Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1032

ตอนที่ 1032

ไล่ล่าซูเยียน

ตอนนี้สถานการณ์ได้พลิกกลับกลายไปแล้ว ซูเหยียนหลบหนี และเมิ่งฮ่าวก็ไล่ตามนางไป ด้วงสีดำห้าร้อยตัวพุ่งผ่านเศษซากเซียนคล้ายกับเป็นลมพายุสีดำ พวกมันทั้งหมดมีความยาวอย่างน้อยก็หนึ่งฉื่อ (23 เซนติเมตร) หรือมากกว่านั้น และที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดก็ยาวมากกว่าหนึ่งจ้าง (3 เมตร)

ด้วงดำห้าร้อยตัวทำให้กลายเป็นทะเลแห่งตัวด้วงขนาดย่อม ถึงแม้ไม่อาจจะบอกว่าพวกมันบดบังท้องฟ้า แต่ก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน และกระจายระลอกคลื่นอันไร้ขอบเขตออกไป ขณะที่พวกมันไล่ล่าติดตามซูเยียนไป

ถ้าเป็นเพียงแค่ตัวด้วงสีดำกลุ่มนี้ ซูเยียนก็มีอยู่หลายวิธีที่จะจัดการกับพวกมันและหลบหนีจากไปได้ แต่…นางไม่ได้ถูกไล่ล่าโดยด้วงดำกลุ่มนี้เท่านั้น นางกำลังถูกไล่ล่าโดยเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่บนหลังของด้วงดำที่มีขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความเย็นชา สายตาของเขายิ่งมีความเย็นชามากขึ้นเมื่อมองไปยังซูเยียนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้นางยังเป็นคนที่ทำลายแผนการ การเก็บเกี่ยวต้นสมุนไพรของเขาไปอีกด้วย

นางไม่เพียงแต่จะมาขโมยการค้าของเขาไปเท่านั้น แต่นางยังทำให้เขาไม่อาจจะเก็บเกี่ยวต้นสมุนไพรได้อีกต่อไป จากนั้นนางยังได้ไล่ตามกลุ่มด้วงสีดำมา ด้วยการใช้พวกมันเป็นเครื่องมือในการที่จะสังหารเขา ที่ไม่อาจจะให้อภัยได้มากที่สุดก็คือ นางวางแผนที่จะเอารัดเอาเปรียบต่อความโชคร้ายของเขา ด้วยการคิดจะกรรโชกทรัพย์สมบัติของเขาไป

เมิ่งฮ่าวได้ตกเป็นเหยื่อจากแผนการเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว แม้แต่จิ้งจอกชราฟางโส่วเต้าก็ยังไม่ทำให้เขาต้องมีโทสะได้อย่างมากมายเช่นนี้มาก่อน บางคนอาจจะพึงพอใจที่จะปฏิบัติต่อหญิงสาวด้วยความนุ่มนวลมากเป็นพิเศษ

แต่เมิ่งฮ่าวไม่สนใจเรื่องเหล่านี้โดยสิ้นเชิง พร้อมกับเสียงแค่นอย่างเย็นชา เขายกมือขวาขึ้นและชี้นิ้วตรงไปยังซูเยียนที่อยู่ห่างไกลออกไป

นิ้วที่ชี้ไปนี้คือ เวทผนึกอสูรรุ่นแปด!

ขณะที่ซูเยียนพุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความวิตกกังวล ทันใดนั้นนางก็สั่นไปทั้งร่าง พื้นฐานฝึกตนหยุดการโคจรหมุนวนไปโดยสิ้นเชิง และนางก็กรีดร้องออกมาขณะที่หยุดชะงักนิ่งอยู่ในกลางอากาศ

ต่อมาชีพจรเซียนของเมิ่งฮ่าวก็ระเบิดเป็นพลังออกไป และพื้นฐานฝึกตนก็พุ่งขึ้นมา ศีรษะอสูรโลหิตหนึ่งร้อยยี่สิบสามศีรษะปรากฏขึ้น ส่งเสียงแผดร้องคำรามขณะที่พุ่งตรงไปยังซูเยียน

ดวงตาซูเยียนเบิกกว้างขึ้น และนางก็กัดลงไปที่ปลายลิ้นอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดวิ่งผ่านไปทั่วร่าง ตามมาด้วยเสียงแตกร้าว ขณะที่นางทำลายเวทผนึกของเมิ่งฮ่าวจนหลุดเป็นอิสระได้ จากนั้นนางก็หมุนตัว ดวงตาแวบขึ้นด้วยความหวาดกลัว แต่ที่มีมากไปกว่านั้นก็คือความเย็นชา

แทนที่นางจะหลบเลี่ยงหนึ่งร้อยยี่สิบสามศีรษะอสูรโลหิต นางกลับสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ทำการดูดซับพลังแห่งฟ้าดิน จากนั้นก็ยกเท้าขวาขึ้นและกระทืบลงไปอย่างรุนแรง ก้าวเดินมายังทิศทางของเมิ่งฮ่าว

ก้าวแรกทำให้ความว่างเปล่าสั่นสะท้าน ก้าวที่สองทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณนั้นสั่นสะเทือน ก้าวที่สามทำให้เกิดเป็นรอยแตกร้าวขึ้นบนพื้นดินกระจายออกไปหนึ่งพันจ้างในทั่วทุกทิศทาง

ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของหญิงสาวในชุดสีชมพูนี้ นางเดินไปแค่สามก้าวเท่านั้น แต่เป็นสามก้าวที่ทำให้พลังของนางได้พุ่งขึ้นมา

จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนคว้าง แต่ละก้าวนั้นดูเหมือนว่าจะกระแทกเข้ามาในจิตใจของเขา ทำให้พื้นฐานฝึกตนต้องตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย และเปลวไฟแห่งพลังชีวิตของเขาก็แทบจะดับลงไป

ต่อมา เมื่อซูเยียนเดินไปเป็นก้าวที่สี่ ใบหน้านางเย็นชาราวน้ำแข็งไปโดยสิ้นเชิง เสียงกระหึ่มดังก้องออกไปทั่วทุกแห่งหน!

เมื่อนางเดินมาเป็นก้าวที่ห้า ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ดูเหมือนจะพลิกกลับด้านไป เสียงแผดร้องได้ยินมาในทั่วทุกทิศทาง แทบจะราวกับว่าพื้นที่ในบริเวณนี้กำลังจะกลายเป็นโลกที่แตกต่างกันออกไป

ก้าวที่หกของนางทำให้เกิดเป็นเสียงฟ้าร้องเต็มไปอยู่อาณาเขตหนึ่งพันจ้าง ตามมาด้วยกลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณ

ศีรษะอสูรโลหิตทั้งหมดของเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และแตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ ด้วยพลังที่พุ่งออกมานี้

ในตอนนี้เองที่ซูเยียนได้เดินไปเป็นก้าวที่เจ็ด!

“เจ็ดก้าวเทพ!” ซูเยียนร้องตะโกนออกมา ขณะที่นางเดินตรงมาเป็นก้าวที่เจ็ด ความว่างเปล่าแตกกระจายไป และเสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ก็ได้ยินมา เท้าขนาดใหญ่โตหนึ่งข้างได้ปรากฏขึ้นที่ด้านบน กระจายพลังอันน่าตกใจออกมา ความรู้สึกที่ดุร้ายอย่างไร้ขอบเขตได้พุ่งขึ้นมาในจิตใจเมิ่งฮ่าว ขณะที่เท้าข้างนั้นกระทืบลงมาที่เขา

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะเทือน ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง จากนั้นเขาก็ใช้สองมือขยับร่ายเวท และชี้ตรงไปยังเท้ายักษ์ข้างนั้น

“สุดยอดสะพาน!” เขาส่งเสียงคำรามอยู่ในลำคอ ขณะที่ชีพจรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบสามจุด รวมทั้งสามสิบสามสวรรค์ของเขา ได้ก่อตัวกันเป็นสุดยอดสะพาน พุ่งตรงไปยังเท้าข้างนั้น

 

เกิดเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องขึ้นมา ขณะที่สะพานและเท้าได้ปะทะเข้าหากัน ทันใดนั้นความว่างเปล่าที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะฉีกขาดออกไป เสียงกึกก้องอย่างไร้ขอบเขตดังขึ้นมาขณะที่เท้าอันดุร้ายนั้นได้แตกกระจายไป ชั้นแล้วชั้นเล่า กลายเป็นจุดแสงนับไม่ถ้วนซึ่งจากนั้นก็จางหายไป

สุดยอดสะพานก็สั่นไปมาด้วยเช่นกัน และพังทลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป

เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปาก

ใบหน้าของซูเยียนในชุดสีชมพูซีดขาว และมีโลหิตไหลซึมออกมาจากปากด้วยเช่นกัน ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความตกตะลึง

นางอยู่ในอาณาจักรโบราณ และไม่ใช่ผู้ฝึกตนอาณาจักรโบราณธรรมดาทั่วไป นางมีเต๋าของตนเอง ซึ่งคล้ายคลึงกับเซียนแท้ของอาณาจักรเซียน นางเป็นผู้ถูกเลือกของอาณาจักรโบราณ ถึงแม้ว่านางจะมีตะเกียงวิญญาณที่ดับลงไปแล้วแค่หนึ่งดวงก็ตามที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะเป็นผู้ที่อ่อนแอ

ในมุมมองของนาง เมิ่งฮ่าวแค่อยู่ในอาณาจักรเซียนเท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในขั้นสูงสุดของอาณาจักรนี้ แต่เขาก็ยังคงอ่อนแอกว่านางมากนัก

ก่อนหน้านี้นางแค่หวาดกลัวต่อกลุ่มด้วงสีดำ และความลี้ลับอันยากจะหยั่งถึงของหินปราณเซียนของเขาเท่านั้น ดังนั้นนางจึงได้โจมตีไปที่เขาด้วยความหวังว่าอย่างน้อยก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บบ้าง ทำให้นางสามารถจะหลบหนีกลุ่มด้วงเหล่านี้ไปได้

แต่…ในการปะทะกันอย่างแท้จริงครั้งแรก นางได้พบว่าคนทั้งสองค่อนข้างจะมีพลังการต่อสู้ที่เท่าเทียมกัน ทำให้ซูเยียนต้องเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และถอยไปทางด้านหลังเพื่อหลบหนีไปในทันที

เมิ่งฮ่าวยังคงนั่งอยู่บนหลังตัวด้วง ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่มองเห็นซูเยียนหลบหนีจากไป จิตใจเขากำลังเต้นรัวด้วยความมุ่งหวัง ไม่ใช่ความมุ่งหวังจากตัวของซูเยียนเอง

แต่เนื่องมาจาก…ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของนาง! ตลอดหลายปีในการฝึกตนที่ผ่านมาของเขา เมิ่งฮ่าวได้ครอบครองความสามารถศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวทมามากมาย แต่ก็มีไม่มากนักที่วิชาหรือความสามารถเหล่านั้นจะทำให้เขามีความรู้สึกว่าเป็นวิชาที่ทรงพลังมากเป็นพิเศษ…อย่างไรก็ตามในช่วงที่เขาได้ต่อสู้กับหวังมู่และหวังเถิงเฟย พวกมันเคยใช้วิชาเวทของตระกูลหวังออกมา จนทำให้เขาต้องสะท้านใจ อันที่จริงเนื่องมาจากกลุ่มด้วงเหล่านี้ ทำให้เขามีความคิดที่จะได้ครอบครองวิชาเวทเหล่านั้นบ้าง แต่โชคร้ายที่ตระกูลหวังแห่งขุนเขาทะเลที่เก้าเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ และการที่จะได้ครอบครองเวทแห่งเต๋าของพวกมัน ก็คงเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างน่าเหลือเชื่อ

เมื่อครู่นี้ ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกใช้ออกมาโดยหญิงสาวในชุดสีชมพูนางนี้ ได้ทำให้เขาต้องสั่นสะท้านใจขึ้นมาด้วยเช่นกัน

“นั่นคือเวทแห่งเต๋าอะไรกัน? เพียงแค่เจ็ดก้าวก็ทำให้สุดยอดสะพานของข้าต้องพังทลายลงไปได้ ตามหลักแล้วมันต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับพื้นฐานฝึกตนของนางอย่างแน่นอน หรือว่าความเข้าใจในสุดยอดสะพานของข้ายังไม่สมบูรณ์ดีพอ ทำให้ข้าไม่อาจจะใช้มันออกมาได้อย่างเต็มกำลัง”

“อย่างไรก็ตาม นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเวทแห่งเต๋าเจ็ดก้าวของนาง มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร” เมิ่งฮ่าวตกอยู่ในห้วงภวังค์ไปชั่วครู่ ขณะที่ไล่ตามซูเยียนไป ในที่สุดเขาก็ยกมือขวาขึ้นมาขยับร่ายเวท และจากนั้นก็ชี้นิ้วตรงไปยังนาง

คลื่นพลังของนิ้วนั้นทำให้ชีพจรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบสามจุดของเขา ก่อตัวกันขึ้นเป็นมังกรปีกวารีอันน่าตกใจ ส่งเสียงแผดร้องคำรามและกระพือปีกของมันขณะที่พุ่งไล่ติดตามนางไป

สีหน้าของซูเยียนเปลี่ยนไป ขณะที่มองเห็นมังกรปีกวารีพุ่งลงมา นางกัดฟันแน่นขยับมือร่ายเวท จากนั้นก็เอามือวางลงไปบนหูทั้งสองข้าง และสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ใช้เวทแห่งเต๋าบางอย่างออกมา

ทำให้เกิดเป็นเสียงฟ้าร้องดังก้องออกไป ลมพายุพุ่งขึ้นมา และซูเยียนก็แทบจะกลายเป็นกระแสน้ำวนไป ทำการดูดซับพลังของฟ้าดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ต่อมา…ฉับพลันนั้นนางก็หันหน้าตรงไปยังเมิ่งฮ่าว อ้าปากขึ้นและแผดร้องคำรามออกมา!

เสียงร้องคำรามนั้นดังมากจนสามารถจะฉีกสวรรค์หั่นปฐพีให้กลายเป็นชิ้นๆ ได้!

เสียงนั้นได้กลบเสียงทั้งหมดในโลกแห่งนี้ไปโดยสิ้นเชิง ฉีกกระชากความว่างเปล่าทำให้เกิดเป็นลมพายุพุ่งขึ้นมา เมิ่งฮ่าวเริ่มสั่นสะท้านและด้วงดำของเขาก็เริ่มสั่นไปมา โลหิตไหลซึมออกมาจากหูทั้งสองข้าง และจิตใจก็เต้นรัวอย่างรุนแรง รู้สึกราวกับว่าศีรษะแทบจะระเบิดออกมา

เสียงแผดร้องคำรามนั้นแทบจะดูเหมือนว่าไม่ได้ดังออกมาจากปากของซูเยียน แต่ดังมาจากปากยักษ์ เต็มไปด้วยความดุร้ายอย่างเข้มข้น และเกิดเป็นความข่มขู่คุกคามที่ดูเหมือนจะต่อต้านกับขอบเขตของโชคชะตาใดๆ ได้ทั้งหมด

กรรรรรรร!

คลื่นเสียงได้กลายเป็นพลังโจมตีที่ระเบิดตรงมายังเมิ่งฮ่าว ทำให้ร่างกายของเขาต้องลอยขึ้นไปและถูกผลักไปทางด้านหลัง

ซูเยียนกระอักโลหิตออกมากองโต เห็นได้ชัดว่าการใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเสียงคำรามนี้ต้องจ่ายค่าตอบแทนอันยิ่งใหญ่ออกไป ใบหน้านางซีดขาวขณะที่พุ่งตรงไปด้วยความวิตกกังวล

“ข้าแค่ยืดเวลาไปได้สักระยะหนึ่งเท่านั้น” นางพึมพำกับตัวเอง ผลักดันให้มีความรวดเร็วเพิ่มมากขึ้น “ถ้าข้ามีความเร็วที่เพียงพอ ก็สามารถจะออกไปจากที่แห่งนี้ได้!”

ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ทำให้ตัวเองเสถียรมั่นคงขึ้นมาได้ กวาดเช็ดโลหิตที่ไหลซึมออกมาจากหูทั้งสองข้าง และมองไปยังซูเยียนที่กำลังหลบหนีจากไป ดวงตาเริ่มสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเข้มข้นมากกว่าเดิม

“เจ้าไม่มีทางหนีรอด ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าจะจับเจ้าให้จงได้!”

เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น ดวงตาสาดประกายด้วยความเย็นชา และจิตใจก็เต้นรัวด้วยความตื่นเต้น เท่าที่เขาคิดหญิงสาวชุดสีชมพูนางนี้ คือขุมทรัพย์ของความสามารถศักดิ์สิทธิ์และเวทแห่งเต๋า

คงเป็นเรื่องยากที่จะได้ครอบครองหนึ่งในความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลหวัง แต่เขาก็มีความพึงพอใจเช่นเดียวกัน ที่จะได้เวทบางอย่างมาจากหญิงสาวนางนี้

คลื่นเสียงนั้นได้ทำให้ด้วงดำทั้งห้าร้อยตัวต้องส่งเสียงแผดร้องออกมา ดวงตาพวกมันกลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความบ้าคลั่ง ขณะที่พุ่งบินตรงไป พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวระเบิดเป็นพลังออกมา แต่ซูเยียนก็เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว จนอยู่ห่างออกไปไกลมากแล้ว เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงอย่างเย็นชา และยกมือขวาขึ้นมา ภายในมือเป็นกระถางสายฟ้า ดวงตาแวบขึ้นด้วยประกายแปลกๆ ขณะที่ประจุไฟฟ้าเต้นไปมา และร่างเขาก็หายไป

ในเวลาเดียวกันนั้น ซูเยียนก็แทบจะสร้างเป็นความรวดเร็วที่เพียงพอจะปลดปล่อยเวทแห่งเต๋าอื่นออกมา ร่างกายนางกำลังเริ่มเลือนรางลงไป และระลอกคลื่นก็กระจายออกไปในความว่างเปล่า แทบจะราวกับว่ากำลังมีอุโมงค์ก่อตัวขึ้นมา เป็นอุโมงค์ที่นางกำลังจะทะลวงผ่านเข้าไป

แต่ในตอนนั้นเอง ประจุไฟฟ้านับไม่ถ้วนจู่ๆ ก็ได้ปรากฏขึ้นอยู่ทั่วร่างของนาง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้นางรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้น ทำให้สีหน้านางต้องสลดลงไป

ทันใดนั้นนางก็หายตัวไป และเมิ่งฮ่าวก็ได้มาปรากฏขึ้นแทนที่นาง แน่นอนว่าความรวดเร็วของคนทั้งสองแตกต่างกัน ดังนั้นในตอนที่เมิ่งฮ่าวปรากฎกายขึ้น อุโมงค์ที่อยู่ในความว่างเปล่านั้นก็ได้ปิดตัวลงไปแล้ว

ในเวลาเดียวกันนั้น ซูเยียนก็ไปปรากฏกายขึ้นใหม่ตรงจุดที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะอยู่มาก่อนหน้านี้…อยู่ตรงท่ามกลางกลุ่มด้วงทั้งห้าร้อยตัว!

ในทันทีที่ซูเยียนปรากฏกายขึ้น ด้วงดำทั้งห้าร้อยตัวก็แผดร้องออกมาและพุ่งตรงไปยังนางในทันที ความดุร้ายได้ระเบิดออกไปในทันใด ซูเยียนตื่นตระหนกจนไปถึงแก่นกาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อและตกตะลึงขึ้นในทันที

“กระถางนั่น…มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!?!? เจ้าแซ่หวังใช่หรือไม่?”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบประกายขึ้นจนแทบจะมองไม่เห็น แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา กลับทำให้พื้นฐานฝึกตนโคจรหมุนวนอย่างรวดเร็ว แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น รวมเข้ากับพลังของสามสิบสามสวรรค์ พุ่งตรงไปยังซูเยียน

ด้วงดำห้าร้อยตัวโจมตีไปอย่างเต็มกำลังโดยพร้อมเพรียงกัน ซูเยียนที่ตื่นตระหนกรีบขยับมือร่ายเวทและตวัดมือขึ้น ทำให้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกไป อย่างไรก็ตาม ดวงตาปีศาจที่อยู่บนหลังของด้วงดำเหล่านี้เริ่มเรืองแสงขึ้นมา และสามารถจะต่อต้านการโจมตีของนางได้อย่างง่ายดาย และยังได้เริ่มมีความดุร้ายมากขึ้นอีกด้วย

ขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ทำให้จิตใจของซูเยียนต้องหมุนคว้าง นางรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง แต่สีหน้าก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่ยกมือขวาขึ้นมา ทันใดนั้นแสงก็เริ่มสาดประกายออกมาจากลายมือบนฝ่ามือของนาง ทำให้เกิดเป็นลายมือสามเส้นปรากฏขึ้นในอากาศรอบๆ ตัวนาง ปกคลุมไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง

แต่ก่อนที่ลายมือนั้นจะก่อตัวได้เสร็จสิ้น ด้วงดำที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็ฉวยโอกาสโจมตีไปในทันที ซูเยียนถอยไปทางด้านหลัง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก

ในตอนนี้เอง ตรงจุดที่ห่างไกลออกไปทางด้านหลังของซูเยียน มองเห็นสองลำแสงกำลังพุ่งฝ่าเศษซากเซียนมา เห็นได้ชัดว่ารับรู้ได้ถึงระลอกคลื่นเวทนี้ ทำให้พวกมันมุ่งหน้าตรงมายังซูเยียนและเมิ่งฮ่าว

ก่อนที่ลำแสงนั้นจะเข้ามาใกล้จนสามารถจะมองเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้ ก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากพวกมัน

“จู๋จื่อ (เจ้านาย) ของข้าคือเมิ่งฮ่าว! เจ้าได้ยินหรือไม่? เมิ่งฮ่าว! ผู้นำของเศษซากเซียนแห่งนี้ เป็นราชันแห่งจิ่วต้าซานไห่! (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่) ข้าก็แค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้น เจ้า เจ้า เจ้า…คิดไม่ถึงว่าคนที่น่ารักเช่นเจ้า จะพยายามไล่ล่าสังหารพวกข้า! เจ้าไม่อาจจะตำหนิข้า! ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าทำไปก็เพื่อจู๋จื่อเท่านั้น! ทำไมเจ้าถึงไม่ไปหามัน? ไอ้หยา! เจ้าบังอาจมาโจมตีพวกเราได้อย่างไรกัน! บัดซบ! อู่เหยียเริ่มมีโทสะแล้ว! คอยดูไปเถอะ! จู๋จื่อของข้าต้องไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน!”

 

หมายเหตุ :

  1. 1. ความสามารถที่ซูเยียนใช้ออกมา คล้ายกับหนึ่งในความสามารถหลักของซูหมิง ซึ่งเป็นตัวเอกในเรื่อง 求魔 (ฉิวโม๋ – แปลตรงตัวว่า ค้นหาเวทมนต์) ของเอ่อร์เกิน เป็นไปได้ว่าซูเยียนอาจจะเป็นลูกหลานของซูหมิง เช่นเดียวกับตระกูลหวังที่อาจจะเกี่ยวข้องกับหวังหลินในเรื่อง 仙逆 (เซียนหนี่ – แปลตรงตัวว่า ความผกผันของเซียน) ของเอ่อร์เกินด้วยเช่นกัน
  2. 2. ซูเยียนได้พูดถึงกระถางและถามเมิ่งฮ่าวว่าแซ่หวังหรือไม่ เนื่องจากหวังหลินจากเรื่อง 仙逆 (เซียนหนี่) ได้ใช้กระถางที่มีความสามารถเดียวกันนี้เช่นกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!