Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1160

ตอนที่ 1160

ตระกูลฟางมาถึง

ในชั่วพริบตาคนทั้งสองก็ปะทะกันมากกว่าหนึ่งร้อยครั้ง ยิ่งเทียนอวิ๋นซ่างเหรินต่อสู้มากเท่าใด มันก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้น มันพบว่าตนเองสูญเสียความได้เปรียบไป และไม่มีทางจะต่อสู้กลับไปได้ ที่ยิ่งน่าประหลาดใจมากไปกว่านั้นก็คือว่า มันกำลังถูกเมิ่งฮ่าวบังคับให้ต้องล่าถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง

เมิ่งฮ่าวแสดงรูปแบบการสะกดข่มออกมาอย่างเต็มที่ ขณะที่เขาพุ่งโจมตีไปอย่างไม่ลดละ ครั้งนี้เขาโบกสะบัดมือ ทำให้ขุนเขาที่เก้าเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา และบดขยี้ลงไปยังเทียนอวิ๋นซ่างเหริน

คนทั้งหมดมองไปด้วยความประหลาดใจ

“ทำไมเมิ่งฮ่าวถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้!?!?” เทียนอวิ๋นซ่างเหรินถอยไปทางด้านหลังด้วยความประหลาดใจ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความเย็นชา ขณะที่เตรียมตัวจะระเบิดความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกไป แต่ในตอนนี้เองที่จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็หยุดชะงักนิ่ง และจากนั้นก็ต่อยหมัดออกไป จ้องมองไปยังเทียนอวิ๋นด้วยสายตาที่เย็นชาอยู่ตลอดเวลา

เมื่อสายตาของคนทั้งสองสบประสานกัน จิตใจเทียนอวิ๋นซ่างเหรินก็หนาวเหน็บขึ้น พยายามจะหลบหนีไปทางด้านหลัง แต่ก็สายเกินไปแล้ว

“ทำลาย!” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ

ทันใดนั้นสีสันก็แวบขึ้น และสายลมก็กรีดร้องระงม สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน เมื่อพลังทำลายล้างอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ของหมัดเมิ่งฮ่าวซึ่งเขาสะกดไว้จนกระทั่งถึงตอนนี้ถูกปลดปล่อยออกไป

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องเข้าไปในอากาศ ขณะที่เมิ่งฮ่าวแวบพุ่งไปคล้ายกับเป็นสายฟ้า เมื่อไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าเทียนอวิ๋นซ่างเหริน เขาก็ใช้หมัดกลายเป็นปีศาจออกมาเป็นครั้งแรกในการต่อสู้นี้

นี่คือหมัดกลายเป็นปีศาจ เผาไหม้ตนเอง!

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของเทียนอวิ๋นซ่างเหริน ร่างมันลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง แต่ขณะที่ร่างมันลอยออกไป เมิ่งฮ่าวก็ไล่ติดตามไปในทันที แต่ไม่นานต่อมาเขาก็ต้องหยุดชะงักนิ่งและหลบเลี่ยงไปทางด้านหลังด้วยความรวดเร็วสูงสุด

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ความว่างเปล่าตรงตำแหน่งที่เมิ่งฮ่าวอยู่เมื่อครู่นี้ก็ระเบิดเป็นพลังทำลายล้างขนาดใหญ่ออกไป ถ้าเขาไม่พุ่งถอยไปทางด้านหลังคงจะได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรง

เมื่อเห็นว่าเมิ่งฮ่าวหลบเลี่ยงแรงระเบิดสังหารของมันไปได้ ก็ทำให้คิ้วของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินต้องขมวดมุ่นในทันที

“เมิ่งฮ่าว เจ้าคู่ควรที่จะได้เห็นขั้นที่ทรงพลังมากที่สุดของข้า!” มันกล่าวจากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นมา และฟาดลงไปบนหน้าผากของตัวเอง ทำให้เกิดเป็นเสียงดังก้องออกมา ขณะที่สัญลักษณ์เวทสองชิ้นปรากฏขึ้น

อย่างน่าตกใจยิ่ง ตอนนี้มันอยู่ในขั้นที่ถูกผนึกไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้ในการถ่วงเวลาเพื่อก้าวเข้าไปในอาณาจักรเต๋า และความจริงแล้วก็ทำให้มันสามารถจะก้าวเข้าไปในอาณาจักรเต๋าได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ

ผนึกชิ้นแรกจางหายไปอย่างรวดเร็ว และพลังของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินก็ระเบิดขึ้นไปในทันที ข้ามผ่านวงจรอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโบราณไปด้วยระดับที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง

มันไร้ทางเลือกนอกจากต้องยอมรับว่าเมิ่งฮ่าวแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง บางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าตัวมันเองด้วยซ้ำไป มันจึงต้องทุ่มออกมาจนสุดกำลัง แม้แต่การคลายผนึกและยกเลิกแรงกดดันที่สะกดข่มพื้นฐานฝึกตนของตัวเองไว้ก็ต้องทำ

“ดี! ตอนนี้การเตรียมพร้อมร่างกายได้เสร็จสิ้นแล้ว ข้าคิดว่าถ้าจะสังหารเจ้าไป ก็ไม่น่าจะยากนัก” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับแค่นเสียงเย็นชา ยกมือขวาขึ้นมาชี้ตรงไปยังเทียนอวิ๋นซ่างเหริน ปลดปล่อยเวทผนึกอสูรรุ่นแปดออกมา

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ขณะที่เทียนอวิ๋นซ่างเหรินหยุดชะงักนิ่งไปในทันที ดวงตามันเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเมิ่งฮ่าวชี้นิ้วมาเป็นครั้งที่สอง, สาม และแม้แต่ครั้งที่สี่

เวทผนึกอสูรรุ่นเจ็ด, เวทผนึกกรรม ทันใดนั้นก็ทำให้เส้นใยกรรมปรากฏขึ้นบนร่างของเทียนอวิ๋นซ่างเหริน พวกมันบิดเบี้ยวไปมาอันเนื่องมาจากการผนึกตัวเองของมัน และตอนนี้ภายในร่างมันก็ได้ยินเสียงกระหึ่มดังขึ้น เกิดเป็นความเจ็บปวดกระจายไปทั่วร่าง และมันก็รู้สึกราวกับว่าจู่ๆ ต้องสูญเสียความเข้าใจในโลกไป แม้แต่ความทรงจำของมันก็เริ่มปั่นป่วนวุ่นวาย พื้นฐานฝึกตนเริ่มลดต่ำลงไปจนเกินกว่าจะควบคุมได้ และเห็นได้ชัดว่าเส้นใยกรรมของมันสามารถจะถูกตัดขาดออกไปได้ทุกเมื่อ

เวทผนึกอสูรรุ่นหก, เวทเป็นตาย ทำให้สัญลักษณ์เวทปรากฏขึ้นอยู่เต็มร่างมัน น่าเสียดายที่เมิ่งฮ่าวยังไม่อาจจะเปลี่ยนให้เทียนอวิ๋นซ่างเหรินกลายเป็นหุ่นเชิดได้สำเร็จ แต่ผลลัพธ์ของความล้มเหลวนั้นก็ทำให้เทียนอวิ๋นซ่างเหรินต้องกระอักโลหิตออกมากองโต กรรมของมันพังทลายลงไป และพื้นฐานฝึกตนก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย

ต่อมาเป็นเวทผนึกอสูรรุ่นห้า, การเปลี่ยนย้ายของด้านในและด้านนอก รอยแตกปรากฏขึ้น ทั้งดูดซับเข้าไปและปะทุออกมา ทำให้เกิดเป็นใบมีดอันคมกริบกรีดเฉือนไปยังเทียนอวิ๋นซ่างเหริน จนเกิดเป็นเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวดังก้องขึ้นมา ขณะที่ร่างมันถูกเฉือนออกไปครึ่งตัว!

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วจนน่าตกใจ การชี้นิ้วออกไปสี่ครั้งทำให้เทียนอวิ๋นซ่างเหรินซึ่งอยู่ในท่ามกลางพลังที่พุ่งขึ้นไป ถูกเมิ่งฮ่าวกำจัดไปอย่างง่ายดาย!

นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเมิ่งฮ่าว สำหรับเขาแล้ววงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณ ไม่คู่ควรให้เหลือบแลแม้แต่น้อย!

อย่างไรก็ตามเทียนอวิ๋นซ่างเหรินยังไม่ได้ตกตายไปอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่ามันจะถูกตัดออกไปครึ่งตัว ก็ยังสามารถจะรวบรวมร่างทั้งสองท่อนนั้นกลับมาอยู่ด้วยกันได้ แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่ปล่อยให้มันมีโอกาสที่จะทำเช่นนั้น เขาโบกสะบัดมือขวาออกไป ทำให้หอกที่มีส่วนปลายเป็นกระดูกปรากฏขึ้น เกิดเป็นเสียงหวีดหวิวแหวกฝ่าอากาศขึ้น ขณะที่หอกเล่มนั้นพุ่งตรงไปยังเทียนอวิ๋นซ่างเหรินในทันที

เสียงระเบิดดังก้องออกไปขณะที่ร่างของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินระเบิดขึ้น วิญญาณแรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของมันลอยออกมาจากเศษชิ้นส่วนของร่างกาย มุ่งหน้าตรงไปยังหนึ่งในผู้ฝึกตนชุดม่วงแดง แทงเข้าไปในหน้าผากของมัน ทำให้ต้องแผดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา หน้าตามันบิดเบี้ยวไปมาอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็สงบนิ่งลง หลังจากนั้นก็มองขึ้นไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยโทสะ

“เมิ่งฮ่าว!!” ผู้ฝึกตนผู้นั้นซึ่งในตอนนี้กลายเป็นเทียนอวิ๋นซ่างเหรินไปแล้วบินขึ้นไปในอากาศ แผดร้องออกมาด้วยโทสะ การที่ถูกกำจัดไปเมื่อครู่นี้คือความอัปยศอย่างสูงสุดของมัน แล้วมันจะคาดคิดได้อย่างไรว่าจะถูกสังหารไปด้วยความรวดเร็วเช่นนี้?

อันที่จริงมันถูกบังคับให้ต้องใช้ไพ่ไม้ตายที่ไม่มีใครรู้จักออกมา ซึ่งก็คือเวทช่วยชีวิตแห่งการครอบครองในฉับพลัน!

นี่คือเวทแห่งเต๋าที่ใช้ในการครอบครองร่างกาย ซึ่งยากจะพบเห็น ช่วยให้มันสามารถจะครอบครองร่างกายของคนอื่นๆ ได้อย่างทันที น่าเสียดายที่วิชาเวทนี้ไม่สมบูรณ์ ทำให้ยากที่จะใช้ออกมา

อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ มันก็ไร้ทางเลือกใดๆ อีก

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่มองไปยังเทียนอวิ๋นซ่างเหริน จากนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย และเริ่มเดินตรงไปด้วยท่าทางสะกดข่มอีกครั้ง

เทียนอวิ๋นซ่างเหรินเต็มไปด้วยความเดือดดาล กัดฟันแน่น ยกมือฟาดลงไปบนหน้าผากมันอีกครั้ง กวาดเอาเครื่องหมายผนึกชิ้นที่สองออกไป

ในทันใดนั้นเอง…พลังอันน่าเหลือเชื่อก็ระเบิดออกมาจากร่างของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินในทันที ฉับพลันนั้นตะเกียงวิญญาณทั้งหมดของมันก็ปรากฏขึ้น!

ตะเกียงเหล่านั้นถูกดับลงไปแล้วทั้งหมดอย่างน่าตกใจยิ่ง และขณะที่หมุนวนอยู่รอบๆ ตัวมัน ก็เห็นได้ชัดว่า…ตะเกียงวิญญาณแต่ละดวงเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาจากมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่ดูคล้ายกับเทียนอวิ๋นซ่างเหรินเป็นอย่างยิ่ง!

ที่ยิ่งน่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือว่า มนุษย์ตัวเล็กๆ เหล่านั้นต่างก็ถือเครื่องหมายผนึกไว้ที่มือซ้าย ราวกับว่าสัญลักษณ์เหล่านั้นประกอบไปด้วยเวทแห่งเต๋าที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งกำลังถูกกินเข้าไปโดยเงาร่างเล็กๆ เหล่านั้น นอกจากนี้แต่ละเงาร่างต่างก็มีของวิเศษลอยอยู่เหนือมือขวาด้วยเช่นกัน!

มีของวิเศษที่แตกต่างกันมากกว่าสิบชิ้น รวมทั้งกระบี่บิน, เกราะป้องกัน, ไข่มุกและเจดีย์ขนาดเล็ก จากความรู้สึกที่พวกมันกระจายออกมา สิ่งของเหล่านั้นทั้งหมดต่างก็เป็นของวิเศษเซียนระดับสูง ถ้านั่นคือสิ่งที่มีอยู่ทั้งหมดก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่ในตอนนี้เทียนอวิ๋นซ่างเหรินถูกบังคับให้จนมุม มันจึงตบไปที่ถุงสมบัติเพื่อหยิบเอาหมวกสีม่วงออกมา

หมวกใบนั้นดูเหมือนกับเป็นหมวกของนักรบมนุษย์ธรรมดาทั่วไป อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามันจะเก่าแก่โบราณอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับว่ามันได้ผ่านกาลเวลามานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน ในทันทีที่หมวกนั้นปรากฏขึ้นอยู่ในมือของเทียนอวิ๋นซ่างเหริน ก็ถูกสวมเข้าไปบนศีรษะของมัน

แทบจะในทันใดนั้น พลังของมันก็พุ่งทะยานขึ้นไปจนถึงระดับที่น่าตกใจ และสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของมันก็ก้าวหน้าขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

อย่างน่าตกใจยิ่ง หมวกใบนี้คือ…ของวิเศษอาณาจักรโบราณ!

“เมิ่งฮ่าว! นี่คือขั้นที่ทรงพลังมากที่สุดของข้า นี่คือ…วงจรอันยิ่งใหญ่ที่แท้จริงของอาณาจักรโบราณ ถ้าเจ้าสามารถเอาชนะข้าในขั้นนี้ได้ ข้าก็จะเรียกประตูอาณาจักรเต๋าออกมาในทันที!”

“ถ้าข้าก้าวเข้าไปในอาณาจักรเต๋าได้สำเร็จ ข้าก็จะกำจัดเจ้าไปในทันที…แต่ถ้าล้มเหลว…ข้าก็จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋าอันยิ่งใหญ่ เมื่อถึงเวลานั้นพลังชีวิตของข้าก็จะเริ่มกระจัดกระจายไป และอายุขัยอันยาวนานของข้าก็จะลดน้อยลง แต่การสังหารเจ้าไปในขั้นนั้น…ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง!”

“เจ้าต้องคิดให้ดีว่าต้องการจะสู้ต่อหรือว่ายอมจำนน!”

จิตใจของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินเต็มไปด้วยความเสียใจ มันสามารถจะบอกได้ว่าเมิ่งฮ่าวเป็นผู้ที่ไม่ธรรมดาและน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง และตอนนี้มันก็ไม่มั่นใจในความคิดเห็นเกี่ยวกับตระกูลฟางของตนเองแล้ว

คำพูดที่มันเพิ่งจะเอ่ยออกมานี้ ถูกพูดขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ เดิมทีมันคิดว่าจะยื่นคำขาดกับคนในรุ่นเดียวกันด้วยคำพูดเหล่านั้น

แต่ตอนนี้ มันจำเป็นต้องพูดกับเมิ่งฮ่าวอย่างไร้ทางเลือก เพื่อที่จะกล่าวเตือนเขาไม่ให้แสดงท่าทีที่ก้าวร้าวต่อไป…

ในตอนนี้เองที่สีหน้าของเมิ่งฮ่าวได้เปลี่ยนไปในทันที และมองไปยังทิศทางของดวงดาวซึ่งเป็นที่ตั้งประตูเคลื่อนย้ายทางไกลของตระกูลฟาง เทียนอวิ๋นซ่างเหรินก็รับรู้ได้เช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว และมองไปเห็นเงาร่างๆ หนึ่งปรากฏขึ้น ในที่สุดมันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา

มันไม่อยากจะยอมรับว่าตนเองเกิดความรู้สึกเช่นนี้ แต่ก็ไร้ทางเลือก มันยอมที่จะต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าแห่งตระกูลฟาง ดีกว่าที่ต้องมาเผชิญหน้ากับเมิ่งฮ่าว การโจมตีมาจากนิ้วทั้งสี่ครั้งของเมิ่งฮ่าวเมื่อครู่นี้ ทำให้ความรู้สึกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างสูงสุด

ถึงแม้ว่ามันจะยังคงมีความเชื่อมั่น แต่ก็ไม่อาจจะขจัดความหวาดกลัวนั้นออกไปจากจิตใจได้ นอกจากนี้ยังเป็นการสูญเสียอันยิ่งใหญ่สำหรับมัน ที่จะถูกบังคับให้ต้องทำการทะลวงผ่านในตอนนี้

ถึงแม้ว่าจะยังคงมีโทสะอยู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าเทียนอวิ๋นซ่างเหรินจะบังคับให้ตนเองต้องใจเย็นลง มันรีบประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเงาร่างที่กำลังโผล่ออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกลในทันที

ฟางโส่วเต้าก้าวเนิบนาบออกมาจากแสงระยิบระยับ ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม

เทียนอวิ๋นซ่างเหรินสีหน้าเปลี่ยนไป และทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมา กล่าวเป็นเสียงดังก้องออกไป “เทียนอวิ๋นแห่งตลาดเมฆาสวรรค์ขอน้อมพบผู้อาวุโสโส่วเต้า!”

“ข้าไม่เพียงแต่จะไม่เคยไปหาเรื่องตระกูลฟางมาก่อนเท่านั้น ยังได้ส่งเครื่องบรรณาการเป็นประจำทุกปีอย่างไม่เคยขาดอีกด้วย กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว ข้าช่วยอำนวยความสะดวกให้กับตระกูลของท่านโดยไม่ลังเล ข้าเคารพต่อตระกูลฟางอย่างแท้จริง!”

“ถึงแม้ว่าตระกูลและกองกำลังอื่นๆ พยายามจะรับข้าเข้าสังกัด แต่ข้าก็ไม่เคยเข้าร่วมกับพวกมัน ข้ามักจะเคารพต่อสำนักและกองกำลังอื่นๆ ทั้งหมด และยิ่งมีความเคารพมากขึ้นเมื่อเป็นตระกูลฟาง”

“แต่สิ่งที่ข้าได้รับกลับมาทั้งหมดนั้นคืออะไรกัน? ศิษย์น้องของข้าต้องถูกสังหารไปอย่างโหดร้าย และศิษย์คนอื่นๆ ของข้าก็ถูกกำจัดไปอย่างรุนแรง ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะว่ามีใครบางคนไม่สนใจกฎของตลาด กฎที่มีข้อห้ามอย่างชัดเจนว่าห้ามลักขโมยและปล้นชิง!”

“ความอัปยศเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร!? ผู้อาวุโสโส่วเต้า เป็นไปได้หรือไม่ว่าตระกูลฟาง…ต้องการจะทำลายตลาดเมฆาสวรรค์ไปจริงๆ?

นอกจากนั้นเมื่อครู่นี้ เป็นนายน้อยของพวกท่านกล่าวว่าต้องการจะให้ตลาดเมฆาสวรรค์เปลี่ยนชื่อเป็นตลาดตระกูลฟางอีกด้วย!”

“ข้าไม่อาจจะทำอะไรได้เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับความก้าวร้าวเช่นนั้น เพราะว่ามันไม่มีอะไรนอกจากเป็นผู้เยาว์ และเป็นนายน้อยของตระกูลฟาง ดังนั้นเมื่อมันโจมตีข้า และเมื่อข้าคิดไปถึงพื้นฐานฝึกตนและศักดิ์ฐานะของตัวเอง ก็จำเป็นต้องอดทนไปสักระยะ ข้าไม่ต้องการจะทำร้ายมัน ดังนั้นจึงไม่ได้ใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ใช้เพียงแค่ของวิเศษเท่านั้น”

“อย่างไรก็ตาม นายน้อยของท่านก็เอาแต่ใจตัวเองและคุกคามคนเป็นอย่างยิ่ง มันลอบโจมตีจนทำให้ข้าต้องตกอยู่ในมุมอับ จนกระทั่งข้าไม่อาจจะถอยไปได้อีกแล้ว ข้ามีโอกาสที่จะตอบโต้ด้วยการโจมตีอันน่ากลัวไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่ทำ ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะว่าข้าต้องการจะหลีกเลี่ยงการเป็นศัตรูกับตระกูลฟาง!”

“แต่คนทั้งหมดต่างก็มีขีดจำกัดของตนเอง และในที่สุด ข้าก็ล่าถอยไปจนถึงขีดจำกัดนั้น!”

“ผู้อาวุโสโส่วเต้า ข้าถูกบังคับจนถึงจุดที่ไร้ทางเลือกนอกจากต้องทะลวงผ่านเท่านั้น ถ้าสำเร็จข้าก็จะอยู่ในอาณาจักรเต๋า ถ้าล้มเหลวก็จะอยู่ในอาณาจักรเสมือนเต๋า ดังนั้น ข้าจึงอยากรู้ว่าข้าไปมีปัญหาอะไรกับตระกูลฟาง? ทำไมท่านถึงต้องการ…กำจัดข้า!?!?”

“ตลาดเมฆาสวรรค์อาจจะมีขนาดเล็ก แต่ก็คงอยู่มาด้วยความซื่อสัตย์! ผู้อาวุโส ได้โปรดให้ความเป็นธรรมด้วย!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!