Skip to content

King of Gods 123

King Of Gods

บทที่ 123 : หอแลกเปลี่ยน

ในเวลาครึ่งเดือน จ้าวเฟิงได้สู่ขั้นเก้าของขอบเขตแห่งการรวบรวม และนั่นเป็นการที่เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับการฝึกตนมากนัก หากเขาทำเช่นนั้น พลังฝึกตนของเขาคงอยู่ที่ขั้นสุดยอดของขั้นเก้าเป็นอย่างต่ำ

ความสนใจหลักของเขาอยู่ที่ระดับสิบของวิชากำแพงเงินไม่ใช่การฝึกตน ทว่าในเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา เขามักจะได้รับยาบางส่วนจากตำหนักหญ้าไพร ดังนั้นแล้วมันจึงยากที่จะไม่คืบหน้า

“การแข่งขันรุนแรงนักในสำนัก กระทั่งศิษย์สายนอกที่รั้งท้ายที่สุดและอ่อนแอที่สุดยังนับเป็นอัจฉริยะของบ้านเกิด”

จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงการแข่งขันที่รุนแรง หากศิษย์สายนอกยังเป็นเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นมันย่อมยากที่จะจินตนาการถึงสถานการณ์ของศิษย์สายในว่าเป็นเช่นไร

กระทั่งบัดนี้ มีเพียงเป่ยโม่ย ซุนหยวนเฮาและหลิวเยว่เอ๋อร์ที่กลายเป็นศิษย์สายใน และจ้าวเฟิงรู้ว่ายิ่งคนผู้นั้นกลายเป็นศิษย์สายในเร็วเท่าใดก็ยิ่งได้เปรียบเท่านั้น

พวกเขาจะได้รับวิชาที่ดีกว่าเช่นเดียวกับทรัพยากรจำนวนมากกว่า แต่แม้ว่าจ้าวเฟิงจะรู้เช่นนั้น เขาก็ไม่ได้ยอมแพ้ในวิชาเสริมกายา ร่างกายนั้นคือพื้นฐานของทุกสิ่งและคนผู้หนึ่งจำต้องมีพื้นฐานที่มั่นคงในขอบเขตแห่งการรวบรวมเพื่อที่หนทางในอนาคตจะได้ง่ายดายขึ้น

เพื่อที่จะเข้าสู่ขอบเขตก่อกำเนิดปราณด้วยร่างกายของเขา มันคือเป้าหมาย!

เด็กหนุ่มคำนวณเวลาและพบว่ามันเกือบจะสิ้นสุดเวลาสิบวันแล้ว จากการตกลงก่อนหน้า เขาต้องอยู่กับผู้เฒ่ากวนและผู้เฒ่าจางคนล่ะสิบวัน

สิบวันที่ตำหนักหญ้าไพร จ้าวเฟิงได้เข้าสู่เส้นทางแห่งการทำยาและไม่ว่าเมื่อใดที่ผู้เฒ่ากวนเอ่ยถึงเด็กหนุ่ม ชายชราก็ไม่อาจปิดปากของเขาได้

ในวันสุดท้าย รองหัวหน้าตำหนักกวนจึงได้พบกับจ้าวเฟิงเพียงลำพัง

“พรสวรรค์ในการทำยาของเจ้านับว่าน่าสะพรึงนัก ข้าเห็นได้เลยว่าในอนาคตเจ้าต้องกลายเป็นปาฏิหาริย์ในโลกแห่งการทำยาเป็นแน่”

ผู้เฒ่ากวนมองไปยังอีกฝ่ายด้วยสายตาซับซ้อนราวกับว่ากำลังคาดหวังในตัวของเด็กหนุ่มอยู่

ก่อนที่จ้าวเฟิงจะจากไป ผู้เฒ่ากวนได้มอบตำรายาสวรรค์ให้เขา

“ตำรานี่ได้รวบรวมเคล็ดลับวิธีการและขั้นตอนในการปรุงยาของนักปรุงยาชั้นแนวหน้า รวมทั้งข้าเอาไว้ มันยังมีความรู้จำนวนมหาศาลด้านใน”

หลังจากที่ชายชราส่งมอบตำราให้กับจ้าวเฟิงแล้ว เขาก็พ่นลมหายใจยาวราวกับว่าสิ่งสำคัญได้สำเร็จลงแล้ว

เด็กหนุ่มรับรู้ถึงความหนักของตำรายาสวรรค์ในมือ นอกจากตำรายาสวรรค์แล้ว ผู้เฒ่ากวนยังได้ให้ผลึกเริ่มต้นจำลองสิบผลึกและเตาหลอมเก่าอันหนึ่งแก่เขา

เตาหลอมนั้นถูกใช้โดยผู้เฒ่ากวนมาเป็นเวลานานยิ่งนัก และมันเป็นสัญลักษณ์ของความทรงจำ บัดนี้มันได้ถูกส่งต่อไปยังจ้าวเฟิงแล้ว

หลังจากออกจากตำหนักหญ้าไพร เด็กหนุ่มก็มีความรู้สึกแปลกประหลาด

“เหตุใดผู้เฒ่ากวนจึงไม่ได้เอ่ยเกี่ยวกับการรับข้าเป็นศิษย์? หรือว่าเขาต้องการที่จะตกลงกับผู้เฒ่าจางเสียก่อน?”

จ้าวเฟิงนั้นสงสัยยิ่งนัก ทว่าไม่นานเขาก็เก็บมันไว้ในส่วนลึกของความคิด

เด็กหนุ่มกลับไปยังสวนของเขาและเริ่มจัดการสิ่งที่เขามีในมือ

ตอนนี้เขาร่ำรวยอย่างมากแล้ว นอกจากเตาหลอมที่ผู้เฒ่ากวนเพิ่งให้เขามา เขายังมียาอีกสองสามเม็ดและผลึกเริ่มต้นจำลองอีก 10 ผลึก

ผลึกเริ่มต้นนั้นเป็นอัตราแลกเปลี่ยนพื้นฐาน เงินจากโลกมนุษย์นั้นไร้ค่า

จ้าวเฟิงเคยได้ยินข่าวลือว่าเงินจำนวนหนึ่งล้านเงินสามารถแลกเปลี่ยนกับผลึกเริ่มต้นจำลองได้หนึ่งผลึก

เพื่อที่จะหาประโยชน์ของผลึกเริ่มต้น จ้าวเฟิงจึงตัดสินไปยังหอแลกเปลี่ยนของสำนักจันทร์สลาย หอแลกเปลี่ยนนั้นจำกัดให้เพียงแค่ศิษย์ของสำนักและไม่เปิดให้แก่ผู้อื่น

ยามที่จ้าวเฟิงก้าวเข้าไปภายในหอแลกเปลี่ยน เขาก็รู้สึกอึดอัดในทันที ร่างที่เขาออกสถานที่แห่งนี้ล้วนอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดปราณ มีกระทั่งผู้คุมกฎและรองผู้คุมกฎเดินไปมา

กลิ่นอายที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากคนเหล่านี้ได้ทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกหายใจลำบาก มันเป็นภาพที่ทำให้เด็กหนุ่มตระหนักอย่างชัดเจนว่าเขานั้นเป็นเพียงแค่จุดต่ำสุดของสำนัก เล็กจ้อยเพียงมดปลวก

มีคอกร้านค้าจำนวนมากในหอแลกเปลี่ยน และทุกๆ คอกล้วนมีเจ้าของของมันเอง บนโต๊ะนั้นปรากฏวิชา อาวุธ ยา และสิ่งอื่นๆ ที่จ้าวเฟิงไม่รู้จัก

เด็กหนุ่มมองไปรอบๆ และพบว่าวิชาอรรธเซียนนั้นมีค่าเพียง 1 ผลึกเริ่มต้นจำลอง ทว่ามันมีจำนวนไม่มาก และแม้ว่ามันจะมีบางมันก็หายากหรือไม่ก็พิเศษนัก

มีวิชามนุษย์จำนวนมากขาย และวิชามนุษย์ระดับต่ำมีราคา 10-20 ผลึก ในขณะที่วิชามนุษย์ระดับกลางมีค่าอย่างน้อยหลายร้อยผลึกเริ่มต้นจำลอง แพงกว่าวิชามนุษย์ระดับต่ำอย่างมาก

จ้าวเฟิงส่ายศีรษะอย่างจนใจ เขาพบว่ายาชำระไขกระดูกของเขานั้นมีค่าเพียง 5 ผลึกเริ่มต้นจำลอง

ยาจิตวิญญาณนั้นมีราคาแพงในหอแลกเปลี่ยนเพราะว่าพลังฝึกตนเป็นสิ่งหลักในสำนัก ดังนั้นแล้วยาจิตวิญญาณที่ช่วยเพิ่มพลังฝึกตนจึงถูกแย่งชิงอย่างรุนแรง

ศิษย์สายนอกเช่นจ้าวเฟิงไม่ได้รับความสนใจภายในหอแลกเปลี่ยน กระทั่งเขาเดินไปยังคอกร้านค้า เจ้าของยังไม่ใส่ใจที่จะพูดคุยกับเขา

“ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ปรุงยาจะมีตำแหน่งสูงในสำนัก” เด็กหนุ่มคิดในใจ

ความคิดในการหาเงินจำนวนมากเริ่มปรากฏขึ้นในสมองของเขาอย่างช้าๆ และมั่นคง

ด้วยพรสวรรค์ในการปรุงยาของเขา สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงการสร้างยาดีๆ จำนวนหนึ่งและเขาจะสามารถได้รับผลึกเริ่มต้นมา

ขีดจำกัดของเขาในตอนนี้คือผลึกเริ่มต้นจำลอง 10 ผลึกในมือ จ้าวเฟิงเดินไปรอบๆ เป็นเวลานานก่อนจะใช้ผลึกเริ่มต้นจำลองอันหนึ่งเพื่อซื้อ ‘ถ่านหินเมฆาทมิฬ’ จำนวนมาก

ถ่านเมฆาทมิฬนั้นเป็นถ่านหินที่ระดับต่ำที่สุดที่สามารถจุดเปลวไฟยาได้ และสามารถใช้ในการสร้างยาระดับต่ำได้เท่านั้น

ยาธรรมดานั้นแตกต่างจากยาจิตวิญญาณ ยาจิตวิญญาณนั้นช่วยเหล่าผู้ที่อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดปราณ แต่เพราะว่าจ้าวเฟิงมีผลึกเริ่มต้นจำนวนจำกัด เขาจึงซื้อได้เพียงแค่ถ่านเมฆาทมิฬ

จากนั้นเขาจึงเริ่มซื้อวัตถุดิบอย่างอื่นที่จำเป็นต่อการปรุงยา เขาใช้ผลึกเริ่มต้นจำลอง 9 ผลึกสุดท้ายไปกับวัตถุดิบเหล่านี้

“ยาที่เหมาะสมที่สุดที่ข้าสามารถสร้างได้ในตอนนี้คือยาชำระไขกระดูกและยาสลายจันทร์หวน ทั้งสองเป็นยาที่เกือบเข้าสู่ระดับจิตวิญญาณ แต่ยังไม่ใช่”

สิ่งที่จ้าวเฟิงซื้อนั้นต่างมีประโยชน์ของตนเอง

ยาชำระไขกระดูกนั้นไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง เด็กหนุ่มได้ใช้มันมาก่อน และหากมันขายไม่ออก เขาก็ยังสามารถใช้เองได้

ยาสลายจันทร์หวนเป็นยาพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักปรุงยาของสำนักจันทร์สลายและมีผลในการเพิ่มอัตราการฟื้นฟูพลังงาน มันเหมาะสำหรบผู้ที่อยู่ระหว่างขั้นครึ่งก้าวของขอบเขตก่อกำเนิดปราณและนภาที่สามของขอบเขตก่อกำเนิดปราณ

ยาทั้งสองนี้ไม่อาจเรียกได้ว่าอยู่ในระดับจิตวิญญาณ ทว่ามันยังเหนือกว่ายาในโลกมนุษย์อย่างมาก

มันมีสองเหตุผลที่ทำให้จ้าวเฟิงเลือกยาทั้งสองนี้ อย่างแรก มันไม่ยากที่จะสร้างยาเหล่านี้และวัตถุดิบก็ไม่ได้มีราคาสูง อย่างที่สอง ยาทั้งสองเป็นขีดจำกัดที่เขาสามารถสร้างได้เพราะขีดจำกัดในพลังฝึกตน

ยาจิตวิญญาณธรรมดานั้นมีข้อกำหนดเฉพาะสำหรับเปลวไฟและส่วนมากต้องการให้ผู้ปรุงยาอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดปราณ

หลังจากที่ใช้ผลึกเริ่มต้นจำลองจนหมด วัตถุดิบที่จ้าวเฟิงต้องการในการสร้างยาก็ถูกรวบรวมมาเกือบหมด ส่วนอันที่เขาไม่อาจหาได้เขาก็สามารถไปขอจากตำหนักหญ้าไพรหรือองค์หญิงอวิ๋นเมิงเซียงได้

จ้าวเฟิงเดินออกจากหอแลกเปลี่ยนอย่างไม่เต็มใจ มันเพียงแค่มีวิชา ทรัพยากร และยาที่เขาต้องการมากเกินไป

หลังจากเดินออกจากหอนั้น กลิ่นอายหนักหน่วงก็ได้สลายหายไป

“ศิษย์น้องจ้าว!”

น้ำเสียงคุ้นเคยประการหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มคน เสียงนั้นทำให้ร่างของจ้าวเฟิงแข็งค้าง

เด็กหนุ่มสวมใส่ชุดมีแถบคาดสีดำเดินออกมาจากกลุ่มคนและมองไปยังจ้าวเฟิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ เสื้อที่มีแถบคาดสีดำนั้นเป็นสัญลักษณ์ของศิษย์สายใน ในขณะที่ศิษย์สายนอกนั้นสวมใส่ชุดสีเขียว

“ศิษย์พี่เป่ย”

จ้าวเฟิงกลับมาเป็นปกติและเปิดดวงตาซ้ายของเขาออกเพื่อสำรวจเด็กหนุ่มเบื้องหน้า

เป่ยโม่ย

ผู้ที่เคยเป็นศิษย์ของเจ้าเมืองกว่านจวิน และเป็นผู้ที่อาจารย์คาดหวังไว้มากที่สุด

ด้วยดวงตาซ้ายของเขา จ้าวเฟิงพบว่าพลังฝึกตนของอีกฝ่ายนั้นใกล้เคียงกับเจ้าเมืองกว่านจวิน เจ้าเมืองกว่านจวินนั้นมีพลังฝึกตนที่นภาที่สองของขอบเขตก่อกำเนิดปราณ หมายความว่าเป่ยโม่ยนั้นต้องมีพลังฝึกตนที่ขั้นสุดยอดของนภาที่หนึ่งแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณเป็นอย่างน้อย หรือไม่ก็ครึ่งก้าวของนภาที่สอง

มันยากที่จะจินตนาการว่าพลังฝึกตนของเป่ยโม่ยได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดในเวลาหนึ่งเดือน แต่เมื่อคิดถึงพรสวรรค์ของอีกฝ่ายที่ใกล้เคียงกับกายดินและกายฟ้า รวมกับทรัพยากรที่เขาได้รับจากผู้อาวุโส ทุกสิ่งย่อมไม่ได้น่าประหลาดใจเช่นนั้น

“ศิษย์น้องจ้าว ในที่สุดเราก็พบกันในสำนัก แต่ความแตกต่างของเราก็ยังคงเดิม”

เป่ยโม่ยยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์เช่นเคย

จ้าวเฟิงไม่ได้ผงะถอย

“มันไม่สำคัญว่าสิ่งใดที่แตกต่าง สิ่งที่สำคัญคือจุดสูงสุดที่เราสามารถก้าวไปถึง”

เป่ยโม่ยชะงักไปเล็กๆ ราวกับพยายามทำความเข้าใจกับคำพูดของเด็กหนุ่ม จากนั้นเขาจึงหัวเราะอย่างเย้ยหยันออกมา บางทีมันอาจน่าขันเกินไปในการพูดเรื่องอนาคตกับผู้ที่มีกายครึ่งจิตวิญญาณ

“เมื่อเจ้าเข้าสำนักมาได้ ข้อตกลงของเราก็ยังคงอยู่ต่อไป” เป่ยโม่ยเอ่ยก่อนจะส่ายศีรษะและตรงเข้าไปยังหอแลกเปลี่ยน

“วันนั้นย่อมไม่ห่างไกล” จ้าวเฟิงจากไปและกลับไปยังตำหนักสำนักนอก

การพบเป่ยโม่ยนั้นเป็นเพียงปัญหาเล็กๆ แต่นี่ก็ได้เพิ่มเป้าหมายให้กับเด็กหนุ่มอีกอย่าง

หลังจากกลับไปถึงตำหนักสำนักนอก จ้าวเฟิงจึงตรงไปยังตำหนักหญ้าไพรเพื่อที่จะยืมวัตถุดิบอย่างอื่นอีกจำนวนหนึ่งที่เขาต้องการ สุดท้ายสิ่งที่เขาต้องการในการปรุงยาชำระไขกระดูกและยาสลายจันทร์หวนก็ถูกรวบรวมจนครบ

“เจ้าจะเริ่มปรุงยาแล้วหรือ?”

อวิ๋นเมิงเซียงประหลาดใจเล็กๆ ทว่านางก็ตระหนักขึ้นในไม่ช้าว่าสิ่งที่นางพูดนั้นไร้ประโยชน์ จ้าวเฟิงได้มีความสามารถเพียงพอในการปรุงยาด้วยตนเองเมื่อไม่กี่วันก่อน

จ้าวเฟิงกลับไปยังสวนของเขา ปิดประตูและเริ่มใส่วัตถุดิบลงไปตามลำดับ เขาสูดลมหายใจลึกอย่างช่วยไม่ได้ ในวินาทีต่อมาเป็นจุดสำคัญ หากมันสำเร็จ เขาย่อมสามารถพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่หากเขาล้มเหลว… เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 10 วันเพื่อที่จะได้รับผลึกเริ่มต้นจำลองอีกสิบผลึก

ขั้นตอนแรก ใส่วัตถุดิบลงไป

จ้าวเฟิงเปิดดวงตาของเขาจนถึงขีดสุดและเข้าสู่สถานะสุดยอดการมองเห็น เมื่อเขาได้ปรุงยาก่อนหน้า เด็กหนุ่มไม่กล้าที่จะเปิดดวงตาของเขาจนสุด

นั่นย่อมหมายความว่าความแม่นยำของเด็กหนุ่มนั้นกระทั่งเพิ่มมากขึ้นเพราะเขาไม่อาจยอมให้ตนเองกระทำสิ่งใดผิดพลาดได้

ขั้นตอนการใส่วัตถุดิบเสร็จสิ้นลงในเวลาไม่นาน

จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนที่สอง จุดไฟ

เขาได้ทำขั้นตอนนี้มาหลายครั้ง และมันก็สมบูรณ์แบบอีกครั้ง

หลังจากนี้คือการควบคุมเปลวเพลิงขั้นตอนที่สำคัญที่สุดและยากที่สุดซึ่งจะส่งผลกระทบต่อยาว่าจะสร้างสำเร็จหรือไม่

เขาไม่เคยปรุงยาชำระไขกระดูกหรือยาสลายจันทร์หวนมาก่อน ทุกสิ่งที่เขารู้มีอยู่เพียงในสมองเท่านั้น

ฟู่วว

เปลวไฟปรากฏขึ้นและเริ่มแพร่กระจายออกช้าๆ เตาหลอมส่งเสียงครางออกมาเบาๆ และภายใต้แสงไฟจากเตาหลอม ภาพของสัตว์อสูรโบราณได้ปรากฏออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!