Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 60

Yi Jian Du Zun
H

H

H

บทที่ 60 พี่เยี่ย ท่านแวะมาเยี่ยมเยียนข้าได้แล้วหรือ? (ต้น)

คำกล่าวของเยี่ยฉวนพลันทำให้ความเงียบงันเข้าครอบงำพื้นที่โดยรอบ

คาดไม่ถึงว่าเยี่ยฉวนจะกล้าใช้วาจาหยาบคายเช่นนั้นกับโม่สุ่ยชิงต่อหน้าต่อตาทุกคน!

เพราะว่านางคือโม่สุ่ยชิง หญิงงามที่ชายในเมืองหลวงทุกคนต่างใฝ่ฝันจะได้มาครองคู่!

ราวกับเพิ่งตื่นจากภวังค์ โม่สุ่ยชิงพลันผุดลุกขึ้นพร้อมฟาดฝ่ามือลงกับโต๊ะ

ปัง!

โต๊ะไม้แตกออกเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที!

พลันเกิดแสงวาบ ร่างของนางปรากฏเข้าขวางเบื้องหน้าเยี่ยฉวนกับพวกสองคนเอาไว้ สายตาของหญิงสาวจ้องมองมา มุมปากของนางฉาบด้วยรอยยิ้มบาง “เมื่อตะกี้ท่านพูดว่าอะไร?”

เยี่ยฉวนขยับขึ้นมายืนประจันหน้าในระยะใกล้จนแทบจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจอีกฝ่าย ชายหนุ่มยืนมองหน้าหญิงสาวนิ่ง “สตรีเช่นเจ้ายึดติดกับความสวยงาม ชอบดูหมิ่นและไม่ให้ความเคารพต่อผู้อื่น เห็นผู้ชายเป็นของเล่น ชอบปั่นหัวและมีความสุขที่ได้เห็นพวกมันทำเรื่องโง่เง่าเพียงเพราะเจ้าสั่งคำเดียว มีความสุขนักหรือ? บอกตามตรง ต่อให้สตรีเช่นเจ้าเปลื้องผ้ามาเสนอให้ถึงที่ ข้าก็ไม่คิดจะแล”

แม้ว่ามุมปากยังเคลือบด้วยรอยยิ้ม ทว่าสายตาของนางก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา

ทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงกระแสความโกรธเกรี้ยวของหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง!

นางเคลื่อนไหวร่างกาย

โม่สุ่ยชิงสะบัดหมุนข้อมือ ก่อนปรากฏกระแสรุนแรงราวลมพายุพุ่งผ่านออกมาจากฝ่ามือ

พลังขั้นหลอมรวมลมปราณ!

เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวเป็นผู้มีวรยุทธ์ขั้นสูง แรงลมส่งให้ทั้งโต๊ะและม้านั่งโดยรอบหมุนคว้างกระทบกระแทกกันอย่างรุนแรง บ้างแตกหักหล่นกลาดเกลื่อน ทว่าเยี่ยฉวนกลับไม่สะดุ้งสะเทือน เขาส่งกำปั้นสวนออกไปปะทะร่างสตรีเบื้องหน้าอย่างไม่กลัวเกรง!

เปรี้ยง!

ทันทีที่ปะทะพลังกำปั้นของเยี่ยฉวน กระแสพายุพลันระเบิดออกเป็นแรงลมกระจายตัวโดยรอบพุ่งออกไปไกลหลายจั้ง!

แววตาของโม่สุ่ยชิงที่มองแฝงความเยือกเย็น “วิทยายุทธ์ท่านไม่อาจดูเบาได้เลย!”

นางตั้งท่าจะเริ่มจู่โจมอีกครั้ง แต่กลับถูกฮั่นเซี่ยงเหมิงก้าวออกมาขวางหน้า เห็นดังนั้นโม่สุ่ยชิงจึงพูดเสียงเบา “เซี่ยงเหมิง หลบไป”

ฮั่นเซียงเหมิงกระซิบตอบ “สุ่ยชิงช่างเถิด ข้าขอร้องจะได้หรือไม่?”

“ช่างมันเช่นนั้นหรือ?”

โม่สุ่ยชิงพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บแค้น “เซี่ยงเหมิง เขาพูดจาดูถูกทำให้ข้าเสื่อมเสียเกียรติ เช่นนี้เจ้าจะให้ข้าปล่อยเขาไปได้หรือ?”

ฮั่นเซี่ยงเหมิงรวบมือมาบีบปลอบโยน “เชื่อข้าสักครั้ง ได้หรือไม่?”

โม่สุ่ยชิงขมวดคิ้วมองอย่างสงสัยเต็มที “เซี่ยงเหมิง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจ้าจึงกลัวเขาจนลนลานเช่นนี้?”

นางกำลังจะเอ่ยปาก ทว่าไม่ทันจะได้พูดอะไร เมื่อองค์ชายใหญ่เสด็จเข้ามาอย่างเร่งรีบพร้อมด้วยลู่เสี่ยวหราน ภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏแก่สายตาลู่เสี่ยวหรานก็ทำเอาชายวัยกลางคนแทบจะหมดเรี่ยวแรง

องค์ชายใหญ่ทรงทอดพระเนตรเห็นเยี่ยฉวนและโม่สุ่ยชิงจากในระยะไกล พระองค์จึงรีบเสด็จตรงเข้าไปหาโม่สุ่ยชิงพลางถามว่า “คุณหนูโม่โมโหโกรธาด้วยเรื่องอันใด?”

โม่สุ่ยชิงตวัดสายตาเย็นชาไปที่เยี่ยฉวนซึ่งอยู่ไม่ไกล “องค์ชายเจียงเหนียนเฉิง ท่านเชิญคนผู้นี้มาด้วยหรือเพคะ?”

องค์ชายใหญ่หันไปมองเยี่ยฉวนพลันตอบกลับไปว่า “คุณหนูโม่ มีเรื่องเข้าใจผิดอันใดกัน?”

“เข้าใจผิด?”

หญิงสาวเหยียดมุมปาก ก่อนทรุดตัวนั่งลงพร้อมกล่าวว่า “องค์ชาย แขกที่ท่านเชิญมากล่าววาจาดูหมิ่นล่วงเกินข้าต่อหน้าคนอื่น แต่ท่านกลับบอกว่าเป็นความเข้าใจผิดเช่นนั้นหรือ? ทำไมเพคะ? คนผู้นี้เป็นสหายของท่านมิใช่หรือเพคะ?”

“สหาย!”

ลู่เสี่ยวหรานตกใจแทบสิ้นสติเหลือบตามององค์ชายใหญ่ เขารู้ดีว่าสถานการณ์เบื้องหน้ายากจะปกป้องเยี่ยฉวนได้ ทั้งหมดนี่ล้วนขึ้นอยู่กับความเมตตาขององค์ชายใหญ่ในเวลานี้เท่านั้น

“องค์ชายทรงรับคนเช่นนี้เป็นสหายได้อย่างไรเพคะ?”

อีกด้านมีเสียงพูดของคนผู้หนึ่งดังขึ้น “คนผู้นี้ใช้วาจาหยาบคาย ทั้งยังดูหมิ่นคุณหนูโม่ต่อหน้าธารกำนัล คนเช่นนี้สมควรถูกลงโทษด้วยการเฆี่ยนจนตายเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างที่เลวพ่ะย่ะค่ะ!”

“ที่จริงคนต่ำช้าสามานย์เช่นนี้ไม่สมควรเข้าร่วมงานสังสรรค์กับพวกเราด้วยซ้ำไป”

“องค์ชายใหญ่ พระองค์ควรทรงสั่งให้คนมาลากมันออกไปมิให้เป็นเสนียดสายตาของคุณหนูโม่เถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

“……”

องค์ชายใหญ่นิ่งไปชั่วครู่ทันใดนั้นทรงส่ายหน้า “ข้าไม่เคยพบผู้นี้ และไม่ได้เป็นคนเชิญมา!”

เมื่อได้ยินองค์ชายพูดเช่นนั้น ลู่เสี่ยวหรานก็ได้แต่ทอดถอนอยู่ในใจ เขานึกเดาไว้ก่อนแล้วว่าการณ์อาจเป็นเช่นนี้ โม่สุ่ยชิงเป็นผู้มาจากตระกูลโม่ การที่เยี่ยฉวนทำให้นางขุ่นเคืองต่อหน้าธารกำนัล แม้แต่องค์ชายใหญ่เองก็คงหมดหนทางช่วยเหลือ

ทว่าคำตอบขององค์ชายใหญ่ไม่มีผลต่อเยี่ยฉวน เขายังคงนิ่งเงียบใช้มือจับเยี่ยหลิงไว้อย่างมั่นคง

เสียงเย้ยหยันของใครบางคนแว่วมา “มันคงจะแอบเข้ามานั่งกินของอย่างเพลิดเพลิน ให้ตาย คนรับใช้มัวหายไปอยู่เสียที่ไหน ทำไมจึงปล่อยให้เจ้าคนนี้แอบเข้ามาได้!”

ตอนนั้นเองลู่เสี่ยวหรานจำต้องก้าวออกมาก่อนกระแทกกำปั้นกับฝ่ามือแสดงคารวะไปรอบๆ “ข้าลู่เสี่ยวหราน เจ้าเมืองพันภูผาเป็นผู้พาสหายน้อยของข้าผู้นี้มาเอง ต้องขออภัยต่อทุกท่านที่เขาก่อความวุ่นวายขึ้นขอรับ”

หลังจากนั้นจึงหันมาทางเยี่ยฉวนแล้วเอ่ยกับชายหนุ่มด้วยสีหน้าทุกข์ระทมยิ่ง “ข้าไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้ สหายข้า ข้าเสียใจยิ่งนัก!”

เยี่ยฉวนสั่นศีรษะ “ท่านอย่าทำเช่นนี้เลย”

ลู่เสี่ยวหรานพยักหน้าน้อยๆ เขาหันกลับไปทางองค์ชายเจียงเหนียนเฉิงซึ่งจ้องตาเขม็ง “ท่านลู่ รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำอะไร?”

ลู่เสี่ยวหรานยิ้มตอบ “องค์ชายใหญ่ ขอทรงอภัยที่เกล้ากระหม่อมมาขัดความสำราญของพระองค์”

กล่าวจบหันมาพยักหน้าให้เยี่ยฉวน “สหายน้อย กลับกันเถิด!”

ประจักษ์ชัดแล้วว่าเขาเลือกข้างเยี่ยฉวน!

ทุกคนทั้งหมดต่างอดประหลาดใจมิได้โดยเฉพาะองค์ชายใหญ่ พระองค์แทบไม่เชื่อเลยว่าลู่เสี่ยวหรานเลือกที่จะช่วยเยี่ยฉวนทั้งยังแสดงออกนอกหน้าต่อหน้าต่อตาผู้คน “เจ้าเยี่ยฉวนคนนี้มันเป็นใครกัน?”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับคำ หันกลับเตรียมที่จะเดินออกไปพร้อมน้องสาวและลู่เสี่ยวหราน ทว่าทันใดนั้นน้ำเสียงเฉยชาของโม่สุ่ยชิงกลับชิงร้องถามขึ้น “อะไรกัน คิดจะกลับออกไปโดยง่ายดายเช่นนี้หรือ?”

ลู่เสี่ยวหรานชะงัก เขาหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนพูดกับโม่สุ่ยชิงว่า “คุณหนูโม่ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิด ข้าขอร้องท่านอย่าใส่ใจกับเรื่องนี้ จะได้หรือไม่ขอรับ?”

ทว่านางหาได้โอนอ่อนผ่อนตามไม่ “ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าลืมเรื่องนี้ เช่นนั้นบอกให้เขาคุกเข่าลงและขอโทษข้า และข้าจะปล่อยเขาไป ท่านจะว่าอย่างไร?

ได้ยินนางว่ามาเช่นนั้นลู่เสี่ยวหรานถึงกับนิ่วหน้า

ฉับพลันนั้นฮั่นเซียงเหมิงก็ได้ก้าวพรวดออกมาเบื้องหน้าเยี่ยฉวน นางค้อมกายแสดงความคารวะก่อนพูดอย่างร้อนรน “คุณชาย ข้ามิได้ตั้งใจ เรื่องที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพราะข้าเอง ข้าน้อยผิดไปแล้ว!”

“เซี่ยงเหมิง!”

โม่สุ่ยชิงตะคอกเสียงดังอย่างโกรธจัด “เจ้าอยู่ข้างใครกันแน่?”

นางหันกลับมาจ้องหน้าโม่สุ่ยชิงเขม็ง “สุ่ยชิง ถ้าเจ้าเห็นแก่ความเป็นสหายของเรา เจ้าช่วยลืมมันเสียจะได้หรือไม่?”

หลังสิ้นคำนั้น ยามนี้หน้าตาของโม่สุ่ยชิงก็พลันกลายเป็นบิดเบี้ยวจนน่าเกลียดยิ่งไปแล้ว!!!

— จบตอน —

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!