ตอนที่ 1395
ขุนเขาทะเลปะทุขึ้น
ผนึกนั้นคือส่วนสำคัญมากที่สุดในแผนการของสุ่ยตงหลิว นอกเหนือจากสามสิบสามสวรรค์และเต้าฟางแล้ว ก็ยังมีสิ่งอื่นอีกที่สะกดข่มอาณาจักรขุนเขาทะเลไว้ซึ่งก็คือ…ผนึกที่ถูกติดตั้งขึ้นมาโดยสองกองกำลังอันยิ่งใหญ่ซึ่งเคยต่อสู้กับอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่ในตอนนั้น!
นั่นคือส่วนที่สำคัญ และนามของผนึกนี้ ก็ถูกเรียกว่า…ผนึกไร้ขอบเขต
มันไม่ได้คงอยู่ภายในอาณาจักรขุนเขาทะเล แต่อยู่ตรงด้านนอกของสามสิบสามสวรรค์ ดังนั้น…จึงมีแต่การมาถึงของอาณาจักรเทพ และแรงกดดันที่กระจายออกมาของมัน จึงจะทำให้ผนึกไร้ขอบเขตที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล
นี่คือช่วงเวลาที่สุ่ยตงหลิวกำลังเฝ้ารอคอยมากที่สุด!
การฉีกขาดของผนึกต้องใช้แรงระเบิดจากดินแดนอันกว้างใหญ่ที่ทรงพลัง เช่นเดียวกับสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ นอกจากนั้นกลิ่นอายของทั้งสามสิบสามสวรรค์ และอาณาจักรเทพก็จำเป็นต้องหลอมรวมเข้าด้วยกันกับ…ปราณอสูร!
พลังทั้งสามชนิดเหล่านั้นเมื่อรวมเข้าด้วยกัน ก็จะทำให้ผนึกไร้ขอบเขตอ่อนแอลง ขาดไปแม้แต่พลังเดียวก็ไม่ได้ จากพลังทั้งสามที่รวมเข้าด้วยกัน พร้อมกับพลังที่เกิดขึ้นจากการปะทะกันของดินแดนอันกว้างใหญ่เหล่านั้น…ทำให้เกิดเป็นช่องโหว่ขึ้น
นั่นคือเป้าหมายของการกระทำที่ทรยศของหรูฟง และเป็นจุดประสงค์ของมือสังหารที่ตัดส่วนมุมของดินแดนอันกว้างใหญ่นั้นออกมา
การกระทำทั้งหมดนั้นก็เพื่อทำลายผนึกให้เปิดออก ต้องมีแผนการที่ละเอียดถี่ถ้วน และองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกันอย่างสมบูรณ์ ต้องคำนวณอย่างแม่นยำว่าต้องใช้ดินแดนอันกว้างใหญ่ของสวรรค์มากน้อยเท่าใด รวมทั้งขนาดส่วนมุมของอาณาจักรเทพที่ต้องตัดออกมา
สุ่ยตงหลิวได้เตรียมการสำหรับเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว ส่งผู้คนไปโจมตีสามสิบสามสวรรค์มากมาย เพื่อสู้ตายกับเต้าฟาง ทั้งหมดนั้นก็เพื่อคิดคำนวนความกว้างใหญ่ที่แน่นอนของผนึกไร้ขอบเขต!
ในที่สุดข้อมูลที่กระจัดกระจายทั้งหมดก็ถูกรวบรวมเข้าด้วยกันเป็นชิ้นเดียว เพื่อกลายเป็นคำตอบที่ถูกต้อง และนั่นก็เป็นเพียงแค่ส่วนแรกในแผนการของสุ่ยตงหลิวเท่านั้น!
ทันใดนั้นคำพูดของท่านก็ดังก้องไปยังกลุ่มผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเล
“สิ่งที่เหล่าฟูกังวลเกี่ยวกับสงครามครั้งนี้ ไม่ใช่ความคืบหน้าในการทำสงครามแต่ละครั้ง และไม่ใช่ชัยชนะที่พวกเราจะได้รับมา แต่เป็น…ความวิตกว่าจะปกป้องรักษาอาณาจักรขุนเขาทะเลได้อย่างไร”
“ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งสิ้นสุด ข้าจำเป็นต้องทำงานสามอย่างให้สำเร็จ งานแรกก็คือ…ทำสงครามจนกระทั่งอาณาจักรเทพมาถึง ซึ่งข้ารู้ดีว่าอาณาจักรเทพต้องมาถึงเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน!”
“งานที่สองก็คือปกป้องทรัพยากรที่แท้จริงของขุนเขาทะเลจนกระทั่งพวกมันมาถึง ถึงแม้ว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยชีวิตนับไม่ถ้วนก็ตาม แต่ก็จำเป็นต้องยืนหยัดจนกระทั่งช่วงวิกฤตสุดท้ายให้จงได้!”
“เนื่องจากเช่นนั้น อาณาจักรขุนเขาทะเลจึงต้องสังเวยผู้ฝึกตนไปมากมาย เพื่อที่จะส่งต่อไปยังกลุ่มคนรุ่นหลัง ไม่มีใครที่จะไม่ถูกสังเวย พวกเจ้าทั้งหมด หรือแม้แต่ข้า ต่างก็ถูกสังเวยเพื่อให้แผนการส่วนที่สามของข้าเกิดขึ้น”
“ไม่อาจจะตำหนิเหล่าฟู ที่แอบซ่อนไพ่ไม้ตายไว้มากมาย ปกปิดไว้ทุกอย่าง หลอกลวงไปทุกคน”
“งานส่วนที่สามที่ข้าต้องทำให้สำเร็จในสงครามนี้ก็คือ…ส่วนของแผนการที่เกี่ยวข้องกับดาวหนานเทียนและตระกูลฟาง”
“มีผนึกที่ถูกติดตั้งอยู่บนดาวหนานเทียน ซึ่งผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลไม่อาจจะส่งผลกระทบได้ ข้าจำเป็นต้องใช้กลุ่มคนนอกคอกมาทำลายมันไป อย่าลืมว่าดาวหนานเทียนถูกเรียกว่าหนานเทียนเหมิน (ประตูสวรรค์ด้านใต้) ด้วยเช่นกัน…พลังของการขับเคลื่อนไม่ได้มาจากฟางซิ่วเฟิงและภรรยาเพียงลำพัง ทุกครั้งที่มีการกระพือปีกต้องใช้พลังวิญญาณเป็นจำนวนมาก วิญญาณเหล่านั้น…เป็นวิญญาณของผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลเก้าสิบเก้าในร้อยส่วน ที่ตายไปในการต่อสู้ สุดท้ายแล้วพวกมันก็ต้องตาย และต้องตายไปก่อนที่อาณาจักรเทพจะมาถึง ถ้าตายไปช้ากว่านี้ ก็ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะดูดซับ และขับเคลื่อนการกระพือปีก” เสียงของสุ่ยตงหลิวดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ เป็นความเสียใจที่สะท้อนอยู่ในแววตา
“ขอโทษด้วย…ข้าปิดบังพวกเจ้ามากมาย ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายออกไปก็คือชีวิตของผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลเก้าสิบเก้าในร้อยส่วน ถ้าสำเร็จอาณาจักรขุนเขาทะเลก็จะหลบหนีจากสงครามครั้งนี้ได้ และโบยบินไปสู่อิสรภาพ!”
“ถ้าล้มเหลว…เต๋าของเหล่าฟูก็จะถูกทำลาย และต่อสู้จนตายไป!!” สุ่ยตงหลิวโบกสะบัดชายแขนเสื้อ เมื่อช่องโหว่นั้นปรากฏขึ้นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว กองกำลังกลุ่มคนนอกคอกที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นตกตะลึง และผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังจากอาณาจักรเทพก็ระมัดระวังตัวขึ้นมาในทันที จากนั้นสุ่ยตงหลิวก็ชูมือทั้งสองข้างสูงขึ้นไปเหนือศีรษะ
“อาณาจักรขุนเขาทะเล, ตื่นขึ้นมา!!” ในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก พลังที่ทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนปะทุออกมาจากร่างสุ่ยตงหลิว พุ่งกระจายออกไปเมื่อส่วนที่สองในแผนการของท่าน…ถูกเปิดเผยออกมา!
เมื่อพลังของท่านปะทุออกไป และเสียงก็ดังก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว แรงกดดันที่กำลังกดทับลงมาจากอาณาจักรเทพก็ทำให้…ขุนเขาที่เก้าซึ่งเริ่มพังทลายลงไปนั้นจู่ๆ ก็…กระจายเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้องออกมา และ…ไปปรากฏขึ้นอีกครั้งทั้งขุนเขาอยู่ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว!
ขุนเขาที่เก้าโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ที่นั่นเหมือนก่อนหน้านี้!
ภายในสระสวรรค์ เต่าเสวียนอู่กู่ร้องออกมา แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เสียงเท่านั้น ครั้งนี้พลังอันน่าตกใจยังได้ปะทุออกมาจากร่างของเต่าเสวียนอู่อีกด้วย
เวลาเดียวกันนั้น ขุนเขาที่แปด, ขุนเขาที่เจ็ด, ขุนเขาที่หก, ขุนเขาที่ห้า…รวมทั้งขุนเขาอื่นๆ ทั้งหมดที่ถูกทำลายไปในสงคราม ต่างก็ปรากฏขึ้นมาทั้งหมด โดดเด่นอยู่ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว กระจายเป็นพลังอันเข้มข้นออกมา
เมื่อขุนเขาแรกปรากฏขึ้น ก็สามารถจะมองเห็นเก้าขุนเขาได้ทั้งหมด ราวกับว่าพวกมันไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเสียหาย เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ถูกทำลายไปนั้นเป็นเพียงแค่ภาพสะท้อนเท่านั้น นี่คือแผนการของสุ่ยตงหลิว เพื่อหลอกลวงกลุ่มคนนอกคอกทั้งปวง รวมทั้งผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลด้วยเช่นกัน!
อาณาจักรขุนเขาทะเลยังไม่ถูกทำลายไป!
ต่อมาทะเลแรกก็ปรากฏขึ้น จากนั้นก็เป็นทะเลที่สอง และทะเลที่สามไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมองเห็นทะเลที่แปด กระจายเป็นพลังอันไร้ขอบเขตออกมา ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะเทือน กลุ่มคนนอกคอกอ้าปากค้าง ด้วยความไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังมองเห็นอยู่นี้
มีหนึ่งทะเลที่หายไป ซึ่งก็คือทะเลที่เก้า มันได้กลายเป็นผู้ทรยศไปจริงๆ และตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในท่ามกลางกองกำลังกลุ่มคนนอกคอกด้วยความไม่สบายใจ!
ภายในกองกำลังเดียวกันนั้น สีหน้าของผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้บูดบึ้งขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
ดวงตาของเต้าฟางที่อยู่ห่างออกไปด้านข้าง กำลังสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้าของความตกใจและหวาดกลัว “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อตอนที่กระบองข้าทำลายขุนเขานั้นไป ถึงได้รู้สึกว่าอาณาจักรขุนเขาทะเลช่างอ่อนแอนัก ไม่ต้องประหลาดใจเลยว่า…ในตอนนั้นทำไมข้าถึงได้เชื่อว่าอาณาจักรขุนเขาทะเลช่างว่างเปล่านัก คาดไม่ถึงว่ามันจะเป็นเช่นนี้!”
เต้าฟางกำมือขวาเป็นหมัดจนแน่น ความรู้สึกที่ถูกหลอกลวงจนเหมือนคนโง่ ทำให้ดวงตามันเต็มไปด้วยโทสะอย่างน่ากลัว
เสียงหัวเราะของเมิ่งฮ่าวทันใดนั้นก็หยุดลง และเสียงร้องไห้ก็ไม่ได้ยินออกมา เงียบกริบลงไปในทันที แม้แต่กลิ่นอายก็กลับเป็นปกติเหมือนเดิม แต่ดวงตาก็ยังคงแดงก่ำเหมือนเช่นเคย เป็นการบ่งบอกว่านับจากวันนี้เป็นต้นไป เขาจะไม่ใช่เซียนอีกต่อไป แต่เป็น…อสูร!
เมิ่งฮ่าวมองไปยังอาณาจักรขุนเขาทะเลที่ก่อตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ดูเหมือนว่าจะดูจริงแท้แน่นอนกว่าอาณาจักรขุนเขาทะเลที่ตนเองเคยรู้จัก มีความไร้ขอบเขตอยู่ภายในนั้น เป็นสิ่งที่ดูเหมือนจะสอดคล้องกับบุคลิกที่ทระนงอย่างไร้ขอบเขตของจิ่วเฟิงจื้อจุน ซึ่งเป็นผู้สร้างมันขึ้นมาโดยสิ้นเชิง
ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะน่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง แต่หลังจากที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับมันชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่าทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้ขอบเขตของการคาดเดาทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวก็ยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้!
ทรัพยากรของอาณาจักรขุนเขาทะเลไม่ได้ถูกจำกัดไว้แค่นี้ ทันใดนั้นดวงตะวันและจันทราที่ถูกทำลายไปจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาใหม่ และฉับพลันนั้นเมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่าคันธนูนั้น…ไม่ใช่ของวิเศษอันล้ำค่าที่แท้จริง เป็นเพียงแค่ภาพสะท้อนเท่านั้น!
เมื่อดวงตะวันปรากฏขึ้นมาใหม่ ภาพสะท้อนคันธนูก็กลายเป็นลำแสงพุ่งกลับไปยังดวงตะวันเอง ยิ่งไปกว่านั้นของวิเศษอันล้ำค่าซึ่งตี้จ้างได้รับมาจากดวงจันทร์ ก็เป็นเช่นเดียวกัน ขณะที่มันพุ่งกลับไปยังดวงจันทร์!
ดวงตะวันและจันทราเริ่มสาดประกายเจิดจ้าขึ้น ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอย่างไร้จุดสิ้นสุด!
ผู้ฝึกตนที่ยังคงมีชีวิตอยู่ของอาณาจักรขุนเขาทะเลจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง ราวกับว่าแรงกดดันที่กำลังกดทับลงมายังอาณาจักรนี้ ในที่สุดก็บรรลุถึงจุดที่ไม่อาจจะคงอยู่ได้อีกต่อไป ทำให้โลกแห่งนั้นทั้งหมดต้องระเบิดขึ้นมา เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่เซียนกู่เต้าฉ่าง (พิธีเต๋าเซียนโบราณ) ปรากฏขึ้น ราวกับว่ากาลเวลากำลังเปลี่ยนแปลงไป โลงศพขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมา สาดประกายขึ้นด้วยแสงเซียน ค่อยๆ เปิดออกมาอย่างช้าๆ มือที่แห้งเหี่ยวข้างหนึ่งยื่นออกมาจากภายใน และคว้าจับไปที่ขอบโลง จากนั้นชายชราก็ดึงตัวเองให้ลุกขึ้นมายืน
ทันใดนั้นกลิ่นอายของผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ก็ปะทุออกไป ทำให้เสียงหอบหายใจดังก้องขึ้นมาจากกองกำลังกลุ่มคนนอกคอก ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้นอกคอกจ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และม่านตาของเต้าฟางก็หรี่เล็กลง
“นักพรตเซียนโบราณ!” เสียงที่แก่ชราดังออกมาจากอาณาจักรเทพ ชายชราที่ลุกขึ้นมายืนจากภายในโลงศพคือนักพรตเซียนโบราณ ซึ่งเป็นรองเพียงแค่จิ่วเฟิงในอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น! พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ในระดับแปดแก่นแท้ แต่จริงๆ แล้วก็ใกล้เคียงกับระดับเก้าแก่นแท้เป็นอย่างยิ่ง!
เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ หนึ่งในสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ซึ่งก็คือเก้าอาณาจักรแห่งท้องทะเล ก็เรียกประตูเทพออกมาเป็นจำนวนมาก เมื่อประตูเหล่านั้นเปิดออก เงาร่างนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น สวมใส่ชุดเกราะสีน้ำตาล กระจายเป็นกลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณอันน่ากลัวออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกมันหลับใหลมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ในตอนนี้ก็ตื่นขึ้นมาและค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆ
มีทั้งหมดสิบกว่าเงาร่าง ซึ่งกระจายเป็นแรงกดดันของราชันจักรพรรดิออกมา เป็นกลิ่นอายจากห้วงบรรพกาล ที่แม้แต่หวังโหย่วฉายและคนอื่นๆ ที่เพิ่งจะกลายเป็นราชันจักรพรรดิก็ไม่อาจจะเทียบได้
ต่อมาก็เป็นสำนักกระบี่ไท่สิง เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่กระบี่นับล้านเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา พุ่งตรงไปหมุนวนอยู่รอบๆ อาณาจักรขุนเขาทะเล กระบี่แต่ละเล่มประกอบไปด้วยวิญญาณโบราณ ซึ่งก็คือวิญญาณของผู้ฝึกตนที่ตายไปในตอนที่อาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่เกิดภัยพิบัติขึ้น
พวกมันหลับใหลมาจนกระทั่งถึงช่วงเวลานี้ แต่ตอนนี้พวกมันได้ตื่นขึ้นมาแล้ว!
แต่เรื่องราวก็ยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้ อาณาจักรขุนเขาทะเลส่งเสียงกระหึ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่วิหารสามหลังปรากฏขึ้น สาดประกายด้วยแสงอันเจิดจ้าไร้ขอบเขตและพลังแห่งคัมภีร์ เหล่านี้คือวิหารของสามบรรพจารย์อันยิ่งใหญ่ และเป็น…ต้นกำเนิดของสามคัมภีร์ดั้งเดิมด้วยเช่นกัน!
ในตอนนี้เองที่เจตจำนงอันน่าตกใจก็ม้วนกวาดออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวด้วยเช่นกัน ซึ่งก็คือ…เจตจำนงแห่งขุนเขาทะเล มันค่อยๆ อ่อนแอลงไปจากตอนเริ่มต้นทำสงคราม จนกระทั่งในที่สุดก็จางหายไป แต่ในตอนนี้ได้ก่อตัวเข้าด้วยกันใหม่อย่างน่าตกใจยิ่ง มีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม นี่คือเจตจำนงที่แท้จริงแห่งขุนเขาทะเล!
แรงกดดันกำลังกดทับลงมาจนทำให้กลุ่มคนนอกคอกทั้งหมดในอาณาจักรขุนเขาทะเลต้องหมุนคว้างด้วยความประหลาดใจ โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก ไม่ว่าพื้นฐานฝึกตนของพวกมันจะอยู่ที่ระดับใด ต่างก็พุ่งถอยไปทางด้านหลังด้วยความตื่นตระหนก
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้และเต้าฟาง ต่างก็มีท่าทางโศกเศร้าและผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง
“นี่..นี่…” ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้พึมพำ แต่ทรัพยากรของอาณาจักรขุนเขาทะเลก็ยังคงมีอยู่อย่างมากมาย และปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง!
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกมาจากทะเลแรก ขณะที่น้ำทะเลพลุ่งพล่านปั่นป่วน อย่างน่าตกใจยิ่งยักษ์ขนาดใหญ่หนึ่งตนพุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกของพื้นทะเล มีร่างกายที่ใหญ่ปกคลุมไปด้วยสัญลักษณ์สีขาวที่เรืองแสงระยับระยับ จนฟ้าดินต้องหมอบลงอยู่แทบเท้ามันด้วยความหวาดกลัว และที่โดดเด่นมากที่สุดก็คือใบหน้ามันมีดวงตาอยู่สามดวง!
มันยื่นมือออกไป และทำท่าคว้าจับ ลำแสงสีขาวพุ่งออกมาจากขุนเขาแรกเพื่อตอบรับ ภายในลำแสงเป็นขวานสงครามเล่มใหญ่ ยักษ์ตนนั้นคว้าจับขวานสงครามและจากนั้นก็แผดร้องคำรามอย่างทรงพลังออกมา
เสียงร้องตะโกนด้วยความตื่นตระหนกดังก้องออกมาจากอาณาจักรเทพ “เทพสามตา!!”
เผ่าเทพสามตามาจากหนึ่งในอาณาจักรชั้นต่ำที่เลือกจะไม่เป็นกบฏ พวกมันมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เคยต่อสู้อย่างดุร้ายกับชนเผ่าเทพแห่งอาณาจักรเทพมาก่อน
ทรัพยากรของขุนเขาทะเลระเบิดออกไป…เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่ฟ้าดินมืดสลัวลงไป ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะเทือน และทุกสิ่งทุกอย่างก็สั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง!