บทที่ 103 รากฐานวิญญาณแปดนิ้ว
ทั่วบริเวณเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง
ทุกคนรู้สึกงงงวย เมื่อมองร่างกายของหวังเป่าเล่อเปล่งประกายสีทองไปทั่วอย่างน่าตะลึง ทั้งมหาสมุทรแห่งปราณโลหิตด้านหลังเขานั้น ยังทำให้ชายหนุ่มดูราวกับเป็นเทพเจ้าแห่งการต่อสู้ผู้ไม่มีวันพ่ายแพ้ ชายผู้นี้กำลังยกร่างของจั่วอี้เซียนขึ้น กลางอากาศ
ผู้คนรอบข้างต่างตกตะลึงกับร่างกายอันพละกำลังนี้ จนหัวใจเต้นผิดจังหวะ แม้จั่วอี้เซียนจะได้รับยกย่องว่าเป็นหัวหน้าศิษย์แห่งสำนักศึกษาเต๋ากวางขาว ทั้งเป็นผู้ถูกเลือกซึ่งอยู่เหนือระดับคนทั่วไป ยิ่งชายหนุ่มปลดปล่อยขีดพลังความสามารถทั้งหมดออกมา หลังจากกินโอสถอดีตชาติไปแล้ว ไม่ว่าใครก็คงคิดว่าเขาอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นบำรุงชีพจร จนกล่าวได้ว่าจั่วอี้เซียนนั้นอยู่ในระดับใกล้เคียงกับผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้เลยทีเดียว
การผสมผสานระหว่างปราณโลหิตอดีตชาติ และวิทยายุทธ์การฝึกตนของตระกูลนภาห้าสมัยนั้น ก่อให้เกิดเป็นคาถาเวทชั้นดี
แต่ถึงอย่างนั้น กลับเทียบไม่ได้เลยกับหวังเป่าเล่อซึ่งกำลังบีบคอ และยกตัวจั่วอี้เซียนขึ้นในอากาศอยู่นี้ ทำให้หัวใจและสมองของทุกคนในจุดเกิดเหตุต่างอึ้งตะลึง แบบไม่เคยเป็นมาก่อน
ท่ามกลางความเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจให้ได้ยิน แม้แต่ร่างของจั่วอี้ฟานยังสั่นเทิ้ม จนแทบลืมหายใจ แม้จะพอรู้ว่าหวังเป่าเล่อนั้นแกร่งกล้ามาก แต่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีพละกำลังถึงเพียงนี้!
เมื่อเปรียบเทียบความตื่นตระหนกของผู้เห็นเหตุการณ์ กับจั่วอี้เซียนผู้ถูกบีบคออยู่นั้น แทบเป็นอัมพาตไปด้วยความขลาดกลัวเลยทีเดียว แม้จะพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นออกมา แต่กลับสูญเปล่า เพราะมือของอีกฝ่ายนั้นยึดแน่นราวกับขันประแจไว้ คำพูดก่อนหน้านี้ของชายร่างอ้วน และแววตาเย็นชา รวมถึงความเยือกเย็นที่แผ่จากทุกอณูร่างกายนั้น ทำเอาผู้ถูกบีบคออยู่นั้นรู้สึกกลัวจนขนลุก
ชายผู้นี้เคยสังหารคนมาก่อน! จั่วอี้เซียนเคยสัมผัสถึงรังสีความเยือกเย็นเช่นนี้มาก่อน จากสมาชิกในตระกูลซึ่งเคยฆ่าคนตาย ชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายตรงหน้านั้นราวกับเป็นคลื่นกระแทกจนร่างกายสั่นสะท้าน แต่ชายหนุ่มยังคงไม่ยอมแพ้และจ้องตา ไม่กระพริบ ขณะพูดด้วยเสียงแหบแห้ง
“ร่างเรืองแสงสีทองคำของเจ้านั้น…เป็นการฝึกตนระดับใดกัน”
เมื่อมองเห็นความหวาดกลัวในสายตา และสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายพยายามข่มใจให้สงบ หวังเป่าเล่อจึงรู้สึกพึงพอใจ ก่อนเงยหน้าขึ้นพูดอย่างสุขุม
“ข้ารู้จักระดับการฝึกตนขั้นนี้ตั้งแต่หกขวบ แต่เจ้าในวัยขนาดนี้ กลับไม่รู้จัก ช่างโง่เขลานัก!”
บทสนทนาของทั้งคู่ได้ทำลายความเงียบลง เหล่าศิษย์ทั้งหกคนจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวเริ่มตั้งสติจากอาการตกใจได้ ใบหน้าซีดขาว ดวงตามีความเป็นกังวล หนึ่งในนั้นรวบรวมความกล้า ก่อนจะพูดขึ้นทันที
“หวังเป่าเล่อ นี่…นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องฆ่าใคร ใจเย็นก่อนเถิด อย่าวู่วามเลย!”
ทุกคนจำเป็นต้องเกลี้ยกล่อมชายร่างทองคำผู้นี้ให้ได้ มิเช่นนั้น เรื่องคงอื้อฉาว หากมีการตายเกิดขึ้น และพวกเขาต้องกลายเป็นผู้เกี่ยวข้องไปด้วย ตอนนี้ เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างรู้ตัวว่าคิดผิดที่เข้ามาช่วยจั่วอี้เซียน
จั่วอี้ฟานเองเริ่มหายใจเข้าลึกด้วยความกระวนกระวาย ไม่ใช่เพราะกังวลถึงความเป็นตายของพี่ชาย แต่ถ้าหากหวังเป่าเล่อลงมือสังหารใครเข้าจริงๆ ก็ไม่อาจจินตนาการถึงผลกระทบที่จะตามมาได้เลย
ผู้คนรอบๆ พากันหว่านล้อม จนชายหนุ่มข่มตาลง ด้วยความไม่ได้คิดจะฆ่าใคร และรู้ดีว่าภูมิหลังของจั่วอี้เซียนนั้นไม่ธรรมดา แต่เพียงอยากสั่งสอนให้อีกฝ่ายจดจำ และหวาดกลัวทุกครั้งเมื่อคิดถึงตัวเขา
“เช่นนั้น ข้าจัดการเลยแล้วกัน!” ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายประกาย เหตุการณ์สังหารในป่าฝนบ่อเมฆแวบเข้ามาในหัว ก่อนตั้งใจข่มขวัญจั่วอี้เซียน แต่แล้วสีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไป ขณะหันมองเนินเขาเล็กๆ ซึ่งอยู่ห่างไประยะหนึ่ง
ชายร่างทองคำรู้สึกถึงแรงดึงดูดจากบริเวณนั้น ราวกับตรงจุดที่กำลังจ้องมอง มีสิ่งที่เขาต้องการใฝ่หาอยู่
หวังเป่าเล่อไม่ใช่คนเดียวที่สัมผัสได้ เพราะชายในกำมืออีกคน ก็เบิกตากว้างมองไปทิศทางเดียวกันด้วย
เสียงดังลั่นเกิดขึ้นทันทีเมื่อทั้งสองคนหันไปมอง ก่อนปรากฏร่างมายาตนหนึ่งขึ้น ณ ด้านหลังเนินเขาตรงสุดสายตา กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมส่งเสียงโหยหวน!
ร่างตนนี้ไร้หน้าตา และร่างกายสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มันวิ่งด้วยความเร็วสุดขีด ทั้งหวังเป่าเล่อและจั่วอี้เซียนรู้ได้ทันที ว่ามันคือรากฐานวิญญาณแปดนิ้ว แม้จะมองจากระยะไกล!
เนื่องจากแสงระยิบระยับที่สะท้อนออกมาจากรากฐานวิญญาณตนนั้นมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ!
“รากฐานวิญญาณแปดนิ้ว!” จั่วอี้เซียนตะโกนเสียงแหบแห้ง ทำให้ผู้คนรอบข้างมองตามอย่างตัวสั่น
ร่างมายาตนนั้นคือ รากฐานวิญญาณแปดนิ้ว ซึ่งแปลกกว่ารากฐานวิญญาณชนิดอื่นๆ รู้จักกันในนาม รากฐานวิญญาณอิสระ ผู้ใดบรรลุรากฐานวิญญาณเจ็ดนิ้ว จะสามารถต่อสู้เพื่อทำลาย และดูดกลืนมันได้ทันที!
รากฐานวิญญาณแปดนิ้วปรากฏตัวขึ้นพร้อมเสียงโหยหวน โดยมีศิษย์อีกหกคน วิ่งตามมาจากทางเนินเขาเล็กๆ แถมยังต่อสู้กันเอง ขณะไล่ล่ารากฐานวิญญาณตนนี้อีกด้วย
ในกลุ่มศิษย์หกคนนั้น คือ หลี่อี้ กายาวิญญาณเพลิง จากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาว และอู๋เฟินจากสำนักศึกษาเต๋าธารสวรรค์ นอกจากนี้ ยังมีชายหนุ่มหน้าดำในชุดเต๋าจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวสาขาย่อย ผู้ไม่ถูกเอ่ยถึงในแผ่นหยกของสำนักศึกษา เต๋าศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายของเขามีเงาของม้าสีนิลทับซ้อนขึ้นมาอย่างชัดเจน รากฐานวิญญาณเจ็ดนิ้วในร่างกายของหนุ่มผู้นี้ มีความแข็งแกร่ง และรวดเร็วเทียบเท่าหลี่อี้และอู๋เฟินเลยทีเดียว!
ผู้คนที่เหลือในกลุ่ม เป็นชายสองคน และหญิงสาวอีกหนึ่ง ผู้เป็นสตรีเพศนั้นมีร่างเพรียวบางสง่า และน่าหลงใหล แผ่นหยกของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ระบุว่านางคือเฉียนเมิ่ง จากสาขาหลอมโอสถ ประจำสำนักศึกษาเต๋าธารสวรรค์!
ชายอีกสองคนดูโหดเหี้ยม พวกเขาสวมชุดคลุมเต๋าจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาว แม้รูปร่างต่างกัน คนหนึ่งสูง อีกคนเตี้ย ทั้งคู่ร่วมมือกันจัดการรากฐานวิญญาณตนนั้น โดยพยายามขัดขวางคนอื่นๆ ขณะพุ่งตัวไปข้างหน้า
“นั่นมันหลี่ฟง กับเฉินหลิงอี้!”
เหล่าศิษย์จากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวใกล้กับหวังเป่าเล่อร้องอุทานขึ้นเมื่อเห็นหน้าคู่หูคู่นี้ ราวกับว่าไม่คาดคิดมาก่อนว่าสองคนนั้น จะสามารถมาต่อสู้เพื่อชิงรากฐานวิญญาณแปดนิ้วได้
แผ่นหยกของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ไม่ปรากฏข้อมูลของสองคนนี้เช่นกัน
หวังเป่าเล่อหายใจถี่ระรัวเมื่อเห็นรากฐานวิญญาณแปดนิ้ว ดวงตาฉายประกายตื่นเต้น เพราะก่อนหน้านี้ เขาใช้เวลาตามหามันมานานจนเหนื่อยหน่าย แต่ก็ยังไม่พบสิ่งนี้สักที ภาพตรงหน้าส่งผลให้ชายหนุ่มว้าวุ่นใจ จนไม่คิดจะข่มขวัญจั่วอี้เซียน อีกต่อไป จึงตัดสินใจปล่อยมือ ก่อนเตะอีกฝ่ายอย่างแรง
เสียงเตะดังลั่น ทำให้เหยื่อถึงขั้นกระอักเลือด ก่อนลอยละลิ่วไปตกกระแทกพื้นไกลๆ จนพ่นเลือดสีแดงสดออกมาอีกครั้ง ท่าเตะของหวังเป่าเล่อทำลายระบบภายใน จนอีกฝ่ายไม่อาจมาแย่งชิงรากฐานวิญญาณแปดนิ้วด้วยได้
หลังจากเตะจั่วอี้เซียน หวังเป่าเล่อรีบหยิบขวดโอสถ โยนให้จั่วอี้ฟานผู้เป็นน้อง แล้วหมุนตัวก่อนวิ่งด้วยความเร็วอันไม่น่าเชื่อ มหาสมุทรปราณโลหิตทองคำแผ่ขยายไปทุกทิศทาง ชายหนุ่มพุ่งตัวเข้าหารากฐานวิญญาณแปดนิ้วพลางร้องคำราม
ในจังหวะที่มหาสมุทรปราณโลหิตทองคำแผ่มาจากตัวของหวังเป่าเล่อ รากฐานวิญญาณแปดนิ้วก็หันมามองแต่ไกล ราวกับว่ารู้สึกได้ถึงชายผู้นี้ ทันใดนั้น มันได้เปลี่ยนทิศทางมาหาหวังเป่าเล่อ ในขณะที่หลี่อี้และคนอื่นๆ มองตาม อย่างหวาดหวั่น
ชายหนุ่มรู้สึกปีติยินดีขึ้นทันใด ก่อนเร่งความเร็วเข้าไปหามันพร้อมหัวเราะลั่น จนแม่นางหลี่อี้ และห้าคนที่เหลือโมโห จนต้องหยุดต่อสู้กันเองด้วยความวิตกกังวล
“หวังเป่าเล่อ!” หญิงสาวขบฟันกรอด นางไม่พอใจและโกรธหวังเป่าเล่อมาตั้งแต่แรก จึงหยิบจี้หยกขึ้นมาโดยไม่ลังเล ก่อนเปลี่ยนมันเป็นลูกไฟอันร้อนระอุ และโยนไปทางรากฐานวิญญาณแปดนิ้ว จังหวะนั้นหวังเป่าเล่ออยู่ในจุดใกล้เคียงพอดี แต่หยุดฝีเท้าได้ทัน มิเช่นนั้นคงโดนลูกไฟลูกนั้นขัดขวางเสียก่อน!
ขณะเดียวกัน อู๋เฟินได้มองดูอย่างเยือกเย็นก่อนใช้สองมือทุบอกตัวเอง จนเกิดรอยแตกตรงหว่างคิ้ว มีปราณโลหิตหนาแน่นทะลักออกมา กลายเป็น ฝ่ามือโลหิตขึ้นกลางอากาศ และตบเจ้ารากฐานวิญญาณแปดนิ้วเข้าโดยตรง!
ชายหนุ่มหน้าดำกดดันจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงปลดปล่อยทีเด็ดของตนออกมาบ้าง เป็นวงแหวนเวทขนาดใหญ่ หลังจากดูดกลืนปราณวิญญาณจาก สิ่งรอบข้าง มันก็พุ่งเข้าใส่รากฐานวิญญาณทันที
หลี่ฟงและเฉินหลิงอี้ คู่หูตัวสูงเตี้ยกรีดร้องลั่นอย่างโกรธเคือง ก่อนหยิบสมบัติเวท คือ กระบี่เหาะเหินอันร้ายกาจและแหลมคม ออกมาบินว่อนกลางอากาศอย่างฉวัดเฉวียน
ส่วนแม่นางเฉียนเมิ่งผู้ทรงเสน่ห์นั้นหลับตาลง พร้อมทั้งหยิบโอสถพิษมาเต็ม กำมือแล้วโยนขึ้นฟ้า ก่อนจะระเบิดกลายเป็นหมอกพิษ ตกลงมาเป็นหนอนพิษ จำนวนมาก เป็นอันรู้กันว่าหญิงสาวผู้นี้ คือผู้เชี่ยวชาญด้านพิษหายากประจำ สาขาหลอมโอสถอย่างแน่นอน!
แม้ดูเหมือนว่าหนุ่มสาวทั้งหกคนจะใช้กระบวนยุทธ์อันโดดเด่นที่สุดของตน จัดการรากฐานวิญญาณแปดนิ้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว การจู่โจมทุกอย่างนั้น กลับพุ่งเป้าไปหาหวังเป่าเล่อทั้งสิ้น!
จำเป็นต้องโหดร้ายกันขนาดนี้เลยหรือ ชายร่างอ้วนอกสั่นขวัญแขวน การโจมตีอันหลากหลายของเหล่าศิษย์ยอดฝีมือทั้งหกคนทำให้หัวใจนั้นเต้นแรง กระบวนท่าของพวกเขาทั้งหกคนทรงพลัง เกินกว่าจะต้านทานไหว มีเพียงระดับ ลมหายใจเที่ยงแท้เท่านั้น ที่จะพอสยบพวกเขาได้