Skip to content

A Will Eternal 249


บทที่ 249 นี่เขาถึงขนาดเขมือบกลืนมันเลยรึ!!

“นี่มันเรื่องอะไรกัน…”

“ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม…กุญแจโลหิตนั่น ถึงขนาดไล่ตามเย่จั้ง?!”

“นี่…นี่…” ทุกคนที่อยู่รอบด้านอ้าปากกว้างตาค้าง ทว่าไม่นานก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา ตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนเพื่อแย่งชิงลูกกุญแจ

เวลาเดียวกันนี้ เซวี่ยเหมยและซ่งจวินหว่านที่ต่อสู้กันอยู่กลางอากาศห่างออกไปก็มองเห็นภาพนี้เช่นกัน นัยน์ตาซ่งจวินหว่านเผยความเดือดดาล ก่อนหน้านี้นางก็จับตามองป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่แล้ว พอเห็นว่าเขาพลาดกุญแจดอกแรกไปก็รู้สึกเสียดายไม่น้อย ตอนนี้เห็นว่ากุญแจดอกที่สองถึงขนาดไล่กวดป๋ายเสี่ยวฉุน ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไม่ยอมคว้าเอาไว้ นางจึงโมโหขึ้นมาทันที

“เย่จั้ง กุญแจนั่นอยู่ด้านหลังเจ้า รีบคว้าเอาไว้ซะ คนอื่นๆ ปกป้องเย่จั้ง!”

ตอนที่เสียงของซ่งจวินหว่านดังออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกสับสน ครุ่นคิดว่าต่อไปหากตนจะเป็นผู้อาวุโสใหญ่ ยังจำเป็นต้องให้ซ่งจวินหว่านเป็นผู้แนะนำ ตอนนี้อีกฝ่ายพูดมาขนาดนี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงกัดฟันกรอด หยุดวิ่งกะทันหัน ยกมือขวาขึ้นคว้าไปที่ด้านหลังพร้อมความรู้สึกทั้งเศร้าและทั้งฮึกเหิม

แทบจะวินาทีเดียวกับที่มือขวาของเขาเอื้อมออกมา กุญแจโลหิตดอกที่สองพลันขยายความเร็ว เป็นฝ่ายพุ่งเข้าไปอยู่ในมือของป๋ายเสี่ยวฉุนเสียเอง และป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ ถึงคล้ายได้ยินเสียงไชโยโห่ร้องด้วยความปิติยินดี

“รีบมาคุ้มกันข้าเร็วเข้า!” พอป๋ายเสี่ยวฉุนคว้ากุญแจเอาไว้ได้ก็ไม่มีเวลาให้คิดมาก ร่างถอยกรูดว่องไว ผู้พิทักษ์ของซ่งจวินหว่านที่อยู่รอบด้านยามนี้จำต้องถลันออกมาสกัดขวางศัตรูเอาไว้ พริบตาเดียวเสียงประชันเวทคาถาก็ดังสะเทือนฟ้าดิน

แม้ทุกคนจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ก็มีเกือบสิบคน ขณะที่ต่างฝ่ายต่างลงมือ แต่ละคนก็ยิ่งควักเอาอาวุธวิเศษออกมาใช้ คลื่นน่าหวาดกลัวแผ่กระจาย ทว่าเวลานี้เอง ทันใดนั้นก็มีเสียงคนร้องอุทานดังขึ้น

“ไม่ถูกสิ ทำไมแสงสีเลือดนี่ถึงได้อ่อนจางลงไปล่ะ!!” ผู้ที่ร้องอุทานอย่างตกตะลึงคือผู้พิทักษ์คนหนึ่งของเซวี่ยเหมย เขาเผยสีหน้าเหลือเชื่อ จ้องเขม็งไปที่ป๋ายเสี่ยวฉุน

เมื่อเสียงของเขาดังขึ้น คนอื่นต่างก็พากันหันไปมอง และการมองครั้งนี้สมองของทุกคนก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ตาค้างไปทันที

ป๋ายเสี่ยวฉุนค้นพบอยู่นานแล้วว่าหลังจากที่เขาคว้ากุญแจโลหิตดอกนี้มาไว้ในมือขวา ปราณเลือดสีแดงสดก็แผ่กระจายออกแล้วแทรกซอนไปตามทวารทั้งเจ็ดของเขา หลอมเข้าไปในกายแล้วไหลเวียนไปทั่วร่าง ทำให้บทเนื้อคงกระพันของเขาพลันโคจรอย่างรวดเร็ว

เวลาเดียวกันนั้น แสงสีเลือดจากกุญแจโลหิตนั่นก็ลดฮวบฮาบ…ทำให้คนอื่นรู้สึกราวกับว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเขมือบกลืนกุญแจดอกนี้ลงไป…

และยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วยว่า กุญแจโลหิตดอกนี้อ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว…

“เขา…เขาดูดกุญแจดอกนี้เข้าไปรึ?!”

“นั่นมันเรียกว่าดูดซะที่ไหน นั่นมันเขมือบกลืนเข้าไปชัดๆ เย่จั้ง เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”

“สวรรค์ ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย นี่…นี่หากเขากินเข้าไปหมด กุญแจจะยังส่งตัวได้อีกไหม?” คนรอบด้านตะลึงลานไปในทันที แต่ละคนหายใจถี่ระรัว มองเซ่อกันไปหมด

แม้แต่ซ่งจวินหว่านและเซวี่ยเหมยที่ต่อสู้กันด้วยเวทคาถากลางอากาศก็ยังหยุดชะงัก ผู้หญิงทั้งสองคนเหม่อมองแสงสีเลือดรอบกายป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ และเวลาแค่ไม่กี่ชั่วลมหายใจ แสงสีเลือดก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ส่วนกลางฝ่ามือของเขา ก็เห็นได้ชัดว่า…ไม่มีเค้าว่ายังเหลือกุญแจอยู่…ป๋ายเสี่ยวฉุนถูกจ้องมองจนขนลุกขนพอง แต่เวลานี้ปราณในร่างเขาซัดโหมตลบอบอวล บทเนื้อคงกระพันระเบิดอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่กำลังจะพูดอธิบาย ปราณระลอกหนึ่งดันกระจายออกมาทางปาก กลายเป็นเสียงเรอ…

“ข้า…เอิ๊ก…ข้าไม่ได้…เอิ๊ก…ตั้งใจ…เอิ๊ก…” ป๋ายเสี่ยวฉุนอยากจะร้องไห้ซะจริงๆ เขาหวาดกลัวจนตัวสั่น เอามืออุดปากตัวเองไว้แน่น มองไปรอบด้านที่สายตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ และไม่นานสายตาเหล่านั้นก็กลายมาเป็นจิตสังหารที่พวยพุ่งเทียมฟ้า เขาจึงรีบถอยร่นไปพร้อมความแตกตื่น

“เขากินกุญแจเข้าไปจริงๆ ด้วย!!”

“กุญแจหายไปแล้ว จำนวนก็น้อยลงไปอีกหนึ่งคน เย่จั้งจอมทำลายล้าง เจ้าทำอะไรลงไป!!”

“ฆ่าเขาซะ กุญแจดอกแรกและดอกที่สองต่างก็ปรากฏอยู่ข้างกายเขา ไม่แน่ว่าดอกที่สามก็อาจเกิดใกล้ตัวเขา หากถูกเขาเขมือบกลืนอีกรอบ จำนวนคนที่จะได้เข้าไปก็จะน้อยลงไปอีกคน!”

“หากเขากินกุญแจเข้าไปทุกดอก ถ้าเช่นนั้น…ก็เท่ากับว่าที่นี่ไม่มีใครทำสำเร็จ…”

ขณะที่ในสมองของทุกคนเกิดเสียงดังอึงอล พวกเขาก็คำรามอย่างโกรธแค้น กระโจนใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน ผู้พิทักษ์เหล่านั้นของซ่งจวินหว่านลังเลเล็กน้อย ไม่ได้ขัดขวาง พวกเขารู้สึกว่าทุกอย่างนี้พิลึกพิลั่นเกินไป

ห่างออกไปไกล ผู้พิทักษ์คนที่เหลือของเซวี่ยเหมยต่างก็เร่งรุดเดินทางมา ก่อนหน้านี้พวกเขายังมองมาจากที่ไกลๆ ด้วยความสงสัย พอเห็นว่าแสงสีเลือดหายไป และได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทุกคนก็ใจสั่นอย่างบ้าคลั่ง ไล่ฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุน

ถูกคนเกือบแปดเก้าคนไล่ฆ่า อีกทั้งคนที่อ่อนแอที่สุดก็ยังสร้างฐานรากช่วงท้าย แถมยังมีไม่น้อยที่สร้างฐานรากขั้นสมบูรณ์แบบ และที่น่าตกใจมากกว่าคือหลายคนในนั้นกุมของล้ำค่าเอาไว้ในมือ ป๋ายเสี่ยวฉุนใจคอไม่ดี ยังดีที่ความเร็วของเขามีมากพอ เผ่นหนีสุดชีวิต เบื้องหลังก็มีคนมากมายไล่กวดตามมาติดๆ

กลางอากาศ เวลานี้ซ่งจวินหว่านและเซวี่ยเหมยยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับคืนมา เหม่อมองป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถูกคนแปดเก้าคนไล่กวดห่างออกไปไกล พวกนางรู้สึกว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้

“กุญแจ กินได้ด้วยหรือ?” ซ่งจวินหว่านพึมพำเสียงเบา เซวี่ยเหมยที่อยู่ด้านข้างก็เหม่อลอย

ป๋ายเสี่ยวฉุนเผ่นโผนรวดเร็วถึงขีดสุด บินทะยานวนไปวนมาอยู่ในทะเลทรายร้างสีเลือดอย่างต่อเนื่อง คนมากมายที่ไล่ล่ามาด้านหลังก็มีบางส่วนที่ความเร็วไม่ด้อยไปกว่าใคร แต่เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วยังล้าหลังกว่าเล็กน้อย ได้แค่รักษาช่วงระยะไม่ให้ทิ้งห่างเกินไปเท่านั้น

“เย่จั้ง วันนี้เจ้าต้องตายอย่างมิต้องสงสัย!”

“สมควรตายเอ๊ย แม้แต่กุญแจเจ้าก็ยังสูบเอาไปจนเกลี้ยง เจ้าๆๆ…”

วิชาอภินิหารมากมายพุ่งเข้าใส่เสียงดังโครมคราม ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนหนังหัวแทบระเบิด ในใจกล้ำกลืนถึงขีดสุด ทั้งยังมากด้วยไฟโทสะ ใจอยากจะหันกลับไปต่อสู้ให้รู้ดำรู้แดงกันไปข้าง แต่พอนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายมีคนมากขนาดนั้น แถมตบะยังสูงกว่าตน ทั้งยังมีของวิเศษล้ำค่า แม้ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้เซียวชิงจะยังไม่ปรากฏตัวให้เห็น ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังรู้สึกไม่มั่นคง ดังนั้นจึงก้มหน้าก้มตาโกยแนบต่อไป

ไม่นานชั่วยามที่สองผ่านไป ชั่วยามที่สามมาถึง…

วินาทีที่ชั่วยามที่สามมาถึงนั้น ทุกคนที่ไล่ฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุนต่างก็ค้นพบอย่างกะทันหันว่า จุดเลือดของกุญแจโลหิตดอกที่สามปรากฏอยู่เหนือศีรษะของป๋ายเสี่ยวฉุน เมื่อเขาขยับ ต่อให้มันระเบิดออกเป็นลำแสงสีเลือดจ้าบาดตา ทว่าก็ยังคงลอยอยู่บนหัวของป๋ายเสี่ยวฉุน เมื่อเขาบินทะยานไปข้างหน้า มันก็เคลื่อนไหวตามไปพร้อมกันอย่างรวดเร็ว…

“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!! บัดซบ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้!”

“กุญแจดอกที่สามนี่ กลับ…กลับปรากฏอยู่ข้างกายเขาอีกแล้ว!!”

“เย่จั้ง ยังไงเจ้าก็ต้องตาย!!”

ผู้พิทักษ์เหล่านั้นของเซวี่ยเหมยเป็นบ้ากันไปหมด ทุกคนเบิกตากว้าง อันที่จริงหากเจี่ยเลี่ยอยู่ที่นี่ด้วย คงจะบอกพวกเขาพร้อมน้ำตานองหน้าว่า เรื่องพวกนี้…ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย หากพวกเจ้าได้เห็นว่าโลกทั้งใบล้วนช่วยเหลือเขา นั่นต่างหากถึงจะทำให้พวกเจ้าคลุ้มคลั่งและสิ้นหวังอย่างแท้จริง

ป๋ายเสี่ยวฉุนคับแค้นใจ หันกลับไปถลึงตาใส่คนพวกนั้นอย่างดุดัน จากนั้นก็กัดฟันแล้วยกมือขวาขึ้นเอื้อมไปบนศีรษะ กุญแจโลหิตดอกที่สามนั่นก็ลอยเข้ามากลางฝ่ามือเขาโดยตรง ถูกเขาบีบลงไปแรงๆ

เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ปราณเลือดจำนวนมากระเบิดออก ลอยแทรกซึมเข้าไปในทวารทั้งเจ็ดของเขา เมื่อมองจากที่ไกล คล้ายว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังเขมือบกลืนเมฆหมอก…

“เขา…เขากินไปอีกดอกหนึ่งแล้ว!!”

“กุญแจมีทั้งหมดเจ็ดดอก เขากินเข้าไปสองดอกแล้ว!”

“เป็นอย่างนี้ต่อไป เขาต้องเขมือบกลืนลูกกุญแจทุกดอกแน่นอน จำเป็นต้องลงมือฆ่าเขาให้เร็วที่สุด!” ทุกคนพากันร้อนใจ ยามนี้พวกผู้พิทักษ์ของซ่งจวินหว่านก็ยิ่งลังเลมากขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่าตนควรจะช่วยหรือว่าควรจะร่วมมือสังหารเย่จั้งกันแน่

กลางอากาศ นัยน์ตาเซวี่ยเหมยเปล่งประกายเย็นชา มือขวาพลันยกขึ้น กำไลหนึ่งชิ้นบนข้อมือของนาง เวลานี้มีแสงสีฟ้าเปล่งวาบ เส้นใยสีฟ้าหนึ่งเส้นลอยออกไปตามนิ้วของเซวี่ยเหมยที่ชี้ไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน ซ่งจวินหว่านสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง พลังมหาศาลพัดกระจายออก ขัดขวางเซวี่ยเหมยไว้ได้

“ซ่งจวินหว่าน คนผู้นี้ผิดปกติ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะมองไม่ออก!” เซวี่ยเหมยมองซ่งจวินหว่านด้วยความเดือดดาล

ซ่งจวินหว่านเงียบงัน ไม่พูดอะไรสักอย่าง แต่กลับยังคงลงมือสกัดกั้นเซวี่ยเหมยเช่นเดิม

เซวี่ยเหมยหัวเราะคับแค้น ไม่สามารถแบ่งพลังไปลงมือกับป๋ายเสี่ยวฉุนได้ ทุ่มเทความสามารถทั้งหมดมาใช้ประมือกับซ่งจวินหว่าน คนทั้งสองไม่ได้หยั่งเชิงกันอีกต่อไป แต่เริ่มแบไต๋ของตัวเองออกมา

เวลาเดียวกันนั้น ขณะที่จิตสังหารของทุกคนรอบด้านพวยพุ่งขึ้นฟ้า ทางฝ่ายป๋ายเสี่ยวฉุนที่พอสูดปราณเลือดพวกนั้นเข้าไป ในร่างของเขาก็เกิดเสียงกัมปนาทดังสะท้อน กล้ามเนื้อของเขาส่งเสียงเปรี๊ยะๆ เนื้อคงกระพันโคจรเร็วจี๋อย่างบ้าคลั่ง ราวกับได้รับการบำรุงที่ยิ่งใหญ่บางอย่าง ภายใต้การโคจรนี้ พลังกล้ามเนื้อแต่ละก้อนพลันรวมตัวกัน ไม่นานก็ทำให้พลังกล้ามเนื้อของป๋ายเสี่ยวฉุนฝ่าทะลุผีร้ายหกตน ไต่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียวก็ฝ่าทะลุอีกขั้นไปเป็นพลังของผีร้ายเจ็ดตน!

แม้ว่าจะถูกไล่ฆ่า แต่พลังกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นพรวดพราดเช่นนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิมอยู่ในใจ เขาสัมผัสได้ถึงพลังกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และพลังในการสู้รบของเขาก็ทะยานสูงตามไปด้วย

“หากสามารถฝ่าทะลุไปถึงขั้นสมบูรณ์แบบของเนื้อคงกระพันขั้นสอง หลอมรวมกันออกมาเป็นร่างปีศาจฟ้า ถ้าอย่างนั้นต่อให้พวกคนที่ไล่ตามมามีของวิเศษล้ำค่า ข้าก็สามารถต่อกรกับพวกเขาได้!”

“หากไม่เพราะกังวลว่าจะเปิดเผยตัวตน เจอกับพวกผู้แข็งแกร่งสร้างฐานรากอาวุโสพวกนั้น ข้าก็มั่นใจที่จะประมือด้วย!”

“เพียงแต่ว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปก็ไม่ใช่ทางแก้ปัญหานี่นา…” ป๋ายเสี่ยวฉุนกลัดกลุ้ม ด้านหลังมีคนไล่ล่าตามมาไม่เลิก เขาห้อทะยานด้วยความรวดเร็ว หางตามองไปเห็นเซวี่ยเหมยที่กำลังประลองเวทคาถากับซ่งจวินหว่านกลางอากาศ เมื่อครู่นี้เขาสัมผัสได้ถึงวิกฤตรุนแรงที่ส่งผ่านมาจากเซวี่ยเหมย

เวลานี้ถอนสายตากลับมา ป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงปวดหัว ขณะที่กำลังคิดหาวิธีแก้ไข

สถานการณ์ตรงหน้า ทันใดนั้นความรู้สึกถึงวิกฤตร้ายแรงเมื่อครู่ก็มาเยือนอีกครั้ง เพียงแต่ว่าครั้งนี้ไม่ได้มาจากเซวี่ยเหมยที่อยู่กลางอากาศ แต่มาจากเบื้องหลังของเขา ในบรรดาผู้พิทักษ์ของเซวี่ยเหมย คนผู้นั้นที่ก่อนหน้านี้เพียงแค่ไล่ตามมาอย่างเงียบๆ ไม่ได้ลงมือ…หยางหงอู่!

นัยน์ตาเขาเผยความเย็นชา เวลานี้พอยกมือขวาขึ้น ธูปหอมก้านนั้นพลันลุกไหม้อีกครั้ง!

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version