ตอนที่ 1183

เผชิญทัณฑ์ในสถานที่ลึกลับ

เมิ่งฮ่าวรักษาความนิ่งเงียบไว้ ขณะที่พุ่งตรงไปยังต้าถัง ในที่สุดลำแสงทั้งสี่ก็ไปอยู่ที่ด้านนอกของราชวังต้องห้าม ในห้องโถงหลักที่เบื้องหน้า มองไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว นอกจากจักรพรรดิถังที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร

ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ พร้อมกับแรงกดดันที่กดทับลงมาจากทั่วทุกทิศทาง โคมไฟในบริเวณนั้นมืดสลัวลงไป ทำให้จักรพรรดิถังตกอยู่ในเงามืด จนยากที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน มีเพียงแค่ดวงตาอันเจิดจ้าทั้งสองข้างเท่านั้นที่มองเห็นได้

ฟางโส่วเต้าและฟางเหยียนซวีเดินตรงไป ถึงแม้ว่าคนทั้งสองจะมีพื้นฐานฝึกตนที่สูงส่ง แต่ก็ยังคงประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับจักรพรรดิถัง

ฟางซิ่วเฟิงก็กระทำเช่นเดียวกัน

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายคล้ายสายฟ้า และใบหน้าก็เคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด ขณะที่โค้งตัวลงเช่นกัน เขารู้ว่าถึงแม้ท่านปรมาจารย์และบิดากำลังโค้งตัวลงให้กับจักรพรรดิถัง แต่สิ่งที่พวกท่านกำลังแสดงความเคารพอยู่ก็คือ…ความเสียสละของตระกูลหลี่ทุกชั้นฟ้า ที่มีต่ออาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งหมด

ตระกูลเช่นนั้นคู่ควรให้คนทั้งหมดเคารพนับถือ แม้แต่ตระกูลทุกชั้นฟ้าอื่นๆ ก็ตาม พวกมันแสดงออกถึงความกล้าหาญในวันที่โลกแห่งเซียนประสบกับหายนะ เมื่อสงครามเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น และหลังจากนั้นด้วยเช่นกัน เมื่อสิ่งต่างๆ ไร้เสถียรภาพมั่นคง สุดท้ายความเสียสละของคนในตระกูลพวกมันทั้งหมด…กลายเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความกล้าหาญอย่างยิ่งใหญ่

ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ ไม่มีใครพูดจาออกมา หลังจากที่ผ่านไปนาน ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจดังออกมาจากภายในห้องโถงหลัก เป็นเสียงถอนหายใจอย่างยาวนานเต็มไปด้วยความเก่าแก่โบราณ เมื่อเสียงนี้ดังขึ้นมา ทั่วทั้งห้องโถงก็เกิดเป็นแสงสว่างขึ้น และจักรพรรดิต้าถังก็ลุกขึ้นมาจากบัลลังก์มังกร

เดินออกมาจากห้องโถงอย่างช้าๆ เป็นบุรุษวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดลายมังกร ดูน่าประทับใจและทรงพลังขณะที่ยืนอยู่ที่นั่น ราวกับว่าดาวหนานเทียนทั้งหมดนี้จะต้องตกอยู่ในเงามืดเนื่องจากการปรากฏตัวขึ้นมาของท่าน ราวกับว่าท่านคือราชันแห่งดาวหนานเทียน!

อันที่จริงด้วยศักดิ์ฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดของตระกูลหลี่ทุกชั้นฟ้า จึงสามารถจะเรียกท่านว่า…ราชันแห่งดาวหนานเทียนได้อย่างแท้จริง

ถึงแม้ว่าพื้นฐานฝึกตนของท่านจะไม่อยู่ในจุดสูงสุด แต่ก็เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นบนดาวหนานเทียนแห่งนี้ ที่สามารถจะเรียกพลังจากสายโลหิตของท่านออกมาได้ ซึ่งเป็นเจตจำนงแห่งบรรพบุรุษเพื่อควบคุมค่ายกลเวท ที่ก่อตัวขึ้นมาจากความเสียสละทั้งหมดของคนในตระกูลหลี่ทุกชั้นฟ้า

ด้วยค่ายกลเวทเช่นนั้น ทำให้ท่านสามารถจะกำจัดผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ!

“พี่ซิ่วเฟิง หลีโหม่วตระหนักดีถึงเจตนาในการมาของท่าน…”

“มันเป็นเรื่องสำคัญ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลีโหม่วไม่แน่ใจว่า…มันจะได้ผลหรือไม่?”

“หวังว่ามันจะได้ผล แต่ถ้าล้มเหลว ถึงแม้ว่าท่านจะก้าวเข้าไปในอาณาจักรเต๋าได้ ท่านก็จะถูกค่ายกลเวทกำจัดไปในทันที แม้แต่ข้าก็ยังไม่อาจจะป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้ท่านก้าวเข้าไปในเต๋าได้ยากลำบากมากขึ้นเป็นหลายเท่า ท่าน…มั่นใจว่าจะลองดูจริงๆ?” เสียงของจักรพรรดิถังดังก้องออกมา เต็มไปด้วยแรงกดดันอันไร้ขอบเขต ทำให้กลุ่มเมฆที่ด้านบนพลุ่งพล่านปั่นป่วน พื้นดินสั่นสะเทือน

คำพูดเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง จักรพรรดิถังสามารถควบคุมค่ายกลเวทได้ แต่ก็ทำให้มันโจมตีไปเท่านั้น ไม่อาจจะป้องกันไม่ให้มันทำหน้าที่หลักได้

ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ท่านอาจจะสามารถถ่วงเวลาได้ชั่วขณะ เพื่อปล่อยให้ฟางซิ่วเฟิงหลบหนีออกไปจากดาวหนานเทียน หลังจากที่ก้าวเข้าไปในเต๋าได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ฟางซิ่วเฟิง…ก็ไม่อาจจะออกไปจากดาวหนานเทียนได้ เรื่องราวน่าจะง่ายกว่านี้ถ้าท่านจบลงด้วยการอยู่ในอาณาจักรเสมือนเต๋า แต่ถ้าท่านก้าวเข้าไปในอาณาจักรเต๋าได้อย่างแท้จริง ก็จะต้องเผชิญหน้ากับความตายอย่างแน่นอน

เมื่อเมิ่งฮ่าวได้ยินเช่นนี้ จิตใจก็สั่นสะท้าน มองไปยังฟางซิ่วเฟิง, ฟางโส่วเต้าและฟางเหยียนซวี ซึ่งกำลังรอคอยที่จะได้ยินคำตอบจากบิดาของเขา ไม่ว่าจะตอบอย่างไร พวกท่านก็จะช่วยสนับสนุน

อันที่จริงไม่ว่าฟางซิ่วเฟิงจะอยู่ในอาณาจักรเต๋าหรือไม่ ท่านก็ยังคงถูกถือว่าเป็นผู้นำของตระกูลฟาง อย่างไรก็ตาม…ถึงแม้ว่าจะไม่มีปัญหาในช่วงเวลาสั้นๆ แต่จากจุดยืนของตระกูล ก็คงไม่เหมาะสมนักเมื่อเมิ่งฮ่าวออกไปจากขุนเขาทะเลที่เก้า และในที่สุดคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะมีสมาชิกในตระกูลบางคนจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอ้าง

ดังนั้นฟางโส่วเต้าและฟางเหยียนซวี ต่างก็เห็นพ้องตรงกันว่า พวกท่านจะไม่รีรอใดๆ จะพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อช่วยให้ฟางซิ่วเฟิงก้าวเข้าไปในเต๋า…ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านก็จะกลายเป็นผู้นำตระกูลที่แท้จริง ไม่มีใครสามารถจะมาโยกโคลนหรือสั่นคลอนได้

สำหรับเรื่องที่ฟางซิ่วเฟิงจะทำอย่างไร ก็เป็นการตัดสินใจของท่าน ไม่มีใครแม้แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่อาจจะชี้นำท่านได้

ฟางซิ่วเฟิงเงียบไปชั่วขณะ ไม่ได้ขบคิดนานมากนัก ส่งเสียงหัวเราะอย่างไร้กังวลและกล่าวว่า “เมื่อฟางโหม่วมาอยู่ที่นี่แล้ว จะถอยกลับไปได้อย่างไร? พี่หลี่ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือจากท่าน”

สีหน้าฟางซิ่วเฟิงสงบนิ่ง ดวงตาสาดประกายด้วยความมุ่งมั่น และจิตใจก็แน่วแน่โดยสิ้นเชิง เดิมทีท่านก็ไม่ยินดีที่จะเป็นคนธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว มักจะมีความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ เหตุผลเดียวที่ท่านสะกดข่มนิสัยเหล่านี้ไว้ ยินยอมที่จะมาเฝ้าพิทักษ์ดาวหนานเทียนก็เพื่อเมิ่งฮ่าวเท่านั้น

ตอนนี้เมื่อเมิ่งฮ่าวเป็นอิสระจากคำสาปแช่งได้ในที่สุด ความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ของฟางซิ่วเฟิงก็พุ่งทะยานขึ้นมาอีกครั้ง!

“เตีย…” เมิ่งฮ่าวพึมพำขึ้นด้วยความวิตกกังวล

“ฮ่าวเอ๋อร์ เว่ยฟู่ก็เป็นผู้ฝึกตนด้วยเช่นกัน!” ฟางซิ่วเฟิงกล่าว มองกลับไปที่เขาด้วยสายตาที่อ่อนโยน และกล่าวขึ้นมาอย่างเงียบๆ แต่ประโยคที่เรียบง่ายนี้ก็เผยให้เห็นถึงความปรารถนาอย่างลึกล้ำของท่าน เป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เผยให้เห็นถึงความแน่วแน่ในการฝึกตนของท่าน

ขณะที่คำพูดของฟางซิ่วเฟิงดังก้องออกไป ฟางโส่วเต้าและฟางเหยียนซวี ต่างก็มองมาด้วยแววตาที่สาดประกายขึ้น และพยักหน้าให้เล็กน้อย

“เมื่อพี่ซิ่วเฟิงยืนกรานเช่นนี้ หลีโหม่วเข้าใจแล้ว” จักรพรรดิถังกล่าว มองไปยังฟางซิ่วเฟิงด้วยสายตาที่ลึกล้ำ จากนั้นก็หมุนตัวโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้สีสันแวบขึ้นไปและทุกสรรพสิ่งก็สั่นสะเทือน ดินแดนแห่งดาวหนานเทียนทั้งหมดสั่นสะท้าน และดูเหมือนว่าดาวทั้งดวงกำลังสั่นไหวไปมา

แรงสั่นสะเทือนนั้นยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้นในราชวังต้องห้ามแห่งนี้ ไม่นานต่อมาห้องโถงหลักก็หายไป ถูกแทนที่ด้วยกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ซึ่งมีสีโลหิต!

สีนั้นมาจากโลหิตของตระกูลหลี่ทุกชั้นฟ้า ซึ่งรวมตัวเข้าด้วยกันในช่วงของการเสียสละของพวกมัน ขณะที่กระแสน้ำวนหมุนคว้างไปมา ก็ดูเหมือนว่าดาวหนานเทียนทั้งดวงจะเริ่มหยุดชะงักนิ่ง

เมื่อแรงกดดันอันเข้มข้นอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้กดทับลงมา ปกคลุมไปทั่วทั้งดวงดาว จักรพรรดิถังยืนอยู่ที่ด้านข้างฟางซิ่วเฟิง มองไปยังท่าน

“ข้างในนั้นคืออาณาจักรลับของตระกูลหลี่ เป็นจุดเริ่มต้นของสายโลหิตพวกข้า พี่ซิ่วเฟิง, ผู้อาวุโสโส่วเต้า, ผู้อาวุโสเหยียนซวี และ…ฮ่าวเอ๋อร์ พวกท่านเข้าไปได้แล้ว ข้าจะอยู่ที่ด้านนอกเพื่อคอยคุ้มกันให้เอง!”

ฟางซิ่วเฟิงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ มองไปยังกระแสน้ำวนสีโลหิต ดวงตาสาดประกายขึ้น จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับจักรพรรดิถัง ก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปในกระแสน้ำวน ฟางโส่วเต้าและฟางเหยียนซวี กลายเป็นลำแสงพุ่งติดตามฟางซิ่วเฟิงเข้าไป

เมิ่งฮ่าวติดตามไปเป็นคนสุดท้าย หลังจากที่โค้งตัวลงให้กับจักรพรรดิถัง ก็มุ่งหน้าตรงไปยังกระแสน้ำวน และกำลังจะก้าวเข้าไป แต่จักรพรรดิถังก็กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“เจ้ามีบิดาที่ดี มันเสียสละเพื่อเจ้ามาอย่างมากมาย”

เมิ่งฮ่าวหยุดชะงักนิ่งอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็เดินหายเข้าไปในกระแสน้ำวน

ที่ด้านในของกระแสน้ำวนสีโลหิต เป็นโลกสีโลหิต ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสีแดงโลหิต ไร้ต้นไม้ ไร้ภูเขา ไร้แม่น้ำ มีแต่พื้นที่ราบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พื้นดินสีแดงเข้มยืดยาวออกไปในทั่วทุกทิศทาง

อย่างไรก็ตาม ที่เบื้องหน้าขึ้นไปของคนทั้งหมด สามารถมองเห็นประตูขนาดใหญ่อยู่หนึ่งบาน กระพริบแสงไปมาอยู่ระหว่างการเป็นภาพลวงตาและของจริง ถูกปกคลุมด้วยชั้นโลหิตที่หนา เพื่อก่อตัวเป็นใบหน้าที่กำลังส่งเสียงแผดร้องออกมา

เสียงแผดร้องแต่ละครั้งที่ดังออกมาจากปากนั้น ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นพุ่งกระจายออกเต็มไปทั่วโลกสีโลหิตแห่งนี้ ทุกครั้งที่ระลอกคลื่นจางหายไป ก็พอจะมองเห็นว่า ที่ห่างไกลออกไปในท้องฟ้า มีค่ายกลเวทที่ดูคล้ายกับร่างแหขนาดใหญ่อยู่!

ค่ายกลเวทนั้นปกคลุมไปยังทุกสรรพสิ่ง ยืดยาวออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจจะไปสัมผัสมันได้ เหตุผลเดียวเท่านั้นที่สามารถจะมองเห็นมันได้…ก็เนื่องมาจากกระแสของระลอกคลื่น

นี่คือประตูที่สร้างขึ้นมาจากการเสียสละของตระกูลหลี่ทั้งหมด และค่ายกลเวทที่ด้านบนนั้นคือ…ค่ายกลทำลายล้างที่ปกคลุมดาวหนานเทียนไว้ทั้งหมด!

ฟางโส่วเต้ามองไปรอบๆ และกล่าวว่า “นี่คือดินแดนบรรพบุรุษของตระกูลหลี่ และเป็นจุดศูนย์กลางของดาวหนานเทียนด้วยเช่นกัน!”

“เมื่อก้าวเข้าไปในเต๋าในสถานที่แห่งนี้ ก็มีโอกาสที่จะได้รับคำรับรองจากค่ายกลเวท และสามารถจะหลีกเลี่ยงการถูกสังหารไปได้!”

ทันใดนั้นเสียงกระหึ่มกึกก้องก็ได้ยินออกมาจากประตู

เสียงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบประกายขึ้น มองออกไปและเห็นว่าประตูสีโลหิตกำลังปูดโปนออกมา ราวกับว่ามีมือกำลังยื่นออกมาจากประตูบานนั้น

ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างอยู่อีกด้านหนึ่งของประตู กำลังแผดร้องคำราม พลังการฝึกตนปะทุขึ้นมา ด้วยความพยายามจะเปิดประตูนี้ออกมา!

อย่างไรก็ตามแสงสีโลหิตก็แวบขึ้น และใบหน้าสีโลหิตสิบใบก็ปรากฏขึ้น ขณะที่พวกมันแผดร้อง ระลอกคลื่นก็ยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้น และสิ่งใดๆ ก็ตามที่อยู่ข้างในประตูต่างก็สั่นสะท้าน และหดมือของมันกลับไป

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และถามว่า “มีอะไรอยู่ตรงอีกด้านของประตูนั่น…?”

บุคคลที่ตอบคำถามนี้ไม่ได้มาจากตระกูลฟาง แต่เสียงของจักรพรรดิถังก็ดังก้องเต็มไปทั่วโลกสีโลหิตแห่งนี้

“ด้านหลังประตูคือทางเส้นหนึ่ง เป็นเส้นทางที่…ไม่ได้ถูกจัดเตรียมขึ้นมาโดยสามสิบสามสวรรค์ แต่ถูกจัดเตรียมโดยสองกองกำลังหลัก ซึ่งก่อสงครามกับโลกแห่งเซียนเมื่อนานมาแล้ว”

“ห้ามเปิดประตูนั้นอย่างเด็ดขาด!”

เมิ่งฮ่าวพยักหน้าและสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ในที่สุดก็เลื่อนสายตาจากประตูมองตรงไปยังฟางซิ่วเฟิง

ฟางซิ่วเฟิงยิ้มน้อยๆ และนั่งลงขัดสมาธิ ฟางโส่วเต้าและฟางเหยียนซวีโบกสะบัดมือออกไป แทบจะทันใดนั้นเอง แสงของค่ายกลเวทก็พุ่งขึ้นมา หมุนวนอยู่รอบๆ ร่างฟางซิ่วเฟิง หลังจากนั้นฟางโส่วเต้าและฟางเหยียนซวีก็นั่งลงขัดสมาธิหันหน้าเข้าหากัน อยู่สองข้างฟางซิ่วเฟิง ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง

“ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้านั่งตรงนั้น พวกเราจะสร้างเป็นค่ายกลเต๋าไตรภาคีด้วยกัน สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือใช้พลังการฝึกตนเซียนเต๋าช่วยเหลือบิดาเจ้า”

“ค่ายกลเต๋าไตรภาคีคือก้าวแรกที่จะช่วยให้บิดาเจ้าเอาชนะทัณฑ์เต๋าได้ ห้ามหละหลวมใดๆ!”

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่เดินไปยังตำแหน่งที่ฟางโส่วเต้าบ่งบอก จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ โคจรหมุนเวียนพื้นฐานฝึกตนขึ้นมาในทันที ทำให้แสงสีฟ้าสาดประกายขึ้นไป อย่างน่าตกใจยิ่งแสงสีฟ้าก็เริ่มพุ่งออกมาจากร่างฟางโส่วเต้าและฟางเหยียนซวีด้วยเช่นกัน

แต่แสงของคนทั้งสองก็ยังคงมืดสลัวกว่าของเมิ่งฮ่าว

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่จักรพรรดิถังที่กำลังเฝ้ามองดูผ่านสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ยังต้องตกตะลึง

“ตระกูลฟางทุกชั้นฟ้า…ตื่นขึ้นมาแล้ว…?”

“เซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าปรากฏขึ้นมาในโลกแล้ว และตระกูลทุกชั้นฟ้าก็จะมีชื่อเสียงขึ้นมาอีกครั้ง…” แสงแปลกๆ เริ่มสาดประกายอยู่ในดวงตาของจักรพรรดิถัง

“ค่ายกลเต๋าไตรภาคี เริ่มได้!” ฟางโส่วเต้าร้องตะโกนขึ้น “ซิ่วเฟิง รออะไรอยู่ เข้าไปในเต๋าได้แล้ว!!”

ขณะที่คำพูดของฟางโส่วเต้าดังก้องออกมา ดวงตาฟางซิ่วเฟิงก็เริ่มสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันคมกริบ ยกสองมือผลักขึ้นไปในอากาศ

ในเวลาเดียวกันนั้น พื้นฐานฝึกตนของท่านก็ระเบิดออกไป ขณะที่ใช้พลังของวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณออกมาอย่างเต็มกำลัง เพื่อเปิดเป็นเส้นทางก้าวไปสู่เต๋า!