ตอนที่ 746
หุ่นเชิดเซียนเทียม!
หนึ่งกระบี่ม้วนกวาดออกไป โครงกระดูกแห้งเหี่ยว วิญญาณแตกดับ!
พลังแห่งกาลเวลาไหลออกไปคล้ายกับเป็นกระแสอันเจิดจ้าที่เต้นไปมา ในชั่วพริบตา ผู้ฝึกตนที่ถูกม้วนกวาดขึ้นไปโดยปรมาจารย์ชุดเขียวที่กำลังหลบหนีจากไป ต่างก็แห้งเหี่ยวกลายเป็นเถ้าธุลีและกลุ่มควันไปโดยสิ้นเชิง ร่างกาย, อาวุธเวทของพวกมัน ทุกสิ่งทุกอย่างเน่าเปื่อยผุพังไปจนหมดสิ้น
พวกที่มองดูอยู่ทั้งหมด ต่างก็รู้สึกสั่นสะท้านอย่างลึกล้ำ จากการตกตายไปเช่นนี้อย่างช่วยไม่ได้
กลุ่มผู้คนต้องการจะหลบหนีจากไป แต่เมื่อพิจารณาถึงระดับพื้นฐานฝึกตนของปรมาจารย์ชุดเขียว พวกมันก็ไม่มีอะไรนอกไปจากเป็นฝูงมดแมลง ไม่ว่าพวกมันจะกระจัดกระจายออกไปได้อย่างรวดเร็วเช่นไร ปรมาจารย์ชุดเขียวก็ยังคงจะจับพวกมันโยนกลับไปขัดขวางพลังแห่งกาลเวลาได้อยู่ดี และปรมาจารย์ชุดเขียวก็จะหลบหนีไป จนพอจะมีเวลาหอบหายใจได้บ้าง
“บัดซบ! บัดซบ!” ใบหน้ามันซีดขาว และเงาแห่งความตายก็ปกคลุมลงมาอย่างหนักแน่น นานหลายปีมากแล้วที่มันไม่เคยรู้สึกถึงความตายที่กำลังไล่ล่ามันมาเช่นนี้
ภายในใจมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และรู้สึกตื่นตระหนกอย่างเต็มที่ ด้านหลังมัน ร่างจริงที่สองของเมิ่งฮ่าวก็เข้ามาใกล้อย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดก็มองเห็นกระบี่เดียวดายส่งเสียงกระหึ่มจนดังขึ้นไปถึงสวรรค์ พลังแห่งกาลเวลาตกลงมาราวกับเป็นสายพิรุณ ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ ใบหน้าปรมาจารย์ชุดเขียวขาวซีดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และม่านตามันก็หดเล็กลง ทันใดนั้นมันก็ตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาเขาสีดำออกมา มันกัดปลายลิ้น พ่นโลหิตลงไปเล็กน้อย ทำให้เขาสีดำนั้นบิดเบี้ยวดิ้นไปมา พร้อมกับเสียงปังเขานั้นแตกกระจายไป ขณะที่ฉับพลันนั้นตะขาบสองตัวได้ลอยออกมาจากด้านใน!
ตะขาบทั้งสองเป็นสีดำสนิท แต่ก็มีลายเส้นสีขาวอยู่ที่ท้อง ทันทีที่พวกมันปรากฏขึ้น กลิ่นของพิษอันร้ายแรงก็กระจายออกไป ตามมาด้วยกลิ่นอายที่ยากจะอธิบายออกมาได้
“โจมตี!” ใบหน้าชายชราชุดเขียวซีดขาว นี่เป็นไพ่ไม้ตายของมัน เป็นสิ่งที่มันได้รับมาเมื่อหลายปีนานมาแล้ว แม้แต่เซียนเทียมที่ได้รับบาดเจ็บ มันก็ยังสามารถแอบลอบโจมตีได้สำเร็จด้วยตะขาบทั้งสองตัวนี้
ทันทีที่ตะขาบปรากฏขึ้น พวกมันก็พุ่งฝ่าอากาศไปคล้ายกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นเซียนอมตะ มีความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่เข้าไปใกล้กับร่างจริงที่สอง อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พวกมันเข้าไปในพลังแห่งกาลเวลา พวกมันก็หยุดชะงักนิ่งไปในทันที
เวลาเดียวกันนั้น ตะขาบทั้งสองตัวก็มุ่งหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะเชื่องช้าลงไปกว่าเดิมมากนัก ดูเหมือนว่าพวกมันจะรู้สึกตื่นเต้นขึ้น
ลายเส้นสีขาวซึ่งอยู่ที่ท้องของพวกมัน เริ่มขยายออกมาจนกระทั่งปกคลุมไปมากกว่าครึ่งลำตัวของพวกมัน ตอนนี้ตะขาบทั้งสองกลายเป็นสีครึ่งขาวครึ่งดำไปแล้ว
ในเวลาเดียวกันนั้น กลิ่นอายอันน่าเหลือเชื่อก็เริ่มกระจายออกมาจากร่าง และพวกมันก็เริ่มมีความตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ความเร็วเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
เห็นได้ชัดว่า พวกมันกำลังกลืนกินพลังแห่งกาลเวลาเข้าไป!
ภาพที่เห็นนี้ทำให้ดวงตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง ขณะที่ยืนอยู่ภายในเกราะป้องกัน
ปรมาจารย์ชุดเขียวรู้สึกยินดีอยู่ภายในใจ และหลบหนีไปด้วยความรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทำเช่นนั้น มันก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้อาวุธเวทที่เรืองแสงมากมาย พุ่งตรงไปยังร่างจริงที่สองของเมิ่งฮ่าว
ในเวลาเดียวกันนั้น ดวงตาของปรมาจารย์ชุดเขียวก็แวบขึ้น มันขยับมือร่ายเวทจากนั้นก็ชี้ขึ้นไปในท้องฟ้า สายฟ้าปะทุขึ้นฟาดลงมา และรวมตัวกันเป็นกระบี่สายฟ้า กรีดเฉือนลงมายังร่างจริงที่สอง
ร่างจริงที่สองแค่นเสียงเย็นชา และปล่อยมือจากกระบี่ไม้ ให้มันลอยหมุนวนไปรอบๆ ร่างอย่างเป็นอิสระ จากนั้นก็กลายเป็นกระแสน้ำวน ซึ่งกลายเป็นลมพายุที่พัดขึ้นมาอย่างรุนแรง ปราณกระบี่พุ่งขึ้นไป และพลังแห่งกาลเวลาก็ส่งเสียงหวีดหวิวแหวกฝ่าอากาศออกไป
สำหรับร่างจริงที่สอง มันยกมือขวาขึ้น ตลอดช่วงเวลานั้น ความสับสนก็ปรากฏขึ้นในแววตาของมัน
ทันใดนั้นมือขวาของมันก็กลายเป็นโปร่งใสขึ้น และเครื่องหมายเวทผนึกนับพันก็ปรากฏขึ้น อย่างน่าตกใจยิ่ง พวกมันพุ่งออกไป เพื่อก่อตัวเป็นรูปร่างที่ดูคล้ายกับร่มที่หุบอยู่!
ร่มนั้นก่อตัวขึ้นมาจากสัญลักษณ์เวทจำนวนมาก ทันทีที่มันปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์ มันก็กางออก
กลิ่นอายอันน่าตกใจระเบิดขึ้น ตามมาด้วยแสงเจิดจ้าราวกับเป็นแสงตะวัน อันที่จริง ใครก็ตามที่จ้องมองไป ก็จะคิดว่าร่มนี้จริงๆ แล้วก็คือดวงตะวัน
นี่ไม่ใช่หนึ่งในความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าว แต่เป็นเวทแห่งเต๋าที่อยู่ในความทรงจำของวิญญาณเซียน ซึ่งอยู่ภายในร่างจริงที่สองของเขา!
“หนึ่งตะวันประชันฟ้า!” เสียงอันเก่าแก่โบราณเยือกเย็นราวน้ำแข็ง ดังออกมาจากปากของร่างจริงที่สอง ขณะที่คำพูดดังก้องออกมา อาวุธเวทของปรมาจารย์ชุดเขียวทั้งหมดแตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป สำหรับตัวปรมาจารย์เอง มันถูกปกคลุมด้วยแสงอันเจิดจ้าและลมพายุอันดุร้าย โลหิตกระจายออกมาจากปาก ขณะที่ร่างมันแห้งเหี่ยวลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจน
ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของมัน “นี่คือความสามารถศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน!?!?”
สิ่งที่ทำให้มันต้องรู้สึกสิ้นหวังมากไปกว่านั้นก็คือตะขาบทั้งสองตัวนั้น จมอยู่ในสายน้ำแห่งกาลเวลา ถูกปกคลุมด้วยพลังแห่งกาลเวลา ตอนนี้พวกมันหดตัวลงและพองตัวเองขึ้น ไม่อาจจะขยับตัวเคลื่อนไหว กำลังลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ แม้แต่ตอนที่ปรมาจารย์ชุดเขียวตะโกนเรียกให้กลับมา พวกมันก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
“บัดซบ!!” มันคิด จิตใจเต็มไปด้วยความขุ่นมัว ทันใดนั้น ย้อนกลับไปที่ด้านในเกราะป้องกัน เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือขวา รถศึกปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าในทันที เขาเข้าไปโดยไม่ลังเล พร้อมกับโคจรหมุนเวียนปราณแห่งเซียนชี้ทางไปด้วย
ตูม!
รถศึกหายไป หลังจากนั้นก็ไปปราฏขึ้นอีกครั้งที่เบื้องหน้าของร่างจริงที่สอง เขาโบกสะบัดมือ และตะขาบสองตัวที่มีรูปร่างคล้ายกับลูกทรงกลม ก็ถูกดูดเข้าไปในถุงสมบัติของเขาในทันที
“เจ้า!!” ปรมาจารย์ชุดเขียวแผดร้องขึ้น แทบจะกระอักโลหิตออกมา สิ่งที่มันเห็นที่เบื้องหน้าก็คือว่าสองบุคคลที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน แต่ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทันใดนั้นมันก็เริ่มหลบหนีไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด
แม้ในขณะที่มันหลบหนีจากไป ร่างจริงที่สองของเมิ่งฮ่าวก็ก้าวเท้าตรงไป และจากนั้นก็ยกมือขึ้น ชี้ออกไปยังปรมาจารย์ชุดเขียว ทันใดนั้นกระบี่ไม้ก็เริ่มส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็ขยับมือร่ายเวทขึ้นเช่นเดียวกัน และชี้นิ้วตรงไป
ร่างจริงที่สองของเมิ่งฮ่าวอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิง และตอนนี้เขาก็ร่วมมือกับมันเพื่อควบคุมกระบี่ไม้ ในช่วงเวลานั้นกระบี่ไม้ก็ระเบิดพลังแห่งกาลเวลาออกมา
เจ็ดหมื่นปี!!
ภายใต้พลังแห่งกาลเวลาเจ็ดหมื่นปี สายน้ำแห่งกาลเวลาก็กลายเป็นกระบี่!
ปราณกระบี่อันไร้ขอบเขต ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน ขณะที่ตัวกระบี่กรีดเฉือนตรงไปยังปรมาจารย์ชุดเขียว
ดวงตาของปรมาจารย์ชุดเขียวเบิกกว้าง มันกำลังจะหลบเลี่ยงออกไป แต่ทันใดนั้นกระแสน้ำวนสีทองแห่งเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตก็ปรากฏขึ้น รวมทั้งเวทผนึกอสูรรุ่นแปด
ชายชราถูกปกคลุมไว้ด้วยวิชาเวททั้งสอง จนไม่อาจจะขยับตัวได้แม้แต่ครึ่งชุ่น ได้แต่หยุดชะงักนิ่งอยู่ในที่แห่งนั้น ในขณะที่กระบี่ซึ่งประกอบด้วยพลังแห่งกาลเวลาเจ็ดหมื่นปีพุ่งลงมายังร่างมัน
“ไม่!!” มันแผดร้อง ใช้สองมือขยับร่ายเวท ทำให้กลิ่นอายโบราณฉับพลันนั้นก็ปรากฏขึ้น ตามมาด้วยเครื่องหมายผนึกสองแห่ง อยู่บนมือของมันทั้งสองข้าง ร่างกายมันแห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว แต่สาเหตุไม่ใช่มาจากกระแสน้ำวนนั้น หรือจากการผุพังไปของกาลเวลา แต่เนื่องมาจากบางสิ่งที่มันได้กระทำต่อตนเอง
เลือดเนื้อในร่างกายมันทั้งหมด แม้แต่กระดูกและเส้นลมปราณ กำลังรวมตัวกันกลายเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์
“ร่างกระบี่กายเนื้อ!” มันแผดร้องออกมา ร่างกายพังทลายไป แต่แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของมันไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อยนิด ถุงสมบัติของมันล่วงลงไปอยู่ที่ด้านข้าง ขณะที่ส่วนต่างๆ ของร่างกายมันแตกกระจายไป และจากนั้นก็ก่อตัวกลับมารวมกันอีกครั้ง…กลายเป็นกระบี่! คมกระบี่ถูกสร้างขึ้นมาจากกระดูก และด้ามจับก็สร้างขึ้นจากเลือดเนื้อ! ปราณและโลหิตหมุนวนไปรอบๆ ทั่วทุกทิศทาง
กระบี่พุ่งตรงไปยังกระบี่ไม้แห่งกาลเวลา
ตูมมมมมมม!
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ได้ยินมา ทำให้ทั่วทั้งสนามรบสั่นสะเทือน สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน
กระบี่กระดูกขาวแตกกระจายไป และด้ามจับก็กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ปราณและโลหิตกลายเป็นระลอกคลื่นสาดกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง กระบี่ไม้ของเมิ่งฮ่าวสั่นไปมา และเกิดเป็นเสียงหึ่งๆ ขณะที่หมุนคว้างกลับไปทางด้านหลัง แต่ร่างจริงที่สองก็ยื่นมือออกไปและคว้าจับไว้อย่างง่ายดาย
ใบหน้าของร่างจริงที่สองซีดขาว ขณะที่มันถอยโซเซไปด้านหลังสองสามก้าว สำหรับเมิ่งฮ่าว เขาได้รับการปกป้องจากร่างจริงที่สองโดยสิ้นเชิง แต่ก็ยังคงต้องกระอักโลหิตออกมากองโต
“ผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าไม่อาจจะถูกสังหารไปได้อย่างง่ายดายจริงๆ” เขาคิด ดวงตาสาดประกาย
เสียงกระหึ่มม้วนกวาดออกไปทั่วทั้งดินแดนที่ด้านล่าง พลังแห่งการระเบิดเมื่อครู่นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง และเกราะป้องกันสุดท้ายของสำนักเซี่ยเยาก็ไม่อาจจะต่อต้านผลกระทบนี้ได้ สั่นไปมาและจากนั้นก็แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นสำนักเซี่ยเยาตกอยู่ในท่ามกลางสนามรบในทันที
แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์ชุดเขียว เริ่มสลัวเลือนลางลงไปมากขึ้น ภายใต้พลังของการระเบิด แต่กระนั้นก็ยังพยายามหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและความเกลียดชัง หลังจากที่เป็นปรมาจารย์ของสำนัก มันไม่เคยจะได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบาดเจ็บจนถึงจุดที่ถูกบังคับให้ต้องใช้ร่างกระบี่กายเนื้อ ความล้มเหลวทั้งหมดของมันเกี่ยวข้องกับกระบี่ไม้ วิชาเวทอันทรงพลังมากที่สุดของมันทั้งหมด ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ร่วมกับของวิเศษอันล้ำค่าของสำนักนี้
“พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย!” ปรมาจารย์ชุดเขียวแผดร้อง “เมิ่งฮ่าว เหล่าฟูไม่ยอมแพ้!! จินหาน, หลี่หยวนเหลย ไม่ต้องรีรอ! เหล่าฟูจะลงมือแล้วในตอนนี้!” มันกัดฟันแน่น คว้าจับถุงสมบัติไว้ จากนั้นก็ตบลงไปหยิบเอารูปปั้นขนาดใหญ่ออกมา!
รูปปั้นนั้นมีความสูงถึงหนึ่งพันจ้าง และเป็นสีดำสนิท พลังอันเข้มข้นพุ่งขึ้นไปในอากาศทันทีที่มันปรากฏขึ้น อย่างช้าๆ กลิ่นอายฆ่าฟันอย่างไร้ขีดจำกัดดูเหมือนว่าจะเริ่มหมุนวนอยู่รอบๆ ร่างมัน การปรากฏขึ้นของมันทำให้เกิดเป็นสีแปลกๆ แวบขึ้นไปในท้องฟ้า และกลุ่มเมฆก็ม้วนตัวไปมา ในเวลาเดียวกันนั้น กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ รูปปั้น
ฉับพลันนั้นกลิ่นอายที่ระเบิดออกมาก็กลายเป็นกลิ่นอายของเซียน
มันเป็นของวิเศษแห่งเซียน!
เซียนรุ่งอรุณเป็นไพ่ไม้ตายของพวกมัน แต่รูปปั้นนี้เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของพวกมัน
ชายชราผมแดงแห่งสำนักจินหาน และปรมาจารย์รุ่นสามตระกูลหลี่ สบสายตากันพร้อมกับแววตาที่มุ่งมั่น
ปรมาจารย์สำนักจินหานสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นก็โบกสะบัดมือ ทันใดนั้นก้อนศิลาขนาดเท่ากำปั้นหนึ่งพันก้อนก็ลอยออกมาจากภายในแขนเสื้อ อย่างน่าตกใจยิ่ง ปราณเซียนเริ่มกระจายออกมาในทันที ศิลาเหล่านี้ไม่ใช่อาวุธเวท ไม่ใช่ทั้งหินลมปราณ เหล่านี้คือ…เศษชิ้นส่วนของหยกเซียน!!
แม้แต่เซียนก็ยากจะพบเห็นหยกเซียนมากมายเช่นนี้!
ทันทีที่ชิ้นส่วนของหยกเซียนลอยออกมา กระแสน้ำวนที่อยู่รอบๆ รูปปั้นก็ดูดพวกมันเข้าไป พลังของรูปปั้นพุ่งทะยานขึ้น และบรรยากาศอันน่ากลัวของกลิ่นอายมันก็เพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า
ปรมาจารย์รุ่นสามตระกูลหลี่มีสีหน้าเคร่งเครียด ขณะที่มันอ้าปากและพ่นโลหิตออกมา ทั่วทั้งร่างมันทันใดนั้นก็งองุ้มลง และถอยไปด้านหลังด้วยจิตใจที่จดจ่อ ภายในโลหิตนั้นเป็นจุดแสงสีทองมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งก่อตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นเส้นใยมากมายที่คล้ายกับเป็นรูปแบบพื้นฐานของเส้นโลหิตนับไม่ถ้วน
นี่ก็คือ…พื้นฐานแห่งเซียน!
พื้นฐานเซียนลอยเข้าไปในรูปปั้น และทันทีที่ทำเช่นนั้น ก็ดูเหมือนว่ารูปปั้นจะเริ่มมีชีวิตขึ้น แขนขามันสั่นไปมา และทั่วทั้งรูปปั้นก็กลายเป็นหุ่นเชิด!
ในเวลาเดียวกันนั้น ปรมาจารย์ชุดเขียวก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ เพื่อรวบรวมวิญญาณไร้ร่างของปรมาจารย์หกเต๋าไว้ จากนั้นก็โยนออกไปที่ด้านข้าง
แม่น้ำแห่งวิญญาณไร้ร่างหนึ่งแสนตน ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของปรมาจารย์หกเต๋าอีกต่อไป แต่เป็นปรมาจารย์ชุดเขียว มันนำแม่น้ำแห่งวิญญาณ ตรงเข้าไปในรูปปั้นหุ่นเชิด ทำให้ดวงตาของรูปปั้นลืมขึ้นมาและกระจายเป็นแสงเจิดจ้าขึ้น
กลิ่นอายเซียนระเบิดออก เต็มไปด้วยความเข้มข้นอย่างรุนแรง
นี่ก็คือเซียน!
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เซียนแท้ แต่กระนั้นแม้แต่เซียนเทียมก็ยังถูกเรียกว่าเซียน
หุ่นเชิดเซียนเทียม!
“เมิ่งฮ่าว ถึงเวลาที่เจ้าต้องตายแล้ว!!” หุ่นเชิดกล่าว ด้วยสุ้มเสียงของปรมาจารย์ชุดเขียว
ดวงตาหุ่นเชิดสาดประกายด้วยแสงอันไร้ขอบเขต ขณะที่มันลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ พลังของมันกระเพื่อมออกไปอย่างไร้ขีดจำกัด และพื้นดินก็สั่นสะเทือน กลิ่นอายเซียนระเบิดออก
“ทุกคน โจมตี! กำจัดสำนักเซี่ยเยาให้หมดสิ้น! อย่าปล่อยให้มีชีวิตรอดจากไปแม้แต่คนเดียว!!”
ด้วยการตอบรับเสียงของหุ่นเชิด จิตใจของผู้ฝึกตนแสนกว่าคนก็พลุ่งพล่านขึ้น แทบจะราวกับว่าร่างกายพวกมันไม่ได้ตกอยู่ในการควบคุมของตนเอง โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย พวกมันพุ่งตรงไปยังสำนักเซี่ยเยาที่ไร้เกราะป้องกัน