บทที่ 28 ข้ามันนิสัยไม่ดี! (ต้น)
สตรียั่วยวนคนนั้นจ้องมองเยี่ยฉวนโดยไม่พูดอะไร!
ในขณะเดียวกันชายหนุ่มก็เหลือบมองสตรียั่วยวนอย่างไร้อารมณ์เช่นกัน ก่อนที่เขาจะหันไปมองชายกลางคนและคนอื่นๆ ที่อยู่ไม่ไกลนัก “ข้าแค่เดินทางผ่านมา ข้าจะไม่ยุ่งกับเรื่องของพวกท่าน”
หลังจากนั้นเขาก็หันหลังกลับไปที่กองไฟตรงหน้ารถม้า
เป็นวีรบุรุษช่วยเหลือหญิงสาวที่ตกทุกข์ได้ยากงั้นหรือ?
เยี่ยฉวนไม่ใช่คนหัวเบา จะมีสตรีโฉมงามรอการช่วยเหลือจากคนอื่นจำนวนมากขนาดนั้นในโลกนี้เชียวหรือ?
ออกจากบ้านแล้ว ลูกไม้สกปรกมีอยู่ทุกที่ หากไม่ระวังตัวก็ต้องตายอย่างน่าอนาถ
ยิ่งกว่านั้นชายหนุ่มจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องของชาวบ้านหากไม่รู้ถึงสถานการณ์ทั้งหมด นอกจากนี้สตรียั่วยวนคนนี้ยังต้องการจะใช้ตัวเขาเป็นเครื่องมือเพื่อหลบหนี แถมนางยังพูดจาโกหกและปล่อยให้เยี่ยฉวนต้องต่อสู้ตามลำพัง เรื่องนี้พิสูจน์ได้ว่าสตรีคนนี้ไม่ใช่คนดี!
เห็นเยี่ยฉวนถอยไปทางด้านหนึ่ง ชายกลางคนกับคนที่เหลือก็มองหน้ากัน ชายกลางคนยกมือขึ้นคำนับเยี่ยฉวน จากนั้นเขาก็มองสตรียั่วยวนที่นั่งอยู่บนพื้น “ฉินชาง ส่งมันมาเสีย หรือจะให้ข้าฆ่าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”
สตรีนางนั้นถอยไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งแล้วนางก็ยิ้มเย็น “โม่ฉุน หากข้าเป็นท่าน ข้าก็จะรีบหันหนีเอาชีวิตรอดในทันที”
ดวงตาของชายกลางคนหรี่ลงเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
กุบกับ กุบกับ
ตอนนั้นเอง เสียงม้าควบตรงมาอย่างเร็วรี่พลันดังขึ้น!
เมื่อเขาเห็นดังนี้แล้ว สีหน้าของชายกลางคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก “เจ้าเรียกกำลังเสริมมา!”
สตรีนามฉินชางยิ้มเย็น “คิดว่าอย่างไรล่ะ?”
ชายกลางคนเหลือบมองฉินชางอย่างเดือดดาลและเอ่ยขึ้น “ตระกูลโม่จะจดจำเรื่องนี้ไว้!”
หลังจากนั้นชายสามคนก็หันหลังหายตัวไปในยามราตรี!
เหลือเพียงเยี่ยฉวนกับฉินชางอยู่ในบริเวณนั้น!
ฉินชางมองเยี่ยฉวน นางปาดคราบเลือดที่มุมปากออก จากนั้นก็เดินมาหาเยี่ยฉวนและเอ่ยถาม “ทำไมเจ้าไม่หนีกัน?”
เยี่ยฉวนส่ายหน้า แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่อาจหนีได้ และที่ไม่อาจหนีได้ก็เพราะว่าเขามากับน้องสาว!
ฉินชางประเมินเยี่ยฉวนด้วยสายตา “พลังยุทธ์ของเจ้านับว่าดี แต่ดูจากเสื้อผ้าของเจ้าแล้ว ข้าเดาว่าเจ้าคงไม่ใช่คนมั่งมีอะไร เจ้าก็รู้ว่าหากช่วยข้าในตอนนี้ เจ้ากับข้าก็จะมีชะตาชีวิตที่ดี เจ้ารู้หรือไม่ว่าชะตาชีวิตที่ดีมันมีความหมายกับเจ้าอย่างไร?”
เยี่ยฉวนเหลือบมองฉินชางและเอ่ยตอบ “บางทีอาจเป็นโชคร้ายก็ได้!”
ฉินชางแสยะยิ้มและเอ่ยกลับ “โชคร้ายหรือ? ถูกแล้ว ตอนนี้แหละคือโชคร้าย!”
เป็นในตอนนี้เองที่ม่านรถม้าถูกเปิดออก เผยให้เห็นเยี่ยหลิงที่ปรากฏกายในสภาพห่มผ้านวมผืนหนา
เยี่ยฉวนพลันทิ้งท่อนไม้ในมือที่ใช้เขี่ยกองไฟ จากนั้นจึงเดินไปหาเยี่ยหลิงและเอ่ยเบาๆ “พวกเราปลุกเจ้าหรือ?”
เยี่ยหลิงพยักหน้าเบาๆ นางเหลือบมองฉินชางที่อยู่ไม่ไกลนักและกระซิบ “ท่านพี่ ทุกอย่างเป็นปกติหรือไม่เจ้าคะ?”
เยี่ยฉวนหัวเราะและเอ่ยตอบ “ทุกอย่างเป็นปกติดี!”
เมื่อสิ้นเสียงของเยี่ยฉวน ชายนับสิบก็พลันควบม้ามาที่นี่และหยุดอยู่ไม่ไกลจากฉินชางนัก ผู้เป็นหัวหน้าลงมาจากหลังม้าและเดินไปหาฉินชาง “นายหญิง ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
ฉินชางหันหลังกลับและตบหน้าชายคนนั้น “ข้าเป็นอะไรหรือไม่? พวกเจ้าหมายจะรอให้ข้าตายก่อนถึงจะมากันใช่ไหม?”
ชายคนนั้นรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “ข้ามาช้า โปรดอภัยให้ข้าด้วยขอรับ!”
ฉินชางพ่นลมหายใจ “ข้าจะเอาเรื่องเจ้า เมื่อเรากลับไปถึงจวน!”
จากนั้นนางก็พลันหันมองเยี่ยฉวนกับน้องสาวของเขาที่อยู่ไม่ไกล “ถึงเวลาต้องสะสางเรื่องระหว่างเราแล้ว”
เยี่ยฉวนคิดเรื่องนี้แล้วจึงเอ่ยขึ้น “น้องกับข้าเพียงผ่านทางมา และพวกเราก็ไม่อยากจะมีปัญหาด้วยแต่อย่างใด”
ฉินชางเดินตรงไปหาเยี่ยฉวน ก่อนที่บนใบหน้าละมุนพลันปรากฏสีหน้าชั่วร้าย “เจ้าไม่อยากมีปัญหางั้นหรือ? ก็ได้ มาสิ คุกเข่าลงแล้วโขกศีรษะคำนับข้าร้อยหน ข้าถึงจะปล่อยเจ้ากับน้องสาวของเจ้าไปในวันนี้ ว่าอย่างไรล่ะ?”
เยี่ยฉวนย่นคิ้วเล็กน้อย “เพียงเพราะข้าไม่ตกเป็นเครื่องมือของเจ้างั้นหรือ? ในความคิดอันถ่อมตนของข้า ข้าเหมือนไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณอะไรกับเจ้าเลย ทำไมข้าต้องช่วยเจ้ากัน?”
ฉินชางเดินไปอยู่ตรงหน้าเยี่ยฉวน นางยิ้มเหี้ยมเกรียมไม่น้อย “ข้าต้องการให้เจ้ารู้ถึงผลของการไม่ช่วยข้าเมื่อก่อนหน้านี้ เจ้า…”
ฉินชางพูดเพียงเท่านี้ก่อนที่เยี่ยฉวนผู้อยู่ตรงหน้านางจะพลันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มันเร็วเสียจนหญิงงามนางนี้ไม่อาจจะโต้กลับได้แม้แต่น้อย รู้ตัวอีกทีเยี่ยฉวนก็ตบหน้านางอย่างแรงเข้าให้แล้ว
เพี๊ยะ!
เสียงตบดังกังวานทั่วราตรีอันมืดมิด
ฉินชางถึงกับล้มคว่ำลงกับพื้นด้วยแรงตบนี้ นางรู้สึกสับสนไปทั้งกายใจ ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะกล้าตบนาง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้!
อีกด้านหนึ่ง เมื่อผู้มาใหม่ตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็รีบกรูไปหาเยี่ยฉวน แต่ต่อมาพวกเขาก็จำต้องหยุดอีกครั้ง!
เพราะตอนนี้เท้าของเยี่ยฉวนได้เหยียบลงบนหน้าท้องของฉินชาง!
เยี่ยฉวนมองดูฉินชางใต้ฝ่าเท้าเขาด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม “มันพิสูจน์ได้จริงๆ ว่าคนบางคนไม่เข้าใจภาษามนุษย์!”
กล่าวดังนั้นเขาก็ก้มลงตบหน้าฉินชางอีกครา
เพี๊ยะ!
ในตอนนี้ใบหน้าละมุนของฉินชางได้กลายเป็นบวมเป่งไปแล้ว
“เจ้ากล้าดีอย่างไร!”
ทางด้านข้าง หัวหน้าของคนกลุ่มนั้นตวาดออกมา “เจ้าไม่รู้หรือว่านางเป็นใคร? นางเป็นนายหญิงตระกูลฉินในเมืองลั่วเชียวนะ!”
เมืองลั่ว!
แน่นอน เยี่ยฉวนรู้จักเมืองนี้ เพราะมันอยู่ใกล้เมืองชิง!
เยี่ยฉวนเหลือบมองชายคนที่กำลังพูดอยู่ “หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่เริ่มคุกคามจนถึงจุดนี้ กลับกันข้าจะรีบขอโทษและยอมรับผิดในทันที”
พ่นคำพูดรุนแรงงั้นหรือ?
เป็นใครก็ทำได้! แต่คนที่ไร้ความสามารถที่สุดคือคนที่จะพ่นคำพูดรุนแรงออกมามากที่สุด ยิ่งพวกเขาไร้ความสามารถเท่าใด พวกเขาก็จะยิ่งพูดหยาบคายมากเท่านั้น
“ขอโทษ ข้าขอโทษ!”
ในตอนนี้ตรงใต้ฝ่าเท้าของเยี่ยฉวน ฉินชางไม่ชักช้าแม้แต่น้อย นางเริ่มพูดในทันที “คุณชายท่านนี้ ก่อนหน้าข้าจำท่านผิด แต่ผู้ยิ่งใหญ่คือผู้โอบอ้อมอารี คุณชายที่เคารพ โปรดอย่าใส่ใจเรื่องนั้นเลยเจ้าค่ะ แล้วตระกูลฉินจะขอบคุณท่านด้วยของกำนัลมากมาย!”
เยี่ยฉวนมองลงไปที่ฉินชาง สีหน้าเหี้ยมเกรียมเมื่อก่อนหน้านี้ไม่มีหลงเหลือบนใบหน้าของนางอีกแล้ว มีเพียงสีหน้าน่าสงสารบอบบางที่เหลืออยู่ แต่มือทั้งคู่ของนางกลับกำแน่น
เยี่ยฉวนยิ้มบาง และครู่ต่อมาเขาก็กระทืบลงบนลำคอของฉินชาง
— จบตอน —
