บทที่ 930 : อัญเชิญเซียนกระบี่!
ยามชนเผ่าถังเข้าโจมตีสำนักกระบี่ เยี่ยฉวนนั้นกำลังอยู่ในหอตำราสถาบันฝึกยุทธ์
เขาอยากรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้!
ตั้งแต่แผ่นดินชิงฉางจนถึงที่นี่ ชายหนุ่มยังไร้ความรู้เกี่ยวกับจักรวาลนี้นัก เขาทราบเพียงแค่ว่ามันใหญ่มากเท่านั้น
ในสถาบันฝึกยุทธ์แห่งนี้เต็มไปด้วยบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับโลกใบนี้อยู่
ตำราที่กำลังอ่านบนหน้าปกเขียนไว้ว่า ‘ประจักษ์โลกา’
ตำราเล่มนี้อัดแน่นไปด้วยความรู้เกี่ยวกับจักรวาล!
จากตำราเล่มนี้ ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าจักรวาลนั้นไร้ซึ่งขอบเขต เต็มไปด้วยดินแดนจักรวาลดารานับไม่ถ้วน และพื้นที่จักรวาลถูกแบ่งเป็นสี่ทิศคือโลกรกร้างดินแดนตอนใต้ โลกรกร้างดินแดนตอนเหนือ โลกรกร้างดินแดนตะวันออก และโลกรกร้างดินแดนตะวันตก
ขอบเขตจักรวาลดาราคือจักรวาลซึ่งเป็นที่รู้กัน
ทว่านอกเหนือจากขอบเขตทั้งสี่ทิศนี้ ทุกอย่างยังเป็นปริศนา ไม่มีใครทราบเรื่องเกี่ยวกับด้านนอก และจักรวาลครอบคลุมทั้งสี่ทิศนี้เรียกว่าจักรวาลโกลาหล
ไม่มีใครรู้เลยว่าเหตุใดถึงได้ชื่อนี้มา!
จักรวาลโกลาหลถือกำเนิดอารยธรรมอันมั่งคั่งมากมายนัก
หนึ่งในนั้น อารยธรรมซึ่งเก่าแก่และเป็นปริศนาที่สุดคือเผ่าไท่กู่
ถูกกล่าวเอาไว้ว่าอารยธรรมวิชายุทธ์ในจักรวาลโกลาหลมีต้นกำเนิดจากเผ่าไท่กู่ ทว่ามันกลับหายไปเสียดื้อๆ มีเพียงบันทึกหลงเหลือน้อยนิดกระจัดกระจายไปทั่วเท่านั้น หลังเผ่าไท่กู่หายไป สำนักเซียนและสำนักเจ้านรกถึงขึ้นมาเป็นใหญ่ได้
แต่บันทึกเกี่ยวกับสองสำนักนี้กลับน้อยมากเช่นกัน มีบันทึกไว้เพียงแค่ว่าสองสำนักนี้หายไปอย่างเป็นปริศนา
หลังสองสำนักนี้หายไป ทั่วจักรวาลจึงเข้าสู่กลียุค จักรวาลโกลาหลนี้แบ่งออกเป็นหลายก๊กโดยกองกำลังนับไม่ถ้วน ในช่วงนี้ถือเป็นความวุ่นวายโดยแท้จริง!
ตอนนั้นเอง ที่ผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวคนแรกแห่งชุมนุมผู้คุมกฎ เข้ามาจัดแจงระเบียบทั่วจักรวาลโกลาหล สถานการณ์จึงค่อยๆ กลับมาเป็นปกติเสียที
ทว่าหลังจากนั้น เหล่ายอดฝีมือแห่งชุมนุมผู้คุมกฎต่างไล่เลี่ยกันเสียชีวิต ทำให้ไร้ซึ่งผู้ใดปกครองดินแดนจักรวาลดาราได้อยู่หมัดเฉกเช่นผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวคนแรกอีกเลย
ยุคนี้จึงมีกองกำลังแข็งแกร่งหลายกองนัก
อย่างแรกคือชุมนุมผู้คุมกฎ
แม้พวกเขาจะแข็งแกร่งไม่เท่าเมื่อก่อน แต่อูฐแก่นั้นย่อมตัวใหญ่กว่าม้า อีกทั้งชุมนุมผู้คุมกฎในปัจจุบันยังคงถือนามผู้นำจักรวาลโกลาหลอยู่
นอกจากชุมนุมผู้คุมกฎแล้ว ยังมีห้ากลุ่มคานอำนาจอยู่ ประกอบไปด้วยหนึ่งจักรวรรดิ สองชนเผ่า และสองสำนัก
จักรวรรดิที่ว่าคืออาณาจักรเทพเจ้า ซึ่งตั้งอยู่ในโลกรกร้างดินแดนตะวันออก อาณาจักรเซียนนั้นอวดอ้างว่าตนคือ แหล่งความมั่งคั่งทั่วจักรวาลโกลาหลได้เลย พวกเขามีเขตแดนกว้างขวางและปกครองดินแดนจักรวาลดารานับพัน ไม่เพียงเท่านั้น วิชายุทธ์ยังหลากหลายนัก อีกทั้งแยกย่อยไปหลายวิชา อาทิ ขงจื่อ พุทธะ และการทหาร… หลังชุมนุมผู้คุมกฎถดถอยลง อารยธรรมวิชายุทธ์แห่งอาณาจักรเทพเจ้าถือเป็นตัวแทนของเหล่าจักรวาลโกลาหลเลยทีเดียว!
จักรวรรดินี้ต้องการรวมจักรวาลเป็นหนึ่ง แต่กลับถูกชุมนุมผู้คุมกฎหยุดไว้เสียก่อน
คนที่หยุดไว้คือผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวของชุมนุมผู้คุมกฎเมื่อสามพันปีก่อน กู่ทาเถี่ยน!
เขาถือว่าเป็นบุคคลที่มากความสามารถที่สุดหลังการจากไปของผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวคนแรก ยามปรากฏตัวในตอนนั้น ทั่วทั้งจักรวาลถึงกับแตกตื่น
เมื่ออาณาจักรเทพเจ้าบุกเข้าโลกรกร้างดินแดนตะวันออก กู่ทาเถี่ยนเข้าไปในอาณาจักรเทพเจ้าเพียงคนเดียว และไม่กลับมาอีกเลย
ทว่าจักรวรรดิกลับถอยร่นไป และไม่เข้าไปเหยียบโลกรกร้างดินแดนตะวันออกอีกเลย จนทั้งโลกเกือบลืมตัวตนของอาณาจักรเทพเจ้าไปหมดเสียอย่างนั้น!
ส่วนกู่ทาเถี่ยนนั้น มีข่าวลือมากมาย บ้างกล่าวว่าเขาฆ่าจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเทพเจ้าแล้วออกจากจักรวาลโกลาหลไป บ้างกล่าวว่าหลังสังหารจักรพรรดิเสร็จก็เจ็บหนักจนตายตามไป บ้างบอกว่าถูกคุมขังอยู่…
มีข่าวลือมากมายนักเกี่ยวกับเรื่องนี้!
หลังจากนั้น สองชนเผ่าจึงเปิดตัวขึ้น
สองชนเผ่าที่ว่าคือเผ่าถังและเผ่าอสูร
เผ่าอสูรอยู่ในโลกรกร้างดินแดนตะวันตก พวกเขาทำข้อตกลงกับผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวคนแรกของเผ่ามนุษย์แล้วว่า……ทั้งคู่จะไม่ประกาศสงครามและบุกรุกซึ่งกันและกัน
อีกหนึ่งชนเผ่า ซึ่งก็คือเผ่าถังนั้นอยู่โลกรกร้างดินแดนตอนใต้ เผ่าถังถือว่าเป็นปริศนานัก มีเพียงหนึ่งบันทึกไว้เท่านั้น คือยอดฝีมือเผ่าถังนั้นไร้เทียมทานในใต้หล้านี้!
หลังเผ่าถัง สำนักกระบี่และสถาบันฝึกยุทธ์ได้ถือกำเนิด
นี่ถือว่าพิเศษมาก!
ปัจจุบันยังไม่มีใครคิดดูถูกสำนักกระบี่ เพราะไม่มีใครกล้าพอจะดูถูกฝีมือของผู้ฝึกกระบี่สักคน!
ตั้งแต่การก่อตั้งของสำนักกระบี่จวบจนปัจจุบัน สำนักกระบี่ได้สร้างมหาเซียนกระบี่นับร้อย และมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดอีกนับร้อยคน!
จุดรุ่งเรืองที่สุดของสำนักกระบี่นั้นมีมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดสามสิบแปดคน และมหาเซียนกระบี่อีกเจ็ดสิบเก้าคนเลยทีเดียว!
ในยุคนั้นถือว่าสำนักกระบี่รุ่งโรจน์ที่สุด!
ไม่มีใครในจักรวาลโกลาหลกล้าบังอาจยุแหย่สำนักกระบี่เลยสักคน แม้แต่ชุมนุมผู้คุมกฎและชนเผ่าถังต่างก้มหัวแสดงความเคารพต่อพวกเขา
อีกทั้งสำนักกระบี่กับสถาบันฝึกยุทธ์ต่างเป็นพันธมิตรกันมาหลายต่อหลายรุ่น และอยู่ด้วยกันอย่างผาสุกในนครอานุภาพแห่งนี้
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ไร้ซึ่งผู้ใดบุกรุกมายังนครอานุภาพ
แต่สำนักกระบี่กับสถาบันฝึกยุทธ์ดันกลับมาห้ำหั่นกันเองจนได้…
เยี่ยฉวนปิดตำราในมือ
เขานิ่งไปสักพัก แล้วหมุนตัวหายวับไป
ณ ประตูทางเข้าตำหนักยุทธ์แห่งสถาบันฝึกยุทธ์
อู่เวิ่นมองไปยังทิศของสำนักกระบี่ไม่ไกลนักแล้วพึมพำ “นั่นเผ่าถังนี่!”
เหอเหลียนเทียนส่ายหน้า “สำนักกระบี่แกว่งเท้าหาเสี้ยนเองนี่นะ…”
อู่เวิ่นเอ่ย “หากสำนักกระบี่ถูกทำลาย สถาบันฝึกยุทธ์เราจะเป็นกองกำลังอันยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งในนครอานุภาพนี้”
เหอเหลียนเทียนมองไปยังอู่เวิ่นแล้วถาม “ท่านอาจารย์ ท่านจะ…”
อู่เวิ่นส่ายหัว “ถ้าสำนักกระบี่ไม่ทะเยอทะยานขนาดนี้ สถาบันฝึกยุทธ์เราย่อมอยู่เฉย อย่างที่เจ้าพูด พวกเขาหาเรื่องเอง”
เอ่ยจบ เขามองเหอเหลียนเทียน “จำไว้นะ ในฐานะท่านจ้าวแห่งสถาบันฝึกยุทธ์นี้ จะมีหลายครั้งที่การตัดสินใจมีผลต่อความฉิบหายของสถาบัน ดังนั้นระวังทุกครั้งที่จะตัดสินใจอะไรในอนาคต!”
เหอเหลียนเทียนพยักหน้า “เข้าใจแล้วขอรับ”
อู่เวิ่นมองไปยังสำนักกระบี่อันห่างไกลแล้วเอ่ย “สำนักกระบี่ขอความช่วยเหลือต่อท่านผู้ก่อตั้งแล้ว มาดูกันเถิดว่าพวกเขาจะมีไพ่ตายอะไรเหลืออยู่อีก!”
ณ สำนักกระบี่
เมื่อยอดฝีมือเผ่าถังปรากฏตัวออกมา สำนักกระบี่ต่างเตรียมพร้อมเพื่อภยันตรายทุกสถานการณ์ที่เป็นไปได้ และศิษย์แห่งสำนักกระบี่ทั้งหมดออกมาด้วยเช่นกัน
นัยน์ตาของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความกังวลและเคร่งขรึม หากแต่ไร้ซึ่งความกลัว!
คนสิบสองคนหยุดลงกลางอากาศอย่างเงียบงันราวกับแมวก็ไม่ปาน
ตอนนั้นเอง สาวนางหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าสิบสองคนนั้น
เป็นคุณหนูใหญ่แห่งเผ่าถัง
ด้านหลังคุณหนูใหญ่คือคุณหนูสองและคนอื่นๆ
คุณหนูใหญ่ก้มมองหมู่เฟิงเฉินเบื้องล่าง “จ้าวตำนานเทพกระบี่เอ๋ย เผ่าถังให้ความเคารพแก่สำนักกระบี่เรื่อยมา ตราบใดที่มอบสมบัตินั่นมา พวกเราจะถอยทัพกลับทันที ขอสัญญา!”
หมู่เฟิงเฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินมานานถึงคำสรรเสริญว่ายอดฝีมือเผ่าถังนั้นไร้เทียมทานในใต้หล้า ครั้งนี้อยากเห็นเป็นขวัญตาเหลือเกิน”
นางก้มมองอีกฝ่ายแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “ย่อมได้”
หลังจากนั้น ยอดฝีมือทั้งสิบสองเบื้องหลังนางพลันพุ่งลงพื้น ปราดเปรียวดั่งกระต่าย!
เบื้องล่าง หมู่เฟิงเฉินพลันหัวเราะร่า “พวกเรา! กางค่ายกลกระบี่ซะ!”
เอ่ยจบ เสียงกระบี่กู่ร้องพลันดังกึกก้องทั่วฟ้าสำนักกระบี่ จากนั้นกระบี่สิบสองเล่มพลันพุ่งลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกระบี่แสงนับล้าน
คุณหนูใหญ่เผยสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่มีความคิดจะขยับตัว!
ยอดฝีมือทั้งสิบสองไม่คิดหลบ แต่กลับโฉบลงไป เมื่อโฉบผ่านลำแสงกระบี่ แสงนั่นส่งเสียงร้าวก่อนจะแตกสลายกลายเป็นผง
พวกเขาทำเช่นนั้นโดยไม่ได้กวัดแกว่งกระบี่ยักษ์ด้วยซ้ำ!
ไม่นานนัก ลำแสงกระบี่ต่างค่อยๆ หายไปทีละน้อย
เบื้องล่าง หมู่เฟิงเฉินพลันเหินขึ้นฟ้าพร้อมผู้ฝึกกระบี่ขั้นไขว่คว้าเต๋าทั้งแปด
เหยี่ยหลานกำลังจะออกไป ทว่าหญิงสาวกลับส่ายหัวห้ามเสียก่อน
ไม่ไกลนัก ทันทีที่หมู่เฟิงเฉินขึ้นมาได้ หนึ่งในยอดฝีมือพลันดึงกระบี่ยักษ์ออกมาและแทงไปข้างหน้า
หมู่เฟิงเฉินก็เช่นกัน
ตูม!
ยอดฝีมือคนนั้นกระเด็นไปไกลถึงร้อยจั้งทันที หมู่เฟิงเฉินเองถอยออกไปสามสิบจั้ง
ยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋าแปดคนของสำนักกระบี่ถูกตรึงไว้ และแทบจะเป็นถูกกระทืบอยู่ฝ่ายเดียวเสียได้!
เห็นดังนั้น ใบหน้าหมู่เฟิงเฉินพลันมืดมนลง
เขาดูถูกยอดฝีมือเผ่าถังมากเกินไป!
คนขั้นไขว่คว้าเต๋าธรรมดานั้นไม่อาจเทียบเคียงพวกเขาได้เลย!
ความสามารถด้านการต่อสู้ของผู้ฝึกกระบี่ขั้นไขว่คว้าเต๋าถือว่าแกร่งมากแล้ว แต่กลับโดนยอดฝีมือเหล่านี้ตรึงเอาไว้!
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องพลันดังขึ้น!
ผู้ฝึกกระบี่ขั้นไขว่คว้าเต๋าคนหนึ่ง พลันถูกยอดฝีมือสองคนนั้นรุมฆ่า!
หมู่เฟิงเฉินเห็นดังนั้น สีหน้าหมองลงทันที “ถอย!”
เอ่ยจบ ผู้ฝึกกระบี่ต่างถอยกันทันที
ตอนนั้นเอง ยอดฝีมือทั้งสิบสองต่างโฉบลงมา พวกเขามีเพียงสิบสองคน แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนมีกองทหารม้าไล่ตาม
เห็นดังนั้น หมู่เฟิงเฉินรู้สึกอับจนหนทางนัก……ไม่กล้าพอจะสั่งผู้ฝึกกระบี่ให้สู้กับเหล่ายอดฝีมืออีก เขาหันไปยังทิศทางของสุสานกระบี่แห่งสำนักกระบี่ที่ภูเขาด้านหลัง “อัญเชิญเทพกระบี่!”
เสียงร้องแห่งกระบี่ทั้งสิบพลันดังก้องมาจากสุสานกระบี่ ไม่นานนัก สิบแสงกระบี่ลอยขึ้นมาบนฟ้ามาอยู่เหนือสำนักกระบี่
ผู้ฝึกกระบี่ทั้งสิบปรากฏตัวขึ้น!
ทว่าพวกเขาต่างอยู่ในร่างวิญญาณทั้งสิ้น!
ทุกคนต่างอยู่ในขั้นมหาเซียนกระบี่ชั้นยอด!
วิญญาณของสิบมหาเซียนกระบี่ชั้นยอด เป็นหนึ่งในไพ่ตายของสำนักกระบี่เช่นกัน!
ทั้งสิบมองไปยังสิบสองยอดฝีมือแห่งเผ่าถังด้วยสายตาสับสน
ตอนนั้นเอง ผู้ฝึกกระบี่ซึ่งเป็นผู้นำมองไปยังหมู่เฟิงเฉิน อีกฝ่ายโค้งให้เล็กน้อย “พวกเราชนรุ่นหลังไร้ฝีมือนัก ต้องขออภัยที่รบกวนท่าน”
ผู้ฝึกกระบี่คนนั้นกระซิบถาม “ท่านผู้ก่อตั้งมาแล้วหรือ”
หมู่เฟิงเฉินพยักหน้า “ขอรับ”
วิญญาณตนนั้นหลุบตาลงเล็กน้อย “ท่านผู้ก่อตั้ง…”
ไม่นานนัก เขาแหงนหน้ามองฟ้าแล้วกระซิบ “ข้าไม่คาดคิดเลยว่าสำนักกระบี่จะโดนรังแกในเขตของเราได้”
หมู่เฟิงเฉินแลดูมืดมนนัก
ผู้ฝึกกระบี่กระซิบ “ฆ่าพวกมัน!”
เอ่ยจบ ทั้งสิบต่างพุ่งทะยานขึ้นฟ้า!
ผู้อาวุโสเยว่เอ่ยเสียงเข้มบนอากาศ “คุณหนูใหญ่ขอรับ สิบคนนี้อยู่ในขั้นมหาเซียนกระบี่ชั้นยอด…”
คุณหนูใหญ่กระซิบกระซาบตอบ “พวกเขาเป็นแค่วิญญาณเท่านั้น!”
ผู้อาวุโสเยว่พยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่เอ่ยคำใด เขามองไปไม่ไกลนัก ผู้ฝึกกระบี่ทั้งสิบได้ตรึงทั้งสิบสองยอดฝีมือไว้เรียบร้อย!
ซ้ำยังแน่นหนานัก!
เห็นดังนั้น ผู้อาวุโสเยว่พลันรู้สึกไม่สู้ดีขึ้นมา
คุณหนูใหญ่ยังคงไร้อารมณ์ยิ่ง “พวกเขาอยู่แค่ร่างวิญญาณ แม้จะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่สุดท้ายการสู้กับยอดฝีมือของเราถือว่ากินแรงไปโขอยู่ดี รอดูเสียสิ”
ผู้อาวุโสเยว่พยักหน้าเล็กน้อย
เป็นดั่งที่นางว่า ร่างกายของสิบมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดยิ่งพร่าเลือนยิ่งขึ้นไป…
หมู่เฟิงเฉินเห็นดังนั้นรู้สึกระสับกระส่ายนัก
เขาไม่คาดคิดเลยว่าสิบมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดจะสังหารยอดฝีมือพวกนี้ไม่ได้ในเวลาอันสั้น!
ร่างของทั้งสิบวิญญาณยิ่งโปร่งใสมากขึ้นไปเรื่อยๆ แม้พวกเขาจะตรึงร่างของสิบสองยอดฝีมือได้ แต่กลับสังหารไม่ได้เสียที!
ทันใดนั้น ผู้ฝึกกระบี่ทั้งสิบพลันหยุดมือ
ผู้นำสิบมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดพลันมองเบื้องล่างและเอ่ยเสียงนุ่ม “ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร จงจำไว้ สำนักกระบี่จะไม่ยอมประนีประนอมเด็ดขาด!”
เอ่ยจบ เขาและผู้ฝึกกระบี่ทั้งเก้ารอบตัวรีบพุ่งไปหาสิบสองยอดฝีมือ!
วิญญาณของพวกเขากำลังถูกแผดเผา!
พวกเขากำลังจะปล่อยกระบวนท่าสุดท้าย!
