บทที่ 1145 ท่านอาช่วยข้าด้วย
ที่แท้แล้วไม่พอ!
เส้นทางการฝึกตน แบ่งออกเป็นดวงวิญญาณเทพ ระดับพลัง และกายเนื้อ สามเส้นทาง แม้มองไปแล้วไม่เหมือนกัน แต่ล้วนส่งผลกระทบต่อกันทั้งสิ้น หากว่ายกระดับชนิดใดชนิดหนึ่ง อีกสองอย่างย่อมได้รับการบำรุงไปด้วย
แต่ยากนักที่จะมีคนพัฒนาเส้นทางทั้งสามสายนี้ในเวลาเดียวกันได้ ส่วนผู้ที่สามารถทำได้นั้น ทุกคนล้วนถูกขนานนามว่าเก่งกาจเป็นยอดยุทธ์ มีพลังอหังการ ไร้เทียมทาน
เส้นทางที่หวังเป่าเล่อเดินก็คือเส้นทางนี้ ในยามนี้ดวงวิญญาณเทพของเขาอยู่ในระดับปลายของระดับดารานิรันดร์แล้ว กายเนื้อก็อยู่ระดับยอดสุดของระดับปลาย ห่างจากขั้นสมบูรณ์อีกเพียงนิดเดียว พลังฝึกปรือแม้จะด้อยอยู่บ้าง แต่ก็อยู่ระดับดารานิรันดร์ชั้นกลาง
เมื่อเป็นแบบนี้ พลังต่อสู้ที่แท้จริงของเขาก็เกินเลยระดับในยามที่ต้องประมือกับชงอี้จื่อ ระดับที่เกินเลยมานี้ยังไม่ใช่จำนวนน้อย แต่เป็นถึงระดับสิบกว่าจนกระทั่ง ถึงระดับหลายสิบทีเดียว!
ดังนั้นแล้ว เขาจึงสามารถทำลายล้างผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ชั้นสมบูรณ์หนึ่งคน ได้ด้วยการกระแทกเพียงพริบตาเดียว ด้วยเหตุนี้…เกรงว่าต่อให้จะมีมหาศิษย์แห่งเต๋าสิบกว่าคนรวมตัวกัน แต่คนเหล่านี้ โดยเฉพาะเหล่าผู้ที่มาจากตระกูลสำนักทั้งหลาย แม้จะเป็นระดับมหาศิษย์แห่งเต๋า แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหวังเป่าเล่อ พวกเขา…ไม่เพียงพอ!
ในชั่วพริบตา หวังเป่าเล่อแทบไม่ได้หยุดยั้ง เข้าปะทะเข้ากับเหล่าผู้ฝึกตนที่ร่วมมือกันหลายสิบคน แทบจะทันทีที่กระแทกเข้าหา วิชาดวงเนตรปีศาจด้านหลังของหวังเป่าเล่อพลันปรากฏร่าง หลอมรวมกลายเป็นดวงเนตรของดวงวิญญาณเทพ ทำให้ดวงวิญญาณเทพของคนทั้งสิบกว่าคนตรงหน้าพลันเดือดพล่าน
หลังจากนั้นก็คือการปรากฏโฉมของดาวเคราะห์นับหมื่นดวง การโห่คำรามของเงาร่างเทพวัว ตามด้วยการพุ่งไปเบื้องหน้าโดยแรงราวกับจะทำลายภูผาสั่นสะท้านท้องนภา ราวกับเทือกเขาจะพังทลาย ราวกับจะพลิกหมุนผืนฟ้า เหล่าผู้ฝึกตน สิบกว่าคนเริ่มทยอยกันกระอักเลือด พลังเทพเสียหาย วิชาพังทลาย อาวุธล้ำค่า โบยบิน ร่างกายของพวกมันเสมือนว่าวที่ถูกหั่นสายป่าน และระหว่างที่พวกเขากระอักเลือดอยู่นั่นเอง ก็ถูกเทพวัวพุ่งชนจนแตกซ่านไป
เสียงดังทลายฟ้าก้องไปทั่วอาณาบริเวณ ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้ฝึกตนที่เหลือทั้งสี่ด้านล้วนต้องเบิกตากว้าง ภายในใจเกิดคลื่นยักษ์ซัดโหม!
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะตอบโต้ หวังเป่าเล่อก็เริ่มย่างเท้า กลิ่นปราณพลัน ปรากฏเบื้องหน้าผู้ฝึกตนรายหนึ่งที่ล่าถอย คนผู้นี้เป็นสตรี หน้าตาพอดูได้ นางเผยแววตาตกตะลึง ความกลัวนั้นฉายชัดถึงขีดสุด กำลังจะเอ่ยปาก
“เจ้า…”
ยังไม่ทันได้กล่าวจบ หวังเป่าเล่อก็ต่อยเข้าไปอย่างเยือกเย็นคราหนึ่ง ทำให้ร่างของสตรีนางนี้แยกเป็นสี่ห้าท่อน หลังจากนั้นเขาขยับกายอีกครั้ง ร่างพลันปรากฏอยู่ข้าง ผู้ฝึกตนอีกคนและใช้เท้าเตะเข้าไป!
พลังกายภาพของดารานิรันดร์ชั้นปลายสูงสุดนั้น แท้จริงแล้วยังทำไม่ได้ถึงขั้นนี้ แต่หวังเป่าเล่อถือครองดาวเคราะห์มากมาย อีกทั้งยังมีวิชาเด็ดดารา นี่ทำให้กายเนื้อของเขามีพลังเหนือกว่าระดับของผู้ฝึกตนทั่วไปอย่างมาก
ยามที่ลูกเตะมาถึง เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังขึ้น ผู้ที่ถูกหวังเป่าเล่อเตะเข้านั้น ร่างกายพลันระเบิดออก จิตวิญญาณเทพล้มถอย อีกทั้งยังยากจะหลบหนีได้ยังคงระเบิดออกอยู่ดี!
เท่านี้ยังไม่จบ ดวงตาหวังเป่าเล่อฉายประกายเย็นชา ร่างกายพลันขยับอีกครั้ง ในพริบตาก็กลายเป็นเงาร่างขาดแหว่งสามร่าง ติดตามผู้ฝึกตนจากตระกูลหมื่นสำนักที่มีพลังต่อสู้เหนือชงอี้จื่อไปอีกสามคน หลังจากปรากฏกาย เขาใช้หมัดโจมตี!
ไม่จำเป็นต้องใช้วิชาเทพ ทั้งสามก็กระอักเลือด ร่างเนื้อยากจะรับได้ พริบตานั้นพลันระเบิดออก แต่ในระหว่างที่เลือดเนื้อพังทลายลง ดวงวิญญาณเทพของพวกเขา ก็พุ่งตัวไปอย่างเร่งร้อน ดวงวิญญาณเทพของแต่ละคน แท้จริงแล้วภายนอก กลับมีวัตถุประหลาดสถิตอยู่
นั่นคือรูปสลักไม้สีดำชิ้นหนึ่ง ดาบเล็กสีโลหิตและเกล็ดหนึ่งชิ้น
ของประหลาดสามสิ่ง พลันเผยกลิ่นอายระดับจักรพิภพ เป็นของสามชิ้น ที่ใช้ปกป้องกายของทั้งสาม แม้ในตระกูลสำนักของตนทั้งสามคนนั้น จะไม่ใช่ลำดับ ที่หนึ่งแต่ก็นับว่าใกล้เคียง ดังนั้นแล้วจึงได้รับของล้ำค่าเหล่านี้มาพิทักษ์ ดวงวิญญาณเทพ
ยามนี้ร่างเนื้อแหลกสลาย ของประหลาดกลับปรากฏกายเพื่อลดทอนพลังสังหารของหวังเป่าเล่อ ทำให้ดวงวิญญาณเทพของทั้งสาม รีบเร่งหลบหนีท่ามกลาง ความแตกตื่นตกตะลึง พวกเขาพยายามหนีเคราะห์ร้ายที่อาจทำให้ถึงตายในครั้งนี้อย่างรวดเร็ว
หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง แค่นเสียงเย็น ตอนนี้สิ่งสำคัญสำหรับเขาคือการเข้าไปดูดกลืนกฎแห่งการทำลายล้างในเตาหลอม จึงขี้เกียจตามไล่ฆ่าคนเหล่านี้ ในส่วน คนอื่นๆ เมื่อถอยห่างออกไปไกลแล้ว หวังเป่าเล่อจึงไม่ได้สนใจ เขาขยับตัวครั้งหนึ่ง ก็พุ่งไปยังเตาหลอม
รอบนี้…ผู้ฝึกตนจากตระกูลหมื่นสำนักไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปห้ามเขาสักนิด
แท้จริงแล้ว ตั้งแต่ที่หวังเป่าเล่อบินมาจนถึงตรงนี้ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนเกิด ในพริบตาเดียว…เร็วเกินไปแล้ว!
การลงมือและล่าถอยของหวังเป่าเล่อนั้นสังหารคนไปทั้งสิ้นสามคน บีบให้มหาศิษย์แห่งเต๋าซึ่งเข้าใกล้ระดับแรกทั้งหมดสามคนนั้นต้องใช้วัตถุระดับจักรพิภพมา รักษาชีวิต สิ่งนี้ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนที่เหลือล้วนแต่ศีรษะด้านชา รีบเหาะถอยรวดเร็ว แม้จะเห็นว่าหวังเป่าเล่อพุ่งไปยังเตาหลอมแล้ว แต่ความหวาดเกรงที่ทำให้หัวใจ เต้นระรัวก็ไม่ได้ลดถอยลง ตอนนั้นเองใครบางคนก็เอ่ยปากขึ้นมา
“ข้าขอถอนตัวจากการชิงเตาหลอม!!”
“ถอนตัว!”
“สหายหวัง อย่าได้เข้าใจผิด ข้าเองก็จะขอถอนตัวจากการชิงเตาเช่นกัน!”
กล่าวจบ เหล่าคนที่เหลือซึ่งถอยหนีไปแล้วต่างทยอยกันเอ่ยปาก เนื่องจากเกรงว่า จะนำพาความเข้าใจผิด ทว่า แท้จริงแล้ว…พวกเขาสัมผัสได้ว่าหวังเป่าเล่อ แข็งแกร่งจนน่าพรั่นพรึงมากเกินไป ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าบรรดาระดับจักรพิภพ หน้าใหม่ทั่วไปแม้แต่น้อย โดยเฉพาะระดับความโหดเหี้ยมนั้น ทำให้พวกเขา สั่นสะท้านสุดขีด
หากไปแย่งชิงกับคนโหดเหี้ยมเช่นนี้ ก็นับเป็นการรนหาที่ตายโดยแท้ ดังนั้นแล้วในเวลาอันรวดเร็ว ผู้ที่หลีกทางล่าถอยให้ก็ไปเข้าร่วมชิงเตาหลอมอื่นๆ เพราะยัง ไม่อาจยินยอมตัดใจจากไปได้
นั่นทำให้การแย่งชิงเตาหลอมอื่นๆ เวลานี้รุนแรงมากขึ้น ทว่าหวังเป่าเล่อไม่สนใจเรื่องราวเหล่านั้น เขาเหยียบเข้ามาในเตาหลอมที่หมายมั่นเอาไว้ ด้านในของ เตาหลอมเตานี้ นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีผู้อื่นแม้ครึ่งคน แม้จะมีสายตาจำนวนมาก จากรอบทิศคอยจับจ้อง แต่ก็ไม่มีใครกล้ากล้ำกรายเข้ามา
อย่างไรเสีย ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่แม้จะหวาดกลัวแต่ก็อิจฉา เห็นได้ชัดว่า การปรากฏตัวของหวังเป่าเล่อ พลังที่แสดงออกมาทั้งหมดเรียกได้ว่าอหังการ เหลือคณานับ สยบทั้งแปดทิศ พละกำลังเต็มเปี่ยม
คนประเภทนี้ คือความปรารถนาของเหล่ามหาศิษย์แห่งเต๋าเหล่านั้น ดังนั้น เมื่อตัวพวกเขาเองทำไม่ได้แต่กลับต้องทนมองผู้อื่นทำด้วยตาของตนเอง ย่อมอิจฉาเป็นธรรมดา
แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นความกลัวหรือความอิจฉา ตอนนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ หวังเป่าเล่อ ที่เขาต้องการที่สุด ก็คือทำให้ร่างเนื้อของตน ทะลุขีดสูงสุดของ ระดับดารานิรันดร์ชั้นปลาย แล้วเคลื่อนเข้าสู่….ดารานิรันดร์ขั้นสมบูรณ์!
ดังนั้นแล้ว ด้วยความรวดเร็ว หลังจากหวังเป่าเล่อเข้าสู่เตาหลอมแล้ว ไม่ทัน ได้นั่งขัดสมาธิให้ดี ก็พลันสัมผัสได้ถึงกฎแห่งการทำลายล้างอันหนาแน่นที่อยู่ในนั้น ฝักกระบี่เจ้าชะตาในร่างของเขาประสานเสียงดังออกมา แสดงความปรารถนาอีกครั้ง
“ที่แท้เข้ากันได้!” ดวงตาหวังเป่าเล่อฉายประกายยินดี ขณะที่กำลังจะนั่งลง เพื่อดูดกลืน ทันใดนั้นเองในเตาหลอมห่างออกไปที่ถูกตระกูลไม่รู้สิ้นเข้ายึดครอง พลันก่อเกิดคลื่นพลังรุนแรงออกมา
ในพริบตาที่คลื่นพลังระเบิดออกสู่นอกเตาหลอม ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนที่คอยพิทักษ์อยู่ด้านนอกเตาหลอมของตระกูลไม่รู้สิ้นทยอยกันระเบิดพลังฝึกตนเพื่อช่วยสกัด เวลาเดียวกันภายในเตาหลอมแห่งนั้น ตอนนี้มีเสียงเร่งร้อนดังออกมา
“ท่านอาช่วยข้าที!”
เสียงนี้ดังไปทั่วทุกทิศ เข้าสู่หูของหวังเป่าเล่อ เขารู้สึกว่าคุ้นกับเสียงนี้มาก ดังนั้นจึงแหงนหน้ามองไปครั้งหนึ่ง พลันเห็นว่าภายในเตาหลอมที่ตระกูลไม่รู้สิ้นยึดครอง อยู่นั้น ยามนี้มีเงาร่างของเด็กสาวตัวน้อยที่คุ้นเคยส่องประกายแวบอยู่ในนั้น ราวกับต้องการหนีออกจากเตาหลอม ทว่ากลับถูกมือมายาขนาดยักษ์จับศีรษะเอาไว้ สะกดเอาไว้ด้านใน บังคับให้กลับเข้าสู่เตาหลอม
“สหายเต๋าหวัง พวกเราไม่ล่วงเกินซึ่งกัน” ยามนี้เอง ขณะที่กดร่างของเด็กสาว ลงไปแล้ว ส่วนบนของเตาหลอม พลันมีเงาร่างหนึ่งหลอมรวมขึ้นมา
เงาร่างนี้ดูไปแล้วคล้ายผู้เยาว์คนหนึ่ง สวมชุดยาวสีทอง หน้าตารูปงาม ดวงตาราวกับมีดวงดาราอยู่ข้างใน แม้จะเหมือนกับคนผู้อื่นล้วนเป็นระดับดารานิรันดร์ขั้นสมบูรณ์ แต่กลิ่นอายบนร่างนั้น เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าผู้อื่นมากทีเดียว
เพราะว่า เขาคือราชนิกุลของเผ่าไม่รู้สิ้น เพราะว่าดารานิรันดร์ของเขาไม่ใช่ชั้นต่ำ แต่กลับเป็น…ดารานิรันดร์ระดับสวรรค์ที่มีแต่คนในเผ่าเท่านั้นที่จะครอบครองได้!
ในพริบตาที่หวังเป่าเล่อประสานสายตากับคนผู้นี้ เขาพลันรู้สึกเสียดแทงนัยน์ตาอย่างมาก แต่แล้วก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นประกายวาบจึงปรากฏขึ้น ในดวงตา เขาขมวดคิ้ว
เพราะ…เขาจำเงาร่างที่ส่องสว่างแวบหนึ่งนั้นได้ นางคือเด็กสาวของ สำนักแห่งความมืดที่เคยพบในปีนั้น ในสุสานดวงดารา!
“ศิษย์พี่อยู่ที่นี่ ทำไมถึงไม่ลงมือเล่า?” หวังเป่าเล่อสงสัยเล็กน้อย และยังสงสัยด้วยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเรียกตนว่าท่านอา…ดังนั้นเขาจึงทะยานร่างขึ้นมาจากเตาหลอม มองไปยังผู้เยาว์ของเผ่าไม่รู้สิ้นที่อยู่ในเตาหลอมห่างไกล
“ปล่อยนาง”
ผู้เยาว์ราชนิกุลของตระกูลไม่รู้สิ้นเงียบขรึม ส่วนผู้ฝึกตนที่คอยเฝ้าอยู่ทั้งสี่ ต่างขมวดคิ้ว มองหวังเป่าเล่ออย่างไม่เป็นมิตร ก่อนหน้านี้แม้จะกลัวความสามารถ ที่หวังเป่าเล่อแสดงออกมา แต่ภายในใจของพวกเขานั้น ราชนิกุลของตนก็สามารถ ทำทั้งหมดได้เช่นเดียวกัน
“เจ้าอยากเป็นศัตรูกับข้าจริงๆ หรือ?” ราชนิกุลตระกูลไม่รู้สิ้นนิ่งเงียบ และถอนหายใจยาวหลายครั้ง เขาหรี่ตามองมายังหวังเป่าเล่อ ก่อนจะเอ่ยปาก