Skip to content

A World Worth Protecting 186

บทที่ 186 กระบวนเวทเพลิงปะทุ

กระบวนเวทเฉพาะตัวนี้จะจางหายไปเมื่อถูกใช้งาน ตามความเชื่อของ         สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์นั้น หากไม่ได้เคยทำคุณงามความดีอะไรไว้ ก็อย่าหวังเลย   ว่าจะได้ครอบครองกระบวนเวทนี้โดยง่าย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีผู้สำเร็จ     กระบวนเวทนี้ไม่ถึงร้อยคนด้วยซ้ำ

กระบวนเวทเฉพาะตัวเช่นนี้นับว่าเกินเอื้อมนัก หากหวังเป่าเล่อมอบข้าวของที่เก็บได้จากหมู่บ้านวิญญาณให้สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็พอจะเป็นไปได้ หาไม่แล้วเขาก็ไม่ควรหวังด้วยซ้ำ

โจวเผิงไห่และซุนฟางรู้สึกสับสน เพราะไม่รู้จักกระบวนเวทนี้มากนัก              แต่เฉินอวี่ถงเบิกตามองหวังเป่าเล่อพลางกลั้นหายใจด้วยความรู้สึกอิจฉาและตะลึงงันเพราะเคยได้ยินมาก่อนบ้าง

แม้แต่หวังเป่าเล่อเองยังงุนงงเล็กน้อย เพราะไม่เข้าใจถึงมูลค่าอันแท้จริงของกระบวนเวทนี้เท่าใดนัก แต่พอจะคาดเดาได้จากสีหน้าของทุกคนที่เปลี่ยนไป   อาจารย์ของเฉินอวี่ถงยังคงตกใจและสับสน ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกและรีบสั่ง      หวังเป่าเล่อโดยไว

“เป่าเล่อ รีบแสดงความขอบคุณท่านรองประมุขสำนักเสีย!”

เมื่อได้ยินคำของศิษย์ผู้พี่ ชายหนุ่มจึงไม่รีรอ หัวใจนั้นเต้นระรัวขณะก้าวไปข้างหน้าก่อนโค้งคำนับทันที

“ขอบพระคุณมากขอรับ ท่านรองประมุขสำนัก!”

ชายวัยกลางคนในชุดคลุมแดงยิ้ม เขาพูดคุยกับหวังเป่าเล่อและคณะเล็กน้อยก่อนจากไป ก่อนที่เจ้าตำหนักอาวุธเวทจะเดินเข้ามากล่าวยกย่องพวกเขาต่อ        ด้วยน้ำเสียงเป็นทางการต่างจากท่านรองประมุขสำนักซึ่งดูเป็นมิตรมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ตำหนักอาวุธเวทยังมอบเรือบินเป็นรางวัลให้หวังเป่าเล่ออีกด้วย ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เรือบินลำนั้นดูคล้ายกับหยดน้ำสีเงิน หวังเป่าเล่อหันมองอย่างสนใจทันทีราวกับถูกดึงดูดให้หลงใหลตั้งแต่แรกเห็น

เรือบินทรงหยดน้ำสีเงินลำนี้ดูล้ำสมัยและคุณภาพสูงกว่าของเฉินอวี่ถง จนศิษย์ผู้พี่   ตาร้อนผ่าวเมื่อเห็นความยอดเยี่ยมของมัน เขาหัวเราะอย่างขมขื่นด้วยรู้ดีว่า     ตำหนักอาวุธเวทลงทุนกับเรือบินลำนี้ไปมากนัก

“ศิษย์น้องเป่าเล่อ เรือบินลำนี้ถือเป็นของกำนัลสำหรับบุคคลในระดับ             รองเจ้าตำหนักเลยนะ ราคาของมันนั้นพอจะซื้อเรือนพำนักในย่านหรูที่สุดแห่ง     นครศักดิ์สิทธิ์ได้เลยทีเดียว”

หวังเป่าเล่อตื่นตาตื่นใจเมื่อทราบถึงราคาของเรือบิน และรีบแสดงความขอบคุณในทันที เมื่อเจ้าตำหนักกลับไปแล้ว อาจารย์ของเฉินอวี่ถงและคนอื่นๆ ด้านหลังจึงเข้ามาอธิบายความพิเศษของกระบวนเวทนั้นให้หวังเป่าเล่อรับรู้!

ชายหนุ่มเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงเมื่อฟังคำของผู้อาวุโสเพราะตระหนักได้ว่ากระบวนเวทเพลิงปะทุทรงพลังยิ่ง และรู้สึกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน         ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่อาจประเมินค่าได้ แม้ว่าจะมองข้ามราคาของเรือบินไปแล้วก็ตาม

กระบวนเวทบนเศษชิ้นส่วนนั้นจะสามารถฝึกฝนจนชำนาญได้เพียงครั้งเดียว    เมื่อสำเร็จวิชาดังกล่าวแล้ว เศษชิ้นส่วนจะทำลายตัวเองกลายเป็นฝุ่นผงทันที…      หวังเป่าเล่อตื่นเต้นกระวนกระวาย หลังจากกลับเข้าถ้ำที่พักในตำหนักอาวุธเวท     ของตน ความคิดและอารมณ์นั้นก็ไม่เป็นปกติ

ตามหลักแล้ว ข้าไม่ควรได้รับรางวัลมากมายเพียงนี้….จู่ๆ หวังเป่าเล่อก็รู้สึกผิดปกติ ขณะกำลังสับสนและครุ่นคิดกับเรื่องนี้ ชายหนุ่มก็นึกขึ้นได้ว่าในอีกไม่กี่วัน จะมีการประกาศเรื่องเหตุการณ์ตรงป้อมปราการบนเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงที่เขาประสบพบเจอ

การประกาศนั้นยังหมายรวมถึงรางวัลที่ได้รับอีกด้วย ทำให้ทั่วทั้งเกาะ           มหาปราชญ์ชั้นสูงต่างพูดคุยเรื่องนี้กันอย่างดุเดือดในทันที จนหลิวเต้าปินยังต้องส่งข้อความเสียงมาหา หวังเป่าเล่อจึงรู้โดยทันทีว่าเกาะมหาปราชญ์ชั้นรองเองก็รับรู้เหตุการณ์ทั้งหมดแล้วเช่นกัน

นี่เป็นการชี้แนะให้เป็นแบบอย่างที่ดีอย่างนั้นหรือ หวังเป่าเล่อคาดเดาอย่างตื่นเต้น และรู้สึกว่าสายตาของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ในการมองหาผู้มีพรสวรรค์นั้นช่างเฉียบคมนัก ชายหนุ่มนั่งเคี้ยวขนมขณะไล่ดูหัวข้อกระทู้การพูดคุยใน       เครือข่ายวิญญาณต่อไป

สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ประกาศข่าวเกี่ยวกับการเข้าร่วมศึกที่ป้อมปราการของหวังเป่าเล่อและผองคณะ ทำให้พวกเขาเป็นวีรบุรุษ และหวังเป่าเล่อเองก็กลายเป็นจุดสนใจในชั่วข้ามคืน ดังนั้นหลังจากข่าวแพร่สะพัดออกไป หัวข้อในการพูดคุยของทุกคนทั่วทั้งเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงจึงมีแต่ชื่อของชายผู้นี้

ขณะที่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์นั้นวุ่นวายไปทั่วนั้น หวังเป่าเล่อก็ได้ลองเรือบิน  ลำใหม่ มันเหาะได้เร็วยิ่งกว่าเรือบินของเฉินอวี่ถงเสียอีก นอกจากนี้ยังมี               พลังต่อสู้อันโดดเด่นอย่างยิ่ง รู้ดังนั้นชายหนุ่มก็เปรมปรีดิ์นัก พลันคิดถึงเรื่อง   กระบวนเวทเพลิงปะทุจนรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังมากเสียกว่าได้รับเรือบินเสียอีก

หลายวันต่อมา การรอคอยก็สิ้นสุดลง เมื่อรองประมุขสำนักได้ส่งชิ้นส่วน  กระบวนเวทมาให้หวังเป่าเล่อเป็นรางวัล!

ชิ้นส่วนสีแดงก่ำขนาดเท่าเล็บมือวางอยู่ในกล่องหยกอันงดงาม หวังเป่าเล่อมองดูและคาดเดาว่าภายในนั้นคงทำมาจากศิลาวิญญาณรุ้ง ส่วนด้านนอกนั้นคงปิด         ไว้ด้วยหยก ชายหนุ่มไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อนก็รู้สึกอึ้ง

แค่กล่องใบนี้ก็มีค่ามหาศาลแล้ว! หวังเป่าเล่อดีใจจนสังเกตได้ เขาเปิดดูชิ้นส่วน   สีแดงก่ำภายใน คลื่นของปราณวิญญาณจากชิ้นส่วนนั้นก็ค่อยๆ แผ่เข้ามาหาตัวเขา

ปราณวิญญาณนั้นมีคลื่นระอุราวกับมีวิญญาณความร้อนซึ่งมองไม่เห็นอยู่ภายใน การสั่นคำรามอันไร้เสียงนั้นทำให้หวังเป่าเล่อเบิกบานสุดขีด ร่างกายของชายหนุ่มเกร็งไปหมด พร้อมทั้งหายใจถี่ระรัว

เศษชิ้นส่วนในจักรวาลนี้มีหลายชนิดนัก บางชนิดจะดูดกลืนเข้าร่างกายได้โดยตรง ขณะที่บางชนิดสามารถหยิบยืมมาใช้ได้ เช่น เศษชิ้นส่วนที่เขาพบใน   หมู่บ้านลมปราณวิญญาณนั่นเอง แต่ก็มีบางชนิด อย่างเช่นชนิดที่ข้าถืออยู่นี้ แม้ว่าจะดูดกลืนเข้าสู่ร่างกายไม่ได้ แต่ก็ให้ความรู้สึกถึงแรงที่ประทับเข้ามาในร่างเพื่อปลุก  พลังบางอย่าง หวังเป่าเล่อทวนข้อมูลที่อาจารย์ของเฉินอวี่ถงบอกมาอยู่ในใจ           ในตอนแรกนั้นเขายังไม่เข้าใจนัก แต่หลังจากเห็นด้วยตาและรู้สึกถึงคลื่นความร้อนนั้น ก็ทำให้ชายหนุ่มเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หวังเป่าเล่อจึงสูดลมหายใจเข้าลึก และลังเลอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะเผยความมุ่งมั่นผ่านแววตา แล้วใช้มือขวาประทับลงบนชิ้นส่วนนั้นทันที       ตามที่อาจารย์ของเฉินอวี่ถงเคยสอนไว้

ความร้อนเริ่มแผดเผานิ้วของชายหนุ่มทันทีที่สัมผัสกับชิ้นส่วนนั่น ก่อนจะหยุดลงฉับพลัน ราวกับรอให้เกิดบางอย่างขึ้น

หวังเป่าเล่อกลั้นหายใจ ทันใดนั้นพลังปราณในร่างกายของเขาก็ระเบิดออก ความร้อนซึ่งสลายไปก่อนหน้านั้นก็พลันปะทุขึ้นอีกครั้งและเคลื่อนผ่านฝ่ามือเข้ามาในร่างกาย จนในที่สุดก็ไหลขึ้นสู่ศีรษะโดยสมบูรณ์

ร่างของชายหนุ่มสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง จิตใจแปรปรวน พร้อมทั้งเสียการทรงตัวและคุมสติไม่อยู่โดยฉับพลัน

หวังเป่าเล่อคืนสติกลับมาหลังจากนั้นไม่นาน เขาหลงลืมไปทุกอย่าง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร ความรู้สึกเดียวที่หลงเหลืออยู่ตอนนั้นคือ ตนเองกลายร่างเป็นลูกไฟ ภาพของโลกเบื้องหน้าเปลี่ยนแปลงไปจนเห็นเป็น…พายุเพลิง!

พายุเพลิงหมุนทะยานขึ้นบนฟากฟ้า ทำลายล้างทุกสิ่งต่อหน้าต่อตา บดบังทุกสิ่งรวมถึงหัวใจและจิตวิญญาณของชายหนุ่มด้วย

หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน หวังเป่าเล่อนั่งขัดสมาธิอย่างไร้ความรู้สึกอยู่ภายในถ้ำที่พัก มีรอยสัญลักษณ์สีแดงก่ำอยู่ตรงหว่างคิ้ว ร่างกายของชายหนุ่มสั่นสะท้านขณะที่มันกำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆ แล้วเขาก็ลืมตาขึ้นด้วยสีหน้างุนงง

ไม่นานนัก สติสัมปชัญญะของหวังเป่าเล่อก็ค่อยๆ ฟื้นคืนมาอีกครั้ง ไม่กี่นาทีจากนั้นความพร่ามัวก็จางหายไป ร่างกายเกร็งขณะหายใจหอบถี่ ก่อนจะเบิกตากว้างและถอนหายใจยาวเมื่อสติกลับมาครบถ้วนสมบูรณ์

รู้สึกราวกับฝันไป…ชายหนุ่มพยายามหายใจให้ปกติขณะก้มมองกล่องตรงหน้า และเห็นว่าชิ้นส่วนที่สัมผัสไปกลายเป็นเถ้าถ่านเสียแล้ว เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลง    จึงรีบเงยหน้าขึ้นทันใด ก่อนที่ความรู้สึกนึกคิดมากมายจะแล่นเข้ามาในหัวของเขา หลังจากเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองนั้นหมดสติไปถึงครึ่งเดือน

จังหวะนั้นเอง หวังเป่าเล่อรู้สึกเจ็บแปลบตรงหว่างคิ้วของตน เมื่อลองจับดูกลับสัมผัสไม่เจออะไร จึงลองส่องกระจกดู เขาตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า จนต้องรีบลุกขึ้นยืนทันที

นี่มัน…หวังเป่าเล่อไม่อาจสงบจิตใจ พลางพยายามควบคุมลมปราณ และมองสัญลักษณ์รูปเปลวไฟค่อยๆ จางหายไปจากหว่างคิ้วของตน หลังจากนั้นชั่วครู่หนึ่ง ชายหนุ่มจึงยกมือขึ้นและพูดในใจตามคำสอนก่อนหน้านี้ของอาจารย์ของเฉินอวี่ถง

เพลิงปะทุ!

หวังเป่าเล่อชะงักไปด้วยความตื่นเต้น ทะเลเพลิงรอบด้านถูกดึงมายังมือขวา    ของตนด้วยความเร็วแสงดั่งตั้งใจ

นี่คือกระบวนเวท…เพลิงปะทุอย่างนั้นหรือ หวังเป่าเล่อตื่นเต้นสุดขีด หลังจากเดินวนเวียนอยู่ในถ้ำที่พักหลายครั้ง จึงออกไปหาสถานที่ภายนอกเพื่อทดลองใช้    พลังกระบวนเวทนี้

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ชายหนุ่มกำลังออกจากถ้ำที่พักเพื่อเตรียมหาพื้นที่สำหรับทดลองกระบวนเวทเพลิงปะทุ จู่ๆ เฉินอวี่ถงก็ส่งข้อความเสียงมาหาเสียก่อน น้ำเสียงของเขาฟังดูรีบเร่งจนสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นและเบิกบานใจ

“ศิษย์น้องเป่าเล่อ ข้ามีข่าวดีเกี่ยวกับการสืบทอดตำแหน่งจะมาบอก!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version