Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 706

ตอนที่ 706

สังหาร!

เสียงหวีดหวิวดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่สามผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งภูเขาโลหิตเหล็ก กัดฟันแน่นไม่สนใจเมิ่งฮ่าว พุ่งผ่านเขาตรงไปยังหวังโหย่วฉาย กระจายรังสีสังหารออกมา

แน่นอนว่าพวกมันไม่ได้ตั้งใจจะสังหารหวังโหย่วฉายไป แต่พวกมันจะทำให้ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดว่าพวกมันเป็นตัวแทนของห้องลงทัณฑ์ และศิษย์พี่ฉางอี่ก็ออกคำสั่งด้วยตนเอง ทำให้พวกมันคิดว่าอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดว่ามีสองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กคอยหนุนหลังอยู่ เจ้าสำนักน้อยอันกระจ้อยร่อยผู้นี้ ถึงแม้ว่าจะมีพื้นฐานฝึกตนที่สูงกว่าพวกมัน ก็ไม่อาจจะต่อสู้กับสองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กได้อย่างแน่นอน

เนื่องจากเหตุผลนี้ ทำให้รังสีสังหารของพวกมันมีความเข้มข้นมากกว่าเดิม อาวุธเวทปรากฏขึ้นขณะที่พวกมันพุ่งตรงมา และแสงสีโลหิตก็พุ่งขึ้นไปจนถึงสวรรค์ ภายใต้สายตาทุกคู่ของคนทั้งหมดแห่งห้ายอดเขาของสำนัก พวกมันพุ่งตรงไป

มองเห็นรอยยิ้มอันเย็นชาปรากฏอยู่บนใบหน้าของฉางอี่ ขณะที่มันจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างไม่ไยดี รอคอยที่จะได้เห็นว่าเขาจะตอบรับการทดสอบนี้อย่างไร

“จิตใจข้ามีแต่ความโหดเหี้ยม” เมิ่งฮ่าวพึมพำ “ตั้งแต่ตอนที่ข้าตกตายไปในทะเลเทียนเหอ…” เขายกมือขวาขึ้นมา และดีดนิ้วออกไปราวกับไม่ได้ตั้งใจ

ถึงแม้ว่านิ้วนั้นจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ชี้ตรงไปยังสิ่งใดๆ ยกเว้นอากาศ แต่ในชั่วพริบตา หนึ่งในสามผู้ฝึกตนแห่งภูเขาโลหิตเหล็กที่มีความรวดเร็วมากที่สุด จู่ๆ ก็เริ่มสั่นสะท้าน สีหน้าสับสนแวบปรากฏขึ้น มันกระอักโลหิตออกมา จากนั้นก็ระเบิดออกในทันที

ราวกับว่ามีมือสองข้างที่มองไม่เห็น ได้ตบไปที่ร่างมันพร้อมๆ กัน!

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นรวดเร็วอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทำให้ทันใดนั้น คนทั้งหมดที่กำลังสังเกตดูอยู่ต่างก็ตกตะลึงกันไปตามๆ กัน

ด้านหลังเมิ่งฮ่าว สีหน้าหวังโหย่วฉายสลดลง และจิตใจมันก็เริ่มหนักอึ้งด้วยความรู้สึกไม่ดี

“เมิ่งฮ่าวช่างใจร้อนนัก! ข้าควรจะทำอย่างไรดี?”

จิตใจเต็มไปด้วยความวิตกกังวล มันรู้ว่าฉางอี่แค่ต้องการทดสอบเมิ่งฮ่าวเท่านั้น แต่ก็ไม่คาดคิดว่าเมิ่งฮ่าวจะกระทำด้วยความผลีผลามเช่นนี้

ดวงตาฉางอี่เบิกกว้าง ก่อนหน้านี้ มันไม่เคยจะคาดคิดว่า เจ้าสำนักน้อยจะลงมือ…จนถึงตายเช่นนี้ แต่ก็ทำให้ความยินดีพุ่งขึ้นมาในจิตใจ มันได้แต่คิดว่าเจ้าสำนักน้อยผู้นี้ช่างไร้ประสบการณ์ใดๆ ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แสงอันดุร้ายเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตาฉางอี่ ขณะที่มันก้าวตรงไปข้างหน้า

“เจ้าสำนักน้อย!” มันแผดร้อง “ท่านกล้าละเมิดกฎของสำนักได้อย่างไร!!”

ในเวลาเดียวกันนั้น ศิษย์ผู้สืบทอดที่ดูเลือนลางทั้งเจ็ดบนยอดเขาสอง ก็มองไปพร้อมกับดวงตาที่วาววับ เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังสนใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้เป็นอย่างม

บนยอดเขาสี่ บุรุษเยาว์วัยพร้อมกับพัดในมือยิ้มน้อยๆ ออกมา และแสงแปลกๆ ก็สาดประกายอยู่ในดวงตา

สำหรับชายชราหลังค่อมบนยอดเขาห้า ดวงตามันแวบขึ้น ที่ด้านข้าง หญิงสาวเยาว์วัยที่ดูน่ารักจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง นางไม่เคยคาดคิดว่าเมิ่งฮ่าวจะสังหารใครไปจริงๆ

“คาดไม่ถึงว่าเจ้าสำนักน้อยผู้นี้ จะเป็นบุคคลที่ดุร้ายเช่นนี้” ชายชราหลังค่อมกล่าว ถอนหายใจด้วยความเสียใจออกมา “แต่มันก็บุ่มบ่ามไปบ้าง และอายุก็ยังเยาว์อยู่ด้วย ไม่เหมือนกับข้าที่มีอายุอยู่มานาน, นานมากแล้ว”

เมิ่งฮ่าวไม่สนใจปฏิกิริยาของคนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะตกอยู่ในห้วงแห่งความเสียใจ

“ข้าเริ่มมีความโหดเหี้ยมมากขึ้นตอนที่อยู่ในถ้ำกำเนิดใหม่…” เขาถอนหายใจ ชี้นิ้วออกไปอีกครั้ง และสีหน้าของผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งที่ใกล้เข้ามาคนที่สองก็สลดลง ทันใดนั้นมันก็หยุดชะงักนิ่ง เสียงกระหึ่มดังก้องออกมา และจากนั้นมันก็ระเบิดออก ตกตายไปทั้งร่างกายและวิญญาณโดยสิ้นเชิง

อีกคนแล้วที่ถูกสังหารไป!

ภาพที่เห็นนี้ทำให้สีหน้าของฉางอี่เปลี่ยนไป ไม่ใช่เปลี่ยนเป็นความดีใจ แต่เป็นความตื่นตระหนก ก่อนหน้านี้มันคาดเดาว่าเมิ่งฮ่าวคงจะหยุดมือ หลังจากที่สังหารไปแล้วหนึ่งคน แต่โดยไม่คาดคิด เขากลับสังหารไปอีกครั้ง

ในเวลาเดียวกันนั้น ดวงตาของผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็เริ่มสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ ศิษย์ที่อยู่บนยอดเขารู้สึกว่าจิตใจพวกมันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“ในสำนักชิงหลัว…ความโหดเหี้ยมได้ระเบิดออกมา” เมิ่งฮ่าวพึมพำ “แต่มันก็ยังไม่พอ กลับทำให้ใต้ก้นบึ้งจิตใจข้าเต็มไปด้วยความทุกข์ และยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น จนกลายเป็น…สิ่งที่ปรมาจารย์อสูรโลหิตเคยกล่าวไว้ กลายเป็นมาร”

ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งคนที่สาม เมื่อได้เห็นสหายของมันสองคนถูกสังหารไปต่อหน้าต่อตา มันก็ทำหน้าเหลอหลาไปในทันที ดวงตาเบิกกว้างและเริ่มหลบหนีไป แต่ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวยกมือขึ้นและชี้นิ้วตรงไปเป็นครั้งที่สาม

“ศิษย์พี่ ช่วยข้าด้วย….” มันแผดร้องออกมา จากนั้นร่างกายก็ระเบิดออกเป็นเสียงปัง ดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง คนทั้งหมดสั่นสะท้านใจอย่างรุนแรง ขณะที่พวกมันตื่นขึ้นมาจากภวังค์ของเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

“คาดไม่ถึงว่า…มันจะสังหารไปสามคนอย่างต่อเนื่อง!”

“ช่างปัญญาอ่อนจริงๆ! คนผู้นี้ช่างโง่เขลาอย่างแท้จริง! มันเพิ่งจะมายังสำนักเซี่ยเยา แต่ก็ไม่ยอมก้มศีรษะยอมจำนน และยังกล้าที่จะแสดงความก้าวร้าวออกมาเช่นนี้!”

“ตอนนี้มันต้องมีปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน มันไม่เพียงแต่กล้าที่จะสังหารศิษย์ร่วมสำนักเท่านั้น แต่บังอาจสังหารศิษย์ห้องลงทัณฑ์ไปอีกด้วย!”

ขณะที่เสียงพูดคุยดังก้องออกไป ฉางอี่ที่ลอยตัวอยู่ในอากาศ จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอยู่ตลอดเวลา ตอนแรกมันรู้สึกตื่นตระหนก แต่ก็ถูกแทนที่ด้วยความอิ่มเอมใจอย่างไร้ขอบเขต ภายในใจมันกำลังแผดเสียงหัวเราะออกมา

“ท่านอาจารย์บอกว่าอย่าได้ไปหาเรื่องมันก่อน แต่กลายเป็นว่า เจ้าโง่ผู้นี้เป็นคนเริ่มสังหารก่อน เมื่อพิจารณาถึงตำแหน่งของมัน การสังหารไปหนึ่งคนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว แต่มันได้สังหารไปถึงสามคน…ด้วยเช่นนั้น ถ้าข้าทำให้มันสังหารเพิ่มขึ้นอีก มันก็ต้องตายไปอย่างแน่นอน!”

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ ฉางอี่ก็ยิ้มออกมา

“ข้าให้ความนับถือเจ้าในฐานะเจ้าสำนักน้อย” มันตะโกนออกมา “แต่เจ้ากลับกล้าลงมืออย่างโหดเหี้ยมในสำนัก แม้แต่ห้องลงทัณฑ์เจ้าก็กล้าที่จะล่วงละเมิดฝ่าฝืน! ไม่สำคัญว่าพื้นฐานฝึกตนของเจ้าจะสูงส่งมากแค่ไหน เจ้าต้องถูกลงโทษ! ทุกคน…จับมันให้กับข้า!”

สีหน้าของศิษย์ภูเขาโลหิตเหล็กทั้งหมดเปลี่ยนไปด้วยความลังเล แต่ในตอนนี้เองที่พลังอันน่าตกใจของขั้นตัดวิญญาณได้กระจายออกมาจากภูเขาโลหิตเหล็กเป็นระยะ

“เมื่อเจ้าสำนักน้อยกระทำความผิด มันก็ต้องได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับคนอื่นๆ!” เสียงทุ้มต่ำที่เก่าแก่โบราณดังกระหึ่มออกมา “จับกุมมันและพามายังภูเขาโลหิตเหล็ก ถ้ามันขัดขืน ให้จัดการได้ในทันที!” ขณะที่คำพูดเหล่านั้นดังก้องออกมา กระจายไปทั่วทั้งสำนัก สีหน้าฉางอี่ก็เปลี่ยนไป และมันก็แทบจะเริ่มหัวเราะออกมาดังๆ ด้วยความคิดว่าตนเองอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบ

“มันตายแน่!” ฉางอี่คิด

ในเวลาเดียวกันนั้น ศิษย์คนอื่นๆ ที่มาพร้อมกับฉางอี่ก็เริ่มมีท่าทางตื่นเต้นขึ้น ตอนนี้พวกมันรู้ว่ามีสองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กคอยหนุนหลังอยู่ ทำให้พวกมันมีความเชื่อมั่นขึ้นมาในทันที เริ่มก้าวเท้าตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ด้วยความมั่นใจว่าเจ้าสำนักน้อยคงไม่กล้าจะโจมตีพวกมัน ถ้าเขาโจมตี สองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กก็คงจะปรากฏตัวออกมาอย่างแน่นอน

ในเวลาเดียวกันนั้น บนยอดเขาสองแห่งภูเขาสวรรค์ลี้ลับ ในวิหารบนยอดเขา ผู้เฒ่าอสูรสวรรค์ลี้ลับนั่งขัดสมาธิอยู่ในรูปแบบของเด็กชาย ซึ่งอยู่ในชุดนักศึกษา สีหน้ามันเคร่งเครียดขณะที่เพ่งสายตามองลงไปจากยอดเขา

ด้านนอกวิหารเป็นเจ็ดศิษย์ผู้สืบทอด พวกมันทั้งหมดส่งเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา ขณะที่มองไปยังภาพที่เกิดขึ้น ความรู้สึกดูถูกเมิ่งฮ่าวของพวกมันยิ่งรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม พวกมันเชื่อว่าเขาเป็นคนที่ไร้ความคิดและไม่รู้จักการวางแผนใดๆ

แค่การทดสอบอย่างง่ายๆ นี้ เขาก็เปิดเผยความอ่อนแอออกมาในทันที

บนยอดเขาสี่ บุรุษหนุ่มที่มีพัดอยู่ในมือหัวเราะขึ้น “เจ้าสำนักน้อยผู้นี้ช่างไร้ประสบการณ์เป็นอย่างมาก พื้นฐานฝึกตนของมันช่างแข็งแกร่งยิ่ง แต่ก็ไม่รู้จักวิธีการปฏิบัติตัว ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับมัน สุดท้ายมันก็ไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้ มันจะต้องก้มศีรษะยอมจำนนในไม่ช้าอย่างแน่นอน”

ชายชราหลังค่อมบนยอดเขาห้าถอนหายใจ “ช่างเด็กนัก”

เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไป และดวงตาก็เย็นเยียบ อันที่จริง ทั่วทั้งร่างเขาคล้ายกับเป็นก้อนน้ำแข็ง และกลิ่นอายอันโหดเหี้ยมภายในร่างก็กระจายออกมาอย่างรุนแรง

“ความโหดเหี้ยมทำให้ข้ากลายเป็นมาร” เขาพึมพำ “และข้าก็ไม่อาจจะสะกดมันลงได้ มันไม่สอดคล้องกับเต๋าของข้า แต่…ไม่ว่ามันคืออะไร…ข้าก็ควรปลดปล่อยมันออกมาน่าจะดีกว่า!”

เมิ่งฮ่าวก้าวเท้าตรงไป ในชั่วพริบตา รังสีสังหารของเขาก็กระจายออกไป ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป

เป็นแค่ระลอกคลื่นของแขนที่สะบัดออกไป แต่ก็ทำให้เกิดเป็นลมพายุพุ่งขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ ราวกับเป็นสายลมแห่งการทำลายล้างของสวรรค์ ซึ่งกวาดออกไปทั่วทุกทิศทาง กระแทกเข้าไปในร่างของผู้ฝึกตนสิบกว่าคนที่ใกล้เข้ามา

ทันทีที่สายลมนั้นสัมผัสโดนพวกมัน สีหน้าคนเหล่านั้นก็สลดลง โลหิตกระจายออกมาจากปาก ไม่ว่าพวกมันจะมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่ระดับใด ก็ไม่อาจจะต่อต้านกับสายลมอันทรงพลังนี้ได้ ร่างพวกมันถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ โลหิตและชิ้นเนื้อพุ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง

สำหรับฉางอี่ ใบหน้ามันซีดขาวราวคนตายในทันที ม่านตามันหดเล็กลง พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ที่ขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่วิญญาณแรกก่อตั้ง ดังนั้นจึงไม่ประหลาดใจที่มันจะสามารถต่อต้านสายลมนี้ได้ แต่จากนั้นสายลมก็ม้วนพันไปรอบๆ ตัวมัน กลายเป็นมือขนาดใหญ่คว้าจับมันไว้อย่างรุนแรง

มือนั้นบีบแน่นลงไป เสียงแตกร้าวได้ยินมา ฉางอี่แผดร้องเสียงโหยหวน “อาจารย์! ช่วยข้าด้วย!!”

เมื่อพวกที่มุงดูเห็นเช่นนี้ สีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไปด้วยความประหลาดใจ บนยอดเขาสอง ผู้เฒ่าอสูรสวรรค์ลี้ลับลุกขึ้นมายืน จิตใจของเจ็ดศิษย์ที่อยู่ด้านนอกวิหารเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

บนยอดเขาสี่และห้า ภาพเช่นเดียวกันนี้ปรากฏขึ้น

“มันกำลังจะทำอะไร!?”

“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่า มันได้สังหารผู้คนไปมากมายเช่นนี้!!”

“มันกำลังท้าทายให้ห้องลงทัณฑ์มาต่อสู้ด้วย?”

“นี่…นี่เป็นแค่การทดสอบ แต่มันกลับกระทำเช่นนี้!?”

ในตอนนี้ เสียงแค่นอันเย็นชาก็ดังก้องออกมาจากภูเขาโลหิตเหล็ก สองกระแสสัมผัสศักดิ์สิทธิ์พุ่งตรงมายังพื้นดินที่ด้านล่าง เพื่อช่วยชีวิตฉางอี่

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเยือกเย็น ขณะที่มือยักษ์ในกลางอากาศทันใดนั้นก็เริ่มบีบแน่นลงไป

“ยั้งมือด้วย!” สองกระแสสัมผัสศักดิ์สิทธิ์แผดร้องขึ้น

ขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกมา เสียงแผดร้องของฉางอี่ก็ดังขึ้นด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด

“ไม่…นี่เพียงแค่…การทดสอบ…” ก่อนที่มันจะทันได้พูดจบ เสียงระเบิดก็ดังก้องออกมา ขณะที่ร่างมันถูกบดขยี้จนแหลกเละ วิญญาณแรกก่อตั้งของมันก็ถูกทำลายลงไปด้วยเช่นกัน ตกตายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ

สำหรับมัน นี่เป็นแค่การทดสอบ แต่สำหรับเมิ่งฮ่าว…เมื่อต้องโจมตี ก็ไม่มีสิ่งที่ถูกเรียกว่าการทดสอบ

ความเงียบราวความตายกระจายปกคลุมไปทั่วในอากาศ ไม่มีใครจะคาดคิดว่าการทดสอบครั้งนี้จะจบลงเช่นนี้ ไม่นานหลังจากนั้น สองกระแสสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ลงมาอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว

“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย?!” หนึ่งในนั้นแผดร้องออกมา

“เจ้ากล้าสังหารศิษย์ภูเขาโลหิตเหล็กของข้าได้อย่างไร! ข้าจะบดขยี้เจ้า!” สองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กเต็มไปด้วยโทสะ ในตอนนี้ ไม่สำคัญว่าเมิ่งฮ่าวจะเป็นเจ้าสำนักน้อย หรือว่าพวกมันจะรับรู้ได้ถึงสิ่งแปลกๆ บางอย่างเกี่ยวกับพื้นฐานฝึกตนของเขา ทั้งหมดนั้นต่างก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

กล่าวกันตามความเป็นจริงแล้ว มีบางสิ่งที่แปลกๆ เกี่ยวกับพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว พลังชีวิตของดอกปี่อ้านได้ปิดบังร่องรอยของตัดวิญญาณครั้งที่สองของเขาไว้ ทำให้ดูเหมือนว่าเขาอยู่แค่ขั้นตัดวิญญาณครั้งแรกเท่านั้น

เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไป และในดวงตาก็ไร้ร่องรอยแห่งความลังเลใดๆ ขณะที่ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกไปด้วยความดุร้ายอย่างรุนแรง

ปัง!

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่ว่าสองผู้เฒ่าอสูรโลหิตเหล็กจะเป็นผู้ฝึกตนตัดวิญญาณหรือไม่ กระแสสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกมัน ไม่อาจจะต่อต้านกับของเมิ่งฮ่าวได้โดยสิ้นเชิง แตกกระจายออกไปในทันที

ระลอกคลื่นขนาดใหญ่พุ่งกระจายออกไปทั่วทั้งสำนักเซี่ยเยา กวาดกระแทกไปยังต้นไม้ใบหญ้าด้วยแรงโทสะ ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมดอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

“ไม่จำเป็นต้องลงมาที่นี่เพื่อพยายามจะกำราบข้า” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงเย็นชา “ข้าจะขึ้นไปที่นั่นเพื่อจัดการเจ้าทั้งสองเอง!” ด้วยเช่นนั้น เขาก็บินตรงไปยังยอดเขาแรก

ในตอนนี้เอง ที่ทั่วทั้งสำนักเซี่ยเยา ตกอยู่ในความปั่นป่วนโกลาหลโดยสิ้นเชิง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!