บทที่ 92 ประลองชี้เป็นชี้ตาย! (ปลาย)
หนึ่งคืนของการฝึกยุทธ์ สิ่งที่ทุกคนได้มาสองประการ หนึ่งคือความเหน็ดเหนื่อย สองคือความหิวโหย!
ผู้เป็นน้องสาวเมื่อเห็นท่าพี่ชายสวาปาม นางพลันเกิดอาการกังวลใจจนรีบยื่นชามซุปให้ ทั้งคอยลูบหลังและไหล่ “ท่านพี่ ท่านค่อยๆ กินเถิดเจ้าค่ะ ค่อยๆ กิน เดี๋ยวจะสำลักเอา……”
คนที่นั่งถัดไป โม่อวิ๋นฉีหยุดชำเลืองมองสองพี่น้อง แล้วถอนใจหนัก “ทำไมน้องสาวของผู้อื่นเขาน่ารักนัก แต่น้องของข้า เหตุใดกัน……เฮ้อ……”
พูดแล้ว เขาก็หันมาก้มหน้าก้มตากินเอากินเอา
ทันใดนั้น อาจารย์ใหญ่พลันผุดลุกขึ้นจากโต๊ะ “ต่อนี้ไป พวกเจ้าห้ามลงจากเขาโดยพละการ!”
กล่าวจบประโยค จึงหันหลังเดินออกไป
“ทำไมขอรับ?”
ชายชราไม่หยุดเดินแม้เพียงนิด ทว่าก็ยังตอบกลับมาว่า “ถ้าเจ้าอยากตาย ก็ลองลงเขาดู!”
โม่อวิ๋นฉีหันมามองจี้อันซื่อที่นั่งดูดตะเกียบด้วยความเอร็ดอร่อยด้วยต้องการคำอธิบาย “ทุกวันที่เชิงเขา จะมีศิษย์ฉางมู่มาดักรอให้พวกเจ้าลงจากเขา!”
โม่อวิ๋นฉีทำเสียงเยาะ “ข้าไม่กลัวสักนิด!”
หญิงสาวหยุดกิน หันมามองผู้พูด “หนึ่งคนสู้ได้ แต่สิบคนสู้ได้หรือ? ข้าได้ยินว่าคนพวกนั้นเป็นศิษย์จากหลายสาขาของสถานศึกษาฉางมู่ พูดง่ายๆ จงอย่าได้ประมาทศิษย์ฉางมู่ ครั้งก่อนพวกเจ้าได้ทำในสิ่งที่เหลือเชื่อเพราะมันมองข้ามฝีมือของพวกเจ้า แต่จะไม่มีครั้งต่อไป การที่พวกเขากล้ามานั่นย่อมแสดงว่าพวกเขาไม่ใช่ธรรมดา ดี! ถ้าคิดว่าการฝึกยุทธ์น่าเบื่อนัก และอยากทำอะไรที่ตื่นเต้น เช่นนั้นแล้วจงเลือกลงจากเขาไปเผชิญหน้ากับพวกมันเสีย!”
พูดจบ นางก็ผุดลุกขึ้นจากโต๊ะเดินหายเข้าครัวไปอีกคน
เพราะในครัวมีกับข้าวซึ่งเยี่ยฉวนแบ่งเก็บไว้ให้……
หลังมื้อเที่ยง เยี่ยฉวนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงกลับไปชกถล่มภูเขาต่อไป
ไป๋เจ๋อกลับลงไปที่น้ำตก ขณะที่โม่อวิ๋นฉีวิ่งหนีสุนัขป่าปีศาจที่ไล่ติดตามขึ้นสู่ยอดเขา
ที่ด้านหลังภูเขา ชายหนุ่มยังคงกระหน่ำหมัดลงไปที่เนินเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่หมัดพุ่งออกไป มันก็จะแฝงไว้ด้วยเคล็ดวิชาต่อสู้ในทุกหมัด จนกระทั่งการออกหมัดเริ่มเข้าสู่ภาวะที่เป็นไปตามธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในเวลานี้เยี่ยฉวนพลันรู้สึกถึงเคล็ดวิชาต่อสู้ที่ดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นกว่าแต่ก่อน!
และไม่ใช่แค่ความกล้าแกร่งของเคล็ดวิชาต่อสู้เพียงเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น เพราะแม้แต่พลังของหมัดทลายภูผาเองก็หนักหน่วงขึ้นไม่แพ้กัน!
เมื่อความรู้สึกบอกตนเช่นนั้น ชายหนุ่มจึงเริ่มมีกำลังใจมากขึ้น การฝึกปรือพลังยุทธ์โดยวิธีนี้นับว่าสัมฤทธิ์ผลยิ่งนัก ดังนั้นเขาจึงต้องฝึกให้หนักมากขึ้นอีก!
ด้วยเหตุนี้ เยี่ยฉวนกับอีกสองผู้ฝึกยุทธ์ต่างก็โหมฝึกทุกวัน วันแล้ววันเล่า……
ในทุกๆ วัน ศิษย์จากสถานศึกษาฉางมู่จะมาเยือนเชิงเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานศึกษาฉางหลานเช่นกัน เดิมทีเดียวพวกเขาเพียงเฝ้ารอให้พวกเยี่ยฉวนกับอีกสองคนลงจากเขามาเอง ทว่าในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าคนทั้งหมด ไม่คิดลงจากเขาอีกเลย!
เมื่อเป็นดังนั้น ทั้งหมดจึงขึ้นไปบนภูเขาเสียเอง
บุรุษร่างสูงสวมเสื้อคลุมผ้าไหมปักดิ้นงดงาม ที่เอวเหน็บมีดสั้นคู่ออกนำหน้า คะเนว่าอายุอานามราวยี่สิบขวบปีเท่านั้น
เขาผู้นี้มีนามว่าเฉินเยี่ยน เป็นหนึ่งในสามยอดฝีมือของศิษย์สายนอกแห่งสถานศึกษาฉางมู่!
อีกหกคนที่เดินตามหลังเฉินเยี่ยน ต่างก็ล้วนเป็นศิษย์ฉางมู่เช่นกัน แต่ละคนมีพลังอยู่ในระดับหลอมรวมลมปราณขั้นสูงสุด ทั้งกล้าแกร่งและพลังชี่เข้มแข็ง ประจักษ์ชัดว่าทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์สายนอก!
พลันศิษย์ผู้หนึ่งพูดขึ้นมาจากด้านข้าง “ศิษย์อาวุโสเฉินเยี่ยน ข้าขอให้ข้อมูลท่านก่อนว่าพวกคนทั้งสามซึ่งรวมทั้งเจ้าเยี่ยฉวน พละกำลังกล้าแกร่งมิใช่เล่น โดยเฉพาะเจ้าเยี่ยฉวน ข้าได้ยินว่ามันเป็นยอดผู้ฝึกกระบี่ แม้แต่ท่านอันผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นยังให้ความสนิทสนม ข้าจึงคิดว่าพวกเราอย่าได้ชะล่าใจเด็ดขาด!”
คนฟังพยักหน้าครั้งหนึ่ง “ถูกแล้ว พวกเราอย่าได้ชะล่าใจ จั้วหลีตายเพราะความประมาท แต่นั่นก็ไม่แปลก อย่าว่าแต่เขาเลย หากเป็นข้าพบเจอ คงคิดหมิ่นพวกศิษย์แห่งฉางหลานเช่นเดียวกัน!!”
เขาเงยหน้ามาพูด “การตายของจั้วหลีและศิษย์คนอื่นๆ จะย้ำเตือนพวกเราทุกคน”
คนทั้งหมดพยักหน้ารับรู้
สถานศึกษาฉางมู่โดนดูถูกเหยียดหยามโดยสถานศึกษาฉางหลานได้หนหนึ่ง แต่จะไม่มีหนสอง ฉางมู่เป็นสถานศึกษาเก่าแก่กว่าพันปี ศิษย์ของสถานศึกษาฉางมู่ล้วนเป็นผู้มีสติปัญญาเลิศล้ำ
ในเวลาต่อมา คนทั้งกลุ่มมาถึงด้านหน้าหอประชุมฉางหลาน ที่ประตูทางเข้ามีเด็กหญิงกำลังนั่งซักผ้า ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเยี่ยหลิง
จู่ๆ นางเงยหน้าขึ้นมาพบเฉินเยี่ยนและพวก ทันใดนั้นเด็กหญิงรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตื๋อเข้าไปที่ลานหน้าห้องพักของอาจารย์ใหญ่จี้ ผู้ที่นั่งคอพับคออ่อนอยู่บนม้านั่งด้วยความเมามายจากฤทธิ์เหล้า และมีกลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่วตัว!
เยี่ยหลิงวิ่งรี่เข้าไปหยุดอยู่เบื้องหน้าชายชรา เอื้อมมือน้อยๆ แตะไปที่หัวไหล่และร้องเรียกด้วยน้ำเสียงเจือความกังวลอย่างยิ่ง “ท่านปู่ ตื่นเถิดเจ้าค่ะ พวกเขามาแล้ว!”
อาจารย์จี้ยังนิ่งอยู่
ตอนนั้นเองพวกเฉินเยี่ยนรุดติดตามนางเข้ามาถึงปากทางลานหญ้าหน้าที่พักของอาจารย์ใหญ่พอดี เมื่อเห็นดังนั้น เด็กหญิงรีบหลบวูบเข้าด้านหลังร่างของชายชราเป็นที่กำบังตน
เฉินเยี่ยนมองมาเห็นร่างของชายชราบนม้านั่ง จึงโค้งตัวน้อยๆ แสดงความเคารพ “ข้าเฉินเยี่ยน เป็นศิษย์สายนอกแห่งสถานศึกษาฉางมู่ ข้ามาที่นี่เพื่อท้าประลองกับศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางหลานขอรับ”
ตอนนั้นเอง เขาพลันเขม้นมองอาจารย์ใหญ่จี้ “ประลองชี้เป็นชี้ตาย!”
ท้าประลองชี้เป็นชี้ตาย!
เวลานี้ผู้คนในเมืองหลวงต่างพากันจับตามองสถานศึกษาฉางมู่ ถ้าฉางมู่ไม่สามารถแก้แค้นให้แก่การตายของศิษย์อาวุโสจั้วหลี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อบารมีที่สั่งสมมาช้านานของฉางมู่เป็นแน่ อีกทั้งเหตุการณ์นี้ก็อาจทำให้สถานศึกษาฉางหลานผู้เป็นคู่แข่งกลับมามีโอกาสเฟื่องฟูอีกครั้ง
สถานศึกษาฉางมู่ทำการสกัดกั้นคู่แข่งอย่างสถานศึกษาฉางหลานมานาน พวกเขาจะไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดขึ้นในครั้งนี้ มิฉะนั้นแล้วศิษย์เช่นพวกเขาจะกลายเป็นผู้นำความเสื่อมเสียมาสู่สถานศึกษาฉางมู่เสียเอง!
ทันทีที่เขาพูดจบ ชายชราพลันลืมตาตื่นขึ้นมา “จงไปที่ด้านหลังภูเขา”
หลังได้ยินคำตอบ คนทั้งหมดจึงหันหลังกลับและรีบเร่งออกไปโดยเร็ว
ภายในวันนี้ ที่ด้านหลังเนินเขา โชคชะตาจะกำหนดว่าศิษย์จากสถานศึกษาใด จากฉางหลานหรือว่าฉางมู่ ที่จะได้รอดชีวิตกลับไป!
— จบตอน —



