Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 856

ตอนที่ 856

สุดยอดสะพาน

นี่คือความหวังที่พวกมันยึดถือมาตลอดหลายปี ที่ได้จัดการแข่งขันมาทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้านี้

อันที่จริงก็มีเหตุผลที่สำคัญมากไปกว่าการรับศิษย์!

สามผู้เฒ่ากำลังหอบหายใจออกมาเบาๆ แต่เมื่อคิดว่าพวกมันมีพื้นฐานฝึกตนที่สูงส่ง และมีสมาธิที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าพวกมันจะมองไปยังการรับสมัครนี้ด้วยความหวังเช่นนี้มานานหลายปีก็ตามที พวกมันจะไม่ปล่อยให้คนอื่นๆ มารับรู้ได้ถึงร่องรอยใดๆ จากการมองมายังสีหน้าของพวกมัน

อย่างไรก็ตาม…แสงแห่งความประหลาดใจที่แทบจะมองไม่เห็น ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของชายชราจากเต๋าคุนหลุน ซึ่งดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่แปลกประหลาดอยู่เล็กน้อยนี้

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ไม่กี่ชั่วยามต่อมา เสียงกระหึ่มได้ดังขึ้นมาอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าวอีกครั้ง แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว…และจากนั้นก็กลับมาอีกแต่ก็มีความรุนแรงมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้

นี่เป็นการบ่งชี้ว่าความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่เมิ่งฮ่าวกำลังสร้างอยู่ เริ่มมีพลังเพิ่มมากขึ้น!

กลุ่มคนที่มุงดูในขุนเขาทะเลที่เก้า เริ่มจ้องนิ่งไปยังจอภาพกระแสน้ำวน และเมิ่งฮ่าวที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ พวกมันเฝ้ารอคอยด้วยความมุ่งหวัง ที่จะได้เห็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์อันน่าเหลือเชื่อที่เขาจะสร้างขึ้นมา

“เวทแห่งเต๋าจากก่อนหน้านี้ทำให้แท่นศิลาตัวอักษรยี่สิบเอ็ดแท่นตกลงมา จากนั้นมันก็เริ่มสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์อื่นอีก ถ้ามันทำได้สำเร็จ…ข้าอยากรู้นักว่าจะมีแท่นศิลาตัวอักษรปรากฏขึ้นเท่าใดกันแน่?!”

“นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน! บันทึกโบราณไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับครั้งแรกที่สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่จัดงานแข่งขันนี้ขึ้นมา แต่จากบันทึกที่เก็บรักษาไว้จนกระทั่งถึงตอนนี้ ไม่มีใครสามารถทำให้ดวงดาวสะเทือนได้อย่างน่าตกใจเท่ากับฟางมู่ผู้นี้มาก่อน!”

“ผู้ถูกเลือกเช่นนั้นจะเป็นจุดสนใจของคนทั้งหมด ไม่ว่ามันจะเข้าสังกัดสำนักไหนก็ตามที แต่ก็น่าแปลกใจนักที่ก่อนหน้านี้ ข้าไม่เคยได้ยินชื่อของมันมาเลย!”

เสียงพูดคุยดังก้องออกไปทั่วทุกที่ ทั้งโลกด้านนอกและท่ามกลางกลุ่มผู้เข้าร่วมการแข่งขันบนเส้นทางโบราณ คนทั้งหมดต่างก็ถูกเมิ่งฮ่าวทำให้จิตใจต้องสั่นสะท้าน

พวกมันทั้งหมดกำลังเฝ้ารอ…การสร้างสรรค์อันน่ามหัศจรรย์ใจของเมิ่งฮาว

วันต่อมา ได้ยินเสียงกระหึ่มอย่างน่าตกใจมากขึ้นกว่าดิม ต่อมาอีกวันเสียงของมันก็เต็มไปทั่วทั้งเส้นทางโบราณค้นหาเต๋า สามวันหลังจากนั้น…เริ่มมีเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิมอีกครั้ง แม้แต่กลุ่มคนที่อยู่บนเส้นทางโบราณขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งและตัดวิญญาณต่างก็สามารถจะได้ยิน

มันดังเต็มไปทั่วเส้นทางโบราณทั้งหมด!

กลุ่มคนเริ่มประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิม!

สี่วันหลังจากนั้น เสียงกระหึ่มอย่างรุนแรงก็ดังก้องออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว ที่อยู่บนเส้นทางโบราณผ่านกระแสน้ำวน เข้าไปในขุนเขาทะเลที่เก้า

เมื่อเกิดขึ้นเช่นนั้น ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ลืมตาขึ้นมา

ทันใดนั้นเองแสงอันไร้ขอบเขตได้สาดประกายออกมาจากม่านตาเมิ่งฮ่าว ทำให้ใครก็ตามถ้ามาเผชิญหน้ากับเขา ก็จะรู้สึกว่าตาแทบจะบอดไปจากแสงที่เสียดแทงเข้ามานั้น สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งขณะที่ยกมือขึ้นไปในอากาศ ในจิตใจเขามีภาพของสะพานแรกอยู่ ซึ่งได้ประทับแน่นอยู่ที่นั่น ไม่มีทางจะจางหายไปชั่วกาลนาน

ขณะที่เมิ่งฮ่าวยกมือขึ้นไปในอากาศ โลกรอบๆ ตัวเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน และรอยแตกนับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้น อากาศหมุนวนไปมา และเริ่มแตกกระจายออกเป็นชั้นๆ แค่ไม่กี่อึดใจ พื้นดินรอบๆ ตัวเขาทั้งหมดก็แตกกระจายไป และเริ่มพังทลายลง สายลมกรีดร้องและอากาศก็แตกสลายไป

สำหรับเมิ่งฮ่าว เขายังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ แต่ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวกระจัดกระจายหายไป ก็ดูราวกับว่าเขากำลังลอยตัวอยู่ในท่ามกลางความว่างเปล่า ถูกห้อมล้อมด้วยแท่นศิลาตัวอักษรยี่สิบเอ็ดแท่น ซึ่งแต่ละแท่นมีความสูงหนึ่งร้อยจ้าง

ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น เสียงกระหึ่มได้ยินออกมาจากความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตที่ด้านบนสูงขึ้นไป ราวกับเป็นเสียงคำรามที่ดังก้องไปมา ตามติดมาด้วย…แท่นศิลาตัวอักษรที่กำลังตกลงมา!

หนึ่ง, สอง, สาม…มีทั้งหมดเก้าแท่น ที่ลอยลงมารวมกับแท่นศิลาตัวอักษรก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านั้นแท่นศิลาใหม่นี้จริงๆ แล้วก็มีสีเงิน!

การปรากฏขึ้นของพวกมันดูโอ่อ่าเกรียงไกรยิ่งกว่าแท่นศิลายี่สิบเอ็ดแท่นนั้น และน่าตกตะลึงใจกว่ามากนัก

ปรมาจารย์ที่อยู่ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว มองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และกลุ่มฝูงชนที่ด้านนอกในขุนเขาทะเลที่เก้า ต่างก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายด้วยความไม่อยากจะเชื่อในทันที

“มัน…มันสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ยังไม่เสร็จ! แค่รวบรวมพลังขึ้นมาเท่านั้น แต่แท่นศิลาตัวอักษรก็ตกลงมาแล้ว!”

“แท่นศิลาตัวอักษรเหล่านั้นเป็นสีเงิน! ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน!”

“ความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้ต้องต่อต้านสวรรค์อย่างแน่นอน! ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมแค่รวบรวมพลังลมปราณก่อนที่จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ก็ทำให้แท่นศิลาตัวอักษรตกลงมาได้!”

“นี่คือความสามารถศักดิ์สิทธิ์อะไรกันแน่?!?!”

ขณะที่กลุ่มฝูงชนกำลังพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่น ใบหน้าสงบนิ่ง แววตาไม่มีทั้งความยินดีหรือเสียใจ ดูเหมือนว่าจิตใจเขาได้จมลงไปในฌาณที่เงียบสงบของสะพานแรกไปแล้ว

พลังลมปราณของเมิ่งฮ่าวเริ่มมีความเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเวลาที่ธูปเผาไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป ภาพของสะพานในจิตใจเขาทันใดนั้นก็ยืดขยายออกไป ใหญ่โตออกไปในชั่วพริบตา จนกระทั่งปกคลุมไปทั่วทั้งร่าง

ราวกับว่าเมิ่งฮ่าวได้กลายเป็นสะพานไป!

และในเวลาเดียวกันนั้น สะพาน…ก็กลายเป็นเมิ่งฮ่าว!

ถ้าสังเกตดูให้ละเอียดมากขึ้น เมิ่งฮ่าวกำลังเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ เป็นความปวดร้าวที่ดูเหมือนว่ากระแสแห่งปราณนับร้อยกำลังฉีกกระชากอวัยวะภายในของเขาให้ฉีกขาดออก

เหงื่อเม็ดใหญ่ๆ ไหลกลิ้งลงมาจากใบหน้า ขณะที่ภายในร่างเขาปรากฏ…ชีพจรขึ้นหนึ่งร้อยจุด!

ชีพจรหนึ่งร้อยจุดเหล่านี้คือชีพจรเซียน ซึ่งก่อนหน้านี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นอยู่ภายในร่างเขา แต่ตอนนี้เมื่อสะพานนั้นได้ยืดขยายออกไป มันก็บังคับให้ชีพจรต้องเปิดออก ถึงแม้ว่าจะเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะก็ตามที ยังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างถาวร แต่ก็ได้สร้างต้นแบบพื้นฐานเซียนให้กับเมิ่งฮ่าวขึ้นอย่างแท้จริง!

เมื่อรวมเข้ากับชีพจรเซียนที่ไร้ตัวตนซึ่งเขามีอยู่แล้ว ก็กลายเป็นภาพที่ทำให้ใครก็ตามที่สามารถมองเห็นมันได้ต้องตกตะลึง แม้แต่สามปรมาจารย์จากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ก็ไม่อาจจะมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ภายในร่างเมิ่งฮ่าวได้ ถ้าพวกมันพยายามจะมองเข้าไปภายในร่างเขา ทั้งหมดที่พวกมันสามารถเห็นได้ก็คือแสงอันเจิดจ้า

ทันทีที่ชีพจรหนึ่งร้อยจุดถูกบังคับให้เปิดออกอยู่ภายในร่างเมิ่งฮ่าว เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ก็ได้ยินมาขณะที่แท่นศิลาตัวอักษรได้ตกลงมาจากด้านบนมากขึ้น อย่างน่าตกใจยิ่ง มีแท่นศิลาสีทองอยู่เก้าแท่น!

ภาพของแท่นศิลาตัวอักษรสีทองเก้าแท่นเหล่านี้ ทำให้กลุ่มฝูงชนที่โลกด้านนอก รวมทั้งผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนอื่นๆ ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายโดยสิ้นเชิง

“สิบแปดแท่นศิลาตัวอักษร!!”

“สวรรค์! เก้าแท่นศิลาสีเงิน และเก้าแท่นศิลาสีทอง! ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ยังสร้างได้ไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่…แต่ก็มีแท่นศิลาตัวอักษรแล้วถึงสิบแปดแท่น!”

“คนผู้นี้คือผู้ไร้ที่เปรียบในท่ามกลางผู้ถูกเลือก!!”

เมิ่งฮ่าวไม่ได้ยินเสียงพูดคุยจากโลกด้านนอก ร่างกายเขากำลังสั่นสะท้าน และเต็มไปด้วยความรู้สึกว่าความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่เขาสร้างขึ้นมานี้ ช่างแข็งแกร่งจนยากที่จะอธิบายออกมาได้ เหมือนกับเป็นเวทที่เขาไม่อาจจะใช้ออกมาได้ด้วยพื้นฐานฝึกตนในตอนนี้

มันเป็นเวทที่ต้องทำให้ชีพจรหนึ่งร้อยจุดทั้งหมดเปิดออกมาจริงๆ ก่อนที่จะสามารถใช้มันได้!

แม้แต่ตอนที่อ่อนแอมากที่สุด ก็ยังต้องใช้อย่างน้อยห้าสิบจุดชีพจร

ในตอนนี้ ชีพจรทั้งหนึ่งร้อยจุดของเมิ่งฮ่าวถูกบังคับให้เปิดออก แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นการเปิดออกแค่ชั่วคราวเท่านั้น เขาได้ยืมพลังมาจากโชควาสนาในตอนนี้ เป็นผลลัพธ์มาจากการสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้นมา และเป็นบางสิ่งที่จะอยู่ได้อีกไม่นาน แต่สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว มันก็ยังคงเป็นโชควาสนาที่น่าเหลือเชื่อ เป็นการเปิดเส้นทางให้กับเขา ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำก็คือก้าวเดินต่อไป เพื่อให้บรรลุกลายเป็นเซียนแท้ให้จงได้

“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่สามารถใช้วิชาเวทนี้ได้ในตอนนี้จริงๆ แต่ข้าก็อยากจะเห็นว่ามันถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่พื้นฐานฝึกตนพุ่งขึ้นมาอย่างเต็มกำลัง ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังเต็มไปทั่วในอากาศอย่างรุนแรง

อย่างช้าๆ ภาพของสะพานเริ่มมองเห็นได้จากที่ด้านหลัง!

สะพานนี้เป็นแค่ภาพลวงตาที่ดูเลือนลาง ถ้าภาพที่มองเห็นได้ชัดเจนสมบูรณ์แบบถือว่าสิบส่วนเต็ม ภาพลวงตานี้ก็แค่หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น!

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมองเห็นได้แค่หนึ่งในสิบส่วน แต่มันก็ยังคงเต็มไปด้วยความเก่าแก่โบราณ เปล่งกลิ่นอายอันโบราณออกมา ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยกฎธรรมชาติที่ไม่ได้สอดคล้องกับขุนเขาทะเลที่เก้า กฎธรรมชาตินี้เป็นกฎที่ต่อต้านสวรรค์ ราวกับว่ามันสามารถจะแยกสวรรค์ให้ขาดออกเป็นสองท่อน สามารถจะเหยียบย่ำสวรรค์…ให้อยู่ที่ใต้ฝ่าเท้าของมัน!

เกิดเป็นพลังที่ครอบงำอย่างไร้ขีดจำกัดกระจายออกมา ราวกับว่าเมื่อมันมองออกไป สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต้องคุกเข่ากราบกรานมันอย่างไร้ทางเลือก! นี่คืออำนาจอันสูงสุด!

เมิ่งฮ่าวเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรงมากขึ้น ชีพจรหนึ่งร้อยจุดที่ถูกเปิดออก ซึ่งได้สาดประกายด้วยแสงอันเจิดจ้าไร้ขีดจำกัดเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ในตอนนี้เริ่มมืดสลัวลง ราวกับว่าแสงนั้นกำลังถูกสะพานดูดกลืนเข้าไป

ในชั่วพริบตา ชีพจรเพียงแค่สามสิบจุดเท่านั้นที่ยังคงเปิดอยู่ ในตอนนี้ความมุ่งมั่นอย่างบ้าคลั่งเริ่มสาดประกายออกมาจากดวงตาเมิ่งฮ่าว เขาเงยหน้าขึ้นและส่งเสียงกู่ร้อง ขณะที่ชีพจรเซียนที่ยังเหลืออยู่ภายในร่างเริ่มมืดสลัวลงไป ทันใดนั้นสะพานที่อยู่ด้านหลังจู่ๆ ก็เริ่มมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นสองในสิบส่วน!

สองในสิบส่วนนี้ทำให้สามเส้นทางโบราณในเศษซากเซียนทั้งหมดสั่นสะเทือน สูงขึ้นไปในวิหาร จิตใจเหล่าปรมาจารย์ต่างก็หมุนคว้าง พวกมันสะท้านใจไปโดยสิ้นเชิง ที่ด้านนอกในขุนเขาทะเลที่เก้า มีผู้ฝึกตนบางคนยังได้กระอักโลหิตออกมาอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ที่ด้านบนในความว่างเปล่าได้ปรากฏ…เก้าแท่นศิลาตัวอักษรเจ็ดสีขึ้น!

สีเงินเก้าแท่น สีทองเก้าแท่น เจ็ดสีเก้าแท่น

โลกทั้งหมดตกอยู่ในความตื่นตระหนก!

“นั่นเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน!?!?”

“นั่นมันยิ่งกว่าเวทแห่งเต๋า ยังเหนือกว่าเวทวิชาลับซะอีก! มันคือเวทอะไรกัน?!”

“เป็น…เป็นไปได้หรือไม่ว่านั่นคือเวทยิ่งใหญ่ในตำนาน!?!?”

คนทั้งหมดที่อยู่ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ยกเว้นสามปรมาจารย์จากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ต่างก็ลุกขึ้นมายืน ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“เวทยิ่งใหญ่!! การที่ฟางมู่สามารถสร้างเวทยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ ในขณะที่อยู่ในอาณาจักรวิญญาณ ก็หมายความว่าการหยั่งรู้ของมันช่างน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!!”

“มันไม่อาจจะใช้เวทเช่นนี้ได้ในตอนนี้ แต่ในวันข้างหน้า เมื่อพื้นฐานฝึกตนของมันสูงขึ้นไปในขั้นสูงสุดของอาณาจักรเซียน มันก็คงสามารถจะใช้เวทนี้สังหารผู้แข็งแกร่งแห่งอาณาจักรโบราณได้!”

เหล่าปรมาจารย์ในตอนนี้ต่างก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย พวกที่มุงดูอยู่ที่ด้านนอกในขุนเขาทะเลที่เก้าต่างก็ประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง และกำลังปากอ้าตาค้างจ้องมองไป พวกมันไม่รู้ว่าเวทยิ่งใหญ่คืออะไร แต่เมื่อสะพานปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว ก็รับรู้ได้ว่าพื้นฐานฝึกตนของพวกมันกำลังสั่นสะท้าน!

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว เขาไม่อาจจะดำเนินการต่อไปได้อีกแล้ว สะพานกระพริบไปมา และร่างกายเขาก็กลับคืนสู่สภาพปกติ แต่เขาก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างยิ่ง แทบจะราวกับว่าเขากำลังไม่สบาย ใบหน้าซีดขาว แต่ดวงตากลับสาดประกายด้วยแสงเจิดจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เมื่อสะพานนั่นปรากฏขึ้น มันช่างยิ่งใหญ่และไม่มีอะไรมาเทียบได้ ถ้าเช่นนั้นมันก็น่าจะมีนามว่า…”

“สุดยอดสะพาน!!”

“นี่คือความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่สองของข้า!”

เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ ภายใต้สายตาของผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนที่กำลังจ้องมองมาจากสถานที่หลายแห่งซึ่งแตกต่างกันออกไป

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็หลับตาลง ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปยังแท่นศิลาตัวอักษรสี่สิบแปดแท่นนั้น

ทันใดนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าไป แท่นศิลาตัวอักษรสั่นสะท้าน และเริ่มกระจายปราณเซียนออกมา กลายเป็นพลังอันอ่อนโยนมุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ห้อมล้อมอยู่รอบๆ ตัวเขาคล้ายกับเป็นกระแสน้ำวน ขณะที่เขาดูดซับมันเข้าไปในร่าง ชีพจรเซียนของเขาก็แทบจะดูเหมือนว่าเริ่มมีชีวิตขึ้นมาขณะที่มันดูดกลืนปราณเซียนเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม

สามในสิบส่วน, สี่ในสิบส่วน, ห้าในสิบส่วน, หกในสิบส่วน, เจ็ดในสิบส่วน!!

ก่อนที่จะมายังเศษซากเซียน ชีพจรเซียนของเมิ่งฮ่าวเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น แต่ตอนนี้มันกำลังดูดกลืนปราณเซียนด้วยความรวดเร็วอย่างน่าตกใจ แท่นศิลาตัวอักษรเริ่มหายไป และเมื่อถึงตอนที่แท่นสุดท้ายได้หายไป ชีพจรเซียนที่อยู่ภายในร่างเขาก็เริ่มตกผลึกถึงแปดในสิบส่วน!

นี่คือชีพจรเต๋าเซียนโบราณ ที่ก่อตัวขึ้นมาจากตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณ มันเป็นชีพจรเซียนที่ผู้ฝึกตนในสมัยปัจจุบันนี้ไม่อาจจะมีได้ และมาจากสมัยโบราณ เนื่องจากสุ่ยตงหลิว ทำให้โชคชะตาของเมิ่งฮ่าวได้เปลี่ยนไป!

ตอนนี้มันตกผลึกได้ถึงแปดในสิบส่วน และกระจายพลังเซียนออกมา ตอนนี้พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวได้ระเบิดพลังอันรุนแรงออกมา เป็นพลังของเซียนแท้!

การที่ชีพจรเซียนเริ่มตกผลึกได้ถึงแปดในสิบส่วน ทำให้ตอนนี้เมิ่งฮ่าวดูเหมือนกำลังตกอยู่ในการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ใช่เซียนแท้ แต่จริงๆ แล้ว…เขาจะแข็งแกร่งมากกว่าตานกุ่ยเมื่อกลายเป็นเซียนแท้!!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!