Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 601

ตอนที่ 601

จื่อเซียงผู้ใจกว้าง

จื่อเซียงมองไปยังเมิ่งฮ่าว อย่างครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็พยักหน้า ดูเหมือนว่าในตอนนี้ จู่ๆ นางก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงลังเลอยู่ชั่วครู่

“ทั้งหมดนี้ก็คือตำนาน” นางกล่าวต่อ “ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ บางทีมันอาจจะจริง บางทีก็อาจจะเท็จ…ยิ่งไปกว่านั้น ความแปลกประหลาดของเจินหลิงเยี่ย (วิญญาณที่แท้จริงยามราตรี) ก็คือ มันสามารถจะปรากฏตัวขึ้นได้ทุกเมื่อ”

“ในสำนักเซียนอสูรดั้งเดิม ศิษย์ผู้ถูกเลือกมากมายนับไม่ถ้วน พยายามจะค้นหามัน ในความเชื่อของคนเหล่านั้น เยี่ยมีความสามารถที่คล้ายกับการเคลื่อนย้ายทางไกล แต่สิ่งที่มันเคลื่อนย้าย ไม่ใช่ขอบเขตทางกายภาพ แต่เป็นกาลเวลา”

“ดังนั้น จึงมีผู้คนมากมายเชื่ออย่างจริงจังว่า ความฝันของเยี่ยไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นการเคลื่อนย้ายทางไกลผ่านกาลเวลาจริงๆ แต่ก็ไม่มีหลักฐานมากนักที่จะมาช่วยสนับสนุนความเชื่อเช่นนี้”

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอย่างครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็หลับตาลงเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ไม่อาจจะมองเห็นร่องรอยความเปลี่ยนแปลงใดๆ ในความคิดของเขา

“ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นภาพลวงตาหรือของจริง” เขาพึมพำอยู่ในใจ “ตราบเท่าที่ข้าเชื่อว่ามันเป็นความจริง มันก็ยังคงเชื่อมต่ออยู่กับข้า และกรรมก็คงอยู่ในจิตใจข้า โดยไม่ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริง นั่นจึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด” เมื่อครู่นี้ เขารู้สึกค่อนข้างจะสับสน แต่หลังจากที่หลับตาลงชั่วครู่ ก็รู้สึกเข้าใจชัดแจ้ง

“ไปกันเถอะ” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ “สระน้ำเซียนอสูรรอพวกเราอยู่”

จื่อเซียงมองไปที่เมิ่งฮ่าวชั่วครู่ จากนั้นก็พยักหน้า คนทั้งสองเดินเรียงกันไป ตามเส้นทางเดิมจากก่อนหน้านี้ ขณะที่มุ่งหน้าตรงไปยังสระน้ำเซียนอสูร

ก่อนที่จะผ่านไปไม่นานมากนัก พวกเขาก็ไปถึงตำแหน่งของสระน้ำ ที่เคยมาตอนอยู่ในอาณาจักรที่สอง

พื้นที่แห่งนั้นถูกทำลายจนทรุดโทรมไป มองเห็นรอยร้าวอยู่ทั่วทุกที่ มีหลายส่วนที่พังทลายลงไป ก้อนศิลามากมายถูกบดขยี้ มีอยู่เพียงเล็กน้อยที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ ทั้งหมดนี้ทำให้ดูเหมือนว่า คงจะเป็นเรื่องยากที่จะเข้าไปใกล้สระน้ำได้ แม้แต่น้ำในสระก็ขุ่นมัวไม่เหมือนกับตอนที่พวกเขาอยู่ในอาณาจักรที่สอง มองเห็นตะกอนอยู่ในสระน้ำบางส่วน

ที่สำคัญมากที่สุดก็คือ น้ำในสระตื้นเป็นอย่างมาก…

เพียงมองแค่แวบแรก ก็เหมือนกับว่าสระนั้นเป็นแค่หลุมขนาดใหญ่ ก่อนหน้านี้ยังมีน้ำอยู่เต็มสระ แต่ตอนนี้ มีเหลืออยู่ที่ก้นสระเพียงเล็กน้อย บางทีอาจจะเหลือแค่หนึ่งในสิบส่วนเมื่อเทียบกับตอนที่อยู่ในอาณาจักรที่สองเท่านั้น

เมื่อนางมองเห็นน้ำที่เหลืออยู่เพียงแค่หนึ่งในสิบส่วน ดวงตาจื่อเซียงก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และถอนหายใจอย่างยาวนานออกมา สิ่งที่นางกลัวมากที่สุดก็คือ เมื่อมาถึงที่แห่งนี้แล้วพบว่า เนื่องจากกาลเวลาที่ผ่านมานานปี ทำให้น้ำในสระหายไปจนหมดสิ้น

ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะหมายความว่า ความพยายามทั้งหมดของนางต้องสูญเปล่า สิ่งที่สำนักนางได้จัดเตรียมมาทั้งหมดก็จะกลายเป็นเรื่องไร้สาระไปโดยสิ้นเชิง

ทุกสิ่งทุกอย่างก็คือการเสี่ยงโชค ถ้าสำเร็จก็จะนำไปสู่ความรุ่งโรจน์ แต่ถ้าล้มเหลวก็จะเกิดการขาดทุนขึ้น ซึ่งจะทำให้สำนักนางต้องตกต่ำลง

จื่อเซียงสะกดข่มความตื่นเต้นไว้ ขณะที่มองไปรอบๆ บริเวณนั้น เมื่อนางมองเห็นก้อนศิลาที่นางได้ทิ้งเครื่องหมายไว้ในอาณาจักรที่สอง นางก็เริ่มสั่นสะท้านและหายใจอย่างถี่เร็ว ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ที่จะสะกดข่มความตื่นเต้นนั้นไว้ได้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นสมบูรณ์แบบ ยังราบรื่นเกินกว่าสิ่งที่นางได้คาดคิดไว้ จุดสำคัญของทั้งหมดนี้ก็คือ ก้อนศิลาที่นางได้ทำเครื่องหมายไว้ การจะเข้ามายังที่แห่งนี้ได้ จำเป็นต้องมีคุณสมบัติที่เพียงพอ การจะเข้ามายังสระน้ำเซียนอสูร จำเป็นต้องมีคุณสมบัติอย่างที่สอง

คุณสมบัติอย่างที่สอง ต้องได้ครอบครองจากในอาณาจักรที่สองเท่านั้น แต่ก็ไม่อาจจะนำมาใช้ในที่นั่นได้ คุณสมบัตินั้นสามารถนำมาฝึกฝนอยู่ในอาณาจักรที่สามได้

ถ้าไม่มีอาณาจักรที่สอง เมื่อมีใครเข้ามาในอาณาจักรที่สามโดยตรง ตอนแรกก็ดูเหมือนว่าจะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่จื่อเซียงและสำนักของนาง ได้ใช้คำพยากรณ์เพื่อยืนยันให้แน่ใจว่า เนื่องจากกาลเวลาที่ผ่านไป และมหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่ ทำให้เวทป้องกันในพื้นที่บริเวณนี้ถูกผนึกไว้ทั้งหมด และจะไม่ยอมให้ผู้ใดบุกรุกผ่านเข้าไปได้

หนทางเดียวที่จะทำได้สำเร็จก็คือ ต้องได้รับคุณสมบัติในสมัยโบราณเท่านั้น!

จื่อเซียงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็หันหน้ามายังเมิ่งฮ่าว ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ

“สหายเต๋าเมิ่ง ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือทั้งหมดของท่าน ตอนนี้ข้าขอให้ท่านช่วยใช้ความชำนาญของท่านเพื่อเปิดเส้นทางออกมาอีกครั้ง ได้โปรดช่วยย้ายพลังคำสาปแช่งออกไปจากพื้นที่บริเวณนี้ และยอมให้ข้า…ผ่านสระน้ำเข้าไปได้สำเร็จ!” นางโค้งตัวลงให้เขาอีกครั้ง

เมิ่งฮ่าวเข้าใจว่า นี่ก็คือความช่วยเหลือที่นางต้องการจากเขา ทั่วทั้งบริเวณนี้ถูกทำลายลงไปและกลายเป็นซากปรักหักพัง ดูค่อนข้างจะยุ่งเหยิงและวุ่นวาย รวมถึงอาจจะอันตรายด้วย ความกังวลใจของจื่อเซียง ก็เนื่องมาจากบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้นางรู้สึกกังวล ย้อนกลับไปตอนที่อยู่ในสะพานเซียนเดินหน ซึ่งก็คือคำสาปแช่งที่มองไม่เห็น

ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าใด ก็จะยิ่งพบกับคำสาปแช่งอันน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น สิ่งต่างๆ ที่มาแตะต้องสัมผัสโดน ก็จะถูกกัดกินไปอย่างรุนแรงจนหมดสิ้น

“ให้ข้าทดลองดู” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับพยักหน้า เขาได้ให้คำสัญญากับจื่อเซียงไว้ และจะไม่กลับคำพูดจนกว่าจะควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้โดยแท้จริง

เมื่อย้อนคิดกลับไปยังประสบการณ์ของเขาในสะพานเซียนเดินหน เมิ่งฮ่าวก็ได้คาดเดาถึงเหตุผลบางอย่าง ที่ทำไมเขาถึงไม่ได้รับผลกระทบต่อคำสาปแช่ง บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับการที่เขาเป็นผู้ผนึกอสูรก็เป็นได้ ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย เดินตรงไป โบกสะบัดมือขวา ทำให้ศิลาบางก้อนซึ่งกำลังปิดกั้นเส้นทางพวกเขาไว้ ลอยขึ้นไปในอากาศ ก้อนศิลานั้นไม่ได้แสดงถึงการเป็นสิ่งของที่ถูกใช้ในการสาปแช่งใดๆ ดูเหมือนว่าไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายเท่าใด ก็สามารถยกมันขึ้นมาได้

เมิ่งฮ่าวเดินต่อไป คอยจัดการศิลาทั้งหมด แม้แต่ก้อนที่ลอยอยู่ในกลางอากาศ ในที่สุดก็เผยให้เห็นเป็นเส้นทาง ที่ทอดยาวตรงไปยังสระน้ำ

“เช่นนี้หรือไม่?” เมิ่งฮ่าวถาม มองกลับไปยังจื่อเซียง

นางอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นก็ไม่แน่ใจว่าคำสาปแช่งยังคงมีอยู่จริงหรือไม่ ถ้าไม่มีคำสาป…นั่นก็หมายความว่าการนำเมิ่งฮ่าวมาด้วย จริงๆ แล้วก็ทำให้เขาได้รับโชควาสนาเหมือนได้เปล่า

เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ นางก็รู้สึกกลุ้มใจ นอกจากนี้ นางได้สัญญากับเมิ่งฮ่าวว่า เขาสามารถจะแช่ลงไปในน้ำพร้อมกับนางได้ แต่ตอนนี้น้ำในสระก็น้อยมาก…

“เป็นไปได้ว่าอาจจะไม่มีคำสาปแช่งอยู่ ใช่หรือไม่?” นางคิด “อย่าบอกนะว่า ถ้าข้ามีคุณสมบัติที่เหมาะสม และตัวตนของข้าเป็นที่รู้จักแล้วละก็ ข้าก็จะไม่ถูกสาปแช่ง?” ด้วยเช่นนั้น นางจึงกัดฟันแน่น และเริ่มเดินตรงไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นางจะเดินไปได้เป็นก้าวที่สาม สีหน้าทันใดนั้นก็เปลี่ยนไป ผิวของนางเปลี่ยนเป็นสีดำในทันที โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก และนางก็รีบล่าถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว

จื่อเซียงถอยไปด้านหลังสี่ถึงห้าก้าว จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ โบกสะบัดมือขวา ทำให้เข็มสีทองนับร้อยปรากฏขึ้น จากนั้นก็แทงเข้าไปในร่างนางจากทิศทางที่แตกต่างกัน โลหิตสีดำจำนวนมากไหลซึมออกมา กระจายกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่ว ใบหน้าจื่อเซียงซีดขาวราวคนตาย ขณะที่หยิบเอาก้อนดินเหนียวขนาดเล็กออกมา พยายามกล้ำกลืนความปวดใจที่ต้องสูญเสียของวิเศษเช่นนี้ นางบดขยี้มัน ทำให้เม็ดยาสีอำพันลอยออกมา ซึ่งนางได้หยิบมันกลืนลงไปในทันที

เวลานานหลังจากนั้น จื่อเซียงยังคงรู้สึกอ่อนแอเป็นอย่างมาก แต่สีดำค่อยๆ จางหายไปจากผิวกายนาง จนกระทั่งในที่สุดก็หายไปจนหมดสิ้น อาการบาดเจ็บนางได้รับการฟื้นฟูกลับมา มองขึ้นไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าหวาดกลัว คนทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงแค่สิบจ้างเท่านั้น แต่สำหรับนาง ช่างเป็นระยะทางที่ห่างไกลจนน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อครู่นี้ นางแค่เฉียดเข้าไปใกล้คำสาปเท่านั้น ถ้านางเข้าไปในคำสาปอย่างเต็มตัว ก็คงจะกลายเป็นแอ่งน้ำสีดำไปนานแล้ว

เมื่อได้เห็นสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นกับจื่อเซียง เมิ่งฮ่าวก็เริ่มครุ่นคิด เขารู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นเล็กน้อย เริ่มสำรวจดูบริเวณรอบๆ นั้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็มองไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมใดๆ ราวกับว่าพื้นที่บริเวณนั้นเป็นเขตต้องห้ามอย่างแท้จริง ยกเว้นแต่ว่ามันไม่มีผลกระทบใดๆ กับเขาเลยแม้แต่น้อย

“ควรจะทำอย่างไรดี?” จื่อเซียงถาม อยู่ห่างออกไปมากกว่าสิบจ้าง มีสีหน้าวิตกกังวล ดวงตาเบิกกว้าง ห่างออกไปไม่ไกลก็จะสำเร็จแล้ว แต่ระยะห่างเช่นนั้นดูเหมือนจะกลายเป็นช่องว่างระหว่างสวรรค์และปฐพี ยากที่จะข้ามไปได้

อันที่จริง นางไม่ได้สังเกตแม้แต่น้อยว่า เสื้อผ้าของนางเริ่มเน่าเปื่อยไปแล้ว เมื่อสายลมพัดผ่านไป ก็ทำให้เสื้อผ้าบางส่วนกลายเป็นเถ้าธุลี และเผยให้เห็นผิวกายที่อยู่ภายใน

เมิ่งฮ่าวไม่แน่ใจไปมากกว่านาง ต่อสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ เขามองไปยังน้ำที่เหลืออยู่ไม่มากนักในสระ จากนั้นก็มองกลับไปยังจื่อเซียง “ท่านเดินตามหลังข้าไปดีหรือไม่?” เขาถาม

จื่อเซียงเงียบไปชั่วขณะ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ทำให้นางตกใจโดยสิ้นเชิง และไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ถึงแม้จะขอให้เมิ่งฮ่าวนำน้ำนั่นมาให้นางก็คงจะไร้ประโยชน์ การจะได้ครอบครองร่างเซียนอสูร นางต้องนั่งเข้าฌาณอยู่ในสระน้ำนั่นด้วยตนเอง

จื่อเซียงกัดฟันแน่น ความมุ่งมั่นปรากฏขึ้นในแววตา ทางสำนักได้จัดเตรียมเรื่องราวมากมายให้กับนางเพื่อจะบรรลุจนถึงจุดนี้ ความหวังทั้งหมดของสำนักได้ฝากไว้ที่ตัวนาง นางยินยอมที่จะตายอยู่ในที่แห่งนี้ ดีกว่าจะยอมแพ้อย่างง่ายดาย

จื่อเซียงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็ผงกศีรษะ ด้วยสีหน้าที่หมายความว่า นางพร้อมที่จะไปด้วย นางมองตรงไปยังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำอีกครั้ง

“ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของท่าน พี่เมิ่ง, จื่อเซียงจะจดจำความเมตตานี้ไปตราบชั่วชีวิตของข้า!” ท่าทางที่นางก้มตัวลง ทำให้เศษผ้าบางส่วนที่ปกปิดผิวกายของนางไว้ก่อนหน้านี้ เผยออกมาให้เมิ่งฮ่าวเห็นมากขึ้นกว่าเดิม ทันใดนั้น เขาก็มองเห็นภาพที่ชวนให้จิตวิญญาณต้องสั่นสะท้าน

จู่ๆ จื่อเซียงก็เริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้ ใบหน้ากลายเป็นสีแดง นางยืนตัวตรงขึ้นในทันที จากนั้นก็กล่าวเสียงราบเรียบ “ก็แค่ผิวกายภายนอก ถ้าพี่เมิ่งชอบมัน ข้าก็จะให้ท่านเป็นของกำนัล”

คำพูดแบบ ‘ใจกว้าง’ ของจื่อเซียง ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องกระแอมไอแบบแห้งๆ ออกมาสองสามครั้ง และสีหน้าแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขาแอบทำใจให้เยือกเย็นลง ทุกครั้งที่เขาได้พบกับจื่อเซียง ก็รู้สึกว่าอารมณ์ของนางค่อนข้างจะเปลี่ยนไป ทุกครั้งที่เขามาเผชิญหน้ากับนาง ก็ดูเหมือนว่านางจะมีบุคลิกที่แตกต่างกันออกไป

ตอนแรกนางเป็นหญิงสาวที่อ่อนหวานมีเสน่ห์ ต่อมาก็เสเพลไร้ศีลธรรม บางครั้งก็ตรงไปตรงมา และล่าสุดในตอนนี้…นางกลับพูดจาราวกับเป็นบุรุษ

“ช่างมัน ลืมมันเถอะ…” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ กระแอมไอออกมา เดินตรงไปยังจื่อเซียง ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ นางก็ยกมือขึ้นมาจับแขนเขาไว้ จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แววตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่เด็ดเดี่ยว

เมิ่งฮ่าวมองไปยังนางอีกครั้ง จากนั้นโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก หันหลัง และเดินนำหน้านางไปหนึ่งก้าว จากนั้นก็สองก้าว สามก้าว…

ร่างจื่อเซียงสั่นสะท้าน จนถึงตอนที่คนทั้งสองไปถึงจุดที่ทำให้สีหน้านางต้องเปลี่ยนไปในครั้งล่าสุด นางรู้สึกกังวลใจอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ครั้งนี้นางไม่รู้สึกถึงคำสาปแช่งเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เสื้อผ้านางในตอนนี้ได้หายไปอย่างรวดเร็ว…

จนถึงตอนที่คนทั้งสองเดินไปได้เจ็ดถึงแปดก้าว พวกเขาก็เข้าไปอยู่ในเขตพื้นที่คำสาปแช่งโดยสิ้นเชิง เสื้อผ้าจื่อเซียงในตอนนี้หายไปจนหมดสิ้น เผยให้เห็นถึงร่างกายที่งดงาม ซึ่งสามารถทำให้บุรุษใดๆ ก็ตามต้องหอบหายใจด้วยความปรารถนาออกมา

ส่วนโค้งส่วนเว้าของนาง มีความโดดเด่นงดงามอย่างไร้ที่ติ

เมิ่งฮ่าวชำเลืองมองไปยังนาง และได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาเห็นร่างกายของหญิงสาวแล้วเกิดความประทับใจ ครั้งแรกตอนที่เขาได้เห็นฉู่อวี้เยียน ในตอนนี้โดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกเขาได้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ขณะที่เขาคิดเปรียบเทียบระหว่างคนทั้งสอง ก็ยิ้มออกมาและพยักหน้าเป็นระยะ บางครั้งก็ขมวดคิ้ว และเผยให้เห็นสีหน้าพิศวงเป็นครั้งคราว

จื่อเซียงมองไปยังเขา กัดฟันแน่น จากนั้นก็กล่าวผ่านร่องฟันออกมา “ท่านชอบส่วนไหนบ้าง? ข้าจะมอบให้กับท่าน”

เมิ่งฮ่าวยิ้มและชี้ไป

จื่อเซียงเลิกคิ้วขึ้น ฉับพลันนั้นนางก็ทำมือขวาให้กลายเป็นใบมีดที่แหลมคม จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังส่วนหน้าอก ที่เมิ่งฮ่าวชี้มา

ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้าง เขารีบหยุดนางไว้อย่างรวดเร็ว “ข้ากลัวเจ้าแล้ว ไม่ต้องแล้ว ต่อให้เจ้าตัดออกมา ข้าก็ไม่ต้องการ”

จื่อเซียงมองเมิ่งฮ่าวด้วยความเกลียดชังอยู่ชั่วขณะ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา นางจับเขาไว้ ขณะที่คนทั้งสองเดินมุ่งหน้าตรงไปยังสระน้ำ ในที่สุดพวกเขาก็ลงไปในน้ำด้วยกัน เดินลงไปตรงจุดกึ่งกลาง

ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่าน้ำนั้นขุ่นเป็นโคลน แต่ก็มีบางสิ่งที่แปลกๆ เกิดขึ้น กลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนเริ่มกระจายออกมาจากร่างจื่อเซียง ขณะที่มันกระจายออกมา ก็หลอมรวมเข้าไปในน้ำนั่น ทำให้น้ำพลุ่งพล่านปั่นป่วนไปมา เพียงชั่วพริบตา มันก็ไม่ได้เป็นน้ำโคลนอีกต่อไป แต่ใสสะอาดโดยสิ้นเชิง และยังได้เริ่มกระจายกลิ่นหอมอันละเอียดอ่อน ของมันเองออกมาอีกด้วย

ถ้าวิเคราะห์ดูให้ละเอียด ก็จะพบว่ากลิ่นหอมนั้นเหมือนกับกลิ่นหอมของจื่อเซียง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!