ตอนที่ 955
เวทผนึกอสูรรุ่นที่ห้า!
น้อยคนนักที่จะเคยเข้าไปในอาณาเขตพื้นหลุมฝังศพโบราณ ของดินแดนบรรพบุรุษตระกูลฟาง สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว เก้าภูเขายมโลกคือขีดจำกัด นับตั้งแต่ดินแดนบรรพบุรุษได้ถือกำเนิดขึ้นมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน แม้แต่ใครบางคนที่สามารถเข้าไปในพื้นหลุมฝังศพโบราณ ก็ยังไม่อาจจะไปได้ไกลมากกว่านั้น
ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีใครสามารถผ่านเข้ามาในเขตพื้นที่นี้มาก่อน แต่ก็มีน้อยคนมากที่จะผ่านเข้ามาได้ สำหรับอาณาเขตสุดท้ายซึ่งก็คืออุโมงค์หมอกสวรรค์ไม่เคยมีใครผ่านเข้าไปได้มาก่อน แม้แต่ผู้ที่อยู่ในอาณาจักรเต๋าก็ตามที ไม่มีใครสามารถก้าวเข้าไปได้แม้แต่ก้าวเดียว
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่ชายขอบของพื้นหลุมฝังศพโบราณ มองออกไปยังความมืดมิดยามราตรีที่เบื้องหน้า แสงแปลกๆ แวบขึ้นมาในดวงตา หลังจากที่เข้าฌาณอยู่ชั่วขณะ เขาก็ส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์บางส่วนออกไป ทำให้นักรบศิลาก้าวเดินไปข้างหน้า และผ่านเข้าไปในความมืดมิดของพื้นหลุมฝังศพโบราณ
ในทันทีที่พวกเขาผ่านเข้าไป ภาพลวงตาของรอยแตกทั้งหมดจู่ๆ ก็เปิดกว้างมากขึ้น คล้ายกับเป็นปากขนาดใหญ่ กระจายเต็มไปทั่วพื้นที่บริเวณนั้นในทันที
เมิ่งฮ่าวมองเห็นโลกที่แตกต่างกันออกไปอยู่ที่ด้านในของรอยแตก แต่ละโลกเหล่านั้นมีการทดสอบบางอย่างกันอยู่
มีแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อกระจายออกมาจากรอยแยกเหล่านั้นด้วยเช่นกัน บางรอยแยกก็มีกลิ่นอายที่เหมือนกับนักรบศิลาอีกด้วย
เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันน่ากลัวมากมาย จนทำให้ดวงตาต้องสาดประกายขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เผชิญหน้ากับสิ่งแวดล้อมที่อาจจะเป็นอันตรายต่อตนเอง ถึงแม้ว่าจะมีนักรบศิลาอยู่ด้วยก็ตามที
“สถานที่แห่งนี้คล้ายกับเป็นเขาวงกต…การผ่านเข้าไปในการทดสอบทั้งหมดนั้นคือเรื่องของโชคชะตา แต่ก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานฝึกตนด้วยเช่นกัน” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น ในขณะที่นักรบศิลาเปล่งแสงอันเย็นชาออกมา มันก้าวเดินตรงไป เลือกรอยแตกบางแห่ง และก้าวเท้าเข้าไป
ในเวลาเดียวกันนั้น ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ คิ้วของมันขมวดมุ่น แต่แสงอันเจิดจ้าก็แวบขึ้นมาในดวงตา สำหรับมันแล้ว มีบางสิ่งที่แตกต่างไปเกี่ยวกับพื้นหลุมฝังศพโบราณนี้
“มีบางสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่ถูกต้อง…” มันคิด หลังจากที่มองไปรอบๆ สายตามันก็ไปหยุดอยู่ตรงบางอย่างที่อยู่ห่างไกลออกไป และทันใดนั้นก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นมา
“หือ?” มันส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์บางส่วนออกมา หลังจากผ่านไปชั่วขณะ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจ
มันเพิ่งจะพบว่ามีบางจุดที่มันไม่รู้จัก กลุ่มหมอกเริ่มพุ่งขึ้นมาอยู่ภายในดินแดนบรรพบุรุษ ปกคลุมไปทั่วทุกสรรพสิ่ง นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้มันต้องรู้สึกประหลาดใจขึ้น หลังจากพื้นหลุมฝังศพโบราณก็จะเป็นอุโมงค์หมอกสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งไม่เคยมีใครผ่านเข้าไป เห็นได้ชัดว่ากลุ่มหมอกเหล่านี้ คือกลุ่มหมอกที่อยู่ในอุโมงค์หมอกสวรรค์ซึ่งกำลังมีความหนาแน่นเพิ่มมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ดวงตาของปรมาจารย์รุ่นเจ็ดต้องหรี่เล็กลงด้วยความครุ่นคิด
ฟางเต้าหงไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้มากกว่านี้ มันอยู่ตรงชายขอบของพื้นหลุมฝังศพโบราณ เฝ้ามองไปขณะที่เมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไปในรอยแยกโดยไม่ลังเล มันหยุดชะงักอยู่ชั่วครู่ขณะที่กำลังคิดว่าจะจากไป จากนั้นก็คิดย้อนกลับไปยังความเจ็บปวดที่มันต้องอดทนมา และต้องตระหนักว่ามันไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้น ได้แต่นั่งลงขัดสมาธิเฝ้ารอคอยอย่างเงียบๆ
เมื่อเมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไปในรอยแยก ก็พบว่าตนเองได้ไปอยู่ในดินแดนอันใหญ่โต ที่ตรงจุดกึ่งกลางเป็นรอยแตกขนาดใหญ่เกิดขึ้นอยู่
ในทันทีที่เขาปรากฏขึ้นในโลกแห่งนี้ ลูกทรงกลมของเปลวไฟปีศาจมากมายก็ปรากฏขึ้น และพุ่งตรงมาที่เขา ในทันทีที่พวกมันเข้ามาใกล้ ก็เริ่มทำการระเบิดตนเองขึ้น
เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่นักรบศิลากวัดแก่งกระบี่ไปมา กลิ่นอายเสมือนเต๋าระเบิดออกไป และเปลวไฟปีศาจที่ระเบิดตนเองก็ไม่อาจแม้แต่จะเข้ามาใกล้ ก่อนที่พวกมันจะถูกแช่แข็งอยู่ในกลางอากาศ
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่นั่งอยู่บนไหล่ของนักรบศิลา มันก้าวเดินตรงไป และในไม่ช้าก็โผล่ออกมาจากรอยแตกที่ด้านหลัง เข้าไปในตำแหน่งอีกแห่งที่อยู่ด้านในของพื้นหลุมฝังศพโบราณ ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปจากตำแหน่งแรกหลายพันจ้าง
อีกครั้งที่พวกเขาถูกห้อมล้อมด้วยรอยแตกจำนวนมาก เหมือนที่เมิ่งฮ่าวได้คาดคิดไว้ สถานที่แห่งนี้คือเขาวงกต ซึ่งรอยแตกแต่ละแห่งเหมือนกับเป็นอุโมงค์ที่นำไปสู่อีกแห่งหนึ่ง
“จะไปถึงจุดสิ้นสุดของเขาวงกตเช่นนี้ได้อย่างไร…?” เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว ดวงตาสาดประกายขึ้นชั่วขณะก่อนที่จะหลับตาลงไป กลิ่นอายผู้ผนึกอสูรของเขาได้กระจายออกมา ค่อยๆ ก่อตัวเป็นเสียงสะท้อนกับแท่นศิลาตัวอักษร ที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางของอาณาเขตแห่งนี้
ไม่นานหลังจากนั้น เมิ่งฮ่าวก็ลืมตาขึ้นมา โดยไม่ลังเล เขาออกคำสั่งให้นักรบศิลาหันหลังกลับ และก้าวเข้าไปในรอยแตกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น
หลังจากที่ผ่านเข้าไปในรอยแตกนั้น ก็พบว่าตนเองกำลังอยู่ในโลกของฟ้าร้องและฟ้าแลบ ไม่มีพื้นดินมีแต่ทะเลเท่านั้น พร้อมกับคลื่นลูกใหญ่ ซึ่งมีความสูงหลายสิบจ้าง
มองเห็นเงาขนาดยักษ์อยู่ที่ด้านล่างของผิวน้ำทะเล ซึ่งได้ปรากฏขึ้นเป็นระยะ กลายเป็นหนวดยักษ์โจมตีมายังเมิ่งฮ่าว กลิ่นอายที่เหมือนกับอาณาจักรโบราณกระจายออกมาจากก้นทะเล
สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่ง ขณะที่นักรบศิลายื่นมือขวาออกไป และจากนั้นก็ฟาดลงไปยังพื้นผิวของทะเล ทันใดนั้นแสงสีฟ้าก็กระจายออกมาจากร่างของมัน และน้ำแข็งก็กระจายออกไปทั่วทั้งผิวน้ำ เสียงแตกร้าวได้ยินมาขณะที่ทะเลทั้งหมดได้กลายเป็นชั้นน้ำแข็งขนาดใหญ่!
คลื่นถูกแช่แข็งหยุดชะงักนิ่ง และหนวดยักษ์นั้นก็กลายเป็นรูปปั้นไป แม้แต่กลิ่นอายของอาณาจักรโบราณที่ด้านล่างของท้องทะเลก็ถูกผนึกไว้โดยสิ้นเชิง
นักรบศิลามุ่งหน้าต่อไป บินฝ่าอากาศจนกระทั่งไปถึงทางออก พวกเขาไปปรากฏขึ้นอีกครั้งในพื้นหลุมฝังศพโบราณ อยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางมากขึ้นอีกเล็กน้อย
เมิ่งฮ่าวไม่ลังเลแม้แต่น้อย พึ่งพาเสียงสะท้อนแปลกๆ ของผู้ผนึกอสูรของเขา ผ่านเข้าไปในรอยแตกที่สาม
สองสามวันผ่านไป เขาได้ผ่านเข้าไปในรอยแตกแห่งแล้วแห่งเล่า ผ่านเข้าไปมากกว่าหนึ่งร้อยแห่ง ส่วนใหญ่แล้วแต่ละรอยแตกเหล่านั้นจะประกอบไปด้วยศัตรูที่สามารถเทียบได้กับอาณาจักรโบราณ
มีอยู่สามครั้งที่เขาได้เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในชั้นสูงสุดของอาณาจักรโบราณ
แต่สถานการณ์ที่อันตรายมากที่สุดเท่าที่เขาพบเจอมา คือการไปเผชิญหน้ากับภาพลวงตาของบุรุษวัยกลางคน ซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่เสมือนเต๋าอันน่าตกใจ
นั่นเป็นการต่อสู้ที่ทำให้โลกต้องสั่นสะเทือน ถึงแม้ว่านักรบศิลาจะได้ชัยชนะมาในที่สุด แต่มันก็ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
ความยากลำบากของการต่อสู้ที่เขาได้พบเห็นนี้ ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องตกตะลึงไป ถ้าไม่มีนักรบศิลา และพึ่งพาเพียงแค่พลังของตัวเองเท่านั้น เขาก็คงไม่มีทางจะมาถึงจุดนี้ได้ กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว โชควาสนานี้ไม่ได้เป็นของเมิ่งฮ่าวแต่อย่างใด!
เมิ่งฮ่าวอาจจะคิดว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี้ค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่สำหรับฟางเต้าหง ซึ่งยังคงเฝ้ารอคอยอยู่ที่ชายขอบของพื้นหลุมฝังศพโบราณ มันได้ตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของตระกูล ทำให้มันตระหนักดีถึงความน่ากลัวของสถานที่แห่งนี้
มีโลกแห่งรอยแตกทั้งหมดหนึ่งแสนแห่ง แต่ละแห่งไม่ใช่สถานที่ที่อยู่คงที่ตายตัว พวกมันมีการเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกเวลา และภายในของโลกแต่ละแห่งนั้น จะมีศัตรูที่เป็นไปได้ทั้งอาณาจักรวิญญาณ, อาณาจักรเซียน, อาณาจักรโบราณและอาณาจักรเสมือนเต๋า แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวบางอย่างแห่งอาณาจักรเต๋าแท้ก็ยังมี!
การปรากฏตัวขึ้นของพวกมันภายในโลกแต่ละแห่งก็เป็นการสุ่มแบบไม่แน่นอน ทำให้การที่จะผ่านพวกมันไปได้เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญอย่างถึงที่สุด
สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยปรมาจารย์รุ่นแรกในช่วงปีสุดท้ายของท่าน และเป็นสถานที่อันแปลกประหลาดลี้ลับอย่างน่าเหลือเชื่อ
“มันผ่านไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยแห่ง แต่ละครั้งก็ดูเหมือนว่ามันจะเลือกได้ถูกต้อง และเข้าไปใกล้จุดศูนย์กลางมากขึ้นไปเรื่อยๆ!” ไม่เพียงแต่ฟางเต้าหงเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดก็กำลังมองความคืบหน้าของเมิ่งฮ่าว ที่ผ่านรอยแตกไปด้วยความประหลาดใจอย่างเงียบๆ ด้วยเช่นกัน
“เจ้าสารเลวน้อยรู้ว่าต้องไปตามเส้นทางไหน? เป็นไปไม่ได้! ไม่มีเส้นทางที่จะให้ติดตามไป มันแค่โชคดีมากเกินไปเท่านั้น! ไม่มีแม้แต่ทางเลือกเดียวที่ทำให้มันต้องสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ละก้าวได้นำมันใกล้เข้าไปยังจุดศูนย์กลางมากขึ้นเรื่อยๆ!”
ขณะที่ฟางเต้าหงและปรมาจารย์รุ่นเจ็ดมองไปด้วยความตกตะลึง เมิ่งฮ่าวก็ผ่านเข้าไปในอีกรอยแยกหนึ่ง เขามุ่งหน้าต่อไปอย่างไม่ลดละจนกระทั่งในวันต่อมา ก็ได้โผล่ออกมาจากรอยแยกและพบว่าตัวเองกำลังอยู่ที่จุดศูนย์กลางของพื้นหลุมฝังศพโบราณ!
ที่เบื้องหน้าเขาเป็นแท่นศิลาตัวอักษรขนาดใหญ่ พุ่งสูงขึ้นไปในอากาศ และกระจายแสงอันลี้ลับออกมา!
แต่ในสายตาของเมิ่งฮ่าว นี่ไม่ใช่แท่นศิลาตัวอักษร แต่เป็นบุรุษหนุ่มที่สวมใส่ชุดยาว กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ มันก็มองขึ้นมา
สายตาของคนทั้งสองสบประสานกัน และจิตใจเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง ในเวลาเดียวกันนั้น แผ่นหยกผนึกอสูรโบราณในถุงสมบัติของเขาก็เริ่มสั่นไปมา
เมื่อบุรุษหนุ่มกล่าวขึ้น เสียงของมันฟังดูอ่อนโยน
“สำหรับเจ้าที่สามารถมายืนอยู่ที่เบื้องหน้าข้า ได้บ่งบอกว่าพื้นฐานฝึกตนของเจ้าอยู่ที่จุดสูงสุดของอาณาจักรโบราณ ห่างจากอาณาจักรเต๋าเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เจ้าน่าจะมีความเข้าใจต่อเรื่องแก่นแท้อย่างลึกล้ำแล้ว”
“หลายปีก่อน เมื่อข้าออกไปจากอาณาจักรขุนเขาทะเล มีใครบางคนบอกข้าว่า ข้าน่าจะทิ้งกระแสสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่เบื้องหลัง เพื่อมอบความหวังให้กับคนรุ่นต่อไปของพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูร…”
“ดังนั้น ข้าจึงได้ทิ้งเวทแห่งเต๋าของข้าไว้ที่เบื้องหลัง ส่งมันไปทั่วในอาณาจักรขุนเขาทะเลเพื่อให้ผู้คนได้ครอบครอง…ทั่วทั้งจิ่วต้าซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่) วิชาเวทของข้าได้สร้างพื้นหลุมฝังศพโบราณขึ้นมามากมาย แต่ละพื้นหลุมฝังศพโบราณนี้ประกอบไปด้วยวิชาเวทของข้า แต่ก็มีเพียงกลุ่มคนในพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูรเท่านั้น ที่จะได้รับมรดกที่แท้จริงของข้าได้”
“สิ่งที่เจ้ากำลังมองดูอยู่ในตอนนี้เป็นแค่หนึ่งในสถานที่เหล่านั้น ทั่วทั้งเก้าขุนเขาทะเล มีสถานที่เช่นนั้นอยู่มากกว่าเก้าหมื่นแห่ง ใครก็ตามสามารถจะได้รับความรู้แจ้งที่เกี่ยวข้องกับวิชาเวทของข้า แต่มรดกจะสามารถส่งต่อไปได้แค่สี่ครั้งเท่านั้น หลังจากนั้นเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าทิ้งไว้ในพื้นหลุมฝังศพโบราณก็จะกระจัดกระจายออกไปในท่ามกลางขุนเขาทะเล จะไม่มีทางมองเห็นได้อีก ตอนนี้…นี่คือครั้งที่สี่ที่มรดกของข้ากำลังจะถูกส่งต่อไป”
“ข้าไม่ใช้ผู้ฝึกตนจากอาณาจักรขุนเขาทะเล และมาถึงที่แห่งนี้โดยบังเอิญเท่านั้น ข้ากลายเป็นผู้ผนึกอสูรรุ่นที่ห้าก็เนื่องมาจากโอกาสบางอย่างได้เกิดขึ้น อาจจะกล่าวได้ว่า สามารถจะอยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเลมาเป็นเวลาหนึ่งพันปี วิชาเวทของข้าถูกเรียกว่า ด้านในและด้านนอก”
“รอยแตกนับไม่ถ้วนที่อยู่รอบๆ ตัวเจ้าเหมือนกับเป็นพื้นผิวของกระจก แนวคิดของด้านในหรือด้านนอกของกระจก คือแนวคิดที่จะคงอยู่ในจิตใจเจ้าเช่นเดียวกัน”
“มีรอยแตกอยู่หนึ่งแสนแห่งในที่แห่งนี้ และนี่คือ…เวทผนึกอสูรรุ่นที่ห้าของข้า…เวทด้านในด้านนอก!” ด้วยเช่นนั้น มันก็ยกมือขวาขึ้น และรอยแตกเล็กๆ ก็เปิดออกที่ในฝ่ามือของมัน และเริ่มหมุนวนไปมา
ในเวลาเดียวกันนั้น รอยแตกหนึ่งแสนแห่งที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็เริ่มหมุนวนไปรอบๆ ภาพแปลกๆ นี้ทำให้ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดและฟางเต้าหงต้องจ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและจิตใจที่หมุนคว้าง
“นี่คือแก่นแท้แห่งด้านในและด้านนอก” บุรุษหนุ่มกล่าวเสียงราบเรียบ “เมื่อข้าพูดว่าด้านใน สวรรค์และปฐพีก็จะถูกกลืนกินเข้าไป…” เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ รอยแตกทั้งหมดได้เปิดกว้างขึ้น ทำให้ทั่วทั้งพื้นหลุมฝังศพโบราณ รวมทั้งดินแดนบรรพบุรุษที่เหลือ บิดเบี้ยวไปมา ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ด้านนอกของตระกูลฟาง ก็สามารถมองเห็นการบิดเบี้ยวนี้เกิดขึ้นบนดาวตงเซิ่งเช่นเดียวกัน
ราวกับว่ามีพลังอันน่ากลัวที่มองไม่เห็นบางอย่าง กำลังจะกลืนกินดาวแห่งนี้ไปทั้งดวง!
วิชาเวทอันน่ากลัวเช่นนี้ ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนคว้าง เขาจะคาดคิดได้อย่างไรว่าเวทรุ่นห้า…จะแข็งแกร่งจนสามารถทำให้สวรรค์และปฐพีสั่นสะเทือนได้เช่นนี้!?
จากนั้นบุรุษหนุ่มก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“เมื่อข้าพูดว่าด้านนอก สวรรค์ก็จะถูกปลดปล่อยออกไป…” รอยแตกทั้งหมดจู่ๆ ก็หดเล็กลง คลายผนึกออกไป พื้นหลุมฝังศพโบราณ, ดินแดนบรรพบุรุษ, ตระกูลฟาง และดาวตงเซิ่งทั้งหมดกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมในชั่วพริบตา
การเปลี่ยนแปลงที่แปลกๆ ทั้งหมดเหล่านี้ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนผู้คนส่วนใหญ่ไม่แม้แต่จะสังเกตเห็นพวกมันได้
อย่างไรก็ตามลึกลงไปที่ใต้พื้นดินของคฤหาสน์โบราณตระกูลฟาง ในถ้ำศิลา ปรมาจารย์ตระกูลฟางซึ่งหลับใหลอยู่ จู่ๆ ก็สั่นสะท้านขึ้น และเริ่มลืมตาขึ้นมา
ยิ่งไปกว่านั้น ในซอกหลืบที่ลึกมากที่สุดของถ้ำศิลา ปรมาจารย์ปฐพีของตระกูลฟางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ท้องฟ้าเปลี่ยนสีปฐพีสั่นสะเทือน
“ด้านในและด้านนอก กลืนกินและปลดปล่อย นี่คือวิชาเวทของข้า…มานั่งที่ด้านหน้าข้า และครุ่นคิดไตร่ตรองถึงวิชาเวทนี้ ในพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูร…เมื่อเวททั้งเก้าหลอมรวมเข้าด้วยกัน อาณาจักรขุนเขาทะเลก็จะหวนคืนเป็นผู้ผนึกอสูร!”
“ถ้าเจ้าถูกลิขิตให้ออกไปจากอาณาจักรขุนเขาทะเล และข้า, เทียนผิงจื่อยังคงมีชีวิตอยู่ เจ้าก็สามารถจะไปค้นหาข้าได้ ข้าเป็นหนี้พันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูร และสามารถจะกลายเป็นผู้พิทักษ์เต๋าให้กับเจ้าได้” ด้วยเช่นนั้น บุรุษหนุ่มก็หลับตาลง