Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 870

ตอนที่ 870

ปีศาจร้ายใกล้เข้ามา!

“ให้เวลาพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายหนึ่งวัน หลังจากนั้นสิบหกคนแรกจะถูกเลือกออกมา!” หลิงอวิ๋นจื่อกล่าวขึ้น ตอนนี้เมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ ในท่ามกลางสามสิบสองคนแรก กำลังเข้าไปใกล้ด้านบนสุดของลำต้นหลักต้นไม้เต๋าเซียนโบราณแล้ว ในตอนนี้คนทั้งหมดเริ่มพักผ่อนและเตรียมตัวที่จะต่อสู้เพื่อให้เข้าไปอยู่ในสิบหกคนแรกให้จงได้

ตอนนี้การต่อสู้เพื่อเลือกสามสิบสองคนแรก เพิ่งจะเริ่มขึ้นสำหรับขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งและตัดวิญญาณ จากตำแหน่งที่เมิ่งฮ่าวอยู่ด้านบน ในที่สุดเขาก็มองเห็นเฉินฝานที่อยู่ด้านล่างของสังเวียนการประลองขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง

ถึงแม้ว่าในตอนนี้เฉินฝานกำลังต่อสู้อยู่กับผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งเช่นเดียวกับมัน แต่การที่จะเข้าไปอยู่ในสามสิบสองคนแรกเป็นสิ่งที่ยากมากเป็นอย่างยิ่ง

แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังคงจะยืนหยัดต่อไป กระบี่ที่มันตวัดออกไปนอกจากจะมีความแหลมคมแล้ว ก็ยังประกอบไปด้วยความหมองเศร้าของมันอีกด้วย ทำให้จิตใจของคู่ต่อสู้เต็มไปด้วยความตกตะลึง

เฉินฝานตกเป็นเป้าสายตาของสำนักไม่น้อยมานานแล้ว กระบี่ของมันประกอบไปด้วยอาณาจักร ถึงแม้ว่าตัวมันเองจะอยู่เพียงแค่ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งเท่านั้น แต่บุคคลเช่นนี้แน่นอนว่าจะต้องประสบความสำเร็จได้อย่างน่าทึ่งในอนาคต

หนึ่งในสามนิกายหกสำนัก อีเจี้ยนเก๋อ (ศาลากระบี่เดียวดาย) ซึ่งค่อนข้างจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักอีเจี้ยน (กระบี่เดียวดาย) ให้ความสนใจในตัวเฉินฝานมากเป็นพิเศษ พวกมันเป็นกลุ่มแรกที่บันทึกรายนามของเฉินฝานไว้

หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว และสุดท้ายเฉินฝานก็เข้าไปอยู่ในสามสิบสองคนแรก

สำหรับเมิ่งฮ่าว เขาเริ่มต่อสู้เพื่อให้อยู่ในกลุ่มสิบหกคนแรก!

ขณะที่การต่อสู้เริ่มขึ้น แสงระยิบระยับก็กระจายออกไป และพวกเขาก็ขยับเข้าไปใกล้ด้านบนสุดของต้นไม้มากขึ้น คู่ต่อสู้ของเมิ่งฮ่าวเป็นผู้ถูกเลือกอีกคน!

เป็นหญิงสาวที่มาจากสำนักอู่เซ่อ (ห้าสี) ซึ่งสวมใส่ชุดยาวที่มีห้าสีผสมรวมกัน เมิ่งฮ่าวเคยมองไปยังนางในการต่อสู้รอบที่ผ่านมา และรู้ว่านางมีทักษะอันน่าประหลาดใจเกี่ยวกับเวทห้าธาตุ

หญิงสาวผู้นี้ยิ่งมีความระมัดระวังตัวมากกว่าเมิ่งฮ่าว เมื่อนางเห็นว่าใครคือคู่ต่อสู้ของตนเอง จิตใจก็เริ่มเต้นรัว ผู้คนเพียงหยิบมือที่นางหวาดกลัวอย่างแท้จริงในการต่อสู้ครั้งนี้ เมิ่งฮ่าวคือหนึ่งในนั้น

หลังจากที่นางและเมิ่งฮ่าวประสานมือให้กันและกัน หญิงสาวก็เริ่มก่อน ขยับสองมือร่ายเวท ปลดปล่อยธาตุทั้งห้า ทอง, ไม้, น้ำ, ไฟ และดินออกมาในทันที ก่อตัวเป็นทะเลขนาดใหญ่, เรือรบ, ดวงตะวันอันเจิดจ้า และยักษ์ที่สร้างขึ้นมาจากดินโคลน ซึ่งกวัดแกว่งกระบี่สีทองขนาดใหญ่ไปมา ทั้งหมดนี้พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยแสงแห่งความมุ่งหวัง ร่างกายแวบขึ้น โบกสะบัดมือ ทำให้ทะเลม่วงตกลงมา นี่คือภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุน้ำของเขา จากนั้นอีกาทองคำก็ปรากฏขึ้น ซึ่งเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุทอง หลังจากนั้นก็เป็นธาตุไม้, ไฟ และภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุดิน อย่างน่าตกใจยิ่ง ห้าธาตุต่อสู้กับห้าธาตุ

การปะทะกันนี้ทำให้สีสันแวบขึ้นไป เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ กลุ่มผู้ชมในโลกด้านนอกกำลังมองไปด้วยความจดจ่อ

ในสังเวียนการประลอง เมิ่งฮ่าวและหญิงสาวนางนั้นต่อสู้กันไปมาอยู่ในกลางอากาศ ทอง, ไม้, น้ำ, ไฟ และดิน ทั้งห้าธาตุถูกปลดปล่อยออกมาในท่ามกลางเสียงระเบิดดังกระหึ่มกึกก้อง ในช่วงเวลาสั้นๆ คนทั้งสองโจมตีกันไปมามากกว่าสิบครั้ง แต่ทั้งหมดนี้เมิ่งฮ่าวยังไม่เคยทุ่มออกมาจนสุดตัวเลย เขาใช้เพียงแค่ธาตุทั้งห้านี้เท่านั้น ขณะที่โจมตีไปยังหญิงสาวนางนั้น

เขากำลังใช้การต่อสู้นี้เพื่อทำให้เวทห้าธาตุของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อคิดว่าหญิงสาวนางนี้เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ห้าธาตุมากกว่าเมิ่งฮ่าว ก็ทำให้คนที่มองดูการต่อสู้นี้อยู่ มีความรู้สึกว่าศิษย์ของสำนักอู่เซ่อสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่

อันที่จริงศิษย์จากสำนักต่างๆ ค่อนข้างจะสับสน และมองไปยังการต่อสู้นี้ด้วยความตกตะลึง

“ฟางมู่เชี่ยวชาญในเวทห้าธาตุด้วยเช่นกัน!!”

“ช่างน่าเหลือเชื่อนัก! ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนมากมาย สามารถใช้เวทห้าธาตุได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครจะสามารถเทียบได้กับสำนักอู่เซ่อ แต่ฟางมู่กลับต่อสู้กับหานเหมยได้อย่างสูสี!”

มีสังเวียนการประลองอยู่สิบหกแห่ง ที่มีผู้คนสามสิบสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่ ยังไม่มีใครได้รับชัยชนะเลย ในตอนนี้เองที่สายลมสีดำได้พุ่งขึ้นมาจากภายในเศษซากเซียน แม้แต่ซากศพขนาดใหญที่อยู่ด้านล่างของต้นไม้เต๋าโบราณก็ยังไม่อาจจะทำอะไร เพื่อป้องกันสายลมนี้ได้ มันพัดผ่านไป เห็นได้ชัดว่ากำลังมุ่งหน้าตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ด้านบน ภายในสายลมสีดำนั้นมองเห็นดวงตาสีขาวอยู่หนึ่งคู่ กำลังจ้องมองลงไปยังกลุ่มผู้คนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ที่ด้านล่าง

ทันทีที่สายลมสีดำปรากฏขึ้น สีหน้าของหลิงอวิ๋นจื่อและอีกสองชายชราได้เปลี่ยนไป ไม่เพียงแต่พวกมันเท่านั้น แม้แต่กลุ่มฝูงชนที่อยู่ด้านนอก ในขุนเขาทะเลที่เก้าต่างก็ตื่นตระหนกไปเช่นเดียวกัน

ที่ยิ่งมีความกังวลใจมากที่สุดคือเหล่าปรมาจารย์ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว พวกมันลุกขึ้นมายืน แม้แต่ชายชราจากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ดวงตาของพวกมันกำลังเบิกกว้าง จากการปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันของสายลมสีดำนี้

“ต้นไม้เต๋าโบราณนี้ถูกปลูกโดยท่านผู้ยิ่งใหญ่ และประกอบด้วยเจตจำนงของท่านผู้ยิ่งใหญ่อยู่เล็กน้อยด้วย” ปรมาจารย์จากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้ากล่าว “พวกมันจะปลอดภัย ตราบเท่าที่ยังอยู่บนต้นไม้นั่น”

ตอนนี้ผู้ที่กำลังต่อสู้กันอยู่บนต้นไม้เต๋า ต่างก็มองเห็นสายลมสีดำนี้กันทั้งหมด และสีหน้าของพวกมันก็เปลี่ยนไป หลิงอวิ๋นจื่อและอีกสองชายชราสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นเสียงของหลิงอวิ๋นจื่อก็ดังก้องออกไป

“พวกเจ้าต้องไม่ออกไปจากใบไม้ของต้นไม้เต๋า! ตราบเท่าที่พวกเจ้ายังคงอยู่บนใบไม้ ก็จะไม่มีอันตรายใดๆ!”

แทบจะในทันทีที่คำพูดของหลิงอวิ๋นจื่อได้ยินมา เสียงแผดร้องก็ดังก้องออกมาจากที่ห่างไกลออกไป เป็นเสียงแหลมเล็กราวกับสามารถจะเฉือนโลหะป่นศิลาได้ดังก้องไปมา ทำให้กลุ่มคนที่อยู่บนต้นไม้รู้สึกเจ็บปวดอยู่ในหู แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดอุปสรรคใดๆ ต่อพวกมัน อย่างไรก็ตามหลิงอวิ๋นจื่อและสองชายชราต้องกระอักโลหิตออกมา และมีสีหน้าที่สลดลง รีบล่าถอยเข้าไปใกล้ต้นไม้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ลูกตาขนาดใหญ่ก็เริ่มตกลงมาจากด้านบน เป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่มันเข้ามาใกล้ เส้นเลือดในดวงตาก็เริ่มยืดขยายออกไปอยู่รอบๆ ลูกตานั้น เสียงแหลมเล็กดังก้องออกมาในทันที

“ใคร! ใครควักลูกตาข้างขวาของข้าออกไป!?!?”

“ลูกตาข้างขวาของข้า! กลับมานี่ กลับมา…”

ขณะที่เสียงนั้นดังก้องไปมา กลุ่มคนที่อยู่บนต้นไม้เต๋าต่างก็กระอักโลหิตออกมา โชคดีที่แสงเจิดจ้าได้พุ่งขึ้นมาจากต้นไม้เต๋า ทำให้ไม่มีใครตกตายไป เพียงแค่บาดเจ็บเท่านั้น

สายลมสีดำและลูกตานั้นกำลังจะออกไปจากต้นไม้เต๋า ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกมันเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา แต่หลังจากนั้นชั่วขณะ ดูเหมือนว่าสายลมสีดำจะหมดความอดทน เสียงกรีดร้องแหลมเล็กได้ยินมา ขณะที่วิหคยักษ์ซึ่งกำลังเน่าเปื่อยได้บินออกมาจากด้านในสายลม มันมีขนาดใหญ่อย่างน่าตกใจยิ่ง ขณะที่มันบินออกมา กรงเล็บที่แหลมคมของมันก็กรีดเฉือนตรงมายังต้นไม้เต๋า

ก่อนที่มันจะทันได้เข้ามาใกล้ แสงเจิดจ้าก็กระจายออกมาจากต้นไม้เต๋า ทำให้วิหคยักษ์ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนและพุ่งถอยไปทางด้านหลัง แต่ก็ไม่ได้จากไป กลับบินไปมาอยู่รอบๆ ด้านนอกของต้นไม้เต๋า ดวงตามันสาดประกายด้วยกลิ่นอายแห่งความตายและความโหดเหี้ยมอย่างเข้มข้นออกมา

เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เมิ่งฮ่าวถึงแม้ว่าจะตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจต่อเรื่องนี้มากนัก เมื่อเขากำลังจะเริ่มต้นต่อสู้กับหญิงสาวนางนั้นอีกครั้ง เงาร่างอื่นก็ใกล้เข้ามาจากที่ห่างไกล

เป็นบุรุษที่มีครึ่งศีรษะ ร่างกายถูกปกคลุมด้วยกลุ่มหมอกสีดำที่ม้วนตัวไปมา มีธงที่เก่าคร่ำคร่าอยู่ในมือ และมีกระบี่ปักอยู่ที่ข้างลำตัว บาดแผลสาหัสที่ทำให้ครึ่งศีรษะมันหายไป ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเกิดขึ้นในตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่ แต่ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตบางอย่างได้กัดมันออกไปหลังจากที่มันตายไปเรียบร้อยแล้ว แต่กลับกันบาดแผลร้ายแรงที่สังหารมัน ก็เห็นได้ชัดว่ามาจากกระบี่ที่ยังคงปักอยู่ที่ข้างลำตัวของมัน

มันใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ ดวงตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียว กวาดมองไปยังกลุ่มคน จนกระทั่งในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่ร่างเมิ่งฮ่าว จากนั้นมันก็เริ่มมุ่งหน้าตรงมายังเขา

เมื่อหลิงอวิ๋นจื่อและชายชราอีกสองคนมองเห็นบุรุษครึ่งศีรษะนี้ สีหน้าพวกมันก็หมองคล้ำลง แต่ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น

ในตอนนี้เองที่หญิงสาวจากสำนักอู่เซ่อ จู่ๆ ก็ขยับมือร่ายเวทและโจมตีมา เวทห้าธาตุของนางทำให้แสงห้าสีพุ่งขึ้นไป กลายเป็นเครื่องหมายผนึกห้าสี หมุนวนไปมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่พุ่งผ่านอากาศตรงมายังเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว เขาไม่ได้สนใจที่จะต่อสู้อีกต่อไป ดังนั้นจึงต่อยออกไปด้วยมือขวา ในเวลาเดียวกันนั้นก็ทำให้ภาพแห่งธรรมปรากฏขึ้น พลังอันรุนแรงพุ่งออกไป เสียงระเบิดได้ยินมา ขณะที่เครื่องหมายผนึกห้าสีแตกกระจายไป สีหน้าของหญิงสาวสลดลง และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากนาง

ในตอนนี้เองที่บุรุษครึ่งศีรษะได้โบกสะบัดมือขวาของมัน ทำให้ธงที่อยู่ในมือคลี่สะบัดออกมา กลุ่มหมอกสีดำปรากฏขึ้น กลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ ในเวลาเดียวกันนั้นมันก็ชี้ตรงมายังเมิ่งฮ่าว

“มา…มา…มา…” เสียงของมันเก่าแก่โบราณ ราวกับว่าดังออกมาจากในสมัยโบราณ ขณะที่เสียงนั้นดังก้องไปมา แรงดึงดูดขนาดใหญ่ก็ระเบิดออกมา และปกคลุมลงไปบนใบไม้ที่เมิ่งฮ่าวอยู่ สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไป และตกลงไปบนพื้นผิวของใบไม้ในทันที แต่สีหน้าของหญิงสาวจากสำนักอู่เซ่อสลดลง ขณะที่นางถูกม้วนกวาดเข้าไปในอากาศโดยไม่ได้ตั้งใจ ในชั่วพริบตานางก็ไปปรากฏตัวขึ้นที่ริบขอบของใบไม้…กำลังจะลอยห่างออกไปเรื่อยๆ

คนทั้งหมดมองไปขณะที่เกิดขึ้นเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีใครสามารถจะช่วยเหลืออะไรนางได้ หลิงอวิ๋นจื่อและชายชราอีกสองคนจ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง แต่ก็ไม่อาจจะช่วยได้เช่นเดียวกัน

กลุ่มฝูงชนที่กำลังมองดูอยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้า มองไปยังจอภาพด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เสียงหอบหายใจมากมายได้ยินมา

ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ปรมาจารย์จากสำนักอู่เซ่อมองไปด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หญิงสาวที่เข้าร่วมการต่อสู้นี้ไม่ใช่ผู้ถูกเลือกของสำนัก แต่เป็นหนึ่งในสายโลหิตของนางเอง

“ช่วยข้าด้วย!” หญิงสาวร้องเป็นเสียงแหลมเล็กขึ้นมาด้วยความตกใจ ตอนนี้นางกำลังลอยผ่านอากาศตรงไปยังชายขอบของใบไม้ และกำลังจะถูกดูดออกไปที่ด้านนอก นางมองเห็นวิหคยักษ์อันน่ากลัวอยู่ที่ด้านในของสายลมสีดำที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น กำลังอ้าปากที่เน่าเปือยขึ้น นางยังมองเห็นลูกตายักษ์ที่มีเส้นเลือดนับไม่ถ้วนยืดยาวออกไปด้วยเช่นกัน

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น ทันใดนั้นก็ยื่นมือตรงไปยังหญิงสาว และทำท่าคว้าจับขึ้น เวทปลิดดาวถูกปลดปล่อยออกมา ขณะที่เขาคว้าจับไปที่ร่างนาง และเริ่มดึงนางกลับเข้ามา แต่แรงดึงดูดนั้นแข็งแกร่งเกินไป และสิ่งที่เมิ่งฮ่าวสามารถทำได้ทั้งหมดก็คือถ่วงเวลานางไว้ได้แค่เล็กน้อย

“เร็วเข้ารีบตะโกนว่ายอมแพ้ออกมา!” เขาแผดร้องคำรามออกไป

ทันใดนั้นหญิงสาวก็ดูเหมือนว่าจะได้สติกลับคืนมา รีบร้องตะโกนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ข้ายอมแพ้!!”

ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก และนางกำลังจะถูกดูดออกไปที่ด้านนอก แสงระยิบระยับก็ปกคลุมไปรอบๆ ร่าง และนางก็หายตัวไป เมื่อปรากฏตัวขึ้นใหม่อีกครั้ง นางก็ย้อนกลับลงไปอยู่ที่ใบไม้ระดับแรก ร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และสีหน้าก็ซีดขาว นางมองขึ้นไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่รู้สึกขอบคุณอย่างลึกล้ำ

เมิ่งฮ่าวถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ มองออกไปด้วยความเย็นชายังบุรุษครึ่งศีรษะที่อยู่ด้านนอกต้นไม้เต๋า

คนทั้งหมดที่กำลังมองดูอยู่ต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมาด้วยเช่นเดียวกัน หลิงอวิ๋นจื่อมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความชื่นชมมากขึ้นกว่าเดิม แม้แต่มันก็ยังไม่ได้คิดไปถึงการใช้คำว่า ‘ข้ายอมแพ้’ เพื่อให้หลุดออกไปจากอันตรายนี้

คนทั้งหมดที่ด้านนอกในขุนเขาทะเลที่เก้า ต่างก็รู้สึกประหลาดใจต่อสิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิกิริยาที่รวดเร็วของเมิ่งฮ่าว ทำให้พวกมันรู้สึกตกตะลึงไปตามๆ กัน สำหรับพวกมันแล้ว นี่คือเหตุการณ์ที่ต้องใช้ปัญญาและการขบคิดที่รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ

“นั่นก็ถูกแล้ว สิ่งที่นางต้องทำคือบอกว่ายอมแพ้ จากนั้นนางก็จะถูกเคลื่อนย้ายทางไกลออกไป ใช้เวลาเพียงชั่วขณะ แต่ก็เป็นวิธีที่ง่ายดายมากที่สุด ทำไมข้าถึงไม่ได้คิดเช่นนั้น!?”

“ฟางมู่ผู้นี้ช่างมีเขาว์ปัญญาเป็นเลิศ สามารถที่จะขบคิดถึงวิธีการเช่นนี้ได้ในสถานการณ์เช่นนั้น!”

ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ปรมาจารย์จากสำนักอู่เซ่อ สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวบนจอภาพกระแสน้ำวน สีหน้านางเต็มไปด้วยความขอบคุณ นางไม่ใช่คนที่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร ดังนั้นนี่คือความเมตตาที่นางจะต้องตอบแทนให้ได้ในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน

“ตอนนี้สังเวียนการประลองจะยังคงดำเนินต่อไป” หลิงอวิ๋นจื่อกล่าวขึ้นมาจากตำแหน่งที่อยู่ด้านล่างต้นไม้เต๋า “พวกเจ้าทั้งหมดต้องจดจำไว้ว่า อย่าได้ก้าวเท้าออกไปจากสังเวียนการประลองนี้ ถ้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นเช่นเดียวกับเมื่อครู่นี้ ก็ควรจะพูดว่ายอมแพ้ดีกว่าที่จะตกตายไป” หลิงอวิ๋นจื่อถอนหายใจ ถึงแม้ว่ามันจะตระหนักดีว่าทำไมสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ถึงได้เลือกสถานที่แห่งนี้จัดการประลองขึ้นมา แต่อันตรายในสถานที่แห่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรให้คนที่อยู่ในอาณาจักรวิญญาณเหล่านั้นต้องมาอยู่ในที่แห่งนี้เลยจริงๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!