวังบังเกิดในใจ “คนผู้นี้ คงไม่รู้จักความยุติธรรม!”

หยุดความคิดทุกอย่าง ชายหนุ่มยกกระบี่ขึ้นและโยนความคิดอื่นออกไป “ในเมื่อนางไม่ยอมเลิกราและเป็นมิตร ฉะนั้นจงมาสู้กัน!”

นี่คือความรู้สึกภายในใจของชายหนุ่ม!

เมื่อเห็นเยี่ยฉวนเตรียมพร้อมต่อสู้ เป่ยเฉินจึงแสยะยิ้มมุมปาก ทันใดนั้นร่างของนางพลันเลือนหายไป ครู่ต่อมาจึงปรากฏเงาวูบอยู่ในลานกว้าง

ตู้ม!

ในชั่วพริบตาก็ได้บังเกิดเสียงดังสนั่น เยี่ยฉวนหวนกลับมาที่ประตูกระท่อมไม้ไผ่ทันที

เป่ยเฉินยังนิ่งอยู่ ณ จุดเดิม!

เห็นดังนั้น เยี่ยฉวนจึงกระชับกระบี่หลิงเซี่ยวในมืออย่างมั่นคง แววตาฉายความมุ่งมั่น “นางไม่ธรรมดา

เลย!”

ฝ่ายตรงข้ามยังคงมีแววตามุ่งมั่นไม่ย่อหย่อน คงมีแต่ยอดฝีมือที่แท้จริงเท่านั้นจึงรับรู้ความกล้าแกร่ง

ของฝ่ายตรงข้ามได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ประมือ เมื่อแรกประมือกับชายหนุ่ม เป่ยเฉินจึงรู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ง่าย

ด้วยความกล้าแกร่งของคู่ต่อสู้มีมากยิ่ง!

เป่ยเฉินกำลังคิดออกพลังเข้าต้านทานอีกครา ทว่าฉับพลันนั้นเอง จู่ๆ องค์หญิงเก้าก็ได้ทะยานออก

จากกระท่อมไม้ไผ่อย่างไม่คาดฝัน

ฝ่ายตรงข้ามพลันชะงักกึก ทางด้านเยี่ยฉวนเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน!

องค์หญิงขยับเข้าใกล้เยี่ยฉวน แววตาเยือกเย็นจ้องมองฝ่ายตรงข้ามซึ่งอยู่ไม่ไกล “เจ้าต้องการสู้หนึ่ง

ต่อสอง?”

ว่าแล้วจึงขยับมือขวาเลื่อนปลายนิ้วไปแตะที่เอวซึ่งเหน็บดาบโค้งทองคำ

ดาบโค้งทองคำเกิดแรงสั่นสะเทือนน้อยๆ ก่อให้เกิดลำแสงแห่งดาบกระจายวาบออกมา!

เป่ยเฉินปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ “ทรงใช้ทักษะยุทธ์ขั้นปฐพีทั้งๆ ที่อยู่ขั้นพลังทะยานสวรรค์

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พระองค์สูญเสียพลังจนพระวรกายบอบช้ำ ต้องใช้เวลาผสานพลังในสองวันจึงฟื้นคืน..นี่พระองค์ยังคิดที่จะแสดงกลไร้สาระนั่นอีกหรือ!”

พูดจบ นางพลันทะยานดิ่งเข้าหาองค์หญิงเก้าและเยี่ยฉวน

ความมั่นใจอย่างแรงกล้า!

ขณะสายตาจับจ้องความเคลื่อนไหวของเป่ยเฉิน ชายหนุ่มพลันกดปลายเท้าลงบนพื้นดิน ก่อนส่งแรง

ผลักดันให้ร่างพุ่งทะยานออกไปข้างหน้าพร้อมกระบี่ที่กระชับแน่นในอุ้งมือ แต่ถึงกระนั้น เมื่อพลังของชายหนุ่ม

เข้าปะทะ มันกลับถูกอีกฝ่ายใช้ฝ่ามือสกัดกั้นเอาไว้ได้ เป่ยเฉินจึงยกมือขึ้นสกัดปรากฏแสงเขียวจางใจกลาง

ฝ่ามือด้วยเช่นกัน!

ขณะเดียวกัน เยี่ยฉวนพลันเลื่อนไหลแผ่วพริ้วและตวัดคมกระบี่เข้าหากลางลำตัวที่งอพับลงของนาง

ทว่าอีกฝ่ายกลับเบี่ยงหลบคมกะบี่ด้วยว่องไว พร้อมเหยียดออกมือซีดราวเนื้อหยกยันพื้นพลิกตลบหลบหลีก

คมกระบี่

แต่ทว่าเยี่ยฉวนกลับอาศัยจังหวะดังกล่าวตวัดกระบี่ออกทางด้านข้าง โดยหันด้านคมเข้าหาเป่ยเฉินอีกเป็นสองคำรบ

ฟู่!

ลำแสงพุ่งออกส่องสว่างประกายเจิดจ้าจากกระบี่ของเยี่ยฉวน!

อีกฝ่ายผงะถอยหลังเพื่อหลบเลี่ยงพลังปะทะแห่งกระบี่ ทว่าฉับพลันก็ได้มีพลังร้อนแรงจากดาบโค้ง

ทองคำที่กำลังฟาดฉับลงมาจากอากาศเบื้องบนเหนือศีรษะ!

นางเหลือบมองทางหางตานิดหนึ่ง จากนั้นจึงกดฝ่ามือลงฉับพลัน

ตู้ม!

ลำแสงสีเขียวพุ่งปลาบออกจากร่าง

ผัวะ!

ขณะที่ลำแสงสีทองเจิดจ้าแห่งดาบทองคำวูบลง ลำแสงสีเขียวกลับแตกกระจายออกเช่นกัน ร่างของ

เป่ยเฉินกระเด็นออกไปไกลหลายจั้ง!

นางเขม้นมองมาทางองค์หญิงเก้าจากในระยะห่าง “ทรงกล้าออกพลังปะทะ!”

เสียงคำรามลอดไรฟันตอบกลับไป “ข้าเป็นลูกหลานสายเลือดสีน้ำเงิน ย่อมสามารถเยียวยาชีวิตได้ ไม่ใช่หรือไง?”

ได้ยินดังนั้น นางย่นหัวคิ้วอย่างลังเล ทว่ากลับคลายออกทันทีพลางแสยะยิ้ม “อย่างนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้น ข้าอยากเห็นเหมือนกัน ว่าจะทรงออกพลังได้สักกี่หน?”

พลันตั้งท่าจะเข้าต้านทาน ชั่ววินาทีนั้นร่างขององค์หญิงเก้าได้พุ่งทะยานขึ้นสู่อากาศ ขณะเดียวกันมือขวาของนางก็ได้กำด้ามดาบโค้งทองคำที่เอวอย่างแน่นหนา

ฉับพลันนั้นเอง พลังรุนแรงได้ผลักระเบิดออกจากร่าง!

“ทักษะยุทธ์ขั้นปฐพี!”

เป่ยเฉินหรี่ตาลงด้วยเห็นท่าไม่ดี ในตอนนั้นเองนางพลันกลับหันหลัง ก่อนจะกระโดดลอยตัวโผล่ตรงโน้นตรงนั้นหลบหนีออกไปจากสถานที่ ในไม่ช้าก็หายลับไปจากสายตาของเยี่ยฉวนและองค์หญิงเก้า

แน่ชัดว่านางไม่คิดที่จะเผชิญหน้ากับทักษะยุทธ์ขั้นปฐพีขององค์หญิงเก้า! หาใช่เพราะเกรงกลัวต่อ

องค์หญิงเก้า แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายต่างพ่ายแพ้และบาดเจ็บล้มตาย ย่อมไม่มีใครได้ประโยชน์ กลายเป็นบุคคลที่

สามจะเข้ามาชุบมือเปิบหยิบชิ้นปลามัน!

หลายคนจ้องที่จะคอยหยิบชั้นปลามัน!

นั่นคือเหตุที่ทำให้เป่ยเฉินล่าถอย องค์หญิงลงจากอากาศมายืนข้างชายหนุ่ม “กลับเข้าข้างในเถิด!”

เยี่ยฉวนพยักหน้าและเดินตามนางกลับเข้าไปภายในกระท่อม ทันทีที่ก้าวพ้นประตู ร่างขององค์หญิง

พลันเซหงายหลังเข้าปะทะกับชายหนุ่ม เขาตกใจแทบสิ้นสติ หากแต่ยังว่องไวพอจึงคว้ารับไว้ได้ทันท่วงที

จังหวะเดียวกันกับที่นางมีโลหิตกระอักออกทางมุมปาก!

ชายหนุ่มรีบพยุงพระวรกายองค์หญิงกลับมายังแคร่นอน โลหิตยังไหลรินที่มุมปากไม่ขาดสาย เห็นเช่นนั้นชายหนุ่มถึงกับบ่นพึม “คัมภีรยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพีสำคัญกว่าชีวิตของตนเองหรืออย่างไรกัน?”

ทว่าคนเจ็บกลับส่ายศีรษะ “เจ้าไม่มีวันเข้าใจ!”

เยี่ยฉวนจำตอบเสียงเบาเกือบกระซิบ “ข้ารู้เพียงว่าถ้าขืนท่านยังดันทุรัง จะมีแต่ตายกับตาย!”

ร่างที่นอนอยู่ตวัดสายตาคมกริบหันมองหน้า “เจ้าเข้าใจว่าตอนนี้สถานการณ์ของแคว้นเจียงเป็นเช่นไร?”

ชายหนุ่มจำนนด้วยคำพูด

องค์หญิงหลับตาลงช้าๆ “แคว้นเจียงเต็มไปด้วยเหล่าขุนนางชั้นสูง พวกเขาแต่ละคนต่างมีแนวทาง

ของตนเอง บรรดาลูกหลานของขุนนางต่างก็ทำเพื่อประโยชน์ของตระกูลเป็นที่ตั้ง หากไม่มีแม้สักคนที่จะทำเพื่อแคว้นและส่วนรวม

ยิ่งกว่านั้น เหนือกว่าเหล่าขุนนางยังมีสองผู้ทรงอิทธิพลคือสำนักอัปสรเมรัยและสถานศึกษาฉางมู่

ผู้ทรงอิทธิพลทั้งแย่งชิงคัดสรรยอดฝีมือจากทุกสารทิศโดยไร้ซึ่งคุณธรรม เมื่อทุกคนเข้าร่วมกับผู้ทรงอิทธิพลเช่นนี้แล้ว ไฉนเลยจะมีแก่ใจต่อสู้เพื่อแคว้นได้อีก?”

นางหยุดพูดชั่วครู่หนึ่ง ก่อนเปิดเปลือกตามองหน้าชายหนุ่ม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมแคว้นเจียงจึงไม่กล้า

เผชิญหน้ากับแคว้นถัง? นั่นเป็นเพราะว่าในแคว้นเจียงนั้น ผู้คนล้วนขาดความสามัคคี เราจะประกาศสงคราม

แต่ไม่สามารถทำให้คนมาร่วมกับเรา! เมื่อใดที่แคว้นเจียงล่มสลาย ผู้คนของสถานศึกษาฉางมู่และตระกูล

ขุนนางชั้นสูงยังสุขสบาย แต่พวกคนธรรมดาสามัญเล่า? เจ้าคิดว่าคนของสำนักอัปสรเมรัยและสถานศึกษา

ฉางมู่จะสนใจทหารพวกนี้หรือ?”

— จบตอน —

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version