ตอนที่ 1354
สามสิบสองสวรรค์กำลังมา
จี้เทียนยืนอยู่ที่นั่นชั่วขณะโดยไม่กล่าวตอบ จากนั้นก็ถอนหายใจยาว มองไปรอบๆ หลุมฝังศพด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อน
“เคออวิ๋นไห่คือวีรบุรุษแห่งยุค…เวทกำเนิดใหม่ของมันได้ผลกับเคอจิ่วซือ แต่ถึงแม้ว่าข้าจะใช้วิชาเวทเดียวกันนี้ออกมา ก็ยังไม่อาจจะทำให้มันได้ผลอย่างถูกต้องสมบูรณ์”
จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนคว้างขณะที่ตระหนักว่าทำไมวิชาเวทนี้ถึงดูเหมือนว่าจะรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่ามันคือ…วิชาสังสารวัฏในตำนานที่เคออวิ๋นไห่เคยพูดถึงมาก่อน!
“คำอธิบายของจี้โหม่ว ซานไห่เสาจู่พึงพอใจหรือไม่?” จี้เทียนถามขึ้นมาอย่างช้าๆ
เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือ ทำให้หลุมฝังศพแห่งนี้หดเล็กลงไปจนกระทั่งกลายเป็นจุดแสงตกลงมาบนฝ่ามือ จากนั้นเมิ่งฮ่าวและจี้เทียนก็ไปปรากฏกายขึ้นอีกครั้งบนขุนเขาที่เก้า
จี้เทียนทำให้เรื่องราวง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก มันรู้ดีว่าตนเองกระทำผิดต่อเมิ่งฮ่าวและตระกูลฟางอย่างลึกล้ำมากเกินไป จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมมันถึงต้องเชื่อมต่อพลังชีวิตไปยังเต่าเสวียนอู่แห่งขุนเขาที่เก้า การกระทำเช่นนี้เป็นการบ่งบอกให้รู้อย่างชัดเจนว่า มันตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะต่อสู้เพื่อขุนเขาทะเล และยังได้ยอมส่งมอบหลุมฝังศพที่มีความสำคัญต่อชีวิตของตนเองให้กับเมิ่งฮ่าวอีกด้วย
ทั้งหมดนั้นก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า มันกำลังส่งมอบชีวิตตนเองให้อยู่ในกำมือ
เมิ่งฮ่าว ถ้าเขาต้องการก็สามารถจะใช้หลุมฝังศพนั้นทรมานมันได้อย่างไม่รู้จบ หรือแม้แต่จะสังหารมันไปได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่จัดเตรียมสิ่งทั้งหมดเหล่านั้นให้กับเมิ่งฮ่าวแล้ว จี้เทียนก็ยืนเงียบๆ อยู่ที่ด้านข้าง เฝ้ารอคอยให้เมิ่งฮ่าวตัดสินใจ
เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็มองไปยังจี้เทียนอย่างลึกซึ้ง ถ้าไม่มีสงครามเกิดขึ้นในขุนเขาทะเล เขาคงจะสังหารมันไปอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้…
แสงอันลึกล้ำสาดประกายขึ้นในดวงตา ขณะที่เมิ่งฮ่าวหันหลังออกไปจากขุนเขาที่เก้าพร้อมกับหลุมฝังศพที่ย่อส่วนนั้น
หลังจากที่เมิ่งฮ่าวจากไป ดูเหมือนว่าจี้เทียนจะแก่ชราลง และพลังของมันก็เหือดแห้งหายไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ยืนด้วยความขมขื่นอยู่ที่นั่นชั่วขณะ ก็ถอนหายใจออกมา
มันรู้ตัวดีว่าเพิ่งจะหลบเลี่ยงจากหายนะอันยิ่งใหญ่มาได้ ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะทำลายสวรรค์ชั้นแรกไป มันรู้สึกเชื่อมั่นว่าสามารถจะขัดขวางเขาจากการโจมตีมาได้ แต่หลังจากที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับสวรรค์ชั้นแรก และหลังจากที่เขาทำให้ผู้ยิ่งใหญ่กลายเป็นข้าทาส จี้เทียนก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนถึงระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในตอนนั้นมันตระหนักดีว่าการเตรียมพร้อมทั้งหลาย คงจะไร้ประโยชน์ที่จะจัดการกับเมิ่งฮ่าว วิธีเดียวเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปก็คือ…มอบชีวิตของตนเองให้อยู่ในเงื้อมมือเมิ่งฮ่าว
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ก็มีโอกาสอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น!
หลังจากที่คลี่คลายปัญหากับจี้เทียนแล้ว เมิ่งฮ่าวก็พุ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เฝ้าสังเกตดูอาณาจักรขุนเขาทะเลเตรียมตัวสำหรับการทำสงคราม จิตใจเริ่มเยือกเย็นลง และความต้องการต่อสู้ก็เริ่มรุนแรงมากขึ้น คล้ายกับเป็นกระบี่อันคมกริบ เป็นกระบี่ที่เมื่อหลุดออกมาจากฝักแล้ว สามารถจะตัดเฉือนได้แม้แต่สวรรค์
การจัดเตรียมดำเนินต่อไป สิ่งต่างๆ เสร็จสิ้นสมบูรณ์ทีละอย่าง แนวต้านทั้งแปดถูกจัดตั้ง และทะเลทั้งเก้าต่างก็เต็มไปด้วยเวทป้องกันอันน่าประหลาดใจ
ผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลรวมตัวกันจนกลายเป็นกองกำลังด้วยเช่นกัน เกือบสามในสิบส่วนถูกส่งตัวไปยังขุนเขาทะเลแรก กองกำลังส่วนที่เหลือถูกส่งไปยังขุนเขาทะเลต่างๆ เพื่อรอคอยให้การช่วยเหลือกองกำลังที่อยู่ในสนามรบ หรือทำตัวเป็นกองกำลังเสริม
ของวิเศษโบราณจากสำนักและตระกูลต่างๆ ถูกแจกจ่ายออกไป มีผู้ฝึกตนจำนวนมากถูกส่งไปประจำการอยู่บนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นของวิเศษอันล้ำค่าที่ไม่ได้อ่อนแอน้อยไปกว่าผู้ยิ่งใหญ่!
ตลอดช่วงการต่อสู้กับสวรรค์ชั้นแรก เจตจำนงแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลมุ่งเน้นไปที่การเฝ้ารักษาเกราะป้องกันที่ใช้ต่อต้านกับสวรรค์ชั้นอื่นๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นดวงตะวันและจันทราจึงไม่ถูกใช้ออกมา ตอนนี้เกราะป้องกันนั้นกำลังจะถูกทำลายไปแล้ว และสามสิบสองสวรรค์กำลังจะตกลงมา ดวงตะวันและจันทรา…จึงพร้อมที่จะต่อสู้แล้ว!
ตี้จ้างไปประจำการอยู่บนดวงจันทร์ ด้วยระดับพื้นฐานฝึกตนของท่าน รวมทั้งการที่ท่านสามารถจะควบคุมแม่น้ำแห่งการเกิดใหม่ ทะเลแห่งน้ำพุเหลือง รวมทั้งวิหารโลกันต์อีกจำนวนมาก ดวงจันทร์จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับท่านมากที่สุด ในการปลดปล่อยพลังอันสูงสุดของตนเองออกมา พลังส่วนใหญ่ของดวงจันทร์ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การโจมตี แต่เป็นการป้องกัน!
แสงอันเจิดจ้ามากที่สุดทั้งหมดส่องสว่างมาจากดวงตะวัน! และบุคคลที่ถูกแต่งตั้งให้ไปประจำการอยู่ที่นั่นก็คือ…เมิ่งฮ่าว!
ด้วยคำสั่งจากไห่เมิ่งจื้อจุน เมิ่งฮ่าวจึงไปควบคุมดูแลดวงตะวัน และใช้มันออกมาในฐานะที่เป็นอาวุธอันร้ายแรงของอาณาจักรขุนเขาทะเล
สำหรับผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิด เมิ่งฮ่าวส่งมันไปยังจุดสูงสุดของขุนเขาแรก ซึ่งเป็นจุดที่ดีที่สุดของทะเลแรก สามารถเฝ้าสังเกตดูสนามรบได้ทั้งหมด ที่จะเกิดขึ้นมาตรงด่านป้องกันแรกนี้
ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันน่าเหลือเชื่อของเมิ่งฮ่าว ทำให้สะดวกในการทำงานได้หลายอย่างในช่วงเวลาเดียวกัน และสามารถจะควบคุมพลังอันน่าเหลือเชื่อของผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดได้ด้วยตนเอง สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้วมันคือสิ่งที่เหมาะสมมากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ถ้าเป็นคนอื่นๆ แล้วก็ไม่มีทางจะเป็นไปได้
คนทั้งหมดต่างก็เคร่งเครียดจริงจัง และในที่สุดความต้องการที่จะต่อสู้อันแข็งแกร่งก็แผ่กระจายออกไปทั่วทั้งอาณาจักรขุนเขาทะเล ด้วยรูปแบบการปิดล้อมที่เปิดใช้งานขึ้นมานี้ ทำให้ทั้งอาณาจักรคล้ายกับเป็นกระบี่อันแหลมคม
ส่วนที่สำคัญมากที่สุดของรูปแบบปิดล้อมนี้ก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ บริเวณอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งหมดถูกตรึงแน่นด้วยเจตจำนงของมัน หนทางเดียวที่จะเข้าไปหรือออกมาก็คือ ต้องผ่านทะเลแรกและขุนเขาแรกเท่านั้น!
ถ้าสามสิบสองสวรรค์ต้องการกวาดล้างสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งหมดไป ก็มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำได้อย่างแท้จริง พวกมันไม่อาจจะใช้กลยุทธ์เช่นเดียวกับสวรรค์ชั้นแรก ที่พยายามจะแบ่งแยกอาณาจักรขุนเขาทะเลออกจากกัน
ผู้ฝึกตนทั้งหมดในอาณาจักรขุนเขาทะเล ไม่ว่าพวกมันจะต้องการหรือไม่ก็ตาม ต่างก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะทำสงคราม บางคนอาจจะคิดเห็นแค่ตัวเอง แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะคิดถึงตระกูลหรือสำนักของพวกมัน!
บางทีน้อยคนนักที่จะกังวลเกี่ยวกับอาณาจักรขุนเขาทะเลในภาพรวมทั้งหมด แต่คนเหล่านั้นต่างก็มีตระกูลและสำนัก รวมทั้งครอบครัว และทั้งหมดนั้นก็อยู่ภายในอาณาจักรขุนเขาทะเล!
ตอนนี้เหลืออยู่เพียงแค่สามวันเท่านั้นที่สามสิบสองสวรรค์อาจจะทะลวงผ่านเกราะป้องกันลงมาได้ ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเงียบสงบ แต่ความต้องการต่อสู้และสังหารที่อยู่ในอาณาจักรก็เริ่มรุนแรงและกระจายออกไปทั่วมากยิ่งขึ้น
เมิ่งฮ่าวเดินทางผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวจนกระทั่งในที่สุดก็บรรลุถึง…ดวงตะวัน มีผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคนประจำการอยู่ที่นั่น จัดเรียงตัวกันเป็นกองกำลังและค่ายกลเวท
ระดับพื้นฐานฝึกตนที่ต่ำมากที่สุดในท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกตนเหล่านั้นอยู่ในอาณาจักรเซียน โดยมีผู้แข็งแกร่งอาณาจักรโบราณอยู่ที่ประมาณสามในสิบส่วน พวกมันไม่ได้มาจากขุนเขาทะเลใดขุนเขาทะเลหนึ่ง แต่ถูกเลือกออกมาจากขุนเขาทะเลทั้งหมด กลุ่มคนเหล่านี้ต่างก็ฝึกฝนวิชาธาตุไฟมา ด้วยการมีพวกมันอยู่ในที่แห่งนี้ ทำให้พลังของดวงตะวันยิ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมาถึง ผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคนก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ แววตาเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้
“ขอคารวะซานไห่เสาจู่!”
“พวกเราจะมีชีวิตอยู่และตายไปพร้อมกับขุนเขาทะเล! พวกเรายินดีมอบชีวิตและจิตวิญญาณแก่เสาจู่!” เสียงของผู้ฝึกตนนับแสนรวมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นเสียงแผดร้องคำรามอันทรงพลังที่ดังก้องออกไป ภายในแววตาของพวกมันลุกโชนขึ้นด้วยความหลงใหล และความต้องการต่อสู้อย่างเข้มข้น
เมิ่งฮ่าวมองไปยังพวกมัน มองไปยังดวงตะวัน จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ เขาไม่พูดจาแต่ก้าวเดินตรงไปยังจุดศูนย์กลางของค่ายกลเวทที่อยู่ตรงกลางดวงตะวัน นั่งขัดสมาธิและหลับตาลง
เมื่อเมิ่งฮ่าวนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ผู้ฝึกตนทั้งหนึ่งแสนคนก็นั่งลงขัดสมาธิด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เมิ่งฮ่าวเชื่อว่าตะวันดวงนี้มีขนาดใหญ่โตเป็นอย่างยิ่ง ต้องใหญ่กว่าดวงดาวอย่างแน่นอน แทบจะดูเหมือนว่าจะมีขนาดใหญ่เท่ากับหนึ่งในอาณาจักรขุนเขาทะเล แต่ตอนนี้ก็ตระหนักว่าจริงๆ แล้ว…มันไม่ได้มีขนาดใหญ่โตเท่าใดนัก
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องมาจากแสงอันเจิดจ้าของมัน ซึ่งส่องสว่างออกไปอยู่ตลอดเวลา และความร้อนอันเข้มข้นจนทำให้ผู้ฝึกตนทั่วไปไม่อาจจะเข้ามาใกล้มันได้
อันที่จริงผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคนกำลังสวมใส่ชุดเกราะที่พิเศษเฉพาะ ซึ่งได้รับมาจากไห่เมิ่งจื้อจุน ช่วยให้พวกมันสามารถอยู่บนพื้นผิวของดวงตะวันได้อย่างปลอดภัย สำหรับเมิ่งฮ่าวด้วยระดับกายเนื้อของเขาในตอนนี้ จึงไม่จำเป็นต้องใช้ชุดเกราะเช่นนั้น
มองเห็นค่ายกลเวทอันแข็งแกร่งอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าคงอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณ ขณะที่ผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคนนั่งขัดสมาธิอยู่บนค่ายกลเวทเหล่านั้น พวกมันก็หลอมรวมเข้าไปกลายเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกล
แน่นอนว่าเมิ่งฮ่าวไปนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของค่ายกลเวทนั้น
เมื่อเขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปปกคลุมดวงตะวัน ก็รับรู้ได้ถึงพลังที่สามารถจะทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ถึงพลังนี้ ย้อนกลับไปในอาณาจักรสายลม เขาใช้หยดโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่เรียกแสงของดวงตะวันนี้ออกมา และพลังที่รู้สึกได้ในครั้งนั้น ก็เป็นพลังเช่นเดียวกับที่เขารู้สึกได้ในตอนนี้!
ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่เมิ่งฮ่าวปลดปล่อยออกไป ทำให้สามารถจะใช้ค่ายกลเวทนี้ได้ เพียงแค่คิดก็สามารถจะหลอมรวมเข้ากับพลังนั้น และควบคุมมันได้…โดยที่ไม่ต้องแทรกแซงเข้าไปแม้แต่น้อย!
เมิ่งฮ่าวสามารถจะรับรู้ได้ด้วยเช่นกันว่า ภายในซอกหลืบส่วนลึกของดวงตะวันเป็น…ของวิเศษอันล้ำค่าอย่างแท้จริง ที่ค่ายกลเวทนี้สามารถจะปลดปล่อยออกไปได้
“จากตำนานที่บอกเล่าสืบต่อกันมา จิ่วเฟิงจื้อจุนเป็นผู้สร้างอาณาจักรขุนเขาทะเล จากนั้นก็ใช้อาวุธสงครามทั้งสองของตนเอง สร้างเป็นดวงตะวันและจันทรา…สำหรับดวงตะวัน ได้มุ่งเน้นไปที่การโจมตี และดวงจันทร์ก็มุ่งเน้นไปที่การป้องกัน” เมิ่งฮ่าวพึมพำ จากนั้นก็มองไปยังทิศทางของดวงจันทร์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของอาณาจักรขุนเขาทะเล
นั่นคือสถานที่ซึ่งตี้จ้างประจำการอยู่ และเป็นคนที่เมิ่งฮ่าวยังไม่เคยได้พบเป็นการส่วนตัว ท่านเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบในอาณาจักรขุนเขาทะเล และถูกมอบหมายให้ใช้ดวงจันทร์เพื่อประสานการป้องกันในสนามรบ
เมิ่งฮ่าวสูดหายใจเข้าลึกๆ ละสายตากลับมา จากนั้นก็ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปทั่วทั้งดวงตะวัน เชื่อมต่อตนเองเข้ากับผู้ฝึกตนทั้งหนึ่งแสนคนเหล่านั้น
จากนั้นก็หลับตาลงและเริ่มเฝ้ารอคอย
เวลาผ่านไป หนึ่งวัน สองวัน…กลุ่มผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลกำลังกระตือรือร้นที่จะต่อสู้ และรังสีสังหารอันเข้มข้นของพวกมันก็ทำให้ฟ้าดินต้องสั่นสะเทือน ตอนนี้คนทั้งหมดกำลังเพ่งมองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตรงด้านบน
ในตอนนี้ระลอกคลื่นอันไร้ขอบเขตกำลังพุ่งกระจายออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว รวมทั้งเสียงระเบิดที่ดังก้องออกมา เกราะป้องกันทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นจากเจตจำนงแห่งขุนเขาทะเล มีบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวกำลังบดขยี้ลงมายังเกราะป้องกันเหล่านั้น ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวลุกไหม้ขึ้นมา และส่งผลให้เกิดเป็นรอยแตกร้าวเลื้อยคดเคี้ยวไปมา!
ขณะที่รอยแตกร้าวเริ่มมีขนาดกว้างมากขึ้น ผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลก็ทำให้จิตใจเยือกเย็นลง ไม่มีใครพูดจา ยืนรอคอยอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ เฝ้ารอคอยให้สามสิบสองสวรรค์โจมตีมา!
ในตอนนี้เองที่เสียงของไห่เมิ่งจื้อจุนจู่ๆ ก็ดังก้องอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว
“เมิ่งฮ่าว…”
เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมา
“ดวงตะวันมีความสำคัญอย่างถึงที่สุด เป็นจุดสำคัญของสงครามครั้งนี้ ต้องไม่ปล่อยให้มัน…เสียหาย! ค่ายกลไท่ลั่วชื่อเหลย (แม่น้ำยิ่งใหญ่สายฟ้าแดง) คือหนึ่งในค่ายกลเวทที่แข็งแกร่งมากที่สุดในยุคสมัยของอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่”
“จิ่วเฟิงจื้อจุนได้ติดตั้งค่ายกลนี้ด้วยตนเอง และสะสมพลังมานานนับแสนปี สามารถจะบดขยี้ไปด้วยพลังที่สูงสุด แต่พลังนั้นก็มีขีดจำกัด สามารถจะโจมตีออกไปด้วยความแข็งแกร่งสิบส่วนเต็มได้แค่สิบเก้าครั้งเท่านั้น ในที่สุดค่ายกลก็จะพังทลายลงไป และเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าต้องจำไว้ว่า เมื่อพูดถึงพลังของดวงตะวันแล้ว ค่ายกลเวทคือด่านแรก โครงสร้างของดวงตะวันคือด่านที่สอง และของวิเศษอันล้ำค่าตรงจุดศูนย์กลางคือด่านที่สาม!”
“ต่อต้านให้นานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้…สงครามในครั้งนี้จะดำเนินไปอย่างยาวนาน…”
เสียงของไห่เมิ่งจื้อจุนค่อยๆ จางหายไป เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ไม่กล่าวตอบคำพูดของนาง แต่ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้าคมกริบ ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตรงไปยังจุดสูงสุดของขุนเขาแรก ที่ซึ่ง…ผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดนั่งขัดสมาธิอยู่
ในทันทีที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไหลเข้าไปในร่างมัน ดวงตาผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดก็ลืมขึ้นมา และส่องประกายเจิดจ้า ขณะที่ค่อยๆ มองขึ้นไปอย่างช้าๆ
นั่นคือตอนที่เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกมาจนฟ้าสะท้านดินสะเทือนไปทั่วทั้งอาณาจักรขุนเขาทะเล ที่ด้านบนขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว คนทั้งหมดต่างก็มองเห็นก้ามของแมงป่องสีดำขนาดใหญ่มหึมา กำลังเจาะทะลวงลงมายังเกราะป้องกันที่อยู่ด้านบน!!
เกราะป้องกันฉีกขาดออก และเสียงกระหึ่มที่ดังก้องราวกับเสียงฟ้าร้องคำราม ก็ดังกระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ของอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งปวง
รอยแตกที่เกิดขึ้นบนเกราะป้องกันมีความกว้างนับพันจ้าง และอีกฝั่งก็เป็นกองกำลังของกลุ่มคนนอกคอกที่มีขนาดใหญ่โตจนไม่อาจจะนับจำนวนได้ สายตานับไม่ถ้วนจ้องมองตรงมายังขุนเขาทะเล เต็มไปด้วยความกระหายและป่าเถื่อน