Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 251


บทที่ 251 กระบี่จงแทนดวงตาให้ข้าที! (ต้น)

เชิญชวนคนใหม่! ขณะนั้นความคิดอยากเชิญชวนคนใหม่แวบขึ้นมาในหัวของเยี่ยฉวน! ซึ่งแน่ล่ะการเชิญชวนคนเหล่านี้ให้เข้าพวกด้วยไม่ใช่เรื่องง่าย เขาจะต้องตี……ตีเพื่อโน้มน้าว ด้วยคนเก่งเท่านั้นจึงจะได้ความนับถือ! ฉะนั้นเยี่ยฉวนจำต้องเผยไม้ตายของตนออกมาในเวลานี้ พลังปฐพี!

ขณะที่พลังแห่งปฐพียังคงไหลหลากเข้าสู่ร่างกาย มือข้างขวายกกระบี่มหากาฬขึ้นช้าๆ ทันใดนั้นแรงผลักดันแผ่กระจายออกสู่ภายนอก และแล้วแรงผลักดันนั่น ฉับพลันได้เกิดแสงพุ่งวาบห่อหุ้มหญิงสาวสวมชุดลินิน พร้อมกับพวกของนางไว้ทั้งร่างอย่างรวดเร็ว!!

แรงผลักดันแห่งกระบี่! ช่วงเวลานั้นแรงผลักดันแห่งกระบี่ของเยี่ยฉวนทะยานพุ่งถึงขีดสุด เสียงลั่นเปรี๊ยะ! กระท่อมร้างในละแวกใกล้เคียง รวมทั้งพื้นดินบังเกิดรอยร้าว ปริแยกออกจากกันทีละนิดๆ สีหน้าของสตรีสวมชุดลินินและคนอื่น มีรอยหวาดไหวเคร่งเครียดเพิ่มขึ้น

ทันใดนั้นเยี่ยฉวนกระชับกระบี่มหากาฬในมือและพุ่งปลายกระบี่ออกไปข้างหน้า หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา! ในหมู่คนพวกนี้หามีใครอ่อนด้อยแม้สักคนไม่ ดังนั้นเยี่ยฉวนก็จะไม่อ่อนข้อด้วยเช่นกัน บัดนี้เขาจึงออกปะทะด้วยทักษะอันทรงพลังที่สุดอีกครา!

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมีความเคลื่อนไหว สตรีสวมผ้าลินินหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางชักเท้าขวาถอยหลังออกครึ่งก้าว แตะปลายนิ้วสัมผัสลงบนพื้นดินเพียงเบาๆ ขณะนั้นนางใช้มือข้างหนึ่งจับฝ่ามือเขวี้ยงออกไปฉับพลัน ชั่วแว่บหนึ่งพลังเคลื่อนไหวเข้ารายล้อมรอบตัวจนภาพคนพร่าเลือนอย่างน่าประหลาด

เมื่อพลังแห่งกระบี่อันหนักหน่วงพุ่งมาถึง สตรีสวมลินินเคาะฝ่าเท้าข้างขวาลงบนพื้นดินหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงพุ่งนิ้วมืออกไปข้างหน้า

……ฉับพลันที่นิ้วมือสัมผัสกับปลายกระบี่มหากาฬของเยี่ยฉวน

ปัง!

กระบี่มหากาฬชะงักหยุดอยู่กับที่ ทว่าในเวลานั้นมวลพลังล้ำเลิศสองพลังแผ่กระจายออกโดยรอบราวพายุโหมกระหน่ำในลานกว้าง พัดพาคนอื่นที่อยู่ในบริเวณให้ซวดเซกระจัดกระจายออกไปกว่าสามสิบจั้งยกเว้นเยี่ยฉวนและสตรีสวมชุดลินิน อีกทั้งกระท่อมร้างใกล้เคียงในระยะ 45 จั้งล้วนถล่มพังราบลงกับพื้นจนหมดสิ้น ยิ่งกว่านั้นพื้นที่ฝ่าเท้าของคนทั้งคู่ปริแตกร้าวรานเป็นแนวลึก……น่ากลัวสุดประมาณ!

ถึงแม้บรรยากาศรอบตัวจะแปรเปลี่ยน แต่เยี่ยฉวนและสตรีชุดลินินไม่ไหวติงแม้แต่น้อย! ครู่ต่อมาฝ่ายสตรีพลันดึงพลังกลับ หยุดออกปะทะกะทันหันพลางถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ทันทีที่เท้าของนางสัมผัสพื้นดิน อาการสั่นไหวโยกคลอนราวแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงพลันเกิดขึ้น

ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น เขาจึงยกกระบี่ในมือขณะหน้าตาเครียดขรึม “เจ้าถ่ายเทพลังกระบี่ของข้า!” ถ่ายเทพลัง! สตรีคนนี้ไม่เพียงสกัดกั้นพลังปะทะของเขาเท่านั้น ทว่านางยังสามารถถ่ายเทพลังเกือบทั้งหมด ช่างเป็นคนที่มีพลังน่ากลัวยิ่ง!

แววตาของคนตรงหน้าจ้องมองเยี่ยฉวนแน่วนิ่ง “เจ้าเองก็แข็งแกร่งใช่ย่อย แต่พวกเราไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่า ถ้างั้นเราจะมาเจรจาธุระกันได้หรือยัง?” ชายหนุ่มนิ่งไปเป็นครู่ ก่อนกล่าวออกมาว่า “ได้ แต่ตอนนี้ข้าจะจ่ายค่าจ้างให้ 100 เหรียญทองก่อน เมื่อพวกเจ้าทำงานครบแล้วข้าจึงจ่ายส่วนที่เหลือ ตกลงไหม?”

สตรีสวมลินินสั่นศีรษะทำนองปฏิเสธทันที “ไม่ ต้องจ่ายทั้งหมดมาก่อน!” เยี่ยฉวนส่ายหน้าพลางตอบเสียงเฉียบ “ไม่ได้” เสียงเรียบเรื่อยของอีกฝ่ายดังขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ขอโทษนะถ้าข้าจะพูดจาหยาบคายสักหน่อย มือปืนรับจ้างอย่างพวกเจ้าได้ค่าจ้างสักเท่าไร?”

ทุกคนในที่นั้นต่างหันมามองเยี่ยฉวนอย่างเอาเรื่อง ขณะที่เขายกมือขึ้นใช้นิ้วจิ้มไปที่อกเสื้อของตนเอง “พวกเจ้าเคยได้ยินเรื่องของข้าบ้างไหม?” สตรีตรงหน้าสั่นศีรษะ “ไม่เคย!”

พอได้ยินคำตอบ สีหน้าของเยี่ยฉวนสลดวูบ สตรีคนเบื้องหน้าคงไม่อยากข้องเกี่ยวกับหรือรับรู้กับเหตุการณ์ภายนอก เยี่ยฉวนกระแอมเบาๆ ก่อนเอ่ยถาม “พวกเจ้าเคยได้ยินเรื่องการล่มสลายของสถานศึกษาฉางมู่แห่งแคว้นเจียง หรือเปล่า?”

อีกฝ่ายจ้องหน้าเยี่ยฉวน “เจ้าจะพูดอะไร?” ครานี้ชายหนุ่มมีสีหน้าจริงจัง “ถ้าเดาไม่ผิด การที่เจ้าเรียกค่าจ้างแพงขนาดนี้เพราะไม่มีใครมาจ้างวานสินะ ยิ่งกว่านั้นราคาที่เจ้าเรียกมาสูงพอๆ กับค่าจ้างยอดยุทธ์ขั้นสุดยอดผนึกยุทธ์……” เมื่อพูดถึงตอนนี้ เยี่ยฉวนหยุดชะงักเล็กน้อย “พวกเจ้าอยากทำงานใหญ่ไหม?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝ่ายหญิงจึงทรุดกายลงนั่งพลางดึงของกินออกมากัดกร้วมเคี้ยวตุ้ย จากนั้นก็ล้วงผักต้นหอมขึ้นมากัด……เห็นอากัปกิริยาเช่นนั้นเยี่ยฉวนทำหน้าพิกล ขยับตัวอย่างอึดอัด “ทำไมหญิงคนนี้จึงมีนิสัยเหมือนกับแม่นางจี้ตัวแสบนั่น? ทำไมจึงยังมีสตรีที่กินจุอยู่อีกคน?” ต่างเงียบงันไปชั่วครู่ ฝ่ายหญิงสาวจึงเอ่ยขึ้นว่า “ว่ามา”

เยี่ยฉวนเดินตรงไปหยุดเบื้องหน้าสตรีสวมลินินและทรุดนั่งลง จากนั้นจึงวาดรูปวงกลมรูปหนึ่งบนพื้นดิน “เวลานี้บรรดาต่างแคว้นรวมหัวกันยกโขยงมาโจมตีแคว้นเจียง สำหรับแคว้นเจียงถึงแม้ว่าครั้งนี้จะต้องเผชิญวิกฤตการณ์ร้ายแรง ทว่าก็นับเป็นโอกาสด้วยเช่นกัน! ถ้าพวกเจ้าสนใจ ก็มากับข้าและเราจะได้ทำงานใหญ่!”

หญิงสาวส่งผักเข้าปากเคี้ยวงั่มๆ พลางทอดสายตามองเยี่ยฉวน “ทำอะไร?” เยี่ยฉวนถอนใจก่อนพูดเสียงต่ำ “โจรกรรม! ทรัพย์สินของศัตรู!” เมื่อได้ยินชายหนุ่มเปิดเผยออกมาชัดเจนแจ่มแจ้ง คนอื่นต่างหันมองหน้ากันไปมา!

ปล้นแคว้น? แน่ละงานเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน! ฝ่ายสตรีสวมลินินมองหน้าเยี่ยฉวนนิ่งนาน ท่าทางใช้ความคิดลึกซึ้ง ทว่าไม่เอ่ยคำพูดจนแล้วจนรอด จนในที่สุดเยี่ยฉวนต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน “แคว้นถังคือแคว้นที่เราจะไปโจรกรรมเป็นอันดับแรก ทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์รวมทั้งเบี้ยหวัดของกองทหารและของล้ำค่า ว่าแต่พวกเจ้ากล้าพอไหม?”

ในขณะนั้นชายที่ถือทวนพูดแย้งขึ้นทันที “งานนี้อันตรายเกินไป!” ชายหนุ่มหันไปทางเจ้าของเสียง “ตอนนี้พวกเรามีชีวิตอยู่ท่ามกลางอันตรายอยู่แล้ว ใยต้องกลัวอีก? ข้าแค่อยากรู้ว่าพวกเจ้ากล้าไหม? ถ้ากล้าพวกเราก็มาร่วมทำงานใหญ่ด้วยกัน แต่หากไม่ก็ตามนั้น ข้าจะจ่ายเงินค่าจ้างและเจ้าก็มาทำงานให้ข้า แต่พวกเจ้าไม่ได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์สินที่ได้จากการโจรกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นลองเลือกเอาก็แล้วกันว่าจะรับแค่ค่าจ้างหรือได้ส่วนแบ่งในทรัพย์สินด้วย”

พลันคนทั้งกลุ่มหันหน้าล้อมวงเข้าหากัน และเริ่มถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียด บ้างเห็นด้วยว่าควรร่วมมือแต่บ้างก็ไม่เห็นด้วย บางคนตั้งข้อสงสัยว่าเยี่ยฉวนอาจโกหกหลอกลวงและไม่น่าไว้วางใจ……

เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ สตรีสวมชุดลินินจึงยกมือขึ้นโบกครั้งหนึ่ง พลันคนที่ล้อมวงเงียบเสียงลงทันที หญิงสาวหันมาถามเยี่ยฉวน “ข้าจะเชื่อใจเจ้าได้อย่างไร?” เยี่ยฉวนผุดลุกขึ้นยืน “ถ้าเจ้าเชื่อข้า ไม่ว่าข้าจะพูดอะไรเจ้าก็เชื่อ แต่ถ้าไม่เชื่อใจข้า ต่อให้พูดอย่างไรเจ้าก็ไม่มีวันเชื่อ จริงไหม?”

สายตาของสตรีสวมลินินมองลึกลงไปในดวงตาของคนตรงหน้า อึดใจต่อมานางลุกขึ้นยืนตัวตรง “จะจัดการส่วนแบ่งอย่างไร?” เยี่ยฉวนตอบเร็ว “ครึ่งต่อครึ่ง!” เสียงคนถือทวนยาวพูดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันดังมา “เจ้ามาแค่คนเดียว ได้ส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งเชียวหรือ?”

— จบตอน —

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version