Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 982

ตอนที่ 982

โชควาสนาของสวี่ชิง!

นี่คือ…ชีพจรเซียนจุดที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ด!

ในสวรรค์อันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตของขุนเขาทะเลที่เก้า ไม่เคยมีใครจะสามารถเปิดชีพจรเซียนได้ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดจุดมาก่อน แม้แต่ตี้จ้างต้าจุนก็เปิดได้แค่หนึ่งร้อยยี่สิบจุดเท่านั้น!

สิ่งที่เมิ่งฮ่าวทำได้สำเร็จนี้ เป็นบางสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

เขาลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ พลังพุ่งทะยานขึ้นไป ชีพจรเซียนทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดจุดของเขากำลังโคจรหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่ามังกรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดตัวกำลังแผดร้องคำรามอยู่ภายในร่าง

เมิ่งฮ่าวกำมือเป็นหมัดขึ้นอย่างช้าๆ และรู้สึกได้ว่าพลังกำลังแล่นผ่านไปทั่วร่าง เป็นพลังพื้นฐานฝึกตนอันไร้ขอบเขตของเขา สิ่งที่เขารู้สึกได้ก็คือ…พลังที่แตกต่างไปจากสิ่งที่เขาเคยพบเจอมาก่อน

การทะลวงผ่านในครั้งนี้เกินกว่าผู้ใดจะคาดคิดได้ ถึงโชควาสนาที่เขาเคยพบเจอมา

การระเบิดขึ้นของพลังนี้ไม่อาจจะเทียบได้กับโชควาสนาใดๆ ที่เขาเคยเผชิญพบมา

มันได้ลอกเอาร่างมนุษย์ธรรมดาของเขาออกไป เปลี่ยนให้เป็นบางสิ่งที่พิเศษไม่ธรรมดา มันคือ…การเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์แบบในชั่วชีวิตของเขา!

ขุนเขาทะเลที่เก้าสั่นสะเทือนไปทั้งหมด เช่นเดียวกับสี่ดวงดาว ระลอกคลื่นอันไร้ขอบเขตกระจายออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว มีตำนานเคยกล่าวไว้ว่า ถ้ามีใครบางคนยืนกรานเต๋าของตนเอง ในช่วงของการกลายเป็นเซียนแท้ ทั่วทั้งขุนเขาทะเลก็จะสั่นสะเทือน และตอนนี้เมิ่งฮ่าวกำลังแสดงให้ทุกคนเห็นว่า…ตำนานนี้คือเรื่องจริง!

ขณะที่เสียงกระหึ่มดังก้องออกไป ตี้จ้างต้าจุนได้นั่งอย่างเงียบๆ อยู่บนขุนเขาที่สี่

“ชีพจรเซียน…จากช่วงเวลาที่จิ่วต้าซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่) เกิดขึ้นมาจวบจนกระทั่งถึงตอนนี้ วงจรอันยิ่งใหญ่มักจะมีชีพจรหนึ่งร้อยยี่สิบสามจุด ไม่เคยมีใครบรรลุถึงระดับนี้มาก่อน บางทีมันอาจจะทำจนสำเร็จก็เป็นได้?” ตี้จ้างต้าจุนพึมพำ หลังจากที่เงียบไปนานสักพัก ก็ยกมือขึ้นและส่งโองการนรกออกไปอีกครั้ง

โองการนรกนี้มีแค่ประโยคเดียวเท่านั้น!

“ข้าจะรับสวี่ชิงเป็นศิษย์คนที่สี่สิบเก้า!”

เพียงประโยคเดียวนี้ก็เป็นสิ่งที่สามารถจะเปลี่ยนแปลงทั้งชีวิตของคนผู้หนึ่งได้! สวี่ชิงซึ่งอยู่ในท่ามกลางการเกิดใหม่ สามารถจะมั่นใจได้ว่าจะต้องพบกับประสบการณ์อันยอดเยี่ยมอย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อนางถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้ง ได้พบกับเกียรติยศศักดิ์ศรีอันสูงสุด

“นั่นคือพี่ใหญ่ของข้า!” เจ้าอ้วนแผดร้องตะโกนออกมา คว้าจับไปที่คนผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ที่ข้างกายมันในกู่เซียนหลิง (สุสานโบราณ)

“เห็นหรือไม่? มันคือเมิ่งฮ่าว ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของข้า! ท่านย่ามันเถอะ! นับจากนี้ไป ใครบังอาจจะมาข่มเหงข้า!? ถ้ามีใครกล้ามาขโมยภรรยาของข้าไป ข้าจะให้พี่ใหญ่มาจัดการมันให้ตายไป!”

“บัดซบ! ข้าเคยมีภรรยามากกว่าหนึ่งร้อยนาง แต่ตอนนี้…เหลืออยู่เพียงแค่สามคนเท่านั้น!!” เสียงที่เต็มไปด้วยโทสะของเจ้าอ้วน ดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง

หวังโหย่วฉายอยู่ในลั่วเยี่ยหู (ทะเลสาบจันทร์ลาลับ) มันหลับตาอยู่ แน่นอนว่าดวงตาของมันได้บอดไปแล้ว และมันก็ทำได้แต่เพียงจ้องมองไปในความมืดมิดตราบชั่วนิรันดร์ อย่างไรก็ตามเมื่อคนทั้งหมดในลั่วเยี่ยหูมองมายังมัน ก็จะเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและครั่นคร้าม

บุคคลอันโหดเหี้ยมเช่นมัน ไม่มีใครต้องการจะไปตอแยหาเรื่องด้วย

มันไม่มีดวงตาแต่ตอนนี้มีหญิงสาวเยาว์วัยผู้หนึ่ง กำลังนั่งอยู่ข้างกายมันด้วยสีหน้าอันอ่อนโยน กำลังอธิบายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับเมิ่งฮ่าว และชีพจรเซียนของเขาให้มันฟัง

หวังโหย่วฉายไม่พูดอะไรออกมาตลอดช่วงเวลานั้น แต่ริมฝีปากของมันได้บิดขึ้นไปเป็นรอยยิ้มน้อยๆ

“เมิ่งฮ่าว ข้าจะไม่ยอมอยู่ล้าหลังเจ้า…”

เฉินฝานอยู่ในอีเจี้ยนเก๋อ (ศาลากระบี่เดียวดาย) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามนิกายหกสำนัก กองหนุนเต๋าของพวกมันลึกล้ำยิ่ง แต่ก็ไม่อาจจะเทียบได้กับห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เฉินฝานไม่เป็นที่รู้จักดีในสำนัก และในความเป็นจริงแล้วแม้แต่สหายสักคนมันก็ไม่มี ตลอดสองสามปีที่ผ่านมาไม่มีใครให้ความสนใจกับมันเท่าใดนัก มันเอาแต่จมอยู่ในการฝึกฝนวิชากระบี่ และตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่ด้านข้างของภูเขาตามลำพัง ถือขวดน้ำเต้าสุราอยู่ในมือ เมื่อมันดื่มสุราลงไป ก็จะมองขึ้นไปในท้องฟ้าเหนือสำนักยังจอภาพขนาดใหญ่ที่ถูกติดตั้งไว้ และภาพของเมิ่งฮ่าวก็ปรากฎขึ้นอยู่บนนั้น มันยกขวดน้ำเต้าสุราขึ้นไปในอากาศ

“ศิษย์น้อง หมดจอก!”

กลุ่มผู้คนกำลังตื่นเต้น บ้างก็ปรารถนาให้เมิ่งฮ่าวไปได้ด้วยดี บ้างก็อิจฉา บ้างก็รู้สึกว่ายากที่จะอิจฉาได้ สิ่งทั้งหมดเหล่านี้ได้เกิดขึ้นมาอยู่ในจิตใจของกลุ่มฝูงชนแห่งขุนเขาทะเลที่เก้า

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้าของ…ความมุ่งมาดปรารถนา!

ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้สึกยินดีกับชีพจรเพียงแค่หนึ่งร้อยแปดจุด ดังนั้นเขาจึงเปิดไปถึงหนึ่งร้อยสิบเจ็ดจุด เดิมทีเขาคิดว่านั่นคือขีดจำกัดของตนเอง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เขาก็เข้าใจถึงความลึกซึ้งจากผลลัพธ์ที่เขาได้ยืนกรานในเต๋าของตนเอง

ในตอนนี้ ไม่ใช่ว่าเมิ่งฮ่าวจะไม่พอใจกับชีพจรทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดจุดนี้ แต่ลึกลงไปในจิตใจ เขากระหายอยากจะได้มากกว่านั้น

“ข้าสามารถจะเปิดได้อีก!” แสงอันเจิดจ้าแวบขึ้นมาในดวงตา และชีพจรเซียนก็ส่งเสียงดังกระหึ่มขึ้น เขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปภายในร่างและพบว่า…ยังมีโชควาสนาครั้งแรกสุดที่เขาได้ครอบครอง…เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในเส้นทางของการฝึกตนเป็นครั้งแรก

มันไม่ใช่กระจกโบราณบานนั้น แต่เป็น…โชควาสนาที่เขาได้แย่งชิงมาจากหวังเถิงเฟย, ทายาทแห่งมังกรปีกวารี!

มังกรปีกวารีเป็นราชันแห่งท้องนภา และขณะที่เมิ่งฮ่าวได้ทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตนจนสำเร็จ ทายาทของมังกรปีกวารีก็ได้หลอมรวมเข้าไปในส่วนลึกของเลือดเนื้อ รวมทั้งจิตวิญญาณของเขาอีกด้วย

เขามักจะรู้สึกว่ามังกรปีกวารีไม่ได้อ่อนแอแม้แต่น้อย จริงๆ แล้วก็มีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อนัก!

เมื่อเมิ่งฮ่าวอยู่ในสำนักเซียนอสูรโบราณ ก็ได้เห็นมังกรปีกวารีถูกพิชิตโดยผู้ฝึกตน และกลายมาเป็นผู้พิทักษ์ของหนึ่งในยอดเขาของพวกมัน อย่างไรก็ตามเขาก็ยังรู้สึกว่ามังกรปีกวารีของตนเอง…น่าจะแข็งแกร่งมากกว่านั้น!

เหตุผลที่เขารู้สึกเช่นนั้นก็เป็นเพราะว่า ประสบการณ์อันยากที่จะลืมเลือนในตอนที่เขาเพิ่งจะได้ครอบครองทายาทของมังกรปีกวารี และมันก็ถูกกระจกทองแดงโจมตีไปอย่างรุนแรง ตลอดหลายปีนับจากนั้นมา เขาก็ไม่เคยได้เห็นกระจกทองแดงมีปฏิกิริยาที่ดุร้ายเช่นนั้นอีก

เมิ่งฮ่าวรู้จักนกแก้วเป็นอย่างดี และรู้ว่าต้นกำเนิดของมันมีความลึกลับเป็นอย่างมาก แน่นอนว่านั่นเพียงแค่ทำให้เขา…มีโชควาสนาในพลังของมังกรปีกวารีมากขึ้นกว่าเดิม

“บางทีพื้นฐานฝึกตนของข้าอาจจะยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ที่จะคลี่คลายปริศนาในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม…ทายาทของมังกรปีกวารีได้หลอมรวมเข้าไปในเสาแห่งเต๋าของข้า หลังจากนั้นก็เป็นแกนลมปราณของข้า และยังได้หลอมรวมเข้าไปในวิญญาณแรกก่อตั้งของข้าอีกด้วย…ถ้าเช่นนั้น ทำไมมันถึงไม่อาจจะกลายเป็น…ชีพจรเซียนของข้า!”

“เจ้าจงติดตามข้าเข้าไปในอาณาจักรเซียน และสูงไปมากกว่านั้น!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเข้มข้น ขณะที่เสียงกระหึ่มดังกระจายออกมา ชีพจรเซียนของเขาได้ระเบิดเป็นพลังขึ้นไป และสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็มีความแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มากนัก มันไม่ได้กระจายออกไป แต่กวาดผ่านไปมาอยู่ภายในร่างเพื่อปลุกให้ทายาทของมังกรปีกวารีตื่นขึ้นมา!

หลังจากนั้นสักพัก สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็พบกับจุดแสงที่อยู่ภายในร่างเขา ซึ่งดูไม่เด่นสะดุดตา เป็นจุดแสงที่อยู่ด้านในของแรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของเขา

ถ้ามองดูให้ละเอียดยังจุดแสงนั้น ก็จะเห็นเป็นมังกรปีกวารีตัวเล็กๆ อย่างน่าเหลือเชื่ออยู่ภายในนั้น

“ชีพจรเซียนมังกรปีกวารี เปิดออก!” เมิ่งฮ่าวร้องตะโกนขึ้น พื้นฐานฝึกตนส่งเสียงดังกระหึ่ม ขณะที่พลังได้ไหลเข้าไปในจุดแสงนั้น ภายในชั่วพริบตาจุดแสงนั้นก็เจิดจ้าขึ้นและระเบิดออกมาที่ด้านนอก เสียงกึกก้องอย่างไร้จุดสิ้นสุดดังเต็มไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว ปราณเซียนจากประตูเซียนไหลเข้ามาในร่างเขาอย่างบ้าคลั่ง และเข้าไปในจุดแสงนั้น

เวลาผ่านไปขณะที่ปราณเซียนอันไร้ขอบเขตได้หลอมรวมเข้าไปในจุดแสงนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ มังกรปีกวารีที่อยู่ภายในร่างเขาค่อยๆ เริ่มมีขนาดใหญ่มากขึ้นจนกระทั่งในที่สุด มังกรก็ลืมตาของมันขึ้นมา และสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า

แสงเจิดจ้านั้นประกอบไปด้วยศักดิ์ศรีและความเย่อหยิ่งอย่างลึกล้ำ มันรู้สึกดูถูกต่อทุกสรรพสิ่งที่อยู่บนพื้นดินด้านล่าง และสะกดข่มทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในท้องฟ้า มันไม่สนใจหรือรู้สึกกังวลใจใดๆ มีแต่ความกระหายต่ออิสรภาพและเสรีภาพทั้งหมด

ซึ่งนั่นก็คือ…เต๋าของเมิ่งฮ่าว!

จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน เขาไม่เคยจะคาดคิดว่าเต๋าของตนเอง จะเหมือนกับธรรมชาติของมังกรปีกวารีได้เช่นนี้มาก่อน

ตูมมมมมมม!

ปราณเซียนเริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น ขณะที่มังกรปีกวารีลืมตาขึ้นมา มันแผ่ขยายปีกออกไปอยู่ภายในร่างเมิ่งฮ่าว และเสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ก็ได้ยินออกมา ขณะที่มันกลายเป็นปราณเซียนและจากนั้นก็ตกผลึกแข็งตัวลงอย่างรวดเร็ว!

สามในสิบส่วน, ห้าในสิบส่วน, เจ็ดในสิบส่วน…

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า ทันใดนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ทำการดูดซับปราณเซียนทั้งหมดเข้าไป เกิดเป็นเสียงดังก้องขึ้น หลังจากนั้นชีพจรเซียนมังกรปีกวารีก็เริ่มแข็งตัวแปดในสิบส่วน, เก้าในสิบส่วน และในที่สุด…สิบส่วนเต็ม!

เมื่อเกิดขึ้นเช่นนั้น กลิ่นอายของเมิ่งฮ่าวก็ระเบิดพุ่งขึ้นไป!

ภาพอันเลือนรางของตะเกียงได้ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าวอีกครั้ง หมุนวนไปมาอยู่ในอากาศ ยากที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีตะเกียงอยู่ทั้งหมดกี่ดวง แต่ก็สามารถมองเห็นพวกมันได้อย่างชัดเจนกว่าก่อนหน้านี้

พลังได้พุ่งขึ้นมาจากภายในร่างเมิ่งฮ่าว จนดูเหมือนกับเป็นเซียนแต่ก็ไม่ใช่เซียน และในเวลาเดียวกันนั้นก็ดูเหมือนจะเก่าแก่โบราณแต่ก็ไม่เก่าแก่มากนัก

นอกจากนี้มังกรเซียนตัวที่หนึ่งร้อยยี่สิบสองก็ได้ปรากฏขึ้นอยู่ที่ด้านนอกของประตูเซียน และครั้งนี้มันก็ดูแตกต่างไปจากมังกรตัวอื่นๆ โดยสิ้นเชิง มันคือมังกรปีกวารี!

มันมีปีกขนาดใหญ่ มีหางเป็นอสรพิษ และศีรษะก็ใหญ่โตจนน่าตกใจยิ่ง!

นี่คือมังกรปีกวารี ซึ่งในขุนเขาทะเลที่เก้าต่างก็รู้จักกันดีในอีกนามหนึ่ง ซึ่งได้เรียกมันว่า…อี้หลง!

ขุนเขาทะเลที่เก้าตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายในทันที

การเปิดชีพจรเซียนหลังจากจุดที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ด เป็นสิ่งที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง แต่จากการที่อี้หลงได้ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ทำให้คนทั้งหมดต้องตื่นตระหนกไปโดยสิ้นเชิง

ราวกับว่าทุกครั้งที่เมิ่งฮ่าวบรรลุถึงจุดสูงสุด และมองเห็นว่าได้ข้อสรุปแล้ว เขาก็จะบอกกับคนทั้งหมดผ่านการกระทำว่า…เรื่องราวยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้!

เหล่าปรมาจารย์ของสำนักและตระกูลต่างๆ ทั้งหมดมีแสงอันลึกล้ำอยู่ในดวงตา ขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ผู้นี้ได้กระทำเรื่องราวที่แม้แต่พวกมันก็ยังต้องตกใจอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อย่างช้าๆ พวกมันเริ่มสรุปได้ว่ากำลังมองไปยังการถือกำเนิดขึ้นมาของเส้าเหนียนจื้อจุน (ผู้ยิ่งใหญ่น้อย)

“เป็นเวลานาน, นานมากแล้ว…ที่ไม่มีใครช่างน่าตกใจเช่นนี้ ได้ปรากฏขึ้นมาในขุนเขาที่เก้า!”

“อีกคนก็คือ…ราชันหลี่เท่านั้น!”

“นั่นก็ใช่แล้ว! มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ นั่นก็คือ…ราชันหลี่ผู้ลึกลับ จากในตำนานได้กล่าวไว้ว่า ท่านไม่ได้มาจากขุนเขาทะเลที่เก้าด้วยซ้ำไป!”

ผู้ฝึกตนรุ่นอาวุโสถอนหายใจออกมา สีหน้าอันซับซ้อนได้ปรากฏขึ้น ขณะที่พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าวและไม่กล่าวอะไรออกมาอีก

ผู้ถูกเลือกที่อยู่ในรุ่นเดียวกันกับเมิ่งฮ่าว กำลังยืนอยู่ที่เบื้องหน้าประตูเคลื่อนย้ายทางไกลของแต่ละคน จิตใจกำลังพังทลายลงไป พวกมันเป็นกลุ่มคนที่มีความเย่อหยิ่งเป็นอย่างยิ่ง แต่ในตอนนี้กำลังสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรง การเตรียมตัวทั้งหมดของพวกมันช่างน่าหัวเราะนัก ชื่อเสียงที่พวกมันต้องการจะกู้กลับคืนมา…ก็กลายเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว

บุรุษหนุ่มจากดาวหนานเทียน ผู้ฝึกตนที่คนทั้งหมดไม่เคยให้ความสนใจ…ได้มาอยู่ที่เบื้องหน้าสายตาของพวกมัน กลายเป็นขุนเขาอันยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจจะก้าวข้ามไปได้

พวกมันทั้งหมดรู้สึกเห็นอกเห็นใจฟางเว่ย ต่างก็คิดว่าฟางเว่ยคงจะมีความรู้สึกเช่นนี้มากกว่าพวกมันอย่างแน่นอน

สำหรับฟางเว่ย มันลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ หัวเราะอย่างขมขื่นและสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ การมองไปยังเมิ่งฮ่าวทำให้มันรู้สึกราวกับว่า การคงอยู่ของตัวมันเองช่างเป็นเรื่องที่น่าขบขันนัก ดวงตามันเริ่มสาดประกายขึ้นด้วยความบ้าคลั่ง เป็นความบ้าคลั่งที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความอิจฉา และจากนั้นรังสีสังหารก็ยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม

“ไม่ว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นหรือไม่ ข้าก็ต้องหาทางสังหารเจ้าอยู่ดี!” ฟางเว่ยเกิดโทสะขึ้นอยู่ภายในใจ “ข้าจะกำจัดเจ้าไปโดยใช้ผลเนี่ยผานของเจ้าเอง!”

ฟางซิ่วซานยืนอยู่ในกลุ่มฝูงชนด้วยใบหน้าที่ซีดขาว ทันใดนั้นมันก็รู้สึกเสียใจ ไม่ใช่ความเสียใจที่ไปตอแยเมิ่งฮ่าว แต่เป็นความเสียใจที่ก่อนหน้านี้มันไม่โหดเหี้ยมเพียงพอ ทำไมมันถึงไม่ยอมละเมิดกฎของตระกูล และสังหารเมิ่งฮ่าวไปตั้งแต่ตอนแรก?

ตรงกันข้ามกับฟางซิ่วซาน, บิดาของมันเอง, ปู่ของฟางเว่ย กำลังยืนอย่างเยือกเย็นอยู่ที่นั่นไม่ห่างไกลออกไปมากนัก มองไปยังฟางซิ่วซาน จากนั้นก็ฟางเว่ยและถอนหายใจออกมา

“ตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งมีชีวิตอยู่ ก็ต้องมีจุดมุ่งหมาย เมื่อเรื่องราวดำเนินมาจนถึงจุดนี้แล้ว…ข้าน่าจะวางแผนไว้ตั้งแต่ตอนแรก แทนที่จะมัวแต่คิดคาดหวัง”

“ตระกูลฟางจะคงอยู่ในขุมนรกไปชั่วนิรันดร์ หรือว่าจะเดินไปตามวิถีทางของมัน พุ่งขึ้นมาจากขุมนรกราวกับเป็นพญาหงส์? ทุกสิ่งทุกอย่าง…ขึ้นอยู่กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในตอนนี้แล้ว!” ปกติแล้วปู่ของฟางเว่ยเป็นชายชราที่เงียบขรึม แต่ฉับพลันนั้นมันก็ยิ้มออกมา

เป็นรอยยิ้มที่ประกอบไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก แต่ก็ดุร้ายอย่างน่าเหลือเชื่อด้วยเช่นกัน!

เห็นได้ชัดว่ามีกองกำลังด้านมืดได้คงอยู่ในตระกูลฟางมานานหลายปีจนไม่อาจจะรู้ได้…ซึ่งกำลังเริ่มแยกเขี้ยวกางเล็บของพวกมันออกมาอย่างช้าๆ!

สูงขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เมิ่งฮ่าวกำลังตรวจสอบชีพจรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบสองจุดของเขา จากนั้นก็มองขึ้นไปยังประตูเซียน อีกครั้งที่แววตาอันป่าเถื่อนเริ่มลุกโชนอยู่ในดวงตา

“ข้ายังสามารถจะ…เปิดชีพจรจุดสุดท้ายออกมาได้!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา ในตอนนี้เองที่เขาได้หยิบเอาตะเกียงสัมฤทธิ์ออกมาจากถุงสมบัติ ภายในเป็นเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่

มันคือ…

แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์!

———————

หมายเหตุ :

  1. กระจกทองแดงเคยโจมตีไปที่แกนอสูรของมังกรปีกวารี ตอนที่ 24
  2. เมิ่งฮ่าวหลอมรวมแกนอสูรของมังกรปีกวารี เข้าไปในเสาแห่งเต๋าของตัวเอง ตอนที่ 99 หลอมรวมเข้าไปในแกนลมปราณของตนเอง ตอนที่ 303 ในตอนที่บรรลุขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งไม่ได้พูดถึง แต่มังกรปีกวารีได้ปรากฏขึ้นช่วงที่บรรลุขั้นตัดวิญญาณ ตอนที่ 676
  3. อี้หลง (异龙) เป็นชื่อของไดโนเสาร์นักล่า เมื่อ 150 ล้านปีก่อน มีหน้าตาคล้ายกับกิ้งก่าขนาดใหญ่ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าอัลโลซอรัส

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!