Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 931


บทที่ 931 : สำนักกระบี่จะไม่มีวันก้มหัวให้ใคร!

เมื่อวิญญาณของมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดเริ่มแผดเผา ปราณที่ปล่อยออกมาพลันทะยานขึ้นฟ้า!

กลางอากาศ หนึ่งในสิบสองยอดฝีมือเผ่าถังพลันเอ่ยขึ้นมา “ต้านไว้!”

เอ่ยจบ ทั้งสิบสองใช้กระบี่ยักษ์ป้องกันการโจมตี ตอนนั้นเองที่เกราะกระบี่แสงยักษ์เกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขา

ทันใดนั้น กระบี่แสงมาถึงตัวแล้ว

ตูม!

เหนือสถาบันฝึกยุทธ์ เสียงระเบิดดังถี่กึกก้องทั่วน่านฟ้า

ยอดฝีมือเผ่าถังถูกบีบให้ถอยร่นไม่หยุดพัก และพวกเขาถอยไปจนนอกนครอานุภาพ

ทว่าลำแสงกระบี่ซึ่งแปรมาจากวิญญาณของมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดกลับหายไปในเวลานี้

ยอดฝีมือเผ่าถังทั้งสิบสองยังคงมีชีวิตอยู่

ทว่าพวกเขาเจ็บหนักและใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ

แน่นอนว่ากระบวนท่าสุดท้ายของมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดทั้งสิบได้สร้างความเสียหายแก่พวกเขาไว้มาก

ณ สำนักกระบี่

เมื่อเห็นว่ามหาเซียนกระบี่ชั้นยอดทั้งสิบหายไป ผู้ทรงพลังแห่งสำนักกระบี่ต่างตื่นตกใจ

หมู่เฟิงเฉิน ผู้นำของพวกเขาสับสนไม่แพ้กัน

สำนักกระบี่!

ตั้งแต่เมื่อไรที่สำนักกระบี่ถดถอยถึงเพียงนี้

เขาไม่รู้เลย!

……รู้แค่ว่าสำนักกระบี่ค่อยๆ เสื่อมถอยลงตั้งแต่รุ่นก่อนหน้านี้แล้ว

ผู้ฝึกกระบี่ซึ่งเลื่อนขั้นเป็นมหาเซียนกระบี่ได้ก็น้อยลงทุกที

แล้วจะโทษใครได้เล่า?

ย่อมถือโทษใครไม่ได้!

เมื่อเวลาผันผ่าน ไม่มีกำลังใดจะรุ่งเรืองเฟื่องฟูได้ตลอดกาล

ความผิดพลาดของมนุษย์ อาจเป็นสาเหตุมาจากการถดถอยของสำนักกระบี่ แต่หลักๆ แล้วมาจากกฎแห่งธรรมชาติและการเปลี่ยนผันของวิชา

ยามก้าวขึ้นมาดูแลสำนักกระบี่ เขาอยากเปลี่ยนแปลงและฟื้นฟูสำนักกระบี่ให้รุ่งเรืองเช่นกาลก่อน ทว่ากลับไม่คาดคิดเลยว่าจะดึงสำนักกระบี่ให้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้

ตอนนั้นเอง ชายแก่คนหนึ่งปรากฏตัวข้างกายหมู่เฟิงเฉิน

เป็นเยว่อู่เฉิน ผู้อาวุโสซึ่งคอยเตือนสติแก่เยี่ยฉวนก่อนหน้านี้นั่นเอง

หลังจากชายหนุ่มถูกบีบให้ออกจากสำนักกระบี่ เขาก็ลาจากสำนักกระบี่และไม่โผล่มาอีกเลย

ทว่าเขากลับปรากฏตัวขึ้นในยามนี้

หมู่เฟิงเฉินหันไปมองอีกฝ่าย “อู่เฉิน ข้าผิดหรือ”

เยว่อู่เฉินตอบเสียงนุ่ม “เจ้าน่ะใจร้อนเกินไป ข้ารู้ดีว่าสำนักกระบี่ควรเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เจ้าทำไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง แต่เป็นไขว่คว้าความทะเยอทะยานต่างหาก สำนักกระบี่อยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นนี้แล้วจะมีความทะเยอทะยานได้อย่างไร”

หมู่เฟิงเฉินเงียบฟัง

เยว่อู่เฉินเอ่ยต่อ “ตอนนั้น เป้าหมายของท่านผู้ก่อตั้งไม่ใช่ขัดขวางการพัฒนาของสำนักกระบี่ แต่เป็นการปกป้องต่างหาก คิดบ้างไหมว่าเหตุใดสำนักกระบี่ถึงเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งมานับพันปีได้? เพราะพวกเราไม่ได้สู้เพื่อความต้องการอย่างไรเล่า! หลายพันปีมานี้ สำนักกระบี่ตัดขาดจากโลก และกองกำลังยิ่งใหญ่ต่างนับถือสำนักเราทั้งนั้น”

เขามองหน้าหมู่เฟิงเฉินแล้วกล่าวต่อ “เฟิงเฉิน ไม่ใช่ว่าท่านผู้ก่อตั้งไม่อยากให้สู้เพื่อความต้องการหรอกนะ ทว่าไม่อยากให้เราสู้เพื่อความต้องการเพียงชั่ววูบต่างหาก ในยุคนั้นท่านจ้าวแทบจะเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน พวกเขานำสำนักกระบี่ออกจากนครอานุภาพไหม?……ก็ไม่! ตอนนั้นท่านจ้าวกำลังสู้เพื่ออะไรอยู่? สู้เพื่อเต๋าอันยิ่งใหญ่อย่างไรล่ะ!”

หมู่เฟิงเฉินแหงนหน้ามองฟ้า “เต๋าอันยิ่งใหญ่…”

เยว่อู่เฉินพยักหน้า “หากแข็งแกร่งแล้ว ใครจะกล้ามาแหยมสำนักกระบี่เราเล่า? หากตอนนี้พวกเรามีมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดสักสิบคน……เผ่าถังจะกล้าพอมาเหยียบย่ำสำนักกระบี่หรือ”

เขามองหมู่เฟิงเฉินอีกครั้ง “ตอนเจ้ากับเสวียนเฟิงวางแผนจะเอาสมบัตินั่น ข้าพร่ำบอกแล้วว่า หากผู้ฝึกกระบี่ตั้งความหวังไว้ที่สมบัติ นั่นแปลว่าพวกเขาไม่มั่นใจในตัวเอง เฟิงเฉิน เจ้าไม่เคยหวังร้ายต่อสำนักกระบี่เลย แต่เห็นแก่ได้และทะเยอทะยาน ซึ่งสำนักกระบี่ไม่มีพลังมากพอจะสนับสนุนความทะเยอทะยานนั่นได้……เข้าใจหรือไม่”

เยว่อู่เฉินเข้าใจเจตนาของท่านผู้ก่อตั้งดี เขาเพียงต้องการให้สำนักกระบี่ในอนาคตฝึกเต๋าแห่งกระบี่ให้คมกริบเท่านั้น

สาเหตุที่ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่สร้างสำนักกระบี่ขึ้นมาไม่ใช่เพื่อครองโลก แต่เพื่อมอบที่พักแก่ผู้ฝึกกระบี่และป้องกันไม่ให้ใครมาเหยียบย่ำต่างหาก!

ทว่าสำนักกระบี่กลับออกนอกลู่นอกทางไปเสียไกล

เมื่อเยว่อู่เฉินจะพูดต่อ คุณหนูใหญ่แห่งเผ่าถังกลับแทรกขึ้นมา “พวกเจ้าคุยกันเสร็จหรือยัง”

เยว่อู่เฉินเงยหน้ามองนาง ไม่ทันไร เขาพลันลอยขึ้นไปบนฟ้า

เปรี๊ยะ!

เสียงกระบี่คำรามดังขึ้น!

หมู่เฟิงเฉินได้ยินดังนั้น สีหน้าแปรเปลี่ยนไป เขาเงยหน้ามองฟ้าด้วยสายตายากจะเชื่อ!

เมื่อเยว่อู่เฉินลอยขึ้นไปบนฟ้า คุณหนูใหญ่มีท่าทีเปลี่ยนไปเช่นกัน ตอนนั้นเองที่ชายสองคนพลันปรากฏตัวขึ้นต่อหน้านาง ทั้งคู่แข็งแกร่งพอกันกับผู้อาวุโสเยว่!

ทว่าหลังจากที่คลื่นพลังกระบี่แสงตัดผ่าน…

ฉัวะ ฉัวะ!

บริเวณนั้น สองศีรษะเปรอะเลือดร่วงลงบนพื้น!

พวกเขาถูกสังหารชั่วพริบตา!

ทันใดนั้น กระบี่เล่มหนึ่งจ้วงไปยังคุณหนูใหญ่ทันที!

สายตาของนางนั้นเย็นชานัก หญิงสาวใช้นิ้วสองนิ้วชิดกันก่อนจะชี้ไปข้างหน้า แสงสีดำพลันปรากฏขึ้นมา

ตูม!

เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมแสงสีดำที่ระเบิดออก คุณหนูใหญ่ถูกแรงระเบิดจนกระเด็นไปถึงพันจั้งแทบจะทันที!

นางโดนดีดออกจากนครอานุภาพ!

ไม่ทันไร เยว่อู่เฉินพลันกระทืบเท้าขวา “แทงมัน!”

กระบี่เล่มหนึ่งพุ่งลงมาจากท้องฟ้าเหนือสำนักกระบี่ ราวกับว่าจะแยกโลกทั้งใบออกเป็นสองส่วน!

ตอนนั้นเอง ยอดฝีมือทั้งสิบสองแห่งเผ่าถังพลันปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าคุณหนูใหญ่ พวกเขาใช้กระบี่ยักษ์วาดผ่านอากาศด้วยสองมือในเวลาเดียวกัน!

ลำแสงแห่งกระบี่ยาวประมาณร้อยจั้งตัดผ่านท้องนภา แล้วพุ่งชนเข้ากับกระบี่เล่มนั้นโดยตรง!

ตูม!

ทั่วน่านฟ้าสั่นไหว จากนั้นชั้นอากาศโดยรอบแตกร้าวไปหลายร้อยจั้งโดยพลัน

ลำแสงแห่งกระบี่ระเบิดขึ้นแทบจะทันที!

ตอนนั้นเอง ผู้นำยอดฝีมือทั้งสิบสองตะคอกขึ้นมา “จู่โจมอีก!”

พวกเขาต่างปล่อยกระบวนท่าพร้อมกัน และจู่โจมพร้อมกันอีกครั้ง!

ครืน!

ลำแสงแห่งกระบี่ตัดผ่านอากาศและพุ่งตรงไป!

ยอดฝีมือทั้งสิบสองพลันหายตัวไปพร้อมเพรียง ลำแสงกระบี่เข้าปะทะลำแสงกระบี่นั่นราวกับพายุอันบ้าคลั่ง ลำแสงกระบี่อันทรงพลังถูกต้านให้หยุดลงเสียที ผ่านไปไม่กี่อึดใจ กระบี่ยาวฟันลงมา ทำให้ลำแสงกระบี่แตกสลายลงทันที!

ทันใดนั้น ร่างหนึ่งพุ่งตรงมายังจุดนั้น!

เป็นร่างของคนซึ่งมาพร้อมกับฝูงลำแสงกระบี่!

เป็นเยว่อู่เฉิน!

ต่อหน้าเขา ยอดฝีมือทั้งสิบสองพลันคำรามเป็นหนึ่งเสียง “แตกสลาย!”

ทั้งสิบสองคนชักกระบี่ยักษ์ขึ้นมาในเวลาเดียวกัน!

เคร้ง!

เสียงแหลมสูงพลันทำให้ชั้นบรรยากาศรอบด้านร้าว!

ทว่ายามที่กระบี่แสงเหล่านั้นมาถึง…

ตูม!

สิบสองยอดฝีมือถูกต้อนเสียกระเด็นออกนอกนครอานุภาพไป!

เยว่อู่เฉินยืนอยู่กลางอากาศ เขากระชับกระบี่ยาวไว้ในมือ มองคุณหนูใหญ่และคนอื่นเบื้องหน้าด้วยสายตาเย็นยะเยือก

และทุกคนในสำนักกระบี่ต่างมองไปยังเยว่อู่เฉิน

พูดให้ถูกคือ ทุกคนในนครอานุภาพกำลังมองไปที่เขา!

มหาเซียนกระบี่ชั้นยอด!

เยว่อู่เฉินไม่ใช่ทั้งยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋าหรือมหาเซียนกระบี่แต่อย่างใด เขาเป็นมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดต่างหาก!

เบื้องล่างเยว่อู่เฉิน หมู่เฟิงเฉินมองอีกฝ่ายด้วยความสับสน “ท่านอาจารย์… ที่ไม่ยอมให้เยว่อู่เฉินเป็นจ้าวสำนักเพราะอยากให้เขาจดจ่อกับเต๋าแห่งกระบี่หรอกหรือ?”

ศิษยานุศิษย์แห่งสำนักกระบี่ต่างมองเยว่อู่เฉินเป็นตาเดียว

พวกเขากำลังตื่นเต้น!

มหาเซียนกระบี่ชั้นยอดเชียวนะ!

การปรากฏตัวของเยว่อู่เฉินจุดประกายแสงแห่งความหวังอันริบหรี่ท่ามกลางความสิ้นหวังนี้แล้ว!

ณ สถาบันฝึกยุทธ์

อู่เวิ่นมองเยว่อู่เฉินซึ่งลอยอยู่บนอากาศ รู้สึกอับจนหนทางขึ้นมา “มหาเซียนกระบี่ชั้นยอด…”

หากเยว่อู่เฉินเข้าร่วมการโจมตีสถาบันฝึกยุทธ์ในตอนนั้นล่ะก็……สถาบันฝึกยุทธ์คงสูญเสียไปมากมายนัก! ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนไปเลยด้วยซ้ำ!

มหาเซียนกระบี่ชั้นยอดถือเป็นผู้ทรงพลังอันดับต้นๆ ของจักรวาลโกลาหลนี้เลยก็ว่าได้!

เยี่ยฉวนซึ่งซ่อนตัวอยู่ตกใจไม่น้อย ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าชายแก่ที่สอนเขาจะแข็งแกร่งปานนี้!

เหนือนครอานุภาพ เยว่อู่เฉินมองคุณหนูใหญ่ซึ่งอยู่ไกลออกไป “สำนักกระบี่ไม่กระหายการต่อสู้ แต่หากต้องสู้ พวกเราย่อมไม่หวั่นเกรงผู้ใด”

นางจ้องตรงไปยังอีกฝ่าย “สำนักกระบี่ส่งมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดมาแค่คนเดียว……เพื่อหยุดเผ่าถังเราน่ะหรือ? ดูท่าจะประเมินตัวเองสูงไปแล้ว!”

นางเอ่ยจบแบมือออก จากนั้นมีเครื่องรางส่งสัญญาณชิ้นหนึ่งลอยขึ้นฟ้า

ตูม!

พื้นที่บนท้องฟ้าพลันแยกออกพร้อมรอยแตกเป็นวงกว้าง!

ทันใดนั้น ปราณอันแข็งแกร่งแผ่ออกมาจากรอยแตกนั่น ไม่นานนัก ชายวัยกลางคนก้าวออกมา

ชายวัยกลางคนผู้นี้สวมผ้าคลุมดำกระชับตัวและสะพายกระบี่ใหญ่ไว้ที่สะโพกด้านหลัง

เมื่อเขาโผล่ออกมา ยอดฝีมือเผ่าถังพลันโค้งหัวให้โดยพร้อมเพรียง “ขอคารวะท่านแม่ทัพเซียวผู้ทรงเกียรติ!”

เขาผงกหัวรับเล็กน้อย ก่อนจะมองคุณหนูใหญ่เบื้องล่าง เขาโค้งให้เล็กน้อย “ขอคารวะคุณหนูใหญ่ขอรับ!”

นางพยักหน้า “โปรดแก้ปัญหานี้ด้วย”

แม่ทัพเซียวผู้ทรงเกียรติยิ้ม “ย่อมได้ขอรับ นั่นเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว!”

เอ่ยจบเขาหันไปมองเยว่อู่เฉินซึ่งอยู่ไม่ไกลนักแล้วพึมพำ “มหาเซียนกระบี่ชั้นยอดหรือ… แสดงฝีมือหน่อยซิ!”

เขาพลันชักกระบี่ใหญ่ออกจากฝัก พร้อมกันนั้นคลื่นแสงกระบี่ใหญ่พุ่งออกมา ทันใดนั้น พื้นที่โดยรอบกว่าหกสิบลี้ทั่วท้องฟ้าถูกครอบคลุมโดยลำแสงกระบี่ใหญ่นั่น!

ทันทีที่แม่ทัพเซียวผู้ทรงเกียรติฟันกระบี่ใหญ่ลงมา เยว่อู่เฉินเอานิ้วชิดกันก่อนจะโบกเบาๆ ในตอนนั้นเอง กระบี่เล่มหนึ่งตัดผ่านอากาศและพุ่งไปพร้อมกับลำแสงกระบี่

ทันทีที่กระบี่เล่มนั้นปรากฏขึ้น แสงจากกระบี่ใหญ่เบื้องหน้าเยว่อู่เฉินถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ทันที

กระบี่เล่มนั้นฟันลงมายังแม่ทัพเซียวผู้ทรงเกียรติซึ่งอยู่ไกลออกไป!

แม่ทัพเซียวผู้ทรงเกียรติหลบหลีกได้ ในเวลาต่อมา กระบี่ใหญ่เล่มหนึ่งออกขวางกระบี่ยาวเล่มนั้นเอาไว้

เคร้ง!

กระบี่ยาวถูกดีดไปด้านหลัง ทว่าไม่นานกลับถูกคว้าได้ด้วยมือเดียว!

เป็นมือของเยว่อู่เฉิน!

เยว่อู่เฉินก้มมองไปยังทิศทางของสถาบันฝึกยุทธ์ “ดูให้ดี!”

หลังจากนั้น เขาแตะปลายเท้าบางเบาก่อนจะหายไปโดยพลัน

ผ่านไปชั่วอึดใจ น่านฟ้าทั่วนครอานุภาพต่างถูกลำแสงกระบี่และแสงจากกระบี่ใหญ่ครอบคลุมจนทั่ว!

ในเงามืด เยี่ยฉวนกำลังตั้งสมาธิจดจ้องท้องฟ้า!

ชายหนุ่มรู้ดีว่าเยว่อู่เฉินต้องการให้เขาดูการต่อสู้นี้!

ทั้งคู่ถือว่าสูสีกันมากทีเดียว!

ความเร็วของพวกเขาไวเกินกว่าการรับรู้ของเขาด้วยซ้ำ! เยี่ยฉวนถึงกับงัดจิตวิญญาณมังกรมาใช้เพื่อจะเห็นพวกเขาได้รางๆ

เขารู้ดีว่านี่เป็นโอกาสที่จะเรียนรู้เต๋าแห่งกระบี่ขั้นสูง!

เบื้องบนนครอานุภาพ ยิ่งสองคนนี้ต่อสู้กันมากเท่าไร……ชั้นอากาศแทบกลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากเท่านั้น

ทุกคนต่างจ้องมองพวกเขา ผลการต่อสู้นี้ถือเป็นการชี้ชะตาสำนักกระบี่เลยก็ว่าได้!

สำนักกระบี่ใช้ไพ่ตายไปจนหมดแล้ว ทั้งวิญญาณของมหาเซียนกระบี่และมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดแทบจะเรียกได้ว่าเป็นความหวังสุดท้าย

เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ทั้งคู่พลันแยกออกจากกัน ทว่าไม่ทันไร ทะเลแสงกระบี่ใหญ่และกระบี่เงาต่างปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้า

ในสถาบันฝึกยุทธ์เยี่ยฉวนจ้องมองท้องฟ้าเป็นเวลานานก่อนจะปิดตาลง

ตอนนั้นเอง คุณหนูใหญ่เอ่ยขึ้นมา “ฆ่าพวกมันซะ!”

เอ่ยจบ สิบสองคนด้านหลังนางพลันพุ่งลงไป!

หมู่เฟิงเฉินดูโกรธเกรี้ยวอยู่เบื้องล่าง “ศิษย์ทุกคนแห่งสำนักกระบี่ ฟังคำข้า! สู้จนกว่าจะตายกันไปข้าง!”

เขาแทบจะคำรามในท้ายประโยค “สำนักกระบี่จะไม่มีวันก้มหัวให้ใคร!”

“สำนักกระบี่จะไม่มีวันก้มหัวให้ใคร!”

ณ สำนักกระบี่ เสียงของผู้ฝึกกระบี่ทั้งหลายดังกระหึ่มไปทั่วเสียจนท้องนภายังสั่นไหว!

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version