ตอนที่ 1310
ข้าช่วยเจ้าเอง
ตอนนี้พลังสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวเทียบเท่ากับแปดในสิบส่วนของผู้ยิ่งใหญ่ เนื่องจากสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อยู่ในระดับที่น่ากลัวเช่นนี้ ทำให้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเขาในตอนนี้สูงเกินกว่าระดับก่อนหน้านี้มากนัก
เมื่อรวมเข้ากับการที่เขาดับตะเกียงวิญญาณลงไปได้ห้าดวง ก็ทำให้มีพลังอย่างไร้จุดสิ้นสุด มั่นใจได้ว่าพลังการต่อสู้ของเมิ่งฮ่าว ถึงแม้ว่าจะไม่เท่ากับระดับหกแก่นแท้ แต่ก็ยังคงสูงเกินกว่าไป๋จู่ ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับห้าแก่นแท้ อยู่ต่ำกว่าระดับหกแก่นแท้เพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น!
ยกเว้นตี้จ้างต้าจุนแห่งขุนเขาทะเลที่สี่แล้ว ก็ไม่มีใครในอาณาจักรขุนเขาทะเลที่อยู่ต่ำกว่าระดับผู้ยิ่งใหญ่ จะคุกคามให้เมิ่งฮ่าวตกอยู่ในอันตรายในช่วงของการต่อสู้ได้ ความรู้สึกของพลังอันน่าเหลือเชื่อทำให้เขาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น เวลาเดียวกันนั้นก็ทำให้รู้สึกว่า ยังมีบางสิ่งคงอยู่ภายในอาณาจักรขุนเขาทะเล…แก่นแท้แห่งฟ้าดิน
เมิ่งฮ่าวปรากฎกายขึ้นอย่างเงียบๆ ตรงด้านนอกของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ยกมือขึ้นมาทำท่าคว้าจับออกไป ทำให้กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ขณะที่มันหมุนวนไปมาอย่างไร้เสียงอยู่นั้น เมิ่งฮ่าวก็เข้าไปใกล้ ราวกับว่ากำลังพยายามจะคว้าจับบางสิ่งบางอย่างไว้
แต่จากนั้นคิ้วก็ค่อยๆ ขมวดขึ้นอย่างช้าๆ หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ ก็ค่อยๆ ดึงมือกลับมา
“ยังคงไม่อาจจะทำได้…? วิญญาณของฉู่อวี้เยียนกระจัดกระจายเข้าไปในอาณาจักรขุนเขาทะเล แต่จากระดับพื้นฐานฝึกตนของข้าในตอนนี้ ก็ยังคงไม่อาจจะรวบรวมมันกลับเข้ามาได้…”
“ดูเหมือนว่าข้าจำเป็นต้องเข้าใจแก่นแท้ให้ลึกซึ้งมากกว่านี้” เมิ่งฮ่าวหลับตาลงชั่วครู่ เพื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวที่อยู่รอบๆ ตัว จากนั้นก็กระทำต่อไป กระแสน้ำวนค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“แก่นแท้…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ ครั้งต่อไปที่เขาปรากฏตัวขึ้น ก็เข้าไปอยู่ใกล้กับรอยแตก ครั้งนี้เนื่องจากสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น และมีผลกระทบกับความว่างเปล่า จึงไม่มีใครสามารถจะรับรู้ได้ว่าเขากลับมาแล้ว แม้แต่ชายชราผมแดงก็ตามที อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนอื่นๆ แห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ด
“ถึงแม้ว่าจะยังไม่ผ่านเข้าไปในอาณาจักรเต๋า ข้าก็สามารถจะเข้าใจถึงแก่นแท้…”
“เนื่องจากเวทผนึกแห่งพันธมิตรผู้ผนึกอสูร และโลหิตเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าในสายโลหิตของข้า ทำให้วิถีทางในการฝึกตนของข้าแตกต่างไปจากคนอื่นๆ…”
“การฝึกตนเช่นข้าเป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็น หรือบางที…ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
“พื้นฐานฝึกตนที่แท้จริงของข้าอยู่ในอาณาจักรโบราณ พร้อมกับตะเกียงวิญญาณที่ดับลงไปแล้วห้าดวง แต่พลังการต่อสู้ของข้า…ก็สูงเกินกว่าราชันแห่งขุนเขาทะเลแล้ว”
“แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ของข้ามาจากด้านนอก ไม่ใช่ของข้าอย่างแท้จริง…”
“วิถีแห่งการฝึกตนของข้า…ไม่ได้เดินไปตามเส้นทางของบรรพบุรุษ ข้าจำเป็นต้องเดินไป…บนเส้นทางของตนเอง”
“แก่นแท้…แก่นแท้…” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่เดินตรงไปยังรอยแตก โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาก้าวเดินเข้าไปด้านใน ทันใดนั้นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็กลายเป็นความว่างเปล่าที่มืดสลัวลงไป
ในตอนที่เขาผ่านเข้าไปในรอยแตก ชายชราผมแดงและผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าอีกสามคนที่อยู่ร่วมกับมันต่างก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง พวกมันลืมตาขึ้นมา และมองตรงไปยังรอยแตก
“แปลกนัก ข้าเพิ่งจะรู้สึกได้ถึงความผันผวนบางอย่างกระจายออกมาจากรอยแตกนั้น…”
“ราวกับว่า…ใครบางคนเพิ่งจะผ่านเข้าไป?”
“เป็นไปไม่ได้ นอกจากไป๋จู่แล้ว หรือว่าจะเป็น…คนผู้นั้น…ไม่น่าจะเป็นไปได้ ต่อให้เป็นคนผู้นั้น…ก็ไม่อาจจะผ่านเข้าไปโดยที่พวกเราไม่เห็น”
ชายชราผมแดงและผู้ติดตามของมันต่างก็ขมวดคิ้ว แต่ก็เยือกเย็นลงและลืมเรื่องนี้ไปอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ว่าพวกมันไม่อาจจะคิดได้มากไปกว่านี้ในสิ่งที่เพิ่งจะรับรู้นี้ แต่พวกมันไม่ต้องการจะคิด ถึงแม้ว่าสงครามครั้งนี้ไม่ได้กินเวลานานมากนัก และไม่อาจจะเทียบได้กับสงครามที่เคยเกิดขึ้นในบันทึกโบราณเมื่อหลายหมื่นปีที่ผ่านมา แต่ผู้ฝึกตนจากกองกำลังทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความขมขื่นและเหน็ดเหนื่อยไม่ด้อยไปกว่ากัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มคนเล็กๆ นี้
ที่เคยเห็นการต่อสู้ของเมิ่งฮ่าวและไป๋จู่ด้วยสองตาของตนเอง พวกมันรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างยิ่ง
ภายในรอยแตก เมิ่งฮ่าวเดินทางไปด้วยความเยือกเย็น เขาไม่รีบร้อน เท่าที่คิดสงครามครั้งนี้ไม่เป็นอันตรายต่อตนเองอีกแล้ว และสิ่งที่เขาคิดส่วนใหญ่แล้วก็คืออนาคตของตนเอง
“แก่นแท้ของข้า…จะเป็นอย่างไร…?” ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็หยุดชะงักลง สีหน้าเต็มไปด้วยความครุ่นคิด
“เวทผนึกอสูรทั้งเก้า…เก้าแก่นแท้ นั่นคือขีดจำกัดของอาณาจักรผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ…?”
“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็สามารถจะใช้เวทผนึกอสูรทั้งหมดในฐานะที่เป็นแก่นแท้…เมื่อเกิดขึ้นเช่นนั้น ข้า, เมิ่งฮ่าว…ก็จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในตอนนั้น!”
“อันที่จริง ข้าน่าจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แล้ว เมื่อมีเจ็ดแก่นแท้ และตอนนี้ข้าก็มีเวทผนึกแล้วหกชนิด ซึ่งก็คือหกแก่นแท้” เมื่อคิดมาถึงตอนนี้ ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายเจิดจ้าขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาค้นพบเส้นทางของตนเองแล้ว!
นี่คือ…เส้นทางการฝึกตนที่ไม่เหมือนใครของตนเอง!
“เมื่อข้ารวมเวทผนึกทั้งเก้าให้กลายเป็นหนึ่งเดียว เก้าแก่นแท้ของข้าก็จะรวมเข้าด้วยกันเช่นเดียวกัน ในตอนนั้น…ด้วยฐานะที่เป็นราชันแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล ข้าก็สามารถจะ…ทะลวงผ่านจากอาณาจักรผู้ยิ่งใหญ่เข้าไปในอาณาจักรพื้นฐานเต๋า!” ราวกับว่าเขาเพิ่งจะลืมตาขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความมุ่งหวัง
“สำหรับข้าแล้ว อาณาจักรเต๋าไม่ได้สำคัญเท่าใดนัก ข้าสามารถจะก้าวเข้าไปได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ เดิมทีข้าคิดว่าการผ่านเข้าไปในอาณาจักรโบราณจะเป็นเรื่องที่ง่ายดาย แต่กลายเป็นว่ามันเป็นพื้นฐานที่ช่วยให้ข้ามีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นอย่างแท้จริง”
“เมื่อข้าหลอมรวมเวทผนึกทั้งเก้า และเก้าแก่นแท้หลอมรวมเข้าด้วยกัน…” จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็มองลงไปยังถุงสมบัติ ที่ซึ่งวิญญาณไร้ร่างของฉู่อวี้เยียนอยู่ในนั้น
“เมื่อถึงเวลานั้น ข้าก็น่าจะช่วยให้วิญญาณของฉู่อวี้เยียนกลับมารวมตัวกันได้…ข้าเป็นหนี้นางมากนัก” เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ ทำสติให้แจ่มใส มองออกไปในความว่างเปล่าที่เบื้องหน้า สามารถจะรับรู้ได้ว่าที่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก เงาร่างๆ หนึ่งกำลังเคลื่อนที่ตรงมายังปากทางออกของรอยแตกอย่างรวดเร็ว
จากการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วของคนผู้นี้ ก็คงจะใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น ที่มันจะโผล่เข้าไปในขุนเขาทะเลที่แปด
“ไป๋จู่…เจ้าช้าไปแล้ว ให้ข้าช่วยสักเล็กน้อยเถอะ” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ
เมิ่งฮ่าวส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับแปดในสิบส่วนของผู้ยิ่งใหญ่ออกไป ทั่วทั้งความว่างเปล่าที่อยู่ในรอยแตกเริ่มสั่นสะเทือนด้วยความผันผวนอันน่ากลัว ขณะที่ดวงตาของเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ยกมือขวาขึ้นมา คว้าจับลงไป และจากนั้นก็ฉุดลากไปทางด้านหลัง
เวลาเดียวกันนั้น เขาก็บินออกไปด้านหลัง ดูเหมือนว่ากำลังลากจูงบางสิ่งบางอย่างอยู่ เขาไม่ได้อยู่ห่างจากรอยแตกออกไปมากนัก และในทันทีที่ล่าถอยกลับไป ก็เข้าไปใกล้ปากทางออกของรอยแตกในทันที
เงาร่างที่เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้ว่ากำลังพุ่งผ่านความว่างเปล่ามาอย่างรวดเร็วนั้น คือบุรุษในชุดยาวสีขาว สีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและเย่อหยิ่ง
คนผู้นี้ก็คือ…ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ด ไป๋จู่!
พื้นฐานฝึกตนของมันฟื้นฟูกลับมาโดยสิ้นเชิง และมีความก้าวหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสาดประกายเจิดจ้า จนดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยดวงตะวัน จันทรา และดวงดาว กำลังหมุนวนไปมาอยู่ด้านใน พลังของมันพุ่งขึ้นไป และกลิ่นอายก็ระเบิดเป็นพลังออกไป
ถึงแม้จะดูเหมือนว่ามันไม่ได้เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วมากนัก ทุกย่างก้าวที่มันเดินไป ก็ทำให้ร่างของมันแวบขึ้นด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ปากของมันบิดขึ้นด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา และรังสีสังหารก็สาดประกายขึ้นในดวงตา
“ครั้งนี้ ไม่ว่าเจ้าจะรอคอยอยู่ที่ปากทางออกหรือไม่ ข้าจะต้องสังหารเจ้าไปให้จงได้!”
“ข้าหวังว่าเจ้ากำลังรอข้าอยู่จริงๆ ซึ่งจะทำให้ข้าไม่ต้องเสียเวลามากนักในการสังหารเจ้าไป จากนั้นข้าก็จะสังหารขุนเขาทะเลที่แปดในส่วนที่เหลือทั้งหมดเพื่อให้ตายไปพร้อมกับเจ้า!”
“ในฐานะที่เป็นราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปด มันจะกลายเป็นเครื่องสังเวยที่ข้าเตรียมไว้ให้กับสามสิบสามสวรรค์ การเสนอราชันแห่งขุนเขาทะเลขึ้นไป จะทำให้สามสิบสามสวรรค์ลงมาอย่างแน่นอน!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็รู้ตำแหน่งบ้านของเจ้าแล้ว ขุนเขาทะเลที่เก้า…ไม่ต้องวิตกไป ข้าจะสังหารคนในตระกูลสายโลหิตของเจ้าไปทั้งหมด!”
“ถ้าเจ้ากล้าที่จะเฝ้ารอข้าตรงปากทางออกจริงๆ โชคชะตาของเจ้าก็จะเป็นเช่นเดียวกับที่หลบหนีจากไป นอกจากนี้…ก็ไม่มีสถานที่แห่งใดให้เจ้าหลบหนีหรือซ่อนตัวได้ ในสวรรค์และปฐพีแห่งนี้”
“เจ้าต้องตาย!”
“สามสิบสามสวรรค์กำลังมาแล้ว!”
“ข้ารู้สึกเสียใจต่ออาณาจักขุนเขาทะเลนัก แต่นี่คือ…ชะตากรรมของอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่!” ดวงตาไป๋จู่สาดประกายขึ้น และพลังก็พุ่งขึ้นไป
มันมีความเชื่อมั่นในตัวเองโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสองลำแสงที่หมุนวนอยู่รอบๆ ตัว ซึ่งประกอบด้วยดาบสั้น และกระบี่สั้นอย่างละเล่ม ทั้งคู่ต่างก็เป็นของวิเศษที่ถึงแม้จะดูเหมือนกับเป็นสิ่งของธรรมดาทั่วไป แต่ก็แข็งแกร่งจนแม้แต่ไป๋จู่ก็ยังต้องระมัดระวังตัวต่อพวกมัน
นอกจากนั้นแล้ว ก็มองเห็นเครื่องหมายใบไม้สีเขียวอยู่บนหน้าผากของมันอีกด้วย กำลังเปล่งแสงระยิบระยับออกมา
กระจายเป็นความผันผวนของเวทตราบนิรันดร์ชิงตี้ออกมา เพื่อให้มั่นใจว่าพลังชีวิตของมันจะแข็งแกร่งตลอดไปอย่างต่อเนื่อง
เมื่อมันคิดว่ารู้จักเกี่ยวกับเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างดี และคิดว่าการเตรียมตัวในตอนนี้ของตนเองสมบูรณ์พร้อมแล้ว ก็ทำให้ไป๋จู่ต้องเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นโดยสิ้นเชิง!
โดยที่ไม่ต้องเอ่ยถึงเครื่องหมายระยับระยับที่อยู่บนหลังมือของมัน เครื่องหมายนั้นดูเหมือนเป็นวิญญาณปีศาจที่กำลังยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่ไป๋จู่พุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วสูงสุดอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ขณะที่มันกำลังเต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง เสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องออกมาจากความว่างเปล่าที่เบื้องหน้า ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะแตกกระจายไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวาย ขณะที่เงาร่างอันน่ากลัวบางอย่างกำลังเคลื่อนที่ตรงมายังมันด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
ดวงตาไป๋จู่เบิกกว้างขึ้น และใบหน้าก็ซีดขาวด้วยความตกใจ ร่างกายสั่นสะท้าน เตรียมตัวที่จะหลบไปทางด้านข้างเพื่อเปิดทางให้ กล่าวกันโดยทั่วไปแล้วที่แห่งนี้ไม่ควรจะมีอันตรายใดๆ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ทำให้มันต้องสะท้านใจอย่างลึกล้ำ
“นั่นคืออะไร?!?!”
ในขณะที่ไป๋จู่เริ่มตกตะลึง ความว่างเปล่าที่เบื้องหน้ามันก็แตกกระจายออกไป และหัตถ์ยักษ์ข้างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น พุ่งตรงมายังร่างมันด้วยความรวดเร็วอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายได้พร้อมกับพลังที่ไร้ผู้ต่อต้าน ในชั่วพริบตาก็มาอยู่ตรงหน้ามัน
ไม่ว่าจะต่อต้านดิ้นรนหรือหลบเลี่ยงมันก็ไม่อาจจะทำได้ ก่อนที่มันจะทันได้ทำอะไร หัตถ์ยักษ์นั้นก็คว้าจับมาบนร่างมันแล้ว
ทันใดนั้นดวงตามันก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อและตกใจ จากสิ่งที่มันสามารถจะรับรู้ได้ หัตถ์ยักษ์นั้นก่อตัวขึ้นมาจากเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์อันน่ากลัว ที่ทำให้มันต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ และละล่ำละลักกล่าวขึ้น
“ผู้ยิ่งใหญ่!!”
“เป็นไห่เมิ่งจื้อจุน!!”
“ไม่ถูกต้อง กลิ่นอายนี้ไม่น่าจะใช่ไห่เมิ่ง…นางไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่! สามสิบสามสวรรค์ส่งคนไปตรึงนางไว้แล้ว!!”
“ถ้าไม่ใช่ไห่เมิ่ง แล้วคนผู้นี้คือใคร? มันน่าจะเป็นใคร!?!?”
“ไม่น่าจะมีผู้ยิ่งใหญ่คนที่สองอยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเลอีกแล้ว!!” ความประหลาดใจอย่างที่ยากจะอธิบายได้เต็มอยู่ในจิตใจไป๋จู่ ก่อนที่มันจะทันได้ครุ่นคิดมากไปกว่านี้ หัตถ์ยักษ์ก็เริ่มฉุดลากมันตรงไปข้างหน้า
ตูมมมมมมม!
ความว่างเปล่าทั้งหมดสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง ตามปกติแล้วไป๋จู่ต้องใช้เวลาหนึ่งวันเต็มเพื่อที่จะบรรลุถึงปากทางออกของรอยแตกด้วยความรวดเร็วของมันเอง แต่ตอนนี้หัตถ์ยักษ์นั้นฉุดลากมันไปเพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น…ก็เข้าไปสู่ขุนเขาทะเลที่แปดแล้ว!
ตูม!