ตอนที่ 784
การต่อสู้ครั้งสุดท้าย!
เมื่อการต่อสู้หยุดลงในแนวรบที่หก สงครามแห่งดินแดนด้านใต้ ในที่สุดก็เริ่มเงียบสงบขึ้น อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างก็รู้ว่านี่เป็นแค่ความสงบก่อนที่จะพายุที่แท้จริงจะเริ่มขึ้น
พายุใกล้เข้ามาแล้ว!
การต่อสู้ตัดสินกันครั้งสุดท้ายกำลังใกล้เข้ามา!
สำหรับสถานที่แห่งใดที่จะใช้เป็นสนามรบครั้งสุดท้าย ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ต่างก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็คิดว่าน่าจะเป็นสำนักเซี่ยเยา ซึ่งมีค่ายกลเวทป้องกันไว้พร้อมแล้ว ช่วยให้ประหยัดเวลาไปได้มาก ยิ่งไปกว่านั้นผู้ฝึกตนที่พร้อมต่อสู้ส่วนใหญ่ในดินแดนด้านใต้ ก็ได้มารวมตัวกันในที่แห่งนี้แล้ว
แต่ก็มีหลายคนที่รู้สึกว่าสถานที่ที่ดีที่สุดก็คือ จุดที่ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือผ่านเข้ามาในดินแดนด้านใต้ การกระทำเช่นนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือเข้ามารื้อทำลายและปล้นสะดมดินแดนด้านใต้ในส่วนที่เหลืออยู่
สุดท้าย ตานกุ่ย, ปรมาจารย์ซ่ง และปรมาจารย์จินหาน ต่างก็มีความเห็นตรงกันว่าเวลาเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด!
ดังนั้นพวกท่านจึงได้เลือกสำนักเซี่ยเยาเป็นสนามรบ ซึ่งอยู่ห่างไกลจากทะเลเทียนเหอ แต่ก็ค่อนข้างจะอยู่ใกล้กับดินแดนสีดำ และถือได้ว่าเป็นเขตชายขอบของดินแดนด้านใต้ ถึงแม้ว่าการตัดสินใจเช่นนี้จะทำให้ต้องสูญเสียอาณาเขตไปเป็นจำนวนมาก แต่วันใดที่พวกท่านยังคงมีชีวิตอยู่ ก็จะเป็นวันที่ดินแดนทางเหนือไม่อาจจะมีชัยชนะเหนือดินแดนด้านใต้ได้ทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือก็ยังต้องเดินทางมายังสำนักเซี่ยเยา ซึ่งหมายความว่าผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ จะมีเวลาในการเตรียมพร้อมรับมือได้มากขึ้นกว่าเดิม
หลังจากที่ตานกุ่ย, ปรมาจารย์ซ่ง และปรมาจารย์จินหานตัดสินใจได้แล้ว ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ที่พร้อมจะสู้รบทั้งหมดก็มาสมทบกัน มีประมาณสองแสนคน และพวกมันก็ถูกแบ่งออกเป็นกองกำลังต่อต้านหลายกอง โดยมีสำนักเซี่ยเยาเป็นจุดศูนย์กลาง
ในเวลาเดียวกันนั้น ตานกุ่ยและคนอื่นๆ ก็เดินทางไปทั่วในดินแดนด้านใต้ ไปยังสำนักและตระกูลที่ยังเหลือรอดอยู่ เพื่อรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้และของวิเศษเป็นจำนวนมาก พวกท่านยังได้ก่อตั้งค่ายกลเวทขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกด้วย มีทั้งหมดสิบค่ายกลทำให้เกิดเป็นแรงกดดันอันน่าตกใจกดทับลงมายังรอบๆ บริเวณค่ายกลนั้น
บรรยากาศเต็มไปด้วยความตรึงเครียด ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ทั้งหมดต่างก็มุ่งเน้นไปที่การรักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูพละกำลัง บริเวณสนามรบครั้งสุดท้ายทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบโดยสิ้นเชิง
การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเป็นการตัดสินกันว่าใครจะแพ้หรือชนะ ถ้าดินแดนด้านใต้เป็นฝ่ายชนะ พวกเขาก็จะสามารถต้อนรับความสงบสุขของยุคสมัยใหม่ได้ หลังจากที่พักผ่อนและจัดระเบียบโครงสร้างใหม่ในช่วงเวลาหนึ่ง พวกเขาก็จะสามารถเบ่งบานราวกับเป็นบุปผาที่งดงามขึ้นมาได้อีกครั้ง ซึ่งจะยิ่งรุ่งโรจน์เกรียงไกรมากขึ้นกว่าเดิม
แต่ถ้าพวกเขาพ่ายแพ้…
ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ดินแดนด้านใต้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนทางเหนือ หลักวิชาเต๋า และหลักคำสอนก็จะสูญหายไป ผู้ฝึกตนจะถูกกำจัดและรากฐานของดินแดนด้านใต้ก็จะสูญสิ้นไป พวกเขาจะถูกปกครองโดยดินแดนทางเหนือ และหลายปีหลังจากนั้น…บางทีก็อาจจะไม่มีใครเคยจำได้ว่าเดิมทีเคยมีดินแดนด้านใต้อันรุ่งเรืองมาก่อน
นี่ก็คือการต่อสู้เพื่อสิ่งทั้งหมด!
พวกเขาจะมีชีวิตอยู่หรือตกตายไปเท่านั้น ไม่มีทางเลือกสำหรับผู้ยอมจำนน
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เมิ่งฮ่าวได้กลับมายังสำนักเซี่ยเยา ซึ่งการต่อสู้ครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ณ สถานที่แห่งนี้ เขากลับไปยังสถานที่แห่งเดียวกับที่เขาได้โอบกอดสวี่ชิง มองดูดวงอาทิตย์ขึ้นและตกด้วยกัน แต่ตอนนี้ไม่มีสองเงาร่างตกกระทบลงไปที่พื้นดินอีกต่อไป มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
เส้นผมสีขาวโพลนพริ้วไปมาในสายลม และชุดยาวสีโลหิตก็สะบัดไปมา
ใบหน้าเขาซีดขาว ดูน่ากลัวราวกับจะไร้สีเลือด ดูแตกต่างตัดกับชุดยาวสีแดงเป็นอย่างมาก แต่ดวงตายังคงเปล่งประกายความมืดมิดออกมา
ใครก็ตามที่มองมายังเมิ่งฮ่าว จิตใจก็คงจะต้องเต้นรัว ราวกับว่าร่างเขาประกอบไปด้วยพลังปราณและโลหิตอันน่ากลัว แทบจะมองเห็นวิญญาณที่กำลังกรีดร้องหมุนวนอยู่รอบๆ ตัวเขานับแสนด้วยเช่นกัน ดูเหมือนพวกมันจะกระจายออกไปอย่างไร้จุดสิ้นสุด และเสียงกรีดร้องของพวกมันก็น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่า เหล่านี้ก็คือบุคคลที่เมิ่งฮ่าวได้กลืนกินและกำจัดไป พวกมันจะผูกติดอยู่ที่ตัวเขาไปตลอดกาล ไม่อาจจะผ่านเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้
“ชิงเอ๋อร์ ตอนนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง…?” ดวงตาเขาเย็นชา ประกอบด้วยร่องรอยแห่งความเดียวดาย จนทำให้กลิ่นอายของเขาดูเหมือนจะยิ่งอ้างว้างโดดเดี่ยวมากขึ้น
ใครก็ตามที่มองมายังหุบเขาเจ้าสำนักน้อย ก็จะรู้สึกว่าเต็มไปด้วยโลหิตและความลี้ลับ ข่าวคราวได้กระจายออกไปนานแล้วว่า เมิ่งฮ่าวได้ดูดกลืนปราณ, โลหิต, พื้นฐานฝึกตน และวิญญาณของศัตรู เห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกตนทั้งหมดในดินแดนด้านใต้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ และอันที่จริงก็มีอยู่หลายคนที่เคยเห็นกับสองตาตนเองมาแล้ว
ลึกลงไปในจิตใจพวกมัน ความรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาที่มีต่อเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ มาพร้อมกับความหวาดกลัวด้วยเช่นกัน
ในที่สุดดินแดนด้านใต้ก็ได้พักผ่อน และค่ายกลเวทก็ถูกจัดเตรียมจนเสร็จสิ้น ห้าวันผ่านไป…
ใกล้กับเขตชายขอบของดินแดนด้านใต้ ซึ่งอยู่ติดกับทะเลเทียนเหอ น้ำทะเลพลุ่งพล่านปั่นป่วน คลื่นขนาดใหญ่ม้วนตัวไปมาอยู่ทั่วพื้นผิวของทะเล แทบจะดูเหมือนว่าดินแดนด้านใต้กำลังจะจมอยู่ใต้น้ำ สูงขึ้นไปที่ด้านบน มองเห็นแสงอันเจิดจ้าอย่างน่าตกใจอยู่บนสะพานดอกปี่อ้าน เห็นได้ชัดว่าประตูเคลื่อนย้ายทางไกลกำลังถูกใช้อยู่อย่างต่อเนื่อง
อย่างช้าๆ ผู้คนเริ่มปรากฏขึ้น ในที่สุดพวกมันก็มารวมตัวกันอยู่บนสะพาน ดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด
สะพานดอกปี่อ้านสั่นสะเทือน เมื่อยักษ์ที่คล้ายภูเขาสองตนปรากฏขึ้น ยักษ์ทั้งสองนี้แตกต่างไปจากตัวที่อยู่ในกองกำลังที่สอง พวกมันมีความแข็งแกร่งมากกว่า และสวมใส่ชุดเกราะสีทอง แรงกดดันที่กระจายออกมาจากร่างพวกมันช่างน่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
น่าตกใจนักที่ยักษ์ทั้งสองนี้ไม่อาจจะเทียบได้กับขั้นตัดวิญญาณ แต่เป็นขั้นค้นหาเต๋า!
ถึงพวกมันจะอยู่ในขั้นต้นค้นหาเต๋าเท่านั้น แต่เมื่อดูจากรูปร่างที่ใหญ่โตของมันแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าพวกมันสามารถจะบดขยี้ผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นเดียวกันได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันก็ยังสวมใส่ชุดเกราะ และมีกระบี่เล่มใหญ่ยักษ์สะพายอยู่ที่ด้านหลังอีกด้วย ทำให้ดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
ด้านหลังยักษ์ทั้งสองเป็นกลิ่นอายแห่งความตายอันน่ากลัว ที่ก่อตัวขึ้นมาจากกลุ่มหมอกสีมรกต ในอาณาเขตที่อยู่ใกล้กับกลุ่มหมอก มองเห็นสัตว์ทะเลที่ตายไปแล้วจำนวนมาก กำลังลอยอยู่บนพื้นผิวของน้ำ
ภายในกลุ่มหมอกเป็นปีศาจที่มีอายุหนึ่งหมื่นปีสามตน!
ปีศาจทั้งสามกระจายบรรยากาศที่เทียบเท่ากับค้นหาเต๋าออกมา ขณะที่พวกมันลอยพริ้วไปมาอยู่ภายในกลุ่มหมอก ส่งเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนออกมา
นอกจากนี้ ก็ยังมีผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือนับแสนเป็นกองกำลังหลัก พวกมันรวมตัวกันอย่างแน่นหนาอยู่ที่ด้านบนสะพานดอกปี่อ้าน ใครก็ตามที่มองไปยังพวกมันก็คงต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดสายตามากที่สุดก็คือ สิ่งที่มองเห็นอยู่ตรงส่วนท้ายสุดของกองกำลัง
เป็นกรงเหล็กขนาดใหญ่ มีความสูงถึงหนึ่งร้อยจ้าง กำลังถูกลากตรงมาโดยโซ่เหล็กมากมายนับไม่ถ้วน ที่กำลังนั่งอยู่ด้านในเป็นวานรที่มีดวงตาสีแดงเจิดจ้า ถูกปกคลุมด้วยสัญลักษณ์เวทนับไม่ถ้วน และนั่งอย่างสงบนิ่งอยู่ภายในกรง หอบหายใจอย่างรุนแรงออกมา
ตรงแนวหน้าของกองกำลังเป็นบุคคลสามคนที่กระจายกลิ่นอายอันน่าตกใจออกมา พวกมันลอยตัวอยู่กลางอากาศ มองอย่างเย็นชาออกไปยังดินแดนด้านใต้
ตรงตำแหน่งกึ่งกลางในท่ามกลางคนทั้งสาม เป็นชายชราผมสีแดง และมีใบหน้าที่แดงก่ำ สวมใส่ชุดยาวสีขาว แรงกดดันอันลี้ลับกระจายออกมาจากร่าง มันถูกห้อมล้อมด้วยประกายสายฟ้ามากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งก่อตัวเข้าด้วยกันจนมองเห็นเป็น…มังกรที่แท้จริง!
ถ้ามองดูต่อไป ก็จะเห็นว่ามังกรเหล่านั้นม้วนตัวกันไปมา เพื่อกลายเป็นสิ่งที่แตกต่างกันออกไป…กระถางสีแดง!
ถ้าเมิ่งฮ่าวอยู่ที่นี่…เขาก็คงจะสามารถบอกได้ในทันทีว่า กระถางนี้คล้ายคลึงกับกระถางสายฟ้าของเขาเป็นอย่างยิ่ง แต่กระถางใบนี้ถูกแกะสลัก…เป็นรูปมังกรที่มีสายฟ้าหมุนวนอยู่รอบๆ ตัวมัน!
ชายชราลอยตัวอยู่ที่นั่น เห็นได้ชัดว่ากระจายพลังของค้นหาเต๋าขั้นสูงสุดออกมา แต่ความรู้สึกของกลิ่นอายมัน ก็ค่อนข้างจะเหมือนกับหุ่นเชิดเซียนเทียมของเมิ่งฮ่าว
แต่เมื่อตรวจดูให้ละเอียดอีกครั้ง ก็จะพบว่ากลิ่นอายของมันยังมีความเก่าแก่โบราณมากกว่าอีกด้วย
ดูเหมือนว่ามันจะมีกลิ่นอายที่อยู่ระหว่างเซียนแท้และเซียนเทียม
ชายชราผู้นี้เป็นบุคคลที่แข็งแกร่งมากที่สุดในดินแดนทางเหนือ เป็นผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิ
ด้านข้างมันยืนไว้ด้วยบุรุษและสตรี บุรุษมีท่าทางสุภาพอ่อนโยนและอรชรอ้อนแอ้น มีนัยน์ตาหงส์ และรูปร่างที่อ่อนช้อยราวกับสายลม อย่างไรก็ตาม ภายในดวงตาของมันก็มองเห็นเป็นภาพของสองเซียนศักดิ์สิทธิ์กำลังนั่งขัดสมาธิอ่านคัมภีร์อยู่ เพียงมองแค่แวบเดียวก็เห็นได้ชัดว่าบุรุษผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
มันอยู่ในขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า พร้อมกับบรรยากาศที่แปลกๆ ซึ่งดูเหมือนแต่ก็แตกต่างไปจากเซียนเทียมอีกด้วย
สำหรับสตรี กลับเป็นตรงกันข้าม นางไร้ความงดงามใดๆ มีปานสีดำอยู่บนใบหน้าที่บิดเบี้ยวและดูแปลกๆ ยิ่งไปกว่านั้น รูปร่างนางก็ไม่ได้ดูสง่างามหรือน่ามองเลยแม้แต่น้อย แต่มีรูปร่างอ้วนจนถึงที่สุด
ที่พันอยู่รอบๆ คอนางเป็นอสรพิษสีแดงเข้ม ซึ่งแลบลิ้นออกมาเป็นระยะ ดวงตาทั้งคู่ของมันดูน่ากลัว ถ้ามองดูให้ละเอียด ก็จะพบว่าอสรพิษนี้ไม่ได้มีร่างกายที่แท้จริง อย่างน่าตกใจยิ่ง จริงๆ แล้วก็ประกอบขึ้นมาจากวิญญาณไร้ร่างมากมายนับไม่ถ้วน
นี่ก็คือกองกำลังที่สามของผู้ฝึกตนแห่งดินแดนทางเหนือ เป็นกองกำลังสุดท้าย และแข็งแกร่งมากที่สุดด้วยเช่นกัน!
ทันทีที่พวกมันมาถึงยังเขตชายขอบของดินแดนด้านใต้ สามลำแสงที่กระจายพลังของค้นหาเต๋าขั้นสูงสุดก็พุ่งตรงมา พวกมันคือสามปรมาจารย์ดินแดนทางเหนือ ที่เมิ่งฮ่าวทำให้พวกมันต้องตกใจกลัวมาก่อน
เมื่อคนทั้งสามมาเข้าร่วมกับกองกำลังนี้ ก็ทำให้จำนวนผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าของพวกมันเพิ่มขึ้นจากสามเป็นหกคน!
นอกจากนี้ ก็ยังมีสองยักษ์และสามปีศาจอยู่อีกด้วย กองกำลังของผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือนี้ช่างแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อนัก
คนที่มาใหม่ทั้งสามไม่พูดอะไรออกมา พวกมันยื่นส่งแผ่นหยก ออกไปให้กับผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิ และคนอื่นๆ หลังจากที่พวกมันตรวจดูอย่างละเอียดอยู่ชั่วขณะ ถึงแม้ว่าสีหน้าพวกมันไม่ได้เปลี่ยนไป แต่แววตาก็เริ่มเคร่งเครียดขึ้นมา
ผู้ฝึกตนทั้งหกสบตากัน จากนั้นก็เริ่มส่งข้อความกันไปมา
“เมิ่งฮ่าว…”
“ข้าได้รับรายงานเกี่ยวกับมันก่อนหน้านี้มาแล้ว ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวผู้นี้…คืออุปสรรคที่ยิ่งใหญ่สำหรับการรุกรานดินแดนด้านใต้ของพวกเรา!”
“มันมีร่างจำแลงขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า และร่างจริงของมันสามารถดูดซับพลังชีวิต, ปราณ, โลหิต, พื้นฐานฝึกตน และวิญญาณ…”
“พวกเราต้องกำจัดมันไปให้จงได้ ถ้าไม่มีมัน ดินแดนด้านใต้ก็จะสุกงอมพร้อมจะเก็บเกี่ยวแล้ว!”
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ สายตาของพวกมันก็ไปหยุดอยู่ที่ผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิ
สายฟ้าเต้นไปมาอยู่รอบๆ ร่างมัน ตาที่หลับอยู่ทันใดนั้นก็ลืมขึ้นมา มันพูดออกมาเป็นครั้งแรก และเสียงอันแหบแห้งของมันก็เต็มไปด้วยพลังที่แปลกๆ
“เพื่อจัดการกับมัน ข้าอนุญาตให้ใช้รูปปั้นบรรพบุรุษ!”
อีกห้าคนพยักหน้าเพื่อตอบรับ ไม่มีการพูดคุยปรึกษากันอีก สักพักต่อมา กองกำลังที่สามก็เคลื่อนที่ออกไปจากสะพานดอกปี่อ้าน เข้าไปยังดินแดนด้านใต้!
ในทันใดนั้นเอง รังสีสังหารของผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือก็ระเบิดออก ท้องฟ้ามืดสลัวขณะที่พวกมันพุ่งฝ่าอากาศไป คล้ายกับเป็นกลุ่มเมฆสีดำ
ผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิ มองออกไปยังที่ห่างไกล สายฟ้าเต้นไปมาอยู่รอบๆ ตัว ขณะที่มันแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นก็ยื่นมือออกและชี้ขึ้นไป ทันใดนั้นสายฟ้าก็พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า
อากาศบิดเบี้ยวไปมา และจากนั้นลูกตาที่โปร่งใสขนาดเท่ากำปั้นก็ปรากฏขึ้นที่ด้านบน สายฟ้ากระแทกเข้าไป ทำให้มันระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ดินแดนด้านใต้รู้ว่าพวกเรามาแล้ว” ชายชรากล่าว “มุ่งหน้าตรงไปอย่างเต็มกำลัง พวกเราจะจบสงครามครั้งนี้ให้เร็วที่สุด!” ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือส่งเสียงดังกระหึ่มเพื่อตอบรับ และพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
สีสันแวบขึ้นไปในท้องฟ้า และสายลมก็กรีดร้อง ที่ด้านล่าง พื้นดินสั่นสะเทือนอยู่ภายใต้รังสีสังหารของพวกมัน!
ที่ด้านนอกของสำนักเซี่ยเยา สีหน้าของปรมาจารย์ซ่งเปลี่ยนไป ขณะที่ลืมตาขึ้นมา
“พวกมันมาแล้ว มีชายชราพร้อมกับสายฟ้าอยู่รอบๆ ตัว ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในดินแดนทางเหนือ เป็นผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิ พื้นฐานฝึกตนของมันช่างน่าประหลาดใจยิ่ง มันสังเกตเห็นดวงตาวิเศษลึกลับของข้าได้”
“พวกมันจะมาถึงที่นี่ภายในสามวันเป็นอย่างน้อย!”
ตานกุ่ยและปรมาจารย์จินหานสบตากัน มองเห็นแสงอันลึกล้ำอยู่ในดวงตาของกันและกัน พวกท่านสะกดข่มความกังวลใจไว้ ลุกขึ้นมายืน
“กระจายข่าวออกไป การต่อสู้ครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!”