บทที่ 129 กฎแห่งเต๋า (ต้น)
เยี่ยฉวนจำต้องปลดเปลื้องกำหนัดทางธรรมชาติ!
ในสมองของเขาเวลานี้ มีแต่การปฏิบัติกิจกามให้เสร็จลุล่วง โดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม!
ท่ามกลางราตรีกาลอันมืดมิด
วงแขนข้างหนึ่งโอบรัดร่างอ้อนแอ้นกระตุ้นความรู้สึกของหญิงสาว เขาดึงผืนฟ้าต่างผ้าห่ม มีผืนดินต่างเตียงนุ่ม
ณ โคนต้นไม้ที่ร่างของคนสองคนแนบชิดยังสะท้านสะเทือน เส้นผมของหญิงกระจายยุ่งเหยิง ขณะที่
ฝ่ายชายกล้ามเนื้อสั่นระริกยามเขาเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ ก่อนเกิดการเร่งเร้าผลักดันความรู้สึกที่เต้นเร่าอยู่ภายในจนทะยานถึงขีดสุด!
ครั้งแล้วครั้งเล่า ท่ามกลางป่าอันสงัดเงียบ มันได้เกิดเสียงระงมของคนทั้งคู่ราวกับจะไม่มีวันจบสิ้น
ยินยลต่อเสียงระงม แม้ดวงจันทรายังหนีหน้า ด้วยเมฆาคล้อยเคลื่อนมาบดบัง……
……
ไม่อาจชี้ชัดว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด จวบจนขอบฟ้าฝั่งทิศตะวันออกเริ่มปรากฏความอบอุ่นแห่งแสงอุไร
ภายใต้พุ่มไม้ ร่างของคนสองคนต่างฝ่ายต่างสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว!
ขณะที่ชายหนุ่มนอนแผ่อยู่กับพื้น ร่างของหญิงสาวยังตรึงติดกับโคนต้นไม้ใหญ่ไม่ห่างออกไป……
อนิจจา ไม่น่าเป็นเช่นนี้ สภาพของหญิงสาวเวลานี้หาใช่ชุดดำต่อไป ร่างเปลือยเปล่าเปิดเผยอย่างโจ่ง
แจ้งไร้กระทั่งผ้าผืนน้อยปิดกาย
ท่าทางดูอ่อนระโหยยิ่งนัก!
ครู่ใหญ่ฝ่ายชายเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทันใดเขาผุดลุกขึ้นนั่ง
ชายหนุ่มรู้สึกปวดร้าวในหัวราวกับจะระเบิด
นอกนั้นหาได้มีความรู้สึกอื่นใดอีก ชั่วขณะนั้นเจ้าตัวพลันสะบัดศีรษะแรงๆ หลายครั้ง ในที่สุดอาการ
ปวดจึงบรรเทาลง
เยี่ยฉวนนั่งทบทวนเหตุการณ์อยู่อึดใจใหญ่ ก่อนจะหันกลับมามองหญิงสาวในทันที ขณะนี้ร่างเปลือย
เปล่าเต็มตึงและทรวงอกอวบอิ่มเปิดเผยต่อสายตาของเขาอย่างไม่อาจซ่อนเร้นปิดบัง ซอกขาด้านในปรากฏ
โลหิตแห้งกรังเกาะเป็นคราบ ทว่ามันกลับเป็นหยดเลือดเพียงน้อยนิดเท่านั้น!
ฉับพลันเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้กลับคืนสู่ความทรงจำทั้งหมด
เยี่ยฉวนตั้งคำถามขึ้นภายในจิตด้วยเสียงแหบแห้ง “ผู้อาวุโส เหตุใดท่านจึงไม่ห้ามข้าไว้กัน?”
เสียงตอบราวกับดังก้องอยู่ในโสตประสาท “ห้ามอย่างไร ถอนพิษให้หรือ?”
คนถามเสียงกระซิบ “ท่านไม่สามารถถอนพิษให้ข้าได้หรือ?”
เสียงของสตรีลึกลับพูดว่า “ข้าทำได้!”
ชายหนุ่มได้ยินคำตอบ และคิดจะเอ่ยถาม ทว่าเสียงลึกลับกลับดังต่อมาว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเกลียด
อะไรที่สุดในชีวิต? ข้าชิงชังคนที่ไม่รักษาคำพูด เมื่อนางสับปลับจึงสมแล้วกับสิ่งที่ได้รับ!”
สีหน้าของชายหนุ่มขื่นขมยิ่งนัก “ผู้อาวุโส แต่ว่าข้า……”
เสียงสตรีลึกลับพูดตัดบท “เจ้าเป็นคนตั้งข้อแลกเปลี่ยน ไฉนจึงไม่พอใจ?”
เยี่ยฉวนถึงกับอึ้ง “……”
อีกทั้งยังดังขึ้นอีกว่า “ฆ่านางเสีย และจงรีบหนีไปจากที่นี่!”
“สังหารนางอย่างนั้นหรือ?”
เยี่ยฉวนได้ยินเข้าถึงกับสะดุ้ง
เสียงเรียบของสตรีลึกลับกล่าวต่อไป “ไม่งั้นแล้วเจ้าจะทำยังไง? ถ้าเจ้าไม่ฆ่านาง ไว้รอนางฟื้นพลังคืน
ได้เมื่อไร นางก็สามารถสังหารเจ้าได้ง่ายดายราวกับบี้มด! อย่างหวังว่าข้าจะช่วยได้ เพราะการปะทะครั้งก่อนทำให้ข้าสูญเสียพลังไปมาก สถานะพลังของข้าเวลานี้นับว่าเลวร้าย อาจอยู่ช่วยเจ้าได้ไม่เกินหนึ่งวัน จากนั้นข้าจะต้องเข้าสู่กรรมฐาน ดังนั้นพวกเราจึงต้องเร่งการค้นหากฎแห่งเต๋าให้พบภายในวันนี้!”
สีหน้าของชายหนุ่มเริ่มมีความกังวล “ผู้อาวุโส ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่?”
“ข้าจะดีขึ้น หากเจ้าสามารถค้นพบกฎแห่งเต๋า!” เสียงนั่นตอบกลับ
ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงรับคำ เขาเหลือบมองไปที่ร่างของหญิงสาวด้วยท่าทางลังเล ซึ่งเป็นจังหวะ
เดียวกับที่นางกำลังมองมาพอดี แววตาเยือกเย็นและไร้อารมณ์ใดๆ ฉายชัดในดวงตาทั้งคู่
เยี่ยฉวนนิ่งไปนิดหนึ่ง จากนั้นจึงเดินตรงไปหาร่างที่ตรึงกับโคนต้นไม้ จ้องหน้านางก่อนจะเอ่ยว่า
“ข้าเป็นชายคนแรกของเจ้า เจ้าก็เป็นหญิงคนแรกในชีวิตของข้าเช่นเดียวกัน ฉะนั้นพวกเราไม่มีใครเสียเปรียบต่อใคร……”
เมื่อพูดจบจึงเดินตรงไปก้มหยิบเสื้อผ้าของนางบนพื้นขึ้นมาห่มให้ ทันใดนั้นความรู้สึกบางอย่างพลัน
ก่อตัวขึ้นอีกราวกับตะกอนที่ถูกกวนให้ขุ่น หรือว่านี่คือแรงกระตุ้นให้ชายหนุ่มต้องฟื้นเหตุการณ์เช่นเมื่อคืน
อีกครั้ง?
“ต้องเป็นเพราะยา!”
“เป็นเพราะฤทธิ์ยา!”
ชายหนุ่มพยายามดึงสติด้วยการสูดลมหายใจเข้าปอด “ฤทธิ์ของยาจะยังตกค้างภายในกายของข้า ใช่ ต้องเป็นเพราะยานั่นแน่นอน!
“ยาหมดฤทธิ์แล้ว!” เสียงสตรีลึกลับพูดอย่างอดรนทนไม่ไหว
ชายหนุ่มได้แต่นิ่ง “……”
ขณะเดียวกัน เยี่ยฉวนได้พยายามข่มระงับความรู้สึกของจังหวะหัวใจที่เริ่มเต้นรัวเร็ว เขาค่อยๆ สวม
ใส่เสื้อผ้าให้หญิงสาว ซึ่งสภาพของมันก็ฉีกขาดแทบไม่มีชิ้นดีด้วยฝีมือของเขาเอง……
มันฉีกขาดจนเกือบจะไม่เหลือเนื้อผ้าไว้ให้ผู้สวมใช้ปิดบังร่างกาย
เยี่ยฉวนตัดสินใจถอดผ้าคลุมของตนเองออกห่มบนร่างของนางอีกผืน หลังจากนั้นเจ้าตัวจึงหันหลังให้และออกไปจากสถานที่นั้นทันที
“หากวันนี้เจ้าปล่อยข้าไป เจ้าจะต้องเสียใจ!” เสียงของหญิงสาวดังไล่หลังมา
ปลายหางเสียงดูจะเคลือบแฝงอะไรบางอย่าง
เยี่ยฉวนชะงัก หันกลับมาร้องบอก “ต่อให้เจ้าสังหารข้า ข้ายังได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายของเจ้าอยู่วันยังค่ำ ฮ่าฮ่า……”
จากนั้นก็รีบออกไปทันที
หลังเยี่ยฉวนลับหายไปจากสายตาเพียงไม่นาน กระบี่สองเล่มที่ตรึงร่างของนางไว้กับต้นไม้พลัน
อันตรธานไป
ทันทีที่ร่างกายเป็นอิสระ สีหน้าของนางพลันแปรเปลี่ยนเป็นอาฆาตมาดร้ายรุนแรง
ตู้ม!
พลังระเบิดออกเป็นลำแสงเจิดจ้าจากร่างกาย ภายในพริบตาเดียวต้นไม่ใหญ่น้อยในรัศมีนับสิบสิบลี้
พลันถูกกระชากชนิดถอนรากถอนโคนจนราบเป็นหน้ากลอง!
ร่างของหญิงสาวทะยานขึ้นสู่อากาศ พลางกวาดตามมองตามพื้นดินเบื้องล่างอย่างถ้วนถี่ ถึงกระนั้นก็ยังไม่พบแม้เงาของเยี่ยฉวน!
ชายหนุ่มหายตัวไปอย่างไม่ทิ้งร่องรอยเหลือไว้บนโลกใบนี้!
เวลานี้สีหน้าขึ้งโกรธกลับยิ่งน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิม!
ไม่นานนัก ร่างทั้งร่างที่สั่นสะท้านพลันหายวับไปจากท้องฟ้า เพียงไม่กี่อึดใจนางก็ปรากฏกายขึ้นที่
เมืองหลวง ที่แห่งนี้แท้จริงแล้วก็คือเมืองหลวงแห่งแคว้นหนิงนั่นเอง
ณ ประตูเมือง ทันทีที่นางปรากฏกาย ทหารหลายนายพลันทรุดกายย่อเข่าลงข้างหนึ่งแสดงความ
เคารพเป็นหนึ่งเดียว “ทรงพระเจริญ พะย่ะค่ะฝ่าบาท!”
หญิงสาวหาใส่ใจแต่กลับตรงเข้าประตูเมืองไปทันที ไม่ช้าไม่นานจึงมาถึงวังหลวง ตลอดทางเมื่อย่าง
เข้าเขตพระราชฐาน เหล่าทหารเมื่อเห็นผู้ที่เข้ามาล้วนทรุดเข่าลงข้างหนึ่งแสดงความเคารพต่อนาง
ทันทีที่เข้ามาในเขตวังหลวง หญิงสาวพลันตรงดิ่งไปที่หอท้องพระโรง จากนั้นจึงขึ้นไปนั่งบนแท่นมังกรและเอื้อมหยิบพู่กัน ก่อนจะเริ่มวาด……ไม่นานต่อมา ภาพใบหน้าของบุคคลผู้หนึ่งก็ปรากฏบนแผ่นกระดาษ
เบื้องหน้าของนาง
ใบหน้านั้นคือเยี่ยฉวน!
สายตาจ้องมองภาพนั้นสงบนิ่งและออกคำสั่งว่า “สั่งจินอู๋เว่ยให้ไปที่แคว้นเจียงตามหาคนผู้หนึ่ง ข้าให้
เวลาสามวันไปสืบเรื่องของเขามาให้ข้า!”
เสียงขานดังมาจากมุมหนึ่งในท้องพระโรง “พระองค์ทรงประสงค์ร่างไร้วิญญาณหรือไม่พะย่ะค่ะ?”
ทีท่าของผู้ฟังกลับสงบเยือกเย็น……
— จบตอน —



