ตอนที่ 657
หยางหุนเซิ่งแห่งสามสำนัก
“ข้าจำได้ว่าท่านอาจารย์เคยบอกว่า หยินเติงซ่างเหริน (ผู้สูงส่งตะเกียงเงิน) เคยมาหาท่านเมื่อเจ็ดร้อยปีก่อน ขอให้ท่านช่วยแก้ปัญหาของดอกปี่อ้าน ท่านอาจารย์สามารถช่วยได้เล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจจะช่วยแก้ปัญหาที่แท้จริงได้ จากนั้นหยินเติงซ่างเหรินก็กลับไป ไม่กี่ร้อยปีต่อมา มันก็สามารถกำจัดพิษดอกปี่อ้านได้!”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า…การเปลี่ยนแปลงในอสูรทะเลแห่งทะเลเทียนเหอเหล่านี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับหยินเติงซ่างเหริน?”
จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และดวงตาก็แวบขึ้น แต่ก็รู้ว่าถึงจะกังวลใจไปก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ จำเป็นต้องปล่อยให้ร่องรอยปรากฏขึ้นไปตามกาลเวลา ตอนนี้การสังหารอสูรทะเลอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะด้วยระดับพื้นฐานฝึกตนของเขา ก็ยังทำให้รู้สึกค่อนข้างจะเหน็ดเหนื่อย เมื่อพิจารณาถึงจำนวนอสูรทะเลที่มีอยู่อย่างมากมายในบริเวณนี้ ถึงแม้เขาจะสังหารพวกมันต่อไปอีกหลายวัน ก็ยังคงไม่อาจจะสังหารพวกมันไปได้ทั้งหมด
ดังนั้น เขารู้ว่าตั้งแต่ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในทะเลอย่างรุนแรง ก็จะทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างกระจายออกไป คงอีกไม่นานก่อนที่บุคคลภายนอกจะมายังที่แห่งนี้เพื่อตรวจสอบ
“ก่อนอื่นข้าจะสังหารเจ้าก่อน!” เมิ่งฮ่าวกล่าว หันหน้าตรงไปยังยักษ์ขนาดใหญ่ ถ้ายักษ์ตัวนี้ไม่ได้ทำลายเกาะแห่งนี้ไป เมิ่งฮ่าวก็คงไม่ต้องตกอยู่ใต้ทะเลเช่นในตอนนี้
เขาควบคุมสัญลักษณ์เวทอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกมันกระจายออกกวาดไปทั่วบริเวณนั้น ยักษ์เข้ามาใกล้ ส่งเสียงคำรามเกิดเป็นฟองอากาศลอยอยู่รอบๆ ตัว ขณะที่มันพุ่งเข้ามา
เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชาออกมา และจากนั้นก็กำมือขวาเป็นหมัด
“ทำลายล้างสวรรค์ชั้นแรก!” เขากล่าว ดวงตาสาดประกาย ภาพลวงตาปรากฏขึ้นอยู่บนมือ แทบจะราวกับว่ามีภาพของสองมือปรากฏขึ้นและรวมเข้าด้วยกัน นี่เป็นเวทแห่งเต๋าซึ่งเมิ่งฮ่าวได้รับมาจากเจดีย์เซียนอสูร วิชาทำลายล้างสวรรค์ชั้นแรก
หลังจากที่ออกมาจากสำนักเซียนอสูร เขาเคยครุ่นคิดถึงวิชานี้อยู่ภายในใจเป็นระยะ หลังจากนั้นเมื่อพบกับกู๋อี่ติงซานอวี่ เขาก็รู้แจ้งเกี่ยวกับเรื่องของการสั่นสะเทือน ทำให้เกิดเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความคิดแตกหน่อขึ้นมาในจิตใจ และจากนั้นเขาก็เข้าใจได้ทั้งหมด
วิชาทำลายล้างสวรรค์ชั้นแรกก็คือการสั่นสะเทือน!
หมัดกระแทกลงไปและน้ำก็ระเบิดขึ้น ฟองอากาศแตกกระจายไป และหมัดของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งออกไปราวกับเป็นสายฟ้า กระแทกตรงไปยังยักษ์ตนนั้น
ปัง!
“สวรรค์ชั้นสอง!” เมิ่งฮ่าวต่อยไปอีกครั้ง และน้ำก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน ระเบิดออกเพื่อสร้างเป็นคลื่นยักษ์
“สวรรค์ชั้นสาม!” รังสีสังหารแวบอยู่ในดวงตา ขณะที่หมัดกระแทกลงไป ยักษ์ตนนั้นส่งเสียงแผดร้องอันน่ากลัวออกมา ดังก้องไปทั่วแม้จะอยู่ใต้ทะเล หมัดเมิ่งฮ่าวกระแทกเข้าไปในหน้าอกยักษ์ตนนั้น ทำให้เกิดเป็นรูขนาดใหญ่ระเบิดออก
ภายในเศษชิ้นเนื้อนั้น มองเห็นหินผลึกที่มีขนาดเท่ากำปั้นเด็กทารก แทบจะดูคล้ายกับหัวใจ มือขวาเมิ่งฮ่าวยื่นออกไปในทันที คว้าจับผลึกที่มีแสงเจิดจ้านั้นไว้ จากนั้นก็กระชากมันออกมา ยักษ์ตนนั้นสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ในเวลาเดียวกันนั้น ภาพลวงตาของดอกปี่อ้านที่อยู่ด้านหลังเมิ่งฮ่าวก็ห่อหุ้มไปที่ตัวยักษ์อย่างโหดร้าย และจากนั้นก็แวบขึ้นกลายเป็นภาพซ้อนทับไปยังดอกไป๋กู่ ราวกับว่ามีการต่อสู้ที่มองไม่เห็นกำลังเกิดขึ้นอยู่ที่นั่น
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ เมิ่งฮ่าวคว้าจับไปที่หัวใจอสูร และจากนั้นก็ถอยไปด้านหลัง ดอกไป๋กู่สั่นสะท้าน และจากนั้นก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ดอกปี่อ้านห้าสีกลืนมันลงไปในทันที จนดูท่าทางมีความดุร้ายมากยิ่งขึ้น ราวกับว่ามันได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ กลีบดอกทั้งห้าสีเริ่มดูเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น
“ถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว!” เมิ่งฮ่าวกู่ร้อง เสียงนั้นดังก้องออกไปยังนกแก้ว ซึ่งกำลังไปเก็บรวบรวมหัวใจอสูรอย่างเงียบๆ โดยรอบบริเวณนั้นในทันที ร่างมันแวบขึ้นในทันใด กลับมายังที่ด้านข้างเมิ่งฮ่าว จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็กลายเป็นกลุ่มควันสีเขียวและดวงจันทร์สีดำ พุ่งตรงขึ้นไปยังพื้นผิวของน้ำทะเล
ฝูงอสูรทะเลพยายามที่จะมาขัดขวางเส้นทางของเขา และแมงกระพรุนก็เริ่มมีความคลุ้มคลั่งมากขึ้นกว่าเดิม กระจายสายฟ้ามากมายนับไม่ถ้วนออกมา แต่พวกมันก็ไม่อาจจะขัดขวางเมิ่งฮ่าวได้แม้แต่น้อยนิด เขารีบขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทำให้สัญลักษณ์เวทมากกว่าหนึ่งหมื่นชิ้น ที่หมุนวนอยู่รอบๆ ร่างเขา กลายเป็นสายลมอันรุนแรง ซึ่งกระจายกลุ่มหมอกสีดำออกมา จากนั้นเขาก็พุ่งตรงออกไปจากน้ำทะเล
ในตอนนั้นเอง อสูรทะเลมากมายนับไม่ถ้วน ก็ลอยออกไปเช่นเดียวกัน แต่พวกมันก็ไม่อาจจะหยุดเขาได้ ขณะที่เขาพุ่งขึ้นไปในอากาศ กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล
ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวได้สะกดข่มกลิ่นอายของดอกปี่อ้านไว้อย่างรุนแรง ไม่ว่าดอกปี่อ้านจะยินดีหรือดิ้นรนต่อต้านอย่างไร มันก็ถูกสะกดลงไปโดยสิ้นเชิง
เมิ่งฮ่าวเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ จนกระทั่งอยู่ห่างออกไปหนึ่งพันจ้าง ในที่สุดขณะที่เขากำลังจะตรวจสอบว่าได้หัวใจอสูรมามากมายเท่าใด แต่ทันใดนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปขณะที่สังเกตเห็นว่า เมฆสีแดงกำลังพุ่งตรงมาที่เขาจากที่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว
อย่างน่าตกใจยิ่ง ภายในเมฆสีแดงมองเห็นเป็นใบหน้าขนาดใหญ่ ส่งเสียงดังก้องขณะที่พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว กระจายกลิ่นอายของตัดวิญญาณซึ่งดูเหมือนจะปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย และยกมือขึ้นมา ทำให้สัญลักษณ์เวทพุ่งขึ้นไปในอากาศ ก่อตัวเป็นสายลมอันรุนแรง จากนั้นก็มุ่งหน้าตรงไปเพื่อขัดขวางใบหน้ากลุ่มเมฆสีแดง
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกไป กลุ่มเมฆกระจัดกระจายไป และสัญลักษณ์เวทของเมิ่งฮ่าวก็พังทลายลง ขณะที่พวกมันแตกกระจายกันออกไป เมิ่งฮ่าวก็พุ่งถอยไปด้านหลัง ใบหน้าเคร่งเครียด มองออกไปยังที่ห่างไกล เห็นบุรุษวัยกลางคนสวมใส่ชุดยาวสีแดง ก้าวเนิบนาบตรงมาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
มันจ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวอย่างเย็นชา ด้วยสายตาที่คมกริบ กลิ่นอายตัดวิญญาณที่อยู่ภายในร่างมัน ซึ่งเมิ่งฮ่าวมองเห็นได้ในตอนนี้ กระจายพลังเป็นแสงอันเจิดจ้าออกมา
ดวงตาของบุรุษชุดแดงหดเล็กลงเล็กน้อย จากนั้นก็มองเห็นสัญลักษณ์เวทที่เป็นสายลมอันรุนแรงทั้งหมด ทันใดนั้นก็ทำให้มันเข้าใจว่า บุคคลที่เบื้องหน้าไม่ได้อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ‘ไม่ได้อ่อนแอ’ ก็มีความหมายต่อมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ความผิดแรกของเจ้าก็คือ ทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายในทะเลเทียนเหอ!” มันกล่าวเสียงราบเรียบ “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าได้วิญญาณสัญลักษณ์เหล่านั้นมาจากไหน พวกมันเป็นของสามสำนัก บุคคลภายนอกไม่อนุญาตให้ครอบครอง นั่นก็คือความผิดที่สองของเจ้า”
“ด้วยความผิดทั้งสองอย่างนี้ ข้าจะอธิบายถึงโทษที่เจ้าจะได้รับ…” บุรุษชุดแดงโบกสะบัดมือ ใช้วิชาพิเศษเฉพาะบางอย่าง ทำให้วิญญาณสัญลักษณ์เวททั้งหมดสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที และจากนั้นก็กระชากตัวเองให้เป็นอิสระ หลุดออกมาจากการควบคุมของเมิ่งฮ่าว และพุ่งไปอยู่ที่ฝั่งบุรุษชุดแดง
“ข้าคือผู้ศักดิ์สิทธิ์ และสิ่งเหล่านี้เป็นของข้า ดังนั้นข้าจะนำพวกมันกลับไป ตอนนี้นำหัวใจอสูรที่เจ้าได้ครอบครองทั้งหมดออกมา และไสหัวออกไปจากทะเลเทียนเหอ!”
“ข้าจะให้เวลาเจ้าสามวัน ถ้าเจ้ายังอยู่ในทะเลเทียนเหอเมื่อถึงตอนนั้น…ข้าก็คงจะต้องลงมือแล้ว” มองเห็นแสงอันเย็นชาดุร้ายอยู่ในดวงตาของมัน รวมถึงท่าทางหยิ่งยโส กลิ่นอายของมันดูน่ายำเกรงอย่างลึกล้ำ ทำให้ดูเหมือนว่าคำพูดของมันคล้ายกับเป็นเจตจำนงแห่งสวรรค์ เมื่อมันพูดออกมาในทะเลเทียนเหอแห่งนี้
สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย เขาไม่เคยเห็นบุรุษชุดแดงผู้นี้มาก่อน แต่เพียงมองแค่แวบแรกยังพื้นฐานฝึกตนของมัน เขาก็บอกได้ว่ามันแตกต่างไปจากปรมาจารย์ฮูเหยียน บุรุษผู้นี้อยู่ในระดับตัดวิญญาณครั้งที่สอง
ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็เห็นได้ชัดถึงตัวตนของบุรุษผู้นี้
“ไม่อาจปรึกษากันได้?” เมิ่งฮ่าวถาม
“ไม่อาจปรึกษากันอีก” บุรุษชุดแดงกล่าวตอบเสียงเยือกเย็น
“แต่ข้าไม่ต้องการจะส่งมอบหัวใจอสูรออกไป” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ “รวมทั้งวิญญาณสัญลักษณ์เวท”
บุรุษชุดแดงตอบกลับด้วยเสียงแค่นเย็นชา และแววตาที่ราบเรียบ มันโบกสะบัดชายแขนเสื้อข้างขวา ทำให้สัญลักษณ์เวทมากกว่าหนึ่งแสนชิ้นพุ่งออกมา เพียงชั่วพริบตา พวกมันก็บดบังไปทั่วทั้งท้องฟ้าและทำให้ทุกสรรพสิ่งตกอยู่ในเงามืด
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่ ไม่ว่าสำนักหรือตระกูลใดที่เจ้าสังกัดอยู่ สามารถมาหาข้า และจ่ายค่าไถ่เพื่อนำตัวเจ้ากลับไป” ด้วยเช่นนั้น วิญญาณสัญลักษณ์เวทหนึ่งแสนชิ้น ก็กระจายออกไปในอากาศ และพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ขณะที่พวกมันเข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวตบไปที่ถุงสมบัติ ทำให้กงล้อสีเงินขนาดใหญ่ลอยออกไป เป็นกงล้อที่ปกคลุมด้วยสัญลักษณ์เวท ซึ่งส่องแสงเจิดจ้าขึ้นในทันทีขณะที่มันเริ่มหมุนวนไปมา
เวลาเดียวกันนั้น ความรู้สึกถึงพลังแห่งกาลเวลาก็ปรากฏขึ้น กระจายออกไปทั่วในบริเวณนั้น ทำให้วิญญาณสัญลักษณ์เวท กลายเป็นสิ่งของเก่าแก่โบราณขึ้นในทันที พวกมันเริ่มเคลื่อนที่ช้าลง ปล่อยให้เมิ่งฮ่าวเคลื่อนที่ผ่านเข้าไปในท่ามกลางพวกมันได้อย่างง่ายดาย
“ของวิเศษกาลเวลา!” บุรุษชุดแดงครุ่นคิด
ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็ขยับมือร่ายเวท จากนั้นก็ชี้นิ้วตรงไป ทันใดนั้นค่ายกลกระบี่แห่งกาลเวลาก็ปรากฏขึ้น ขณะที่ค่ายกลหมุนวน ก็กลายเป็นรูปดอกบัว ทำให้พลังแห่งกาลเวลากวาดออกไปทั่วทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนจะทำงานร่วมกับกงล้อแห่งกาลเวลา ขณะที่เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้มันบินตรงไปยังบุรุษชุดแดง
“ของวิเศษกาลเวลา…” บุรุษชุดแดงกล่าวเสียงราบเรียบ “ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเจ้าต่ำเกินไป” มันโบกสะบัดมือขวาผ่านอากาศไป ทำให้สัญลักษณ์เวทนับแสนชิ้นสั่นไปมา ทันใดนั้นหนึ่งหมื่นชิ้นก็ระเบิดออก ทำให้ชิ้นส่วนที่ระเบิดพุ่งผ่านเข้าไปในพลังแห่งกาลเวลา สัญลักษณ์ที่เหลือพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวต่อไป
“เวทกลืนภูเขา!” เมิ่งฮ่าวมุ่งหน้าต่อไป ยื่นแขนขวาออกมาและกดลงไปยังทะเล ทันใดนั้นน้ำทะเลก็เดือดพล่าน และในส่วนลึกของมันกลายเป็นภูเขาที่ส่งเสียงดังกระหึ่มพุ่งขึ้นมา ภูเขาแตกกระจายออกไปเป็นเศษชิ้นส่วนมากมายนับไม่ถ้วน จากนั้นก็พุ่งออกไปยังเบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว รวมตัวเข้ากันใหม่กลายเป็นภูเขาขนาดเล็ก
หลังจากที่มายังวงแหวนที่สาม นี่เป็นครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวใช้ภูเขาจริงๆ ต่อสู้กับศัตรูด้วยเวทกลืนภูเขา
ทันทีที่วิชานี้ปรากฏขึ้น สัญลักษณ์เวทเก้าหมื่นชิ้นก็ต่อสู้กลับไปยังภูเขา เสียงระเบิดได้ยินมา แต่เมิ่งฮ่าวยังคงมุ่งหน้าต่อไป ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากบุรุษชุดแดงเกือบหนึ่งร้อยจ้าง
บุรุษผู้นั้นขมวดคิ้ว จากนั้นร่ายเวทด้วยมือขวา ชี้ขึ้นไปในท้องฟ้า ทำให้แสงเจิดจ้าของกระบี่พุ่งขึ้นมาจากเมืองไห่เฉิงที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น
สามกระบี่บินผ่านอากาศมา กระจายเป็นเสียงหึ่งๆ ด้วยความเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อของพวกมันทำให้เริ่มมองไม่เห็นอย่างรวดเร็ว
ผู้ฝึกตนมากมายในเมืองไห่เฉิง มองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ต่างก็ตกตะลึงโดยสิ้นเชิง สีหน้าพวกมันเปลี่ยนไป ขณะที่เริ่มสรุปว่าท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้เผชิญหน้ากับศัตรูอันน่าสะพรึงกลัวแล้วในตอนนี้
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น สามกระบี่ก็ปรากฏขึ้นอยู่ที่เบื้องหน้าบุรุษชุดแดง พวกมันไม่ได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย แต่พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวในทันที
เสียงอันเย็นชาของบุรุษชุดแดงดังขึ้น ขณะที่กล่าวว่า “สามกระบี่ของข้านี้ถูกสร้างขึ้นมาจากกระดูกฟ้าตะวัน ซึ่งพบเห็นได้ยากในรอบหมื่นปีของทะเลเทียนเหอ มันมีพลังแห่งดวงดาว และกลั่นสกัดเป็นความแข็งแกร่งที่เป็นอมตะ ซึ่งสามารถเอาชนะอุปสรรคใดๆ”
ขณะที่สามกระบี่เข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดชายแขนเสื้อข้างขวา ทำให้ปลายกระบี่ไม้แห่งกาลเวลาลอยออกมา เคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ พุ่งผ่านอากาศไป ส่งผลให้เกิดเป็นพลังของระลอกคลื่นแห่งกาลเวลา ขณะที่มันมุ่งหน้าตรงไปยังบุรุษชุดแดง
อย่างน่าตกใจ เส้นใยแห่งสายไหมได้เชื่อมต่อกับปลายกระบี่ แวบความเย็นเยียบออกมาอยู่ในแสงตะวัน
“ปลายกระบี่ของข้านี้ มาจากต้นชุนชิวอายุเจ็ดหมื่นปี” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ “ส่วนที่เหลือของตัวกระบี่ถูกทำลายไปโดยเทพเซียน แต่ปลายกระบี่ยังคงอยู่เป็นนิรันดร์ กาลเวลาไม่อาจจะทำลายปลายกระบี่นี้ได้ และข้าก็กลั่นสกัดมันเป็นของวิเศษ มันสามารถสังหารและทำลายล้างสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ และไม่มีอะไรจะสามารถต่อต้านมันได้โดยไม่แห้งเหี่ยวไป”
“ใยไหมที่ด้านหลังมัน เป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็นในสวรรค์และปฐพีนี้ ถ้าเส้นใยไม่ถูกทำลายไป ข้าก็ไม่มีทางจะถูกสังหารไปได้”
เมื่อปลายกระบี่ปรากฏขึ้น สามกระบี่ของบุรุษชุดแดงดูเหมือนจะชะงักนิ่ง
ม่านตาของบุรุษชุดแดงหดเล็กลง ขณะที่มันจ้องมองไปยังปลายกระบี่ มันสามารถสัมผัสได้ถึงพลังแห่งกาลเวลาอันน่าเหลือเชื่อ กระจายออกมาจากปลายกระบี่นั้น รู้สึกว่าถ้ามันเข้าไปใกล้มากกว่านี้ มันก็คงจะเริ่มแห้งเหี่ยวไป และพลังชีวิตอันยาวนานก็จะต้องลดลงไป
“เจ้าคือซุ่ยเยี่ยจือซิว (ผู้ฝึกตนกาลเวลา)” บุรุษผู้นั้นกล่าว มองมายังเมิ่งฮ่าว
“ท่านก็คือ หยางหุนเซิ่ง (ผู้ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณหยาง) แห่งสามสำนัก!” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ