ตอนที่ 645
เต่าชราที่ไร้ยางอาย!
ทันทีที่ปรมาจารย์เอกะเทวะ
ปรากฏกายขึ้นที่ด้านนอก ทั่วทั้งเกาะศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือน มันสวมใส่ชุดยาวสีฟ้า เส้นผมพริ้วไปมาในสายลม ดูท่าทางเก่าแก่โบราณ แต่ดวงตาเปล่งแสงอันเจิดจ้า เส้นเลือดโผล่ออกมาจากหน้าผาก ความกราดเกรี้ยวและเดือดดาลที่อยู่ในจิตใจมัน ได้บรรลุถึงจุดที่ต้องหาที่ระบายออกเท่านั้น
เพียงก้าวแรก มันก็เคลื่อนที่ผ่านไปครึ่งเกาะศักดิ์สิทธิ์ ไปปรากฏกายอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว อยู่ตรงกลางระหว่างเขาและปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง!
มันยกมือขวาขึ้นมา และทันใดนั้น แผ่นผืนของกระแสก็พุ่งขึ้นไป กระจายปราณอสูรรวมทั้งแสงหลากสีอันน่าตกใจออกไป ทันใดนั้น ฝ่ามือของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังก็กระแทกตรงมา
“ข้าคือเหลาจู่! ไสหัวไปได้แล้วในตอนนี้!” มันเงยหน้าขึ้นส่งเสียงแผดร้องอย่างมีโทสะออกมา เสียงนั้นดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทางราวกับเป็นเสียงฟ้าร้อง
กลุ่มหมอกและฝ่ามือกระแทกเข้าหากัน ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ปรมาจารย์เอกะเทวะสั่นสะท้านถอยไปด้านหลัง ราวกับว่าสายลมอันคลุ้มคลั่งเพิ่งจะกวาดผ่านมันไป เมื่อมันเงยหน้ามองขึ้นไป แววตาอันดุร้ายก็เต็มอยู่ในดวงตา
ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังก็สั่นสะท้านด้วยเช่นเดียวกัน ดวงตามันสาดประกายเจิดจ้า แต่จากนั้นก็หัวเราะเสียงเย็นชาออกมา
“ผู้ฝึกตนตัดวิญญาณอันกระจ้อยร่อย?” มันกล่าวเสียงราบเรียบ “เด็กน้อย, นี่ก็คือบุคคลที่เจ้ากำลังพึ่งพา? ข้าจะกำจัดมันและทำลายความหวังที่เจ้ามีต่อมันทิ้งไป!” จากท่าทีที่มันพูดออกมา การกำจัดปรมาจารย์เอกะเทวะ ถือว่าเป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่งสำหรับมัน
อันที่จริง จากมุมมองของมัน การกำจัดผู้ฝึกตนขั้นตัดวิญญาณจริงๆ แล้วก็เป็นเรื่องที่เรียบง่าย ถ้ากล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว เมิ่งฮ่าวไม่อาจต่อต้านมันได้แม้แต่เพียงครึ่งเสี้ยว เหตุผลที่ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังจำเป็นต้องระมัดระวังไม่สังหารเขาก็เป็นเพราะว่า ถ้าสังหารเขาไป ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะขโมยพื้นฐานเต๋าของเขามาได้
ถ้ากล่าวกันตามความเป็นจริงแล้ว ปรมาจารย์ตระกูลหวังมีเวทแห่งเต๋ามากมาย ที่สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เบื้องหน้ามันได้อย่างง่ายดาย
“ข้าคือปรมาจารย์แห่งตระกูลหวัง บรรพบุรุษของตระกูลคิดค้นวิชาดรรชนีสามโจมตีขึ้นมา สองในนั้นได้กลายเป็นวิชาที่หายสาบสูญไปแล้ว แต่ดรรชนีทำลายล้าง ยังคงกลายเป็นมรดกที่ถูกส่งต่อกันมา” ด้วยเช่นนั้น ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังก็ชี้นิ้วตรงไปในอากาศ ดูเหมือนว่ามันจะมีพลังแห่งการทำลายล้าง พลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทันใดนั้นก็เริ่มเหี่ยวแห้งไป ภายใต้พลังของดรรชนีที่มันโจมตีมา
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น ขณะที่รับรู้ได้ว่าพลังชีวิตของเขากำลังจางหายไป แสงอันเย็นชาทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นในดวงตา ขณะที่เขาพุ่งถอยไปด้านหลังอีกครั้ง เมื่อได้รับความรู้แจ้งเกี่ยวกับวิชาการสั่นสะเทือน ทันใดนั้นแรงสั่นสะเทือนนับร้อยก็ปรากฏขึ้นอยู่ภายในร่าง ป้องกันพลังชีวิตของเขาไว้ ทำให้ผลกระทบจากการเหี่ยวแห้งเริ่มช้าลงในทันที
“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะจากไป” เมิ่งฮ่าวคิด ความคิดมากมายนับไม่ถ้วนวิ่งผ่านในจิตใจ “ข้าต้องรอให้นานกว่านี้อีกเล็กน้อย จนกระทั่งการต่อสู้ระหว่างเต่าชราเอกะเทวะ และเจ้าบัดซบตระกูลหวังบรรลุถึงจุดสูงสุด เมื่อเพลิงโทสะที่แท้จริงของมันเดือดพล่าน” เหตุผลทั้งหมดที่เขายังอยู่บนเกาะศักดิ์สิทธิ์นี้ ก็คือการโจมตีปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังในที่แห่งนี้ และใช้พลังของปรมาจารย์เอกะเทวะเพื่อกำจัดมัน ทำให้เขารอดพ้นจากวิกฤตอันตรายครั้งนี้ไปได้
กู๋อี่ติงซานอวี่ยืนอยู่ข้างกายเขา มีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง สำหรับฉวนหลิง ดวงตามันสาดประกายด้วยแสงเจิดจ้า ขณะที่ยืนคุ้มกันอยู่ห่างออกไปด้านข้าง
เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในสวรรค์และปฐพี และการสั่นไหวของเกาะศักดิ์สิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญของสำนักเซียวเหยาได้กระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้ พวกมันรู้ดีว่ากำลังบินเข้าไปในเขตอันตราย แต่กฎของสำนักเซียวเหยาก็เข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง ระดับอาวุโสเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด ถ้าปรมาจารย์กำลังต่อสู้ ถึงแม้ว่าพวกมันไม่อาจจะเทียบได้ จนกว่าจะมีคำสั่งให้พวกมันจากไป มิเช่นนั้นพวกมันก็จำเป็นต้องมา
ผู้ที่มีความกังวลใจมากที่สุดก็คือ ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งที่ด้านล่าง คนที่พยายามจะปล้นเมิ่งฮ่าว มันกำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ดวงตาเบิกกว้างราวกับเป็นลูกหนัง ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ทำให้มันต้องหอบหายใจอย่างถี่เร็ว จิตใจหมุนคว้าง แม้แต่ขบคิดมันก็ยังไม่อาจจะทำได้ ไม่ว่าเมิ่งฮ่าว, ปรมาจารย์เอกะเทวะ หรือปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ไม่มีใครในคนทั้งสามที่มันจะสามารถพูดคุยด้วยได้ สำหรับผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้ง การเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นความโชคร้ายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตลอดทั้งชีวิตของมัน
สวรรค์และปฐพีกำลังจมลงไปในการทำลายล้างนี้ ดรรชนีโจมตีของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ทำให้ทั่วทั้งบริเวณนั้นกลายเป็นสีเทา มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังมีสีอยู่ก็คือ ปรมาจารย์ตระกูลหวัง
ดรรชนีชี้ลงมา และพื้นดินก็สั่นสะเทือน
คิ้วของปรมาจารย์เอกะเทวะชี้ชันขึ้นไป มันร่ายเวทอาคมด้วยมือขวา ทันใดนั้นปราณอสูรก็ม้วนกวาดออกไป
“เจ้าพูดพล่ามเรื่องดรรชนีทำลายล้างอันใด?! เหลาจู่ไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนั้น วิชาอสูร, แยกสวรรค์หั่นปฐพี!” ปรมาจารย์เอกะเทวะชี้นิ้วไปด้วยเช่นกัน จากที่มองดูเล็บนิ้วของมันกลายเป็นสวรรค์ และชิ้นเนื้อที่นิ้วกลายเป็นปฐพี สำหรับส่วนปลายนิ้ว ได้กลายเป็นบางสิ่งที่ดูคล้ายกับเป็นใบมีดอันแหลมคม ซึ่งสามารถผ่าทั้งสวรรค์และปฐพีให้แยกออกจากกันได้
การโจมตีของดรรชนีทั้งสอง กระแทกเข้าหากันในกลางอากาศ
ตูม!
เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง จนทำให้ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งที่อยู่ด้านล่างต้องกระอักโลหิตออกมา ขณะที่มันลอยหมุนคว้างไปทางด้านหลัง เมิ่งฮ่าวก็ล้มไปทางด้านหลังด้วยเช่นกัน ดวงตาสาดประกายขณะที่มองเห็นต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ ตัวเริ่มแห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว สำหรับปรมาจารย์เอกะเทวะ นิ้วที่ยื่นออกไปของมันเริ่มแห้งเหี่ยวลง จนกระจายออกไปทั่วทั้งร่าง
ภายในชั่วพริบตา เส้นผมของมันก็ร่วงหล่นลงไป ทั่วทั้งร่างผอมกระหร่อง แทบจะดูคล้ายกับเป็นซากศพที่แห้งกรัง จากนั้นเสียงปะทุก็ได้ยินมาขณะที่มันระเบิดออก กลายเป็นจุดแสงมากมายนับไม่ถ้วนลอยหายไป
สีหน้าปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ดูเหมือนมันจะมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างมากต่อดรรชนีโจมตีเมื่อครู่นี้
“นั่นก็คือคนที่เจ้ากำลังพึ่งพา?” มันถามเสียงราบเรียบ มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยแววตาที่เยาะเย้ยอย่างเต็มที่
สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่ง กู๋อี่ติงซานอวี่ที่ด้านข้างก็เป็นเช่นเดียวกัน ทำให้ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง มันบอกได้ว่ามีบางสิ่งที่ค่อนข้างไม่ถูกต้อง ขณะที่มันกำลังจะก้าวเท้าไปข้างหน้า เสียงกระหึ่มกึกก้องทันใดนั้นก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ
“บัดซบ! เจ้าสารเลวผู้นี้กล้ามาทำลายร่างจำแลงของเหลาจู่!?” ทันใดนั้น ไอน้ำที่รวมตัวกันจนคล้ายกับก้อนเมฆก็ปรากฏขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง ซึ่งค่อยๆ ก่อตัวกลับไปเป็นร่างของปรมาจารย์เอกะเทวะอีกครั้ง
พื้นฐานฝึกตนของปรมาจารย์เอกะเทวะใหม่นี้อ่อนแอลงกว่าเดิมเล็กน้อย ทันทีที่มันปรากฏขึ้น เพลิงโทสะของมันก็เดือดพล่านพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า และแววตาบ้าคลั่งก็ปรากฏขึ้นในดวงตา มันพุ่งตรงไปในทันที
“ถ้าข้าอยู่ที่นี่” มันแผดร้องออกมา “ก็ไม่มีใครสามารถสังหารเจ้าสาระ…เอ่อ อืม, เมิ่งฮ่าวได้!”
ถ้ามันไม่ได้กล่าวคำพูดเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรที่ผิดปกติ แต่ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากของมัน จิตใจเมิ่งฮ่าวก็เริ่มเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที เขาไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอนว่า ปรมาจารย์เอกะเทวะจะกล่าวคำพูดเช่นนั้นออกมา และหมายความเช่นนั้นอย่างแท้จริง
“บัดซบ, วิชาอะไรที่ทำให้เต่าชราออกมาจากผนึกอสูรได้…?”
“มันต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับคำพูดที่มันเพิ่งจะกล่าวออกมา อย่าบอกข้านะว่าไม่ว่ามันจะใช้วิชาอะไร ก็สามารถออกไปจากการต่อสู้ที่นี่ได้?” เมิ่งฮ่าวไม่ใช่ผู้ฝึกตนอ่อนหัดเหมือนที่เขาเคยเป็นเมื่อนานมาแล้วอีกต่อไป หลังจากผ่านประสบการณ์มามากมาย เขาได้ฝึกฝนจนตัวเองมีความคิดที่เฉียบคม จากคำพูดของปรมาจารย์เอกะเทวะเมื่อครู่นี้ ทำให้เขารับรู้ได้ถึงร่องรอยบางอย่างว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้น
ขณะที่จิตใจเมิ่งฮ่าวกำลังหมุนติ้วด้วยความคิดมากมายนับไม่ถ้วน ปรมาจารย์เอกะเทวะก็เข้ามาใกล้ และจากนั้นก็ไปยืนอยู่ระหว่างเขาและปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง โบกสะบัดชายแขนเสื้อ
“เมิ่งฮ่าว ออกไปจากที่นี่!” มันกล่าว จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังอีกครั้ง
เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และจากนั้นก็หอบหายใจออกมาเบาๆ ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังแค่นเสียงเย็นชา และก้าวเท้ามาข้างหน้า จากนั้นก็โจมตีด้วยดรรชนีทำลายล้างอีกครั้ง
เหมือนกับก่อนหน้านี้ การโจมตีของดรรชนีนั้นทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นสีเทา และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็ถูกทำลายลงไป ปรมาจารย์เอกะเทวะเงยหน้าขึ้น และส่งเสียงแผดร้องด้วยความเดือดดาลออกมา
“ชีวิตก็คือของวิเศษ! คำสัญญาก็เป็นมากกว่าชั่วนิรันดร์! ข้าคือปรมาจารย์เอกะเทวะ และข้าก็ให้คำสัญญาว่าจะเป็นผู้พิทักษ์เต๋าของเมิ่งฮ่าว! ถึงแม้ข้าจะฉีกขาดออกเป็นพันชิ้น ข้าก็จะยึดมั่นในคำสัญญาของข้า!”
ดูเหมือนว่ามันจะไม่เกรงกลัวต่อความตายโดยสิ้นเชิง ปรมาจารย์เอกะเทวะพุ่งตรงไป ราวกับว่ามันยินดีที่จะตายในการต่อสู้ เพื่อขัดขวางพลังของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ขณะที่มันพุ่งตรงไป ก็ขยับมือร่ายเวท ปลดปล่อยวิชาอสูรพุ่งโจมตีไปอย่างไม่เกรงกลัว
ใครก็ตามที่กำลังมองดูอยู่ ก็ต้องรู้สึกนับถือต่อภาพอันกล้าหาญนั้นอย่างแน่นอน ยอมสละชีวิตเพื่อรักษาคำสัญญา นั่นก็คือการกระทำของบุรุษที่แท้จริง!
แต่เมิ่งฮ่าวก็เข้าใจในตัวตนของปรมาจารย์เอกะเทวะเป็นอย่างดี เขารู้ว่าเจ้าเต่าชราบัดซบผู้นี้ไม่มีทางจะกระทำเช่นนั้นได้ เหงื่อเย็นๆ เริ่มไหลลงมาจากหน้าผาก ขณะที่ความรู้สึกเลวร้ายเป็นอย่างมากเกิดขึ้นเต็มอยู่ในจิตใจ
โดยไม่ลังเล เมิ่งฮ่าวโยนแผนการก่อนหน้านี้ทั้งหมดทิ้งไป และเริ่มหลบหนีไปในทิศทางตรงกันข้าม กู๋อี่ติงซานอวี่มองไปยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังหลบหนีไป และจากนั้นก็มองกลับไปยังปรมาจารย์เอกะเทวะ ขณะที่ดูเหมือนว่ามันจะเผชิญหน้ากับความตายโดยไม่สะทกสะท้าน จากนั้นนางก็ถอนหายใจออกมา
ปัง!
ภายใต้พลังของดรรชนีทำลายล้าง ร่างปรมาจารย์เอกะเทวะแห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็พังทลายลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงกู่ร้องก็ได้ยินมา กลุ่มหมอกเริ่มรวมตัวเข้าด้วยกันอีก กลายเป็นปรมาจารย์เอกะเทวะอีกครั้ง และอีกครั้งที่มันเสี่ยงตาย พุ่งเข้าไปขัดขวางปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง
“ข้าสามารถตายไปโดยไร้ความเสียใจใดๆ แต่เมิ่งฮ่าว…ต้องไม่ตาย!” ปรมาจารย์เอกะเทวะร้องออกมา “นี่คือคำสัญญาของข้าจากเมื่อหลายปีก่อน!”
แสงแปลกๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ขณะที่มันมองไปยังปรมาจารย์เอกะเทวะ
“คำสัญญาสามารถทำให้ใครบางคนมีความกล้าหาญ จนต้องใช้แก่นชีวิตของมันเอง เพื่อกลับมามีชีวิตอีกครั้งเช่นนี้!” จากมุมมองของปรมาจารย์ตระกูลหวัง ปรมาจารย์เอกะเทวะต้องใช้แก่นชีวิตของร่างจริงมันเอง เพื่อกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม
สำหรับผู้ฝึกตนในอาณาจักรของมัน แก่นชีวิตของคนผู้หนึ่ง เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในบรรดาทรัพย์สมบัติทั้งมวล การสูญเสียมันไป อาจจะนำมาซึ่งอาการบาดเจ็บสาหัส ทำให้ยากต่อการฟื้นฟูให้กลับคืนมาได้ดังเดิม มันเป็นของวิเศษอย่างแท้จริง
ท่าทางเคารพนับถือปรากฏขึ้นในแววตาของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ทันใดนั้นมันก็ตระหนักว่าถ้าปรมาจารย์เอกะเทวะผู้นี้มาเป็นคนในตระกูลของมัน มันก็คงจะมีผู้พิทักษ์อันยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
เมิ่งฮ่าวกำลังก่นด่าสาปแช่งอยู่ภายในใจ ตอนนี้เขาเริ่มรู้แล้วว่าปรมาจารย์เอกะเทวะกำลังทำอะไรอยู่ ตอนนี้เมิ่งฮ่าวทุ่มเทความเร็วทั้งหมดที่เขาสามารถรวบรวมได้หลบหนีไป แต่กระนั้นเขาก็ยังปรารถนาที่จะเคลื่อนที่ไปให้เร็วกว่าเดิมนับพันเท่า
“ฮา ฮา ฮา!” ปรมาจารย์เอกะเทวะคิด “กลายเป็นว่าวิธีนี้ได้ผล เหลาจู่ช่างชาญฉลาดเป็นอย่างยิ่งอีกครั้ง! ผนึกอสูรต้องใช้ในตอนที่ข้ากลายเป็นผู้พิทักษ์เต๋าเท่านั้น ผู้พิทักษ์เต๋า, อืม นั่นก็หมายถึงการปกป้องคุ้มครอง! และความหมายที่แท้จริงของเต๋าก็คือ อารมณ์ของตนเอง ดังนั้นตัวตนของผู้พิทักษ์เต๋า ไม่ได้หมายความว่า ข้าต้องปกป้องเจ้าสารเลวน้อยนั่นจากความตาย สิ่งที่ข้าต้องทำก็คือคุ้มครองมันแค่เล็กน้อย ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ตราบเท่าที่ข้าพยายามอย่างหนัก ก็ไม่เป็นไร”
“และข้าก็กำลังพยายามอย่างหนัก! นี่ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ร่างจำแลง แต่ข้าก็ต้องใช้แก่นแท้ของชีวิตข้า, ใช่หรือไม่?! สำหรับผนึกอสูร มันไม่ควรจะเป็นปัญหาใหญ่มากนัก ฮา ฮา ฮา! เหลาจู่ช่างชาญฉลาดจริงๆ!”
“ครั้งนี้ ไม่ถือว่าเป็นการต่อต้านผนึกอสูร!” ปรมาจารย์เอกะเทวะรู้สึกค่อนข้างภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ที่ด้านนอก มันมีท่าทางเดือดดาล ดูเหมือนกำลังทุ่มสุดตัวเพื่อขัดขวางปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง อีกครั้งที่ร่างกายมันเหี่ยวแห้งและจากนั้นก็พังทลายลงไป
ต่อมามันก็ปรากฏกายขึ้นใหม่ ดูอ่อนแอลงมากกว่าเดิม ตอนนี้ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังได้ยกย่องชื่นชมต่อความจงรักภักดีของปรมาจารย์เอกะเทวะอย่างแท้จริง ครั้งนี้เมื่อร่างของปรมาจารย์เอกะเทวะแห้งเหี่ยวไป ปรมาจารย์ตระกูลหวังไม่รอให้มันก่อตัวขึ้นมาใหม่ ก็รีบพุ่งออกไปไล่ติดตามเมิ่งฮ่าวในทันที
เมื่อปรมาจารย์เอกะเทวะปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง มันก็อ่อนแอลงอย่างถึงที่สุด อันที่จริงร่างของมันแทบจะมองไม่เห็น กลายเป็นภาพลวงตาที่ร่างจริงของมันเท่านั้นถึงจะมองเห็นได้
ตอนนี้มันดูเหมือนกับเต่าที่น่ากลัว ยืนอยู่ที่นั่นมองไป ขณะที่ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังกำลังไล่ตามเมิ่งฮ่าวไป
สีหน้ามันดูโศกเศร้าและไม่พอใจอย่างน่าเหลือเชื่อ ตะโกนออกมาว่า “อย่าสังหารมัน! มาสังหารข้าแทน!” ภายในใจปรมาจารย์เอกะเทวะกำลังหัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่ง แต่ที่ด้านนอก ดวงตามันเป็นสีแดงก่ำ เงยหน้าขึ้นส่งเสียงกู่ร้อง และจากนั้นก็ไล่ติดตามไป
“มาสังหารข้าเถอะ! ข้าต้องรักษาสัญญาแม้ว่าจะต้องตายไปก็ตามที อย่าสังหารมัน!! ข้าไม่เพียงแต่เป็นผู้พิทักษ์เต๋าของมันเท่านั้น ข้ายังเป็นปรมาจารย์ของมันอีกด้วย! มันก็คือศิษย์ที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในสำนักเซียวเหยารองจากข้า! มันก็คืออนาคต และความหวังของสำนักเซียวเหยา ข้าไม่ยอมให้เจ้าสังหารมัน!”
“ไร้ยางอายนัก!!” เมิ่งฮ่าวแผดเสียงผ่านร่องฟัน โดยไม่ลังเล หยิบเอาเครื่องรางนำโชคออกมา และกำลังจะกดลงไปอย่างแรง แต่ทันใดนั้น…
ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังก็หันหน้าไป ที่นั่น มันมองเห็นปรมาจารย์เอกะเทวะ มีท่าทางทั้งอิ่มเอมใจและเดือดดาล ตอนนี้มันอยู่ในร่างเต่าแล้ว และดวงตาก็สาดประกายด้วยแสงแปลกๆ
ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังเกิดความประทับใจ “ข้าเคยเห็นสัตว์อสูรมามากมายในชีวิตของข้า แต่นี่ก็คือ…ตัวที่มีความจงรักภักดีมากที่สุด เท่าที่ข้าเคยพบเห็นมาอย่างแน่นอน!”