บทที่ 365 นั่นมันอะไร…
“ก็แค่ตราประทับสองชิ้นเอง แม้แต่ความมั่นใจแค่นี้ สำนักสยบธารของพวกเจ้าก็ยังไม่มีอย่างนั้นหรือ” ผู้เฒ่าผมแดงของสำนักธารดาราหรี่ตาทั้งคู่ลง เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
เฟิงเสินจื่อเงียบงัน บุรพาจารย์ชื่อหุนเองก็ไม่พูดอะไร ทั้งสองคนหันไปมองทางหันจง การเดิมพันครั้งนี้หากชนะจะถือว่ามีประโยชน์อย่างมากต่อสำนักสยบธาร อย่างน้อยหินอุกกาบาตก้อนนั้นก็สามาถชดเชยความเสียหายในครั้งนี้ได้
ทว่าหากแพ้ การที่ต้องส่งมอบเรือรบทงเทียนจะทำให้พลังในการสู้รบของสำนักสยบธารลดน้อยลงไปอีกหลายส่วน
อีกทั้งเรือรบทงเทียนนี้ก็เป็นของสายธาราเทพ สิทธิ์ในการตัดสินใจจึงอยู่ในมือของหันจง และหันจงเองก็เข้าใจป๋ายเสี่ยวฉุนดีกว่าพวกเขา
หันจงเงยหน้ามองจุดแสงมืดสลัวที่เป็นตัวแทนของสำนักสยบธารจุดนั้น หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็นึกถึงปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับตัวป๋ายเสี่ยวฉุนครั้งแล้วครั้งเล่า หากชนะเดิมพันก็จะเพิ่มความมั่นใจและขวัญกำลังใจให้กับทหารได้อย่างถึงที่สุด แพ้ การที่ไม่กล้าเดิมพันต่อหน้าสามสำนักก็ถือว่าเป็นการยอมแพ้
แม้ว่าของเดิมพันจะมีมูลค่ามหาศาล ทว่าในความเป็นจริงแล้วสำนักสยบธารแพ้จนไม่สามารถแพ้ไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
“ตกลง!” หันจงกัดฟันกล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน ผู้เฒ่าผมแดงของสำนักธารดาราหัวเราะฮ่าๆ ถูกใจ เพราะเขาได้สั่งความลูกศิษย์ที่เข้าไปในพื้นที่สืบทอดตั้งแต่แรกแล้วว่า
ภารกิจของพวกเขานอกจากเอาตราประทับมาในจำนวนที่กำหนดแล้ว ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือต้องขัดขวางสำนักสยบธารให้ได้ อย่าให้สำนักสยบธารได้ตราประทับไปครองแม้แต่ชิ้นเดียว!
“เมื่อเป็นเช่นนี้ หนึ่งชิ้นอาจจะเป็นเพียงอุบัติเหตุ ทว่าสองชิ้น สำนักสยบธารอย่าได้หวังว่าจะได้ไปครอง!” ผู้เฒ่าผมสีเพลิงหัวเราะเสียงเย็นอยู่ในใจ อีกทั้งเขายังรู้ดีว่าเนื่องจากการเปิดพื้นที่สืบทอดครั้งนี้ไม่ใช่ช่วงระยะเวลาที่กำหนดไว้ พลังกักกันรอบด้านของภูเขาตราประทับจึงรุนแรงกว่ายามปกติ สำนักสยบธารมีป๋ายเสี่ยวฉุนแค่คนเดียว ย่อมไม่มีทางเข้าไปใกล้ได้อย่างแน่นอน
สำนักธารมรรคาและสำนักธารอันตต่างก็ให้ความสนใจกับการเดิมพันครั้งนี้ หลังจากมองหน้ากันไปมาต่างก็มองออกถึงแผนการของสำนักธารดารา เป็นที่ชัดเจนว่าพวกเขาหมายจะอาศัยช่วงเวลาที่สำนักสยบธารเพิ่งจะยืนได้มั่นคง ไม่เพียงแต่บีบให้สำนักสยบธารคายทรัพยากรของสำนักธารฟ้าที่ฮุบเอาไว้ออกมา ยังต้องการทอนกำลังของสำนักสยบธารด้วย ทั้งยังสามารถจินตนาการได้ว่าหลังจากนี้ไป สำนักธารดาราย่อมวางแผนที่จะเขมือบกลืนสำนักสยบธารไปทีละนิดเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง!
เพราะยังไงซะ…สำนักธารดาราและสำนักสยบธารก็มีขอบเขตติดต่อกัน!
สำนักธารดาราในอดีตถูกสำนักธารฟ้าข่มทับจนโงหัวไม่ขึ้น อาจไม่ถึงขั้นดำรงอยู่ได้โดยยืมจมูกคนอื่นหายใจ ทว่าหากคิดจะทำอะไรในหลายๆ ด้านล้วนจำเป็นต้องมองสีหน้าของสำนักธารฟ้าก่อนเสมอ แต่ตอนนี้สำนักธารฟ้าถูกดับทำลาย สำหรับสำนักธารดาราแล้วนี่เท่ากับว่าเพื่อนบ้านที่แข็งแกร่งได้ย้ายจากไป!
ขณะที่การเดิมพันของด้านนอกได้ถูกกำหนดขึ้น ในพื้นที่สืบทอด ทุกคนของสำนักธารมรรคาได้เข้าไปใกล้ในระยะหนึ่งพันสองร้อยกว่าจั้งแล้ว ตรงจุดนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นขีดจำกัดของพวกเขาแล้ว แถมยังต้องอาศัยยักษ์ที่เกิดจากการรวมตัวของพลังทุกคนถึงจะทำเช่นนี้ได้ หากเคลื่อนหน้าไปอีกก็ยากลำบากทุกก้าวย่าง ขณะเดียวกันหากไม่ระวังเพียงนิดก็อาจเอาชีวิตไปทิ้งได้ทันที
ส่วนสำนักธารอันตก็เขยิบมาอยู่ในรัศมีเก้าร้อยกว่าจั้ง จุดนี้ก็ถือเป็นขีดจำกัดของพวกเขาแล้วเช่นกัน แม้ว่าจะเทียบกับสำนักธารมรรคาไม่ได้
ทว่าสำนักธารมรรคาย่อมไม่สามารถฮุบเอาตราประทับไปได้มากมายขนาดนั้น แล้วก็ไม่มีความสามารถนั้นด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ สำนักธารอันตจึงมั่นใจว่าตราประทับที่พวกเขาจะได้ไปย่อมไม่น้อยแน่นอน
ส่วนสำนักธารดารานั้นอ่อนแอที่สุด มาอยู่แค่ตำแหน่งห้าร้อยกว่าจั้งเท่านั้น ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ต่อให้อยู่ด้านหลังสำนักธารมรรคาและสำนักธารอันต แต่พวกเขาก็ยังคงจะได้รับตราประทับบางส่วน มากพอที่จะอยู่ในอันดับที่สาม แบ่งเฉือนทรัพยากรในส่วนของสำนักสยบธารมาได้
และตราประทับบนขุนเขาก็ทยอยปรากฏต่อเนื่อง ตอนนี้บินออกมาสิบชิ้นแล้ว
ป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้กำลังพาเถี่ยตั้นมุ่งหน้าไปยังอีกทิศทางหนึ่งด้วยดวงตาแดงก่ำ มองไกลๆ มายังสามสำนัก แม้ว่าจะห่างกันไกล แต่ก็ยังมองเห็นกันและกันได้
ที่นี่คือจุดที่เนตรทงเทียนของเขามองเห็นว่าเป็นทางตันซึ่งอยู่ห่างไกลกับทางเข้าที่มีโอกาส เพียงแค่เข้าไปใกล้เล็กน้อยเขาก็สัมผัสได้ว่าหากเหยียบเข้าไปในรัศมีห้าพันเมตรเบื้องหน้า อานุภาพของเวทคาถากักกันที่เขาต้องเผชิญต้องเหนือล้ำเกินกว่าทางเข้าที่มีโอกาสตรงนั้นแน่นอน
“เถี่ยตั้น หดตัว พ่อจะพาเจ้าเข้าไปเล่นข้างใน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่ตรงนั้น หลังจากมองสามสำนักหนึ่งครั้งแล้วก็แค่นเสียงเย็นหนึ่งที จากนั้นก็พูดกับเถี่ยตั้น
เถี่ยตั้นตะลึง กะพริบตาปริบๆ แล้วร่างของมันก็สั่นระริก หดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง จนถึงท้ายที่สุดกลายมามีขนาดประมาณหนึ่งฝ่ามือก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนเอามาใส่ไว้ตรงสาบเสื้อให้อยู่ในอ้อมอกของตัวเอง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ร่างก็สั่นสะท้าน มีเสียงเปรี๊ยะปร๊ะดังลอยมาให้ได้ยิน
วิชาอมตะมิวางวายบวกกับพลังยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าทำให้ร่างกายของป๋ายเสี่ยวฉุนคล้ายเนื้อหดกระดูกหดจนมีขนาดเล็กลงเช่นเดียวกัน ไม่นานตลอดทั้งร่างของเขาก็เล็กลงมาหนึ่งรอบใหญ่ มองดูแล้วเหมือนกลายมาเป็นเด็กคนหนึ่ง
แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังเปลี่ยนมาเป็นใหญ่รุ่มร่าม ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงดึงทึ้งออกจากร่าง แล้วยกมือขวาขึ้นชี้ลงไปบนพื้น
แสงสีดำเปล่งวาบ หม้อกระดองเต่า…ปรากฏ!
“พวกเจ้าบังคับข้าเองนะ เดิมทีข้าก็ไม่คิดจะโกงหรอก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟันพึมพำ รู้สึกอึดอัดคับข้องใจอย่างมาก เขาเองก็ไม่อยากเปิดเผยหม้อกระดองเต่าให้ใครเห็นมากนัก ทว่าตอนนี้อับจนหนทางแล้วจริงๆ เขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ลงไปคลานกับพื้น แล้วเอาหม้อกระดองเต่าครอบกาย
เดิมทีหม้อกระดองเต่านี้ก็ไม่เล็กอยู่แล้ว บวกกับที่ก่อนหน้านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนย่อร่างตัวเอง ตอนนี้พอเอาหม้อมาคลุมร่างไว้จึงหดเข้าอยู่ด้านในได้หมด มองไกลๆ …เหมือนเต่าตัวหนึ่ง
แทบจะวินาทีเดียวกับที่กลายร่างเป็นเต่า ในถุงเก็บของของเขาก็มีเสียงตื่นเต้นดังออกมาทันที
“ฮ่าๆ ไม่เสียแรงที่เป็นสัตว์รักของข้า ป๋ายน้อยเจ้าทำดีมากเลย เจ้านายเป็นกำลังใจให้เจ้านะ” เสียงที่น่าหมั่นไส้นี้ดังมาจาก…เจ้าเต่าน้อย เสียงปุ๊งดังหนึ่งครั้ง มันก็บินออกมาคลานอยู่ด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุน
“เจ้าหุบปากไปเลย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามเดือดดาล ไม่สนใจเจ้าเต่าน้อยอีก แต่แบกหม้อกระดองเต่าเคลื่อนหน้าเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามขอบเขตห้าพันเมตรโดยการ…คลานไปช้าๆ
เจ้าเต่าน้อยเปล่งเสียงหัวเราะ เดินตามหลังป๋ายเสี่ยวฉุนไป เมื่อมองมาจากที่ไกลๆ จึงเห็นเป็นภาพเต่าสองตัว ตัวหนึ่งใหญ่ตัวหนึ่งเล็ก…กำลังคลานเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามช้าๆ
เพิ่งจะเข้าไปได้ก็มีสายฟ้าฟาดผ่าลงมาทันที อานุภาพของมันร้ายแรงกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าตัว ผ่าเปรี้ยงลงมาบนหม้อกระดองเต่าของป๋ายเสี่ยวฉุนจังๆ
ทว่าหม้อใบนี้แข็งแกร่งจนมิอาจทำลายได้ ไม่ว่าสายฟ้านั้นจะโจมตีลงมาเช่นไร ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ด้านในอย่างมากก็แค่ถูกแรงสะเทือนเท่านั้น หนังของเขาหนา อีกทั้งตอนนี้ยังร่ายวิชาอมตะมิวางวายออกมาเต็มรูปแบบ บวกกับยาอายุวัฒนะวิถีฟ้า แรงสะเทือนเหล่านี้จึงไม่สามารถทำอะไรเขาได้
นักพรตสามสำนักที่อยู่ห่างออกไปในเวลานี้ ขณะที่กำลังช่วงชิงตราประทับกันก็สังเกตเห็นความผิดปกติทางฝั่งของป๋ายเสี่ยวฉุนด้วย พวกเขาพากันหันไปมอง แล้วก็เห็นเต่าตัวใหญ่ตัวเล็กสองตัวคลานตามกัน…
“นั่นมันอะไร…”
“นั่นมัน…กระดองเต่า!”
“คนของสำนักสยบธารช่างมีความคิดสร้างสรรค์ดีแท้ ฮ่าๆ ไม่รู้ว่าเจ้า
ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ไปหากระดองเต่ามาจากที่ไหน คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะต้านทานพลังกักกันของพื้นที่แห่งนี้ได้รึ?”
“แถมไม่ใช่แค่ตัวเดียวด้วยนะ เห็นหรือยัง ด้านหลังเขายังมีเต่าน้อยอีกตัวหนึ่งด้วย น่าสนใจจริงๆ”
นักพรตของทั้งสามสำนักหัวเราะครืน แม้แต่คนของสำนักธารมรรคาเองก็ยังยิ่งรู้สึกดูหมิ่น เสียงหัวเราะของสำนักธารดาราดังสุด โดยเฉพาะเฉินอวิ๋นซานที่ถึงกับเอ่ยปากเสียดสี
“ป๋ายเสี่ยวฉุน ตัวเจ้าเป็นถึงบุรพาจารย์น้อยของสำนักสยบธาร เพื่อตราประทับแล้ว เจ้าถึงขนาดยอมเปลี่ยนตัวเองเป็นเต่า มาๆๆ หากเจ้ายอมโขกหัวคำนับข้า ข้าอาจจะพิจารณามอบตราประทับให้เจ้าสักอัน สนใจไหมล่ะ”
ได้ยินเสียงเย้ยหยันจากคนสามสำนัก ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ฮึดฮัดด้วยความแค้นเคือง ในใจแอบพูดว่าพวกเจ้าคอยดูข้าเถอะ!
เมื่อคลานเคลื่อนหน้าไปเรื่อยๆ ลมดำพัดคำราม ทะเลไฟสกัดขวาง ทั้งยังมีมีดน้ำแข็งก่อตัวขึ้นในพริบตา แต่ไม่ว่าเวทคาถาที่เกิดจากพลังกักกันเหล่านี้จะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่สามารถขัดขวางป๋ายเสี่ยวฉุนได้แม้แต่น้อย
เขาแบกหม้อกระดองเต่าค่อยๆ คลานเข้าไปในรัศมีร้อยจั้ง
บัดนี้เสียงเย้ยหยันจากสามสำนักเริ่มจางหายไป คนไม่น้อยเบิกตากว้าง เหม่อมองเต่าใหญ่เต่าเล็กสองตัว ทั้งยังมีคนบางส่วนที่ถึงกับสำลักลมหายใจ
“นั่นมัน…กระดองเต่าอะไร!!”
“นี่…นี่จะเป็นไปได้ยังไง ตำแหน่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปคือทางตัน พลังกักกันของที่นี่รุนแรงยิ่งกว่าจุดที่พวกเราอยู่มากมายหลายเท่านัก”
“สายฟ้าฟาดผ่า เปลวเพลิงเผาไหม้ ลมดำคำราม กระดองเต่านี่กลับไม่เป็นอะไรสักอย่าง อ๋า…เขาเพิ่มความเร็วขึ้นแล้ว!!”
ท่ามกลางเสียงอุทานตกตะลึง นักพรตสามสำนักล้วนค้นพบด้วยอาการมองตาค้างว่ากระดองเต่าที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมุดตัวอยู่คล้ายคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมรอบด้าน คุ้นเคยกับการคลานแล้ว จึงระเบิดความเร็วขึ้นมาในนาทีนี้
สองร้อยจั้ง สามร้อยจั้ง สี่ร้อยจั้ง…ไม่ว่าสายฟ้าจะฟาดผ่าอย่างไร เวทคาถาจะดังสนั่นหวั่นไหวแค่ไหน กระดองเต่านั่นก็ไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย ความเร็วยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เข้าไปในรัศมีห้าร้อยจั้งแล้ว
“เป็นไปไม่ได้!!”
เฉินอวิ๋นซานคำรามดังลั่น หอบหายใจฟืดฟาด เขาไม่อยากเชื่อภาพที่ตัวเองเห็น ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ ใบหน้าของทุกคนในสำนักธารอันตเองก็ยังเผยความเหลือเชื่อ
พวกเขามองเห็นว่ามีสายฟ้าฟาดลงไปบนกระดองเต่าเกือบร้อยสายแล้ว ทว่าความเร็วของกระดองเต่า…กลับยิ่งเร็วเข้าไปใหญ่
แถมระหว่างนั้นยังคล้ายจะสัมผัสได้ถึงสีหน้าลำพองใจของป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ใต้กระดองเต่าเวลานี้ด้วย…
“หึหึ เมื่อใดที่นายท่านป๋ายของพวกเจ้าลงมือ แม้แต่ข้าก็ยังกลัวตัวเอง แต่พวกเจ้ากลับยังรังแกข้า!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนลำพองใจอย่างมาก มือเท้าของเขาทำงานประสานกัน คลานเร็วจี๋อยู่บนพื้น ไม่นานก็เข้าไปใกล้หกร้อยจั้ง เจ็ดร้อยจั้ง…จนกระทั่งถึงหนึ่งพันจั้ง!
ตรงตำแหน่งนี้แม้แต่คนของสำนักธารมรรคาก็ยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเบิกบานสุดขีด แถมนักพรตสามสำนักยังได้ยินเสียงคลอเพลงในลำคอของป๋ายเสี่ยวฉุนดังมาจากใต้กระดองเต่าด้วย
ฟ้าผ่าก็ดี ลมพายุก็ช่าง หรือแม้แต่ทะเลเพลิง เวทคาถากักกันทุกอย่างเมื่อมาเจอกับกระดองเต่าก็คล้ายกลายมาเป็นหิมะที่หลอมละลายอยู่ใต้แสงอาทิตย์…
“นี่…นี่…นี่…” ทุกคนของสำนักธารมรรคามองเซ่อกันไปหมด
