Skip to content

A World Worth Protecting 1088

บทที่ 1088 สิ้นสุดการทดสอบ

หวังเป่าเล่อหน้าถอดสี การระเบิดของการบ่มเพาะภายในร่างกายไต่ระดับขึ้น ความคิดของเขาดูเหมือนฉับไวมากขึ้นไม่น้อย ถึงกระนั้นฉับไวแล้วอย่างไรเล่า ไม่ว่าจะกลับไประลึกอดีตชาติที่สิบของตัวเองอย่างไร เขาก็ไม่อาจพบเบาะแสว่า ตนและซุนเต๋อพบกันได้อย่างไรอยู่ดี!

ราวกับว่า…ในตอนที่ระลึกชาติที่สิบ เขาได้ปรากฏตัวอยู่ในมือของซุนเต๋อแล้ว!

เรื่องนี้ สำหรับหวังเป่าเล่อ บางที…อาจมีสองคำตอบ คำตอบแรกคือเป็นเพราะชาติที่แล้วตนเองธรรมดาเกินไป ไม่ได้มีรัศมีที่จะกลายเป็นวิญญาณวุธ และไม่ได้มี จิตใต้สำนึกใดๆ ดังนั้นจึงจำอะไรไม่ได้

แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง…

“ข้ากับซุนเต๋อ หรืออาจจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ข้ากับเศษวิญญาณแห่งกู่ หรือว่า…จะมีต้นเหตุปลายผลที่ใหญ่ยิ่งกว่า? นี่ก็อธิบายได้แล้วว่า เพราะเหตุใดซุนเต๋อจึงหายไป เหลือเพียงข้า…ที่ได้รับการสืบทอดเจตนารมณ์!!!” หวังเป่าเล่อคิดเช่นนี้ ความผันผวนพลันปะทุขึ้นภายในใจ เขาไม่รู้ว่าคำตอบคืออะไร ยามที่เกิดการระเบิดของการ บ่มเพาะ เขาไม่สามารถคิดฟุ้งซ่านต่อไปได้

เวลาต่อมา การบ่มเพาะที่อยู่ภายในร่างกายของเขาพลันเกิดเสียงดังกระหึ่ม ไต่ระดับสูงขึ้นอย่างไม่หยุด จนกระทั่ง…ดาวเคราะห์สมบูรณ์!

นี่คือความสมบูรณ์อย่างแท้จริง อยู่ห่างจากเขตดารานิรันดร์เพียงหนึ่งก้าว เมื่อมีทิศทางแล้ว ย่อมมีพิธี และจะได้รับสิ่งจำเป็นในการเลื่อนขั้น ถ้าเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็สามารถเลื่อนขั้นดารานิรันดร์ และกลายเป็นผู้อาวุโสแห่งผู้เยี่ยมยุทธ์!

ภายในจักรภพเต๋าไม่รู้สิ้น แม้ว่าดาวเคราะห์จะแข็งแกร่ง แต่เมื่อถึงดารานิรันดร์ จึงจะสามารถเรียกว่าเป็นผู้แข็งแกร่งได้ ส่วนอารยธรรมส่วนใหญ่ ดารานิรันดร์คือปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ที่สามารถสร้างการดำรงอยู่ที่มีอารยธรรมได้

เริ่มแรกอารยธรรมครามทองคำที่มีเจตนาร้ายต่อหวังเป่าเล่อ ในฐานะที่พวกเขาเป็นสำนักอันดับหนึ่งที่ตั้งอยู่บนขอบเขตกว้างใหญ่บนโลก และมีเพียง สามดารานิรันดร์เท่านั้น

ครั้นหวังเป่าเล่อเลื่อนขั้นดารานิรันดร์ เขามีดาวเคราะห์เต๋า ทั้งยังมีกฎเก้าข้อใหญ่ ที่เกือบจะก้องกังวานถึงขีดสุด ความแข็งแกร่งด้านการต่อสู้ จะไม่ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์ที่เป็นระดับอาวุโสเหล่านั้นอ่อนแอลง

ส่วนเขตดาราจักร…ไม่ว่าใคร ต่างก็มีฉายาเป็นของตนเอง ไม่ว่าใคร ต่างก็คือ ผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าใคร ต่างก็ทำให้อารยธรรมครามทองคำตัวสั่นด้วยความหวาดผวา และต้องก้มหน้าคุกเข่าคารวะ

แต่ในเวลานี้ เวทผนึกดาวของหวังเป่าเล่อ ก็กำลังโคจรด้วยตนเอง จนกระทั่งทะลวงชั้นที่สอง มาจนถึงชั้นที่สาม ชั้นที่สามกำลังจะเสร็จสมบูรณ์ สามารถเข้าสู่ขอบเขตชั้นที่สี่ได้ทุกเมื่อ!

ชั้นที่สาม สามารถปิดผนึกดาวอมตะ ทั้งยังมีดาวอมตะมากกว่าหมื่นดวง ที่กลายเป็นเงาแห่งวัวเทพ หากสำเร็จก็จะทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง เพียงพอที่จะทำให้แปดทิศสั่นสะเทือน ทว่าการทดสอบของหวังเป่าเล่อครานี้ กำไรที่ได้รับเพียงพอที่จะใช้คำว่าปาฏิหาริย์อธิบายได้แล้ว ดังนั้นชั้นที่สามจึงไม่ได้มีประโยชน์สำหรับเขา เพียงไม่นานเขาก็สามารถก้าวผ่าน และแสดงถึงพลังแห่งชั้นที่สี่!

ส่วนชั้นที่สี่…เป็นถนนแห่งการเลื่อนขั้นดารานิรันดร์โดยตรง แม้เคล็ดวิชานี้ จะไม่สามารถปิดผนึกดวงดาราพิเศษตามทฤษฎีได้ แต่ภายใต้พรดาวเคราะห์เต๋าของหวังเป่าเล่อ ทั้งหมดกลับไม่ได้มีความคงที่

นี่ก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ปรมาจารย์แห่งไฟมอบเวทผนึกดาบให้หวังเป่าเล่อ

หากหวังเป่าเล่อประสบผลสำเร็จจริงๆ ปิดผนึกดวงดาราพิเศษนับหมื่นได้ รวมถึงกลายร่างเป็นเงามายาวัวเทพ สุดท้ายแล้วจะทรงพลังถึงเพียงใด แม้แต่หวังเป่าเล่อเอง ก็ไม่อาจคาดการณ์!

ในเวลาเดียวกันหวังเป่าเล่อได้ตระหนักถึงพรของดาวเคราะห์เต๋ามาเนิ่นนานแล้ว เรื่องที่สามารถปิดผนึกดวงดาราพิเศษนี้ได้ ภายในใจของเขามีทิศทางดารานิรันดร์เป็นของตนเองมานานแล้วเช่นกัน นั่นก็คือ…ใช้ดวงดาราพิเศษจำนวนมากให้เป็นตัวเสริม แบกรับดาวเคราะห์เต๋าของตนเอง ทำให้…เลื่อนขั้นจากดาวเคราะห์สู่ดารานิรันดร์

กลายเป็น…ดวงดาวแห่งเต๋านิรันดร์!

ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน เป็นเพราะดาวเคราะห์เต๋าหาได้ยากมาก ดังนั้นนอกจากปรมาจารย์ขั้นสูงสุดผู้นั้นที่สร้างตระกูลไม่รู้สิ้นที่เคยทำได้แล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน แม้ว่าก่อนหน้านี้หวังเป่าเล่อจะมีความทะเยอทะยาน แต่ก็ไม่ได้มีความมั่นใจเท่าไรนัก ทว่าวันนี้…หลังจากระลึกถึงอดีตชาติของตนเองมาหลายชาติ จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่า…ใช่ว่าจะทำไม่ได้!

เพราะดวงดาราพิเศษ…จากความสัมพันธ์ของเขาและสุสานดวงดารา การระลึกถึงและได้รับดวงดาราพิเศษนับหมื่น กลับไม่ใช่เรื่องยากเย็นแสนเข็ญอะไร

ความคิดนี้ ทำให้ดวงตาของหวังเป่าเล่อเป็นประกายมากยิ่งขึ้น แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าอดีตชาติที่สิบของตนเอง เจอกับซุนเต๋อได้อย่างไร แต่เขาก็พอจะทราบถึงความ เป็นจริงของโลกใบนี้ได้ส่วนหนึ่ง ในเวลาเดียวกันภายในใจก็เกิดความสับสนลอยอยู่ในนั้นมากยิ่งขึ้น และมันไม่ได้เปลี่ยนไปจากตอนแรกเลยแม้แต่น้อย

“เพียงแค่ทำให้ตนเองแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถปักหลักอยู่บนพื้นฐานของสวรรค์และโลกได้ สนใจอนาคต และอดีตว่าเป็นอย่างไรไปทำไมกัน ชาตินี้ยอดเยี่ยมก็นับว่าดีแล้ว ชาติต่อไป ไม่ว่าจะมีหรือไม่ ข้าก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี!”

ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายประกายแสงประหลาด พลังครอบงำที่มาจากการ บ่มเพาะเวทผนึกดวงดาว ยามนี้ได้ระเบิดออกที่กลางใจของเขา สวรรค์และพิภพ เป็นเท็จแล้วอย่างไรเล่า จักรวาลคือศิลาแล้วจะทำไม ไม่รู้สิ้นของจริงและของปลอมจะทำอะไรข้าได้!

ข้าคือวิญญาณวุธ ข้าคือกวางขาว ข้าคือที่มาของความคับแค้นใจ ข้าคือดาบมาร ข้าคือผีดิบ ข้าคือเผ่าเทพ แต่ข้าก็คือ…หวังเป่าเล่อ!

ความคิดที่ฟุ้งซ่านนี้ ราวกับดังกึกก้องทั่วสวรรค์และพิภพ มีเสียงฟ้าร้องอันทุ้มต่ำระเบิดอยู่บนดาวชะตา ส่วนจักรวาลที่อยู่นอกดาวชะตา บัดนี้ก็เกิดเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นเช่นเดียวกัน

ผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนบนดาวชะตาต่างจิตใจสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด ประมุขกฎสวรรค์ที่นั่งอยู่บนเกาะบนปล่องภูเขาไฟลืมตาขึ้น มุมปากพลันเผยให้เห็นรอยยิ้มปลื้มปริ่ม มีความประหลาดใจปรากฏอยู่นัยน์ตาที่ไม่อาจปิดบังได้

โลกภายนอกเป็นอย่างไร หวังเป่าเล่อไม่อาจทราบ เขารู้เพียงแค่ว่าตนในตอนนี้ มีความคิดแน่วแน่ พลังพลันระเบิดออกจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ส่งผลให้หลังจากที่การบ่มเพาะและเวทผนึกดาราเลื่อนขั้นแล้ว วิชาแห่งเทพอีกหนึ่งวิชาที่เขามีอยู่ ก็ยกระดับสูงตามไปด้วย!

วิชาแกนหลักของปรมาจารย์แห่งไฟ ซึ่งก็คือ…ทักษะต้องคำสาป เวทวิญญาณเพลิง!

ก่อนหน้านี้เวทวิญญาณเพลิง ถือได้ว่าเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แม้ว่า จะสามารถใช้งานได้ แต่กลับจำเป็นต้องยับยั้งชั่งใจ เพราะชีวิตของเขายังไม่เพียงพอ แต่บัดนี้…เขาได้ระลึกถึงอดีตชาติทั้งสิบชาติแล้ว สิ่งนี้ได้ถูกเติมเต็ม ทำให้ชีวิตเพียงพอ ความทรงจำเพียงพอ ในที่สุดคำสาปวิญญาณเพลิงของเขา ก็ก้าวออกมาได้อีก ก้าวหนึ่ง และเข้าสู่ขอบเขตความสำเร็จเล็กๆ ได้อย่างแท้จริง!

แม้จะเป็นแค่ความสำเร็จเล็กๆ…แต่ก็ต้องทราบด้วยว่า แม้แต่ปรมาจารย์แห่งไฟ ก็ยังไม่อาจก้าวเข้าสู่ความสำเร็จครั้งใหญ่ได้ ทำได้เพียงแค่ขยับเข้าใกล้มัน เพราะหากใช้ออกไป ก็จะสูญเสียชีวิตทั้งหมดของตน

ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นแค่ความสำเร็จอันน้อยนิด แต่เมื่ออาศัยวิธีนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้หวังเป่าเล่ออยู่ในขอบเขตเดียวกันได้แล้ว ทั้งยังเพิ่มเคล็ดวิชาลับที่น่าสะพรึงกลัวเข้ามาอีกหนึ่งวิชา ดังนั้น วิชานี้…ไม่จำกัดการบ่มเพาะสำหรับศัตรูและการบ่มเพาะสำหรับตนเอง!

มนุษย์ธรรมดาก็สามารถสาปเทพอมตะได้ ตราบใดที่สามารถจ่ายได้!

ค่าใช้จ่ายนี้ แลกด้วยชีวิตและความขุ่นเคือง แม้ว่าอย่างหลังของหวังเป่าเล่อ จะมีไม่มาก แต่อย่างแรก…เขามีเพียงพอแล้ว!

ทั้งยังเป็นวิชาแห่งเทพที่มีความแข็งแกร่งจนน่ากลัว ในเวลาเดียวกันก็เป็นที่มาชื่อเสียงของปรมาจารย์แห่งไฟด้วย!

สามารถพูดได้ว่า หวังเป่าเล่อในตอนนี้ มีพลังการต่อสู้ที่ครอบคลุม…เป็นดารานิรันดร์ แม้แต่ดารานิรันดร์ช่วงแรก ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา สถานการณ์ที่ดาวเคราะห์เต็มดวงเช่นนี้ มองดูประวัติศาสตร์อันยาวนานของจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งเดียว แต่มองจากประวัติศาสตร์แล้ว จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นสิ่งล้ำค่าที่หาได้ยาก!

แต่หวังเป่าเล่อไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของตน เพราะชาติก่อนของเขา ในแต่ละชาติต่างก็มีความมหัศจรรย์ทั้งหมด ดังนั้นในชาตินี้ มีความมหัศจรรย์เพิ่มอีกสักหน่อย จะเป็นไรไป!

“เรื่องเล่าทั้งหมดที่บิดาของหวังอีอีกล่าว มารมัวเมากับการเกิดใหม่น้อยลง ผู้อาวุโสคนนั้นเกิดความมัวเมาอย่างบ้าคลั่ง จนหลุดพ้นออกมาจากความตาย ถ้าเช่นนั้นข้าเองก็สามารถเปลี่ยนจากไม่มี…ให้กลายเป็นมีได้!”

“ต้องได้แน่นอน!” หวังเป่าเล่อดวงตาเป็นประกาย ร่างกายของเขาจากที่นั่งขัดสมาธิพลันลุกพรวด ในตอนที่เขาลุกขึ้นยืน ก็คือในวันที่สิบ ช่วงเวลาสิบสองชั่วยาม

เสียงกัมปนาทดังสนั่นหวั่นไหว ไอหมอกทั้งหมดพลิกตลบอย่างรุนแรง ท่ามกลางการพลิกตลบนี้ ได้ถอยหลังออกไปเรื่อยๆ ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลา 7-8 ชั่วอึดใจ พริบตาต่อมาหมอกทั้งหมดที่อยู่รอบกาย…ก็มลายสิ้น หลอมรวมเข้าไปอยู่ใน ขวดน้ำเต้า ขวดน้ำเต้านี้พลันปรากฏขึ้นในมือของประมุขกฎสวรรค์!

ดินแดนทดสอบก็ได้หายไปพร้อมกับหมอกด้วย ขนาดหดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง ภาพรอบด้านเกิดความชัดเจนขึ้นทั้งหมด ทั้งยังปรากฏอสูรดึกดำบรรพ์หลายตัวที่ ลอยอยู่ คนอื่นๆ แหงนหน้ามอง ส่วนภูเขาไฟที่อยู่ด้านล่างก็เกิดเสียงดังสะเทือน เลื่อนลั่น ตอนที่เงาภาพทั้งแปดสิบเก้าเงาที่อยู่ภายในเกาะบนยอดเขาแหงนหน้า มองกลางอากาศ…

หวังเป่าเล่อและอัจฉริยะคนอื่นๆ ที่ระลึกถึงชาติที่สิบก็ทยอยปรากฏตัวขึ้น!

“ขอแสดงความยินดีกับสหายเต๋าทั้งห้าที่ได้รับคุณสมบัติ โปรดกลับไปยังที่นั่งของตน งานฉลองกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!” ผู้รับใช้เฒ่าที่อยู่ข้างๆ ประมุขกฎสวรรค์เอ่ยปากพูด ขณะแหงนหน้ามองหวังเป่าเล่อและอีกสี่คนที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยดวงตาเป็นประกาย

ผู้ที่ได้รับคุณสมบัติ เริ่มแรกมีสิบคน แต่บัดนี้เหลือเพียงแค่ห้าคนแล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version