Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 478

ตอนที่ 478

ควาญวิญญาณ

ผู้ฝึกตนเร่ร่อนส่วนใหญ่ มักจะไม่ค่อยมีหินลมปราณมากมายนัก แต่สำหรับห้าเผ่าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่มาก่อน เผ่าทั้งห้าได้ส่งมอบมรดกจากรุ่นสู่รุ่นมานานหลายปี ดังนั้น สำหรับหินลมปราณ…

เป็นสิ่งที่พวกมันมีอยู่อย่างมากมาย!

พวกมันอาจจะมีไม่เพียงพอที่จะให้ยานบินขนาดใหญ่บินไปได้นานหลายปี แต่อย่างน้อยก็พาพวกมันไปได้ครึ่งทาง หลังจากการตกลงมาของฝนม่วง ทำให้พลังลมปราณเริ่มขาดแคลนจนมาถึงจุดที่อาจจะไม่มีเลย ดังนั้น หินลมปราณจึงพอจะเป็นสิ่งที่นำมาใช้ได้ กลายเป็นหนทางเดียวที่จะใช้ทดแทนพลังลมปราณ ดังนั้น หินลมปราณบางส่วนก็ถูกใช้ไปด้วยวิธีการเช่นนี้

โชคดีที่มีผู้ฝึกตนในเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ไม่มากนัก ซึ่งก็หมายความว่าการใช้หินลมปราณก็ลดลงไปค่อนข้างน้อย จึงยังคงมีเหลืออยู่อีกมากมาย แต่ปัญหาหลักในตอนนี้ก็คือ จะได้ครอบครองยานบินขนาดใหญ่ที่ไม่ต้องใช้พลังลมปราณของผู้ฝึกตนได้อย่างไร

เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ อย่างครุ่นคิดยังกลุ่มคนของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่พวกมันย่ำเท้าเดินไปอย่างเหน็ดเหนื่อย “ตอนนี้ มีชนเผ่ามากมายกำลังอพยพไปจากเขตด้านเหนือของทะเลทรายตะวันตก สิ่งของเช่นนั้น…ต้องราคาแพงจนน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง ถ้ามันถูกนำมาขาย!”

เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ทำการอพยพติดต่อกันเป็นวันที่สิบแล้ว เทือกเขาเหล่านี้เป็นสถานที่ที่เผ่าได้อยู่อาศัยมาจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากมีสมาชิกของเผ่าบางคน ได้ออกท่องเที่ยวไปในดินแดนอันกว้างใหญ่ของทะเลทรายตะวันตก และไม่เคยกลับมาอีกเลยเป็นครั้งคราวแล้ว สมาชิกส่วนใหญ่ของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เคยออกจากเทือกเขาเหล่านี้ไปเลย

สายฝนยังคงตกลงมาหนักอย่างต่อเนื่อง ทุกคนทั้งผู้ฝึกตนและสมาชิกของเผ่าธรรมดา ต่างก็ทำทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนมาสัมผัสโดนตัว มิเช่นนั้นพลังชีวิตของพวกมันก็จะค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ

แม้แต่สัตว์ปีศาจก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้พวกมันจะอดทนยืนหยัดได้นานกว่า แต่สิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตาม ก็จะค่อยๆ ตายไปถ้าเปียกโชกด้วยน้ำฝนอยู่ตลอดเวลา

เมื่อเอาหนามออกไปจากต้นเถาวัลย์ และลอกเปลือกมันออกมา ก็สามารถนำมาถักทอจนกลายเป็นเสื้อกันฝน ซึ่งกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกลุ่มคนในเผ่า

การอพยพนี้ไม่เพียงแต่จะมีกลุ่มคนนับพันของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังมีฝูงสัตว์ปีศาจของเมิ่งฮ่าวอีกด้วย โชคดีที่สัตว์ปีศาจเหล่านั้นสามารถมีชีวิตอยู่ ที่ด้านในถุงสมบัติของเมิ่งฮ่าวได้ ทำให้เรื่องราวง่ายดายขึ้นมากนัก

นี่เป็นคุณลักษณะพิเศษของสัตว์ปีศาจ โชคร้ายที่ผู้ฝึกตนไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ภายในถุงสมบัติได้ ดังนั้นเส้นทางที่พวกมันต้องเดินไปในช่วงการอพยพ ก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากและน่าผิดหวัง

ท้องฟ้าที่ด้านบนมืดมิด และเต็มไปด้วยเสียงของสายฝนที่ตกลงมา พวกมันเคลื่อนที่อย่างเงียบๆ ไปตามเส้นทางที่ดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด

หนึ่งเดือนต่อมา พวกมันก็เข้าไปในชายแดนของเทือกเขา เมิ่งฮ่าวเดินนำไป สวมใส่เสื้อกันฝนซึ่งพาดไปที่ลำตัวคล้ายกับเป็นผ้าคลุมเหมือนกับทุกคน ปกปิดไปทั่วร่าง เขายังได้สวมหมวกปีกกว้างอีกด้วย ซึ่งทำให้ดูเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก

ยักษ์เถื่อนหอบหายใจขณะที่มันเดินอยู่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว รูปร่างอันใหญ่โตของมัน ใหญ่เกินไปที่จะเข้าไปอยู่ในถุงสมบัติ ดังนั้นมันถึงต้องเดินอยู่ด้านนอก กู่ลาเดินอยู่ข้างยักษ์เถื่อน ไอออกมา สีหน้าซีดขาว พลังชีวิตของมันกำลังมืดมัวลง แต่โชคดีที่ยังไม่แสดงให้เห็นถึงสัญญาณว่าพลังชีวิตของมันกำลังค่อยๆ หมดไป

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ฝนม่วงนี้ มันก็เหมือนกับผู้ฝึกตนอื่นๆ ค่อยๆ กลายเป็นมนุษย์ธรรมดาสามารถคิดได้ว่าอีกไม่นาน พวกมันก็จะเป็นผู้ฝึกตนที่ไม่มีเวทอาคมใดๆ เหลืออยู่ ในเวลานั้นพวกมัน…ก็จะเป็นมนุษย์ธรรมดาอย่างแท้จริง

อีกาดำจู่ๆ ก็ปรากฎขึ้น มันบินผ่านอากาศมา หดขนาดลงจนกระทั่งเล็กพอที่จะไปเกาะอยู่บนไหล่ของกู่ลา

กู่ลามองอีกาอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็กล่าวว่า “มีชนเผ่าที่ติดตามพวกเรามาสามวันแล้ว…”

หัวหน้าเผ่าอูปิงหันหน้าไปมองทางด้านหลัง ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ดูเหมือนจะเป็นเผ่าที่ถูกเรียกว่า เผ่าไท่ฮ่าน พวกมันเป็นเผ่าขนาดกลาง…”

สัตว์อสูรเทียมสวรรค์, นกแก้วและผีโต้ง พวกมันได้รวมตัวอยู่ในร่างเดียวกันอีกครั้ง ในตอนนี้เป็นเสียงของนกแก้วกล่าวว่า “เจ้าอยากให้อู่เหยียไปจัดการพวกมันหรือไม่?”

เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวตอบ เดินต่อไป หยิบเอาแผ่นหยกออกมา เป็นแผ่นหยกที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน เป็นสิ่งที่เขาได้มาจากถุงสมบัติของอี้เฉินจื่อ อธิบายถึงเวทการสังเวยโลหิตที่อี้เฉินจื่อได้ฝึกฝน

มันยังได้อธิบายถึงวิธีการฝึกภาพศักดิ์สิทธิ์ดวงจันทร์สีดำอีกด้วย รวมถึงวิชาการหลบหนี นอกจากนี้ ในรายละเอียดของเวทอันชั่วร้ายที่รู้จักกันในนามว่า เซี่ยจี้โซวหุน (สังเวยโลหิตควาญวิญญาณ) ซึ่งเป็นวิชาที่โหดร้ายไร้ความปราณี ทำให้เหยื่อยังมีชีวิตอยู่แต่ก็พิการไป

เมิ่งฮ่าวได้ศึกษามันมาตลอดในช่วงของการเดินทาง และตอนนี้ก็เข้าใจค่อนข้างดี

เมื่อคนอื่นๆ เห็นเมิ่งฮ่าวมีท่าทีเช่นนี้ พวกมันก็ไม่กล่าวอะไรออกมาอีก กลุ่มคนนับพันเดินต่อไปอีกเจ็ดถึงแปดวัน จนกระทั่งมาถึงสิ่งที่ดูคล้ายกับเป็นทะเล

ถ้ากล่าวให้ชัดเจนกว่านั้น มันก็คือทะเลสาบขนาดใหญ่ นี่เป็นเขตชายแดนของเทือกเขา ก่อนที่สายฝนจะตกลงมา จริงๆ แล้วก็เป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ที่ยืดยาวออกมาจากเทือกเขา ก่อนหน้านี้ มันเต็มไปด้วยสัตว์ปีศาจรวมถึงต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม แต่ในตอนนี้ มันไม่มีอะไรนอกไปจากผืนน้ำที่ยืดยาวออกไปไกลสุดสายตา

เมิ่งฮ่าวมองออกไปยังทะเลสาบชั่วขณะ จากนั้นก็หันหน้าไป “พวกมันอยู่ที่นี่” เขากล่าวเสียงราบเรียบ คนอื่นๆ หันหน้าจ้องไปยังด้านหลังในทิศทางที่พวกมันเพิ่งจากมาด้วยสายตาที่ระมัดระวังตัว

กลุ่มคนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์กระจัดกระจายกันออกไป สร้างเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ขึ้น สายตาพวกมันสาดประกายด้วยความไม่พอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนของเผ่าอูโต้ว หลังจากที่เมิ่งฮ่าวกลับมา เขาได้ประทับพวกมันด้วยภาพศักดิ์สิทธิ์ดินยะเยียบ ทำให้พื้นฐานฝึกตนของพวกมันก้าวหน้าขึ้น กลับไปอยู่ในจุดที่พวกมันเคยอยู่มาก่อน

ไม่นานมากนักก่อนที่เสียงฝีเท้าจะได้ยินมา พร้อมกับเสียงคำรามและแผดร้อง

ชนเผ่าที่มีกลุ่มคนประมาณสามพันคนปรากฎขึ้น มีอยู่หลายคนที่นั่งอยู่บนหลังสัตว์อสูรที่ดุร้าย ซึ่งดูค่อนข้างคล้ายกับเป็นราชสีห์ พวกมันพุ่งผ่านพื้นดินเข้ามาใกล้

ท่ามกลางจำนวนคนเหล่านั้น มีผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งอยู่ห้าคน หนึ่งในพวกมันอยู่ในขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้ง คนทั้งห้าปกคลุมด้วยรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้ว่าใบหน้าพวกมันค่อนข้างจะซีดขาวและผอมแห้ง แต่กระนั้นพวกมันก็ยังเปล่งความดุร้ายออกมา ขณะที่พุ่งเข้ามาใกล้ ผู้ฝึกตนนับพันมาหยุดห่างออกไปไกลหนึ่งร้อยจ้าง จ้องอย่างคุกคามมายังคนในเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์

หัวหน้าเผ่าอูปิงก้าวเท้าออกไป ดวงตาสาดประกายด้วยความเย็นชา มันเกือบจะตกตายไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่หลังจากที่กลับมา เมิ่งฮ่าวได้มอบเม็ดยาให้กับมันเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิต เสียงของมันเย็นชาขณะที่กล่าวขึ้น “พวกท่านคงเป็นเผ่าไท่ฮ่าน พวกข้าคือเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ พวกท่านติดตามพวกข้ามานานแล้ว ถ้าพวกท่านแค่เดินทางมาในทิศเดียวกัน ก็ได้โปรดเดินไปตามเส้นทางของท่าน”

จากพื้นฐานฝึกตนที่อยู่ในขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้ง เสียงของมันจึงดังก้องออกไปได้ยินอย่างชัดเจน

ไม่มีใครกล่าวตอบคำพูดของหัวหน้าเผ่าอูปิง จากผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งห้า หนึ่งในนั้นที่อยู่ในขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้ง เป็นชายชราสวมใส่ชุดยาวสีดำ ซึ่งกำลังถือหลัวผาน (เข็มทิศจีน) อยู่ในมือ หลังจากที่ชำเลืองมองไปยังหลัวผาน มันก็มองขึ้นไปยังกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหน้าในทันที ในที่สุดสายตาของมันก็มาหยุดนิ่งอยู่ที่เมิ่งฮ่าว ซึ่งมองไม่เห็นพื้นฐานฝึกตน ในความคาดคะเนของมัน บุคคลที่เป็นอุปสรรคอย่างมากสำหรับมันแล้วก็คือหัวหน้าเผ่าอูปิง หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ มันก็กัดฟันแน่น รังสีสังหารและความละโมบ ฉับพลันนั้นก็ลุกโชนอยู่ในแววตา

“อยู่ที่คนผู้นั้น! สำหรับคนอื่นๆ ห้ามปล่อยให้มีชีวิตรอดไปแม้แต่คนเดียว!”

ท่ามกลางคำพูดนี้ คนในเผ่าของมันก็ส่งเสียงคำรามแผดร้อง ขณะที่พวกมันหยิบเอาหินลมปราณออกมา พร้อมกับเร่งดูดซับพลังลมปราณเข้าไปอย่างรวดเร็ว สัตว์ปีศาจที่พวกมันขี่มาก็ส่งเสียงคำรามด้วยเช่นกัน จากนั้นกลุ่มคนทั้งสามพันคนก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ห้าผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งบินตรงมา ใช้พลังจากพื้นฐานฝึกตนที่ไม่ค่อยมีของพวกมันเข้ามาร่วมด้วย

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบแสงขึ้นขณะที่แค่นเสียงเย็นชาออกมา เขาโบกสะบัดมือขวา ทันใดนั้นก็ทำให้พลังของดินยะเยียบปรากฎขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ สายลมอันเย็นเยียบระเบิดออกมาพร้อมกับดินยะเยียบ เขาเคลื่อนที่ตรงไปด้วยการเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยในทันที ไปปรากฎกายขึ้นอีกครั้งที่ด้านข้างของหนึ่งในผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นต้น เขาโบกสะบัดมือ ทำให้พลังของรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟเดือดพล่านออกมา โจมตีไปพร้อมกันทั้งความหนาวเย็นยะเยียบและความร้อนที่ลุกโชน ร่างของผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นต้นระเบิดออกในทันที

ภาพที่เกิดขึ้นนี้ฉับพลันนั้นก็สร้างความตกใจไปทั่วทั้งเผ่าไท่ฮ่าน ทำให้สีหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นสิ่งที่พวกมันไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น การโจมตีของเมิ่งฮ่าวได้กำจัดหนึ่งในผู้เฒ่าสูงสุดของพวกมันไป!

ชายชราชุดดำอ้าปากค้าง จิตใจเริ่มหนักอึ้ง แต่ก็ไม่มีเวลาในการใคร่ครวญ มันพุ่งทะยานมุ่งหน้าตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

ผู้ฝึกตนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์อาศัยจังหวะนี้เปิดการโจมตีกลับไป

เมิ่งฮ่าวทำการโจมตีอย่างรวดเร็วและรุนแรง เขาใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย ไปปรากฎตัวขึ้นที่เบื้องหน้าชายชราชุดดำ มือขวายกขึ้น ทะเลเปลวไฟส่งเสียงกระหึ่มพุ่งออกมา จากนั้นก็ลดมือลง และหยาดฝนสีทองของภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุทองก็ปรากฎขึ้น ขณะที่มันพุ่งตรงไป ชายชราชุดดำก็ร่ายเวทพร้อมกันทั้งสองมือ อย่างน่าตกใจ ซือหู่เก้าหัว (ลูกผสมระหว่างสิงโตตัวผู้และเสือตัวเมีย) ฉับพลันนั้นก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าเขา ส่งเสียงคำรามขณะที่พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชาออกมาอีกครั้ง ต่อยหมัดขวาออกไป เสียงระเบิดดังก้องอยู่ในอากาศ ขณะที่ซือหู่เก้าหัวระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สายลมอันเย็นเยียบกรรโชกออกไป ขณะที่เมิ่งฮ่าวปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งที่เบื้องหน้าชายชราชุดดำ สีหน้าชายชราสลดลงในทันที หยิบเอาหินลมปราณออกมาเพื่อฟื้นฟูพลังลมปราณ พร้อมกับพุ่งถอยไปด้านหลังในเวลาเดียวกัน ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายและชี้นิ้วออกไป ใบหน้าชายชราชุดดำเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่มันตระหนักว่าร่างกายและพื้นฐานฝึกตนของมันถูกปิดผนึกไว้ เมิ่งฮ่าวเข้ามาใกล้อย่างเยือกเย็น และดึงหลัวผานไปจากมือมัน มองลงไป จากนั้นสีหน้าเขาก็เริ่มเคร่งขรึม

บนหลัวผานมีจุดที่เปล่งแสงอยู่หนึ่งจุด แสดงให้เห็นถึงตำแหน่งที่อยู่ของเมิ่งฮ่าว

“เจ้าได้ของสิ่งนี้มาจากไหน?” เมิ่งฮ่าวถามเสียงราบเรียบ

ชายชราชุดดำเริ่มกลับมาควบคุมร่างกายตัวเองได้แล้ว หอบหายใจแต่ก็ไม่พูดจา พุ่งถอยไปด้านหลัง

“ไม่ยอมบอกข้า? ก็ดี ข้าจะเก็บมันไว้” ด้วยเช่นนั้น เขาก็ตบไปที่ถุงสมบัติ ทันใดนั้น ฝูงสัตว์ปีศาจของเขาก็โผล่ออกมา “นอกจากสัตว์ปีศาจแล้ว ห้ามปล่อยให้ใครรอดชีวิตจากไปแม้แต่คนเดียว”สัตว์ปีศาจนับพันกระจายเต็มอยู่ในท้องฟ้าพุ่งตรงไป จากนั้นเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจก็ดังเต็มไปทั่วบริเวณนั้น

ในช่วงการอพยพของทะเลทรายตะวันตก เป็นสถานการณ์ที่ ‘ถ้าเจ้าไม่ตาย ข้าก็ไม่อาจมีชีวิตรอด’ ไม่มีที่ว่างให้กับความเมตตาการุณ ถ้าพวกเขาแสดงออกถึงความเมตตาจิต เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ก็จะถูกทำลายล้างไป

ในตอนที่เมิ่งฮ่าวตัดสินใจจะปกป้องเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ จิตใจก็เริ่มเย็นชากับศัตรูที่เข้ามาโจมตีพวกเขา เมื่อพวกมันเลือกที่จะมาโจมตี พวกมันก็ต้องตาย

ขณะที่เขาก้าวเนิบนาบตรงไป ทันใดนั้นร่างก็กลายเป็นกลุ่มควันสีเขียว ขณะที่เขาใช้วิชาหลบหนีของอี้เฉินจื่อ ไปปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าของชายชราชุดดำในทันที ยกมือขึ้นและค่ายกลกระบี่ดอกบัวก็ปรากฎออกมา

หลังจากที่กลับมาจากอาณาจักรแห่งซากสะพาน พลังแห่งกาลเวลาได้กลับมาอยู่ในระดับปกติเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ดินแดนในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยพลังของการทำลายล้าง และขาดแคลนพลังลมปราณ ทำให้การโจมตีไปยังพลังชีวิตของผู้ฝึกตนแทบไม่อาจจะตรวจพบได้อย่างต่อเนื่อง พลังของค่ายกลกระบี่ดอกบัวกระจายออกไป ฉับพลันนั้นก็ทำให้วงจรชีวิตหกสิบปีของชายชราชุดดำจางหายไปในทันที

“นี่…” สีหน้ามันสลดลงในทันที จิตใจหมุนเคว้งคว้าง พลังชีวิตของมันอ่อนแออยู่แล้วก่อนหน้านี้ เมื่อวงจรชีวิตหกสิบปีหายไป ก็ทำให้มันยิ่งแก่ชราลงไปกว่าเดิม มันรู้สึกตกใจด้วยเช่นกันเมื่อพบว่า ขณะที่มันใช้พลังลมปราณจำนวนมากมายไป เมื่อสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา ไม่อาจจะใช้หินลมปราณมาชดเชยได้รวดเร็วเพียงพอ แต่บุรุษหนุ่มผู้นี้ที่มันต่อสู้ด้วย ไม่ได้ใช้หินลมปราณเลยแม้แต่ก้อนเดียว

ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อในขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้มัน เขายกมือขวาขึ้นมา และทันใดนั้นแสงอันแปลกๆ ลี้ลับก็ปรากฎขึ้น กลายเป็นดวงจันทร์สีดำ ขณะที่พลังชีวิตของชายชรากำลังเริ่มหายไป ดวงจันทร์ก็มาหยุดอยู่ที่ด้านบนศีรษะของมัน

“ควาญวิญญาณ!”

เสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวจนทำให้โลหิตต้องแข็งตัว ได้ยินออกมาจากปากชายชรา ร่างกายของมันสั่นกระตุกอย่างรุนแรง และขณะที่มันพยายามกระเสือกกระสนดิ้นรน ค่ายกลกระบี่ดอกบัวก็หมุนวนไปมาอีกครั้ง ดูดวงจรชีวิตหกสิบปีของมันไปอีก ดวงตาชายชราเบิกกว้าง ขณะที่มันรู้สึกว่าความทรงจำของมันกำลังเลื่อนไหลไปราวกับเป็นสายน้ำ เมื่อเมิ่งฮ่าวจ้องมองมา

สีหน้าของเมิ่งฮ่าวฉับพลันนั้นก็เริ่มถมึงทึงและเย็นเยียบลง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!