Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1012

ตอนที่ 1012

เปิดประตูแก่นแท้

ในวันนั้น กลุ่มคนทั้งหมดของตระกูลฟาง มองเห็นมังกรสีเขียวบินออกมาจากศาลาโอสถ ที่อยู่ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา จากนั้นก็พุ่งวนไปรอบๆ ดาวตงเซิ่ง ก่อนจะในที่สุดก็จางหายไป

ขณะที่มันหายตัวไป จุดแสงระยิบระยับสีเขียวก็ตกลงมาบนดินแดนของดาวตงเซิ่ง ทำให้ทั่วทั้งดวงดาวเกิดเป็นเสียงกระหึ่มขึ้นด้วยพลังชีวิต

ภาพนี้ทำให้จิตใจของผู้ฝึกตนทั้งหมดบนดาวตงเซิ่งต้องสั่นสะท้านขึ้นด้วยความตกตะลึง

ในสำนักเย่าเซียน ฟางเหยียนซวีมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ และสีหน้าก็เปลี่ยนไปด้วยความประหลาดใจ ท่านได้จ้องมองไปยังทิศทางของแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา หลังจากที่ผ่านไปนานก็พึมพำกับตัวเองขึ้นว่า “ตำนานเกี่ยวกับชั้นที่แปดเป็นเรื่องจริง…นักปรุงยาคนแรกที่คลายผนึกมังกรสีเขียวแห่งต้นพืชสมุนไพรได้ จะทำให้มังกรได้รับอิสระและทำให้มันมาช่วยหล่อเลี้ยงดินแดนทั้งหมด”

“ทักษะที่เกี่ยวข้องกับเต๋าแห่งการปรุงยาของเมิ่งฮ่าว ได้บรรลุถึงระดับที่น่าเหลือเชื่อนัก…”

ฟางโส่วเต้าสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ดวงตาเบิกกว้างขึ้นขณะที่มองดูมังกรสีเขียวจางหายไป และได้เห็นจุดแสงระยิบระยับที่ตกลงมาเพื่อหล่อเลี้ยงดาวดวงนี้ มันยังได้ยื่นมือออกไป ปล่อยให้หนึ่งในจุดแสงนั้นได้ตกลงมาบนฝ่ามืออีกด้วย

ในเวลาเดียวกันนั้น ระฆังเต๋าก็ได้ปรากฏขึ้นในกลางอากาศเหนือคฤหาสน์โบราณ เสียงระฆังดังก้องเข้าไปในจิตใจของกลุ่มคนตระกูลฟางทั้งหมด

จากนั้นเสียงพูดคุยก็ปะทุขึ้นมาในพื้นที่ของตระกูลฟางทั้งหมด หลังจากที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ตระกูลฟางจำนเป็นต้องมีโอกาสที่น่ายินดีเช่นนี้ เพื่อรวมตระกูลให้เป็นหนึ่งเดียวและช่วยให้พวกมันมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น

บนชั้นที่แปดของศาลาโอสถ เมิ่งฮ่าวมองไปขณะที่มังกรสีเขียวซึ่งถูกคลายผนึกออก ได้หมุนวนไปรอบๆ และบินจากไป ต่อมาต้นพืชสมุนไพรก็หายไปกลายเป็นจุดแสงระยิบระยับนับไม่ถ้วนขึ้น

เมิ่งฮ่าวไม่ได้ก้าวเดินไปยังชั้นต่อไปในทันที เขานั่งลงขัดสมาธิและหลับตาลง ทำการตรวจสอบพืชสมุนไพรหนึ่งล้านต้นที่เพิ่งจะเห็นมาอยู่ในจิตใจ และบันทึกพวกมันไว้ในความทรงจำ

หลังจากที่เวลาผ่านไปไม่นาน เขาก็ลืมตาขึ้นมา ซึ่งเต็มไปด้วยแสงอันเข้มข้น การที่สามารถผ่านชั้นแปดนี้ไปได้ด้วยระดับที่สมบูรณ์ เมื่อเขามองออกไปยังที่ห่างไกล…ประตูก็ได้ปรากฏขึ้น!

ไม่มีขั้นบันได มีแต่ประตูเท่านั้น และประตูนั่นก็นำไปสู่ชั้นที่เก้า!

ซึ่งเป็นชั้นสุดท้าย!

“ศาลาโอสถของตระกูลฟางช่างเป็นสถานที่ที่ข้าสามารถจะเก็บเกี่ยวโชควาสนาไปจากสวรรค์และปฐพีได้อย่างแท้จริง การเปลี่ยนแปลงของต้นพืชสมุนไพรในที่แห่งนี้ได้บรรลุถึงจุดสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ชั้นแปด”

“ข้าอยากรู้นักว่าจะได้พบกับทดสอบแบบใดบนชั้นเก้า?” เมิ่งฮ่าวมองไปยังประตูด้วยความระมัดระวังอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะในที่สุดก็ก้าวเท้าเดินตรงไป

ในที่สุดเขาก็มายืนอยู่ที่เบื้องหน้าของประตู ดวงตาสาดประกายขึ้นผลักมันให้เปิดออก และเดินเข้าไปโดยไม่ลังเล นี่คือชั้นสุดท้ายของศาลาโอสถ

ในทันทีที่เขาผ่านเข้าไป ก็ต้องหยุดชะงักนิ่งและจ้องมองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึง

ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ได้ยืดยาวออกไปตรงเบื้องหน้าสายตาของเขา

ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้ม และดวงตะวันสีทองขนาดใหญ่ก็ลอยอยู่ในท้องฟ้า แสงตะวันส่องกระจายออกมา วิหคยักษ์บินไปมาอยู่ในท้องฟ้า

ที่ห่างไกลออกไป พื้นดินสั่นสะเทือนอยู่ใต้เท้ายักษ์ ซึ่งได้แผดร้องคำรามออกมาขณะที่มันวิ่งไป

ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนกับในสมัยโบราณ มีต้นไม้อยู่หนึ่งต้นซึ่งมีขนาดเล็ก กำลังเติบโตขึ้นมาจากด้านล่างของก้อนศิลา ดูธรรมดาและไม่คู่ควรให้พูดถึง แต่ถ้ามองดูให้ละเอียด…ก็จะพบว่า เมื่อในอดีตที่ผ่านมา ก้อนศิลาได้บดขยี้ต้นไม้นั้นไป แต่ต้นไม้นั้นก็ได้ต่อสู้กลับมา และในที่สุดก็สามารถผลักก้อนศิลาออกไปได้ ทำให้มันเติบโตขึ้นมาจากด้านล่างของก้อนศิลานั้น

เมิ่งฮ่าวผงะไปด้านหลังเล็กน้อยจากทุกสรรพสิ่งที่ได้เห็น อย่างไรก็ตามหลังจากที่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูเลือนรางลงไป เมื่อเริ่มมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เขาก็กำลังยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับเมื่อครู่นี้ แต่ภูเขาและพื้นดินที่อยู่รอบๆ ตัวเขาได้พังทลายลงไป แม้แต่ศิลาก้อนนั้น ต้นไม้เล็กๆ ที่เคยเห็นนั้น ก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ ไปด้วยเช่นเดียวกัน

แต่หนึ่งชิ้นส่วนของต้นไม้นั้น ได้ลอยขึ้นไปในอากาศ และหลอมรวมเข้ากับเศษชิ้นส่วนที่แตกกระจายไปของก้อนศิลา และจากนั้นก็หมุนคว้างออกไปยังที่ห่างไกล ตกลงไปในท่ามกลางสระน้ำ และจมลงไปที่ด้านล่าง

เวลาผ่านไปนานหลายปี จนยากที่จะบอกได้ว่าผ่านไปนานเท่าใดแล้ว อย่างช้าๆ ได้มีต้นไม้เล็กๆ อีกต้นเริ่มโตขึ้นมาจากภายในสระน้ำนั้น ดูแตกต่างไปจากต้นไม้เล็กๆ ก่อนหน้านี้ มันมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจในสิ่งที่กำลังได้เห็นอยู่นี้ และไม่รู้เช่นเดียวกันว่าจะต้องทำอะไรกับชั้นที่เก้านี้ เขามองดูไปอย่างต่อเนื่องขณะที่เวลาแวบผ่านไป ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก ต้นไม้แห้งเหี่ยวลงไป จากนั้นก็เติบโตขึ้นมาใหม่

ดูเหมือนว่าจะเป็นวงจรที่ไม่รู้จบ จนสุดท้ายในวันหนึ่ง ดินแดนแถบนั้นก็ถูกทำลายไปด้วยการเกิดแผ่นดินไหว และบริเวณที่ต้นไม้กำลังเติบโตก็กลายเป็นพื้นทะเลไป

ดินได้กลายเป็นเลนโคลน ทับถมต้นไม้เล็กๆ นั้นไว้โดยสิ้นเชิง

เวลาผ่านไปอีกครั้ง ต้นไม้เล็กๆ ได้เติบโตขึ้นมาจากภายในเลนโคลนนั้นอีกครั้ง ดูแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ ราวกับว่ามันได้กลายเป็นสาหร่ายทะเลไป แทบจะดูคล้ายกับเป็นเส้นผม ขณะที่มันงอกยาวขึ้นไปเรื่อยๆ

ต่อมาทะเลได้เหือดแห้งหายไป ต้นไม้นั้นแห้งเหี่ยวและในที่สุดก็หายไปด้วยเช่นกัน จากนั้นก็มีต้นไม้หนึ่งต้นเติบโตขึ้นมาอยู่ในที่แห่งนั้น ต้นไม้นั้นได้กลายมาเป็นผืนป่า ซึ่งภายในผืนป่านั้นมีต้นไม้ที่ดูเหมือนจะเป็นชนิดเดียวกันกับต้นไม้เล็กๆ จากเมื่อหลายปีก่อนโน้น

เวลาไหลผ่านไป เมิ่งฮ่าวมองไปขณะที่ต้นไม้ขนาดใหญ่ ในที่สุดก็เริ่มมีขนาดเล็กลง ต้นไม้อื่นๆ ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นแห้งเหี่ยวตายไป แต่มันก็ยังคงแข็งแกร่งมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปดึงดูดความสนใจของสายฟ้าขึ้นมา

สายฟ้าฟาดลงไปที่มัน และมันก็เหี่ยวเฉาลงไป ในตอนที่มันได้ตายไป ต้นอ่อนของมันได้ปรากฏขึ้น กลายเป็นสีเขียวเพียงหนึ่งเดียวในโลกทั้งหมดนี้ เติบโตขึ้นมาจากเปลือกของต้นไม้ที่ตายไปแล้ว

เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังต้นอ่อนนั้นด้วยความตกตะลึง กลิ่นอายอันแข็งแกร่งค่อยๆ เริ่มกระจายออกมาจากต้นอ่อนนั้น หลังจากที่เวลาผ่านไปนาน ก็มีมือปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า ค่อยๆ ยื่นออกมาและเก็บเกี่ยวต้นอ่อนเล็กๆ นั้นไป

“แน่นอนว่า มันจะกลายเป็นต้นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์” เสียงเก่าแก่โบราณ ซึ่งเป็นเสียงเดียวกับที่เคยพูดออกมาบนชั้นก่อนหน้านี้ของศาลาโอสถได้กล่าวขึ้นมา ภาพที่เมิ่งฮ่าวกำลังมองเห็นอยู่นี้ค่อยๆ พังทลายลงไป

เขาสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วง ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างจางหายไป และพบว่าตนเองกำลังยืนอยู่ในสวนพืชสมุนไพร ภายในสวนนั้นปลูกไว้ด้วยพืชสมุนไพรต้นเดียวเท่านั้น

มันคือต้นอ่อนเล็กๆ นั้น เป็นต้นเดียวกันกับที่มีชีวิตอยู่มาโดยตลอด จากภาพที่เมิ่งฮ่าวได้มองเห็นผ่านทางจินตนาการของเขา

เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังต้นอ่อนนั้นด้วยความตกตะลึง และสีหน้าครุ่นคิดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“เจ้าเข้าใจหรือไม่?” เสียงเก่าแก่โบราณนั้นถามขึ้น

“อะไรคืออาณาจักรที่สูงสุดของต้นพืชสมุนไพร? ไม่มีใครจะสามารถตอบคำถามนี้ได้อย่างแท้จริง คนทั้งหมดต่างก็มีความเข้าใจของตนเอง!”

“ต้นไม้เล็กๆ จากในสมัยโบราณ ซึ่งได้ผ่านโชควาสนามาอย่างมากมาย…ใครจะไปรู้ว่าต้นไม้นี้จะสามารถกลายเป็นต้นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์อย่างน่าตกใจได้หรือไม่?!”

“สิ่งมีชีวิตทั้งมวลต่างก็ธรรมดา แต่สิ่งมีชีวิตทั้งหลายสามารถจะกลายเป็นสิ่งที่พิเศษได้ด้วยเช่นกัน!”

“การฝึกฝนพื้นฐานฝึกตน อันเนื่องมาจากความต้องการที่จะสลัดข้อจำกัดของโลกมนุษย์ธรรมดา พวกมันปรารถนาที่จะคล้ายกับเป็นมัจฉาที่พุ่งทะยานขึ้นไปยังประตูมังกร…ต้นพืชสมุนไพรก็เป็นเช่นเดียวกัน เมื่อนำพวกมันมาปรุงเป็นเม็ดยาและกลืนกินลงไป ก็ไม่ควรที่จะมุ่งเน้นไปที่ความเข้มข้นของพวกมันเพียงอย่างเดียว แต่ควรจะรับรู้ได้ถึงเจตจำนงขั้นพื้นฐานของพวกมันด้วยเช่นกัน”

“อาจจะดูเหมือนว่าต้นสมุนไพรได้ตายไปในขั้นตอนของการกลายมาเป็นเม็ดยา แต่ใครจะไปรู้ว่าจริงๆ แล้ว นี่อาจจะเป็นการเกิดใหม่กลายเป็นชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งของพวกมันก็เป็นได้?”

ขณะที่เสียงเก่าแก่โบราณนั้นดังก้องออกมา เมิ่งฮ่าวได้นั่งลงขัดสมาธิ และมองไปยังต้นอ่อนเล็กๆ นั้น ทันใดนั้นเองเขาก็คิดไปถึงภาพของท่านปรมาจารย์รุ่นแรกที่ได้เกิดใหม่ในฐานะของดวงดาว

ท่านได้กลายเป็นดวงดาว ซึ่งทำให้ต้นพืชสมุนไพรนานาชนิดนับไม่ถ้วนได้เติบโตขึ้นมา…

“นี่…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ รู้สึกราวกับว่าแทบจะไขว่คว้าบางสิ่งที่ลึกล้ำมาได้แล้ว แต่ก็ไม่อาจจะพูดอธิบายออกมาได้ ราวกับว่าเส้นใยนับไม่ถ้วนกำลังหมุนวนไปมาอยู่ในจิตใจ ทำให้ยากที่จะค้นหาความคิดที่ถูกต้องออกมาได้

“การเกิดใหม่?” เขากล่าว มองขึ้นไป

แทบจะในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ก็พังทลายลงไป จากนั้นชิ้นส่วนต่างๆ ก็รวมตัวเข้าด้วยกันอีกครั้ง ทำให้มองเห็นภาพที่น่าตกใจขึ้นมาอีกครั้ง

ภาพนี้เหมือนกับสิ่งที่เขาเคยพบเห็นมา ในตอนที่ก้าวเท้าเข้ามาในชั้นที่เก้าเป็นครั้งแรก เขามองเห็นโลกในสมัยโบราณ และมองเห็นต้นไม้เล็กๆ กำลังเติบโตขึ้นมาจากด้านล่างของก้อนศิลา

ภาพนี้ปรากฏขึ้นเหมือนเดิน ยกเว้นว่าในครั้งนี้มีมืออยู่ด้วย ราวกับว่าในตอนนี้เขากำลังมองไปยังจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของเรื่องนี้

เสียงหนึ่งได้ดังก้องอยู่ในภาพที่เห็น “ติดอยู่ใต้ก้อนศิลา แต่ก็ยังต้องการมีชีวิตอยู่และเติบโตขึ้น ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะช่วยให้เจ้ามีชีวิตรอดต่อไป”

และมือนั้นก็ได้แตะไปที่ต้นไม้นั้นอย่างแผ่วเบา

ต้นไม้เล็กๆ ส่ายไหวไปมา จากนั้นก็กลับเป็นปกติเหมือนเดิม มือนั้นหายไป ราวกับว่ามันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

ภาพนั้นจางหายไป และความว่างเปล่าของชั้นที่เก้าก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เสียงเก่าแก่โบราณได้ดังก้องออกมาอีกครั้ง

“มันไม่ได้เป็นแค่การเกิดใหม่ แต่เป็นการสร้างสรรค์! จากมุมมองของข้า จุดสูงสุดของต้นพืชสมุนไพรจริงๆ แล้วก็คือการสร้างสรรค์!” หลังจากที่เสียงนั้นพูดจบ ประตูก็ได้ปรากฏขึ้นที่ด้านข้างเมิ่งฮ่าว เป็นประตูที่นำไปสู่ด้านนอก

เมิ่งฮ่าวยังคงรักษาความเงียบไว้ ต้นไม้เล็กๆ นั้นดูธรรมดาทั่วไป แต่เพราะว่ามันถูกแตะสัมผัสโดยดรรชนีนั้น ทำให้ชีวิตและโชคชะตาทั้งหมดของมันได้เปลี่ยนไป ในที่สุดสายฟ้าก็ฟาดลงมา และมันก็ได้กลายเป็นต้นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ไป

นั่นคือการสร้างสรรค์อย่างแน่นอน

หลังจากที่ผ่านไปนาน เมิ่งฮ่าวก็ลุกขึ้นมายืน ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ

ทันใดนั้น เสียงเก่าแก่โบราณก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

“ถ้าเจ้ามีโอกาส เจ้าปรารถนาที่จะเป็นต้นไม้เล็กๆ นั่น หรือว่าต้องการจะเป็นมือนั้น?”

เมิ่งฮ่าวหยุดชะงัก และมองออกไปยังความว่างเปล่า กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ทั้งต้นไม้และมือนั่น ไม่สามารถที่จะกระทำด้วยความต้องการของตนเองได้ พวกมันถูกควบคุมโดยสิ่งอื่นอีกที ข้าต้องการจะกลายเป็น…บุคคลที่สั่งการให้มือไปเปลี่ยนแปลงต้นไม้เล็กๆ นั่น!” ด้วยเช่นนั้นเขาก็หันหลัง และเตรียมตัวจะก้าวเท้าผ่านเข้าไปในประตู

ทันใดนั้น เสียงเก่าแก่โบราณในความว่างเปล่าก็หัวเราะออกมา เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความยินดีและชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง

“เมื่อคิดว่า…ตระกูลฟางมีคนเช่นเจ้าอยู่ ก็น่ายินดีนัก! ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง!” ขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกไป ภาพของบุรุษวัยกลางคนจู่ๆ ก็ได้ปรากฏขึ้นจากภายในความว่างเปล่า จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าว

“หลายปีมาแล้ว ไม่เคยมีใครจะผ่านชั้นนี้ไปด้วยทางเลือกเช่นเจ้ามาก่อน”

“ของรางวัลสำหรับการบรรลุถึงชั้นที่เก้านี้คือ ข้าจะตอบคำถามสำหรับเจ้าหนึ่งข้อ”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น สอบถามว่า

“ยังมีจุดสูงสุดของทักษะเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรไกลเกินกว่าการสร้างสรรค์นั้นหรือไม่?”

“นี่ไม่ใช่คำถามที่จะตอบได้อย่างง่ายดาย” บุรุษวัยกลางคนกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ “ก่อนอื่น เจ้าต้องเข้าใจให้ได้ก่อนว่า…เต๋าคืออะไร!”

“เต๋า?” เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้าง

“ทำไมต้องมีชีวิตอยู่? ทำไมต้องตายไป?” เสียงเก่าแก่โบราณดังก้องไปมาอย่างไร้จุดสิ้นสุด

“ทำไมต้องมีการเกิดใหม่? คล้ายกับเป็นวัฏจักร โดยมีส่วนหัวและส่วนหางเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน แต่ความหมายที่แท้จริงคืออะไร และการเกิดใหม่เป็นเพียงแค่คำอธิบายเท่านั้น?”

“ทำไมต้องมีผู้ฝึกตน? ทำไมต้องมีอาณาจักรแห่งการฝึกตน?”

“ทำไมต้องมีเวทแห่งเต๋า? ทำไมต้องมีความสามารถศักดิ์สิทธิ์?”

“แสงสาดส่องออกมาได้อย่างไร? ความมืดปกคลุมลงมาได้อย่างไร?”

“ทอง, ไม้, น้ำ, ไฟ, ดิน อะไรคือความแตกต่างระหว่างธาตุเหล่านี้?”

“ไฟก็คือไฟ แต่ทำไมถึงได้แตกต่างไปจากความร้อน?”

“ความร้อนคืออะไร? ความหนาวเย็นคืออะไร? มันจะหมายความว่าเมื่อมีบางสิ่งซึ่งสามารถจะคงอยู่ได้ในน้ำแข็ง จะถูกเผาไหม้ให้ตายไปได้ ด้วยน้ำเพียงหยดเดียวหรือไม่?”

เสียงเก่าแก่โบราณพูดขึ้นมาด้วยความรวดเร็วเพิ่มขึ้น ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน เกิดเป็นคำถามสุมซ้อนขึ้นไปในจิตใจ แต่ละคำถามนั้นดูเหมือนว่าจะมีคำตอบอยู่โดยตรง แต่ถ้าเขาได้คำตอบนั้นมาจริงๆ แล้ว ก็คงไม่อาจจะพูดออกมาได้

“เต๋าคืออะไร?” นั่นคือคำถามสุดท้ายที่เปล่งออกมาโดยเสียงเก่าแก่โบราณนั้น และทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้าน

“แก่นแท้ก็คือเต๋า ซึ่งเป็นพื้นฐานของทุกสรรพสิ่งที่ต่อต้านสวรรค์!” แสงอันเจิดจ้าสาดประกายขึ้นมาอยู่ในดวงตาของบุรุษวัยกลางคน และทันใดนั้นมันก็ดูเหมือนจะเคร่งเครียดขึ้นเป็นอย่างมาก

“สิ่งที่ไม่รู้ทั้งหมดเหล่านั้นคือแก่นแท้ มีแต่ตอนที่เจ้าค้นหาแก่นแท้เท่านั้น เจ้าถึงจะเข้าใจสวรรค์และปฐพี เข้าใจถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหมด และสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้! เมื่อเจ้าเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของสวรรค์และปฐพีได้แล้ว เมื่อเจ้าต้องทำการต่อต้านสวรรค์ เมื่อเจ้าต้องผนึกปฐพีไว้ได้ แล้วสิ่งที่ยุ่งยากสำหรับเจ้าจะคืออะไร?!” บุรุษวัยกลางคนโบกสะบัดมือ และจิตใจของเมิ่งฮ่าวก็สั่นสะท้าน เขาไม่อาจจะควบคุมตัวเองไม่ให้ก้าวเท้าเข้าไปในประตูได้ และจากนั้นเขาก็หายเข้าไปในความว่างเปล่า

หลังจากที่เขาหายตัวไป บุรุษวัยกลางคนก็ส่ายหน้าและยิ้มออกมา จากนั้นก็ก้าวเท้าตรงเข้าไปในสวนพืชสมุนไพร นั่งลงขัดสมาธิและค่อยๆ กลายร่างเป็นต้นอ่อนเล็กๆ

มันคือ…การเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายของต้นไม้เล็กๆ นั่น เป็นต้นอ่อนเล็กๆ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!