บทที่ 363 ค่ายกลผนึกวิญญาณ! (ต้น)
……
ฆ่าผู้ชาย ปล่อยผู้หญิง!……
……
เยี่ยฉวนนิ่งขึงชะงักงันเป็นครู่……
..
เพราะเขาไม่คาดคิดว่าผู้ที่ใช้วาจาเช่นนี้จะเป็นสตรีคนที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ เขานี่เอง
เขากับนางไม่เคยรู้จักกัน แต่ถ้าสังเกตจากพฤติกรรมก่อนหน้า สตรีผู้นี้ดูเหมือนคนจิตใจดีอีกทั้งสุภาพอ่อนโยน การพูดการจามีสง่าราศี และที่สำคัญดูไม่เหมือนคนร้ายเลยแม้แต่น้อย!
ความคิดที่ผุดขึ้นในหัว เยี่ยฉวนไม่คิดว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากสตรีคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า “ฆ่าผู้ชาย ปล่อยผู้หญิง!”
เป็นความขัดแย้งกันอย่างยิ่ง!
เยี่ยฉวนเอ่ยปากถามราวเสียงละเมอ “ทำไม?”
ทำไม?
สตรีชะงักไปเล็กน้อย นางเบนหน้ามาทางคนพูด มุมปากบิดยิ้มน้อยๆ “หมายความว่าอะไร ทำไม?”
ความคิดในหัว พลันหลุดปากออกมาเป็นคำพูด “เจ้าดูไม่เหมือนคนร้าย!”
“คนร้าย?”
ฝ่ายหญิงนิ่งไปนิดเดียวพลันแหงนหน้าพร้อมกับเปล่งเสียงหัวเราะลั่น ครู่ต่อมาจึงหันมาพูดกับเยี่ยฉวนด้วยน้ำเสียงเจือเยาะหยัน “เจ้าว่าข้าไม่เหมือนคนร้ายงั้นหรือ?”
ชายหนุ่มพยักหน้า
สตรีส่ายหน้าน้อยๆ แววตาที่มองระคนสมเพช “บางคนดูเหมือนดี อาจไม่ใช่คนดี บางคนดูร้าย อาจไม่ใช่คนร้าย ข้าพูดอย่างนี้เจ้าจะเข้าใจไหม? แต่ถึงจะไม่เข้าใจตอนนี้ก็ช่างเถอะ ค่อยไปทำความเข้าใจเอาเองในชาติหน้าก็แล้วกัน”
เยี่ยฉวนนิ่งเงียบ พลันต่อมาเขาผงกศีรษะให้คนตรงหน้าครั้งหนึ่ง “ขอบใจที่ชี้แนะ!”
สตรีมองเยี่ยฉวนพลางพูดยิ้มๆ “ดูท่าเจ้าจะเป็นคนใจเย็น ขนาดนี้แล้วยังใจเย็นได้อีก แตกต่างจากคนอื่นทั่วไปจริงๆ แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี”
ชายหนุ่มเหยียดมุมปากเล็กน้อย “แน่อยู่แล้ว……หรือเจ้าต้องการให้ข้ากลับไปด้วยในฐานะนายใหญ่? อ๋อไม่ได้สินะ ข้าต้องเป็นพี่ใหญ่ต่างหาก!”
ชายอีกคนที่อยู่ด้านข้าง แสดงท่าทางกราดเกรี้ยวทันทีที่เห็นว่าเยี่ยฉวนทำเป็นเรื่องตลกชวนขัน “ไอ้บัดซบนี่?! ตาบอดอย่างนี้หรือ? คิดจะเป็นพี่ใหญ่? เจ้านี่มัน……”
น้ำเสียงเจือเยาะเย้ยของคนพูดชะงักกึกทันควัน ด้วยกระบี่ประหลาดไม่ปรากฏที่มาพุ่งตรงมาหยุดสนิท ณ จุดกึ่งกลางระหว่างหัวคิ้วของคนผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
เสียงเอ็ดอึงบนดาดฟ้าของเรือเหาะเมื่อครู่พลันเงียบสนิท
คนที่ยืนอยู่ข้างหน้า สายตาของสตรีนางนั้นฉายประกายเย็นเยือกวาววาม
เยี่ยฉวนโบกมือเรียกกระบี่ย้อนกลับคืน ใบหน้าของชายคนนั้นเหยเกบิดเบี้ยว “จะ……เจ้ากล้า……”
ฉับพลันต่อมาชายหนุ่มตวัดกระบี่ขวับ
วินาทีนั้นศีรษะของคนที่เพิ่งอ้าปากพูดได้เพียงไม่กี่คำขาดออกจากลำคอ ปลิวหวือไปจนไกล
ทุกคนหน้าตาตื่น “……”
ฝ่ายหญิงหันขวับมาจ้องคนตรงหน้าเขม็ง “เจ้าเป็นใครกันแน่!”
ขณะนั้นนางรู้สึกตื่นตระหนกอย่างยิ่ง ด้วยชายคนที่เยี่ยฉวนเพิ่งสะบั้นคอขาดเป็นขั้นผสานเทพ! ยอดยุทธ์ผสานเทพกลับไม่มีแม้แต่โอกาสจะโต้คืน!!
ชายหนุ่มสาวเท้าตรงเข้าใกล้คนเอ่ยถาม ใกล้จนกระทั่งได้กลิ่นหอมอ่อนโชยจากกาย
เยี่ยฉวนส่ายหน้าช้าๆ “เจ้าเป็นคนสะสวย เหตุใดริมาเป็นโจร?”
สตรีตอบแผ่วเบา “ความจำเป็นในชีวิตยังไงล่ะ”
เยี่ยฉวนนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกับนางว่า “ข้าจะยอมไว้ชีวิตเจ้า ตกลงไหม?”
คนตรงหน้าเบ้ปาก “คนของข้าทั้ง 21 คน เป็นยอดยุทธ์ผสานเทพ เจ้าบอกว่าจะไว้ชีวิตให้ข้านี่นะ? แน่ใจหรือ?”
เยี่ยฉวนไม่พูดแต่สะบัดนิ้วมือข้างขวาออกไปเบาๆ พลันเรือเหาะลำที่อยู่ติดกันนั้นเอง ศีรษะอีกศีรษะของคนที่เคยอยู่บนนั้นกระเด็นหวืออย่างรวดเร็ว
ภาพที่ปรากฏสู่สายตา ทำให้ทุกคนบนเรือเหาะตื่นตะลึงไปตามกัน
ไม่เว้นแม้แต่สตรีทางเบื้องหน้า ที่สีหน้าแสดงอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด!
คนผู้นี้ขั้นพลังผนึกยุทธ์งั้นหรือ?
ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง หัวหน้าเรือเหาะดูท่ากำลังครุ่นคิด ครู่หนึ่งเขามีสีหน้าเหมือนคิดออกสักอย่างจึงแปรเปลี่ยนอย่างฉับพลัน ไม่นานถัดมา ความปลาบปลื้มยินดี กระตือรือร้นและตื่นเต้นฉาบไปทั้งใบหน้า!
ขณะนั้น เยี่ยฉวนเผยฝ่ามือข้างขวาไปเบื้องหน้า พลันกระบี่ทะยานลงมาวางนิ่งบนมือ จากนั้นค่อยใช้นิ้วไล่ร่องรอยคราบโลหิตที่ติดค้างอยู่บนคมกระบี่ ก่อนจะใช้มือข้างนั้นยกขึ้นสัมผัสเบาๆ บนแก้มของฝ่ายหญิง
ทำให้ใบหน้างดงามปรากฏคราบโลหิตจางเกาะติด
ชายหนุ่มบิดยกมุมปากเล็กน้อย “ให้โอกาสตอบเป็นครั้งสุดท้าย จะอยู่หรือตาย!”
สตรีจ้องสายตาแน่วแน่ตรงมาที่เยี่ยฉวน “เจ้าเป็นใคร!”
เยี่ยฉวนพลันขยับปากเอ่ย เขากล่าวด้วยน้ำเสียงบ่งบอกว่าเป็นการเตือน “เจ้ายังไม่ตอบที่ข้าถาม!”
ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบ หากยังไม่ละสายตาจากคนตรงหน้า ครู่ใหญ่ต่อมา “เจ้าคือเยี่ยฉวน!”
เยี่ยฉวน!
หลังคำพูดของหญิงสาวหลุดออกมาจากปาก ยังผลให้เกิดเสียงพึมพำของผู้คนบนดาดฟ้าเรือเหาะดังกระหึ่มขึ้นทันที
ถึงตอนนี้บนแผ่นดินชิง จะมีใครบ้างไม่เคยได้ยินชื่อเยี่ยฉวน?
บนดาดฟ้าเรือเหาะ สายทุกคู่ของคนทุกคนหันมาทางเยี่ยฉวน บ้างมีแววตาเคลือบแคลง บ้างตื่นเต้นและบ้างตื่นตัว……
จ้าวกระบี่ที่มีอายุน้อยที่สุดในแผ่นดินชิง!
หัวหน้าเรือเหาะรีบกระวีกระวาดตรงเข้ามาแสดงคารวะต่อเยี่ยฉวน “ข้าน้อยรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบท่าน ผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นเยี่ยฉวน! ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่านจะโดยสารมากับเรือเหาะของเรา จึงไม่ได้ให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ โปรดอภัยให้ข้าด้วยขอรับ!”
เยี่ยฉวนเหยียดมุมปาก “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
เพราะนั่นทำให้เขาจึงค้อมตัวลงคารวะอีกครั้ง ก่อนจะถอยหลบไปอีกด้าน
ชายหนุ่มเบนหน้าไปทางสตรี “ยังอยากที่จะมีชีวิตอยู่หรือไม่?”
อีกฝ่ายแสยะมุมปาก “เจ้าดูถูกข้าเกินไป”
พลันที่คนพูดจบ ร่างของสตรีทะยานวาบถอยหลังห่างไป ความรวดเร็วของนางประหนึ่งความเร็วของแสงก็ว่าได้ ขณะเดียวกันลำแสงสว่างนวลพุ่งวาบตรงเข้าบริเวณจุดกึ่งกลางหว่างคิ้วของเยี่ยฉวน! อย่างไรก็ตามทันทีที่ลำแสงปะทะกับพลังปณิธานคุณธรรมของเยี่ยฉวน พลันลำแสงก็แตกกระจายทันที ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ลำแสงกระบี่ปรากฏที่ไกลออกไปราวร้อยจั้ง
ณ ที่ซึ่งระยะห่างกว่าร้อยจั้งนั้น ร่างของสตรีที่ลอยอยู่ในอากาศสะดุ้งสุดตัวและแข็งเกร็งค้างเช่นนั้น ด้วยปรากฏกระบี่หนึ่งปักคาอยู่ที่ระหว่างหัวคิ้วเรียวงาม!
เสียงสตรีรำพึงมาจากที่บนอากาศ “ระ……รวดเร็วยิ่งนัก……”
ณ บนดาดฟ้าเรือเหาะ เยี่ยฉวนเผยฝ่ามือขวาออกไปเบื้องหน้า ฉับพลันกระบี่ที่หว่างคิ้วของสตรีหายวับไปทันที หากมันกลับปรากฏออกอีกคราที่บนฝ่ามือของผู้เป็นเจ้าของ กระบี่บินโฉบรวดเร็ว เพียงชั่ววิบตาเดียวบนท้องฟ้าเหนือดาดฟ้าปรากฏกระบี่บินกำลังเคลื่อนไหวรวดเร็ว
จากนั้นราวยี่สิบชั่วลมหายใจให้หลัง กองกำลังจิ้งจอกปีศาจถูกปราบจนเหลือเพียงชื่อ!
และเหมือนเคย เยี่ยฉวนจัดการเก็บกวาดทรัพย์สินของล้ำค่า ซึ่งมีจำนวนเหรียญทองสามร้อยล้านเหรียญทองและสุดยอดศิลาจิตวิญญาณกว่าห้าแสนชิ้น
