Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 995

ตอนที่ 995

ตระกูลจี้ลงมือ!

คนทั้งหมดกำลังเฝ้ามองไปขณะที่จี้ยินโผล่ออกมา ระลอกคลื่นแห่งอาณาจักรเต๋าจู่ๆ ก็เริ่มกระจายออกมาจากร่างกายนาง นั่นคือกลิ่นอายแก่นแท้ ซึ่งก็หมายความว่า ระลอกคลื่นที่กระจายออกมาจากร่างนาง มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวในตอนนี้!

ในทันทีที่ระลอกคลื่นพุ่งออกไป ฝานตงเอ๋อร์และผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกว่าสีหน้าของตนเองกำลังเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะคาดคิดว่าจี้ยิน…จะไม่ใช่จี้ยินที่แท้จริง!

นี่คือสิ่งที่แม้แต่ปรมาจารย์ปฐพีตระกูลฟาง หรือเมิ่งฮ่าว ก็ไม่อาจจะรับรู้ถึงร่องรอยเหล่านี้ได้

มันช่างเป็นผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าที่ลึกลับ ซึ่งจู่ๆ ก็มาปรากฏกายขึ้นที่ด้านนอกของดาวตงเซิ่ง เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนทั้งหมดของสำนักและตระกูลต่างๆ แห่งขุนเขาทะเลที่เก้าต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึง

ปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าทั้งหมดต่างก็กำลังพึมพำกับตัวเองอยู่

“มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถรอดพ้นจากการสังเกตเห็นของพวกเราได้ ซึ่งก็คือ…หนึ่งในห้าผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าอันยิ่งใหญ่ของตระกูลจี้…จี้ซิ่วฟาง!”

“ตระกูลจี้ช่างน่าเหลือเชื่อนัก…”

ใบหน้าของปรมาจารย์ปฐพีเย็นชาลง ขณะที่มองไปยังจี้ยิน และกล่าวขึ้นมาในทันที “จี้ซิ่วฟาง!”

จี้ยินเริ่มหัวเราะเป็นเสียงแผ่วเบาออกมา ขณะที่เส้นใยกรรมนับไม่ถ้วนที่อยู่รอบๆ ตัวนางเริ่มจางหายไป เผยให้เห็นเป็นใบหน้าของสตรีวัยกลางคน

“ฟางโส่วเต้า! ไม่พบกันนานเลยนะ! ด้วยการมีข้าอยู่ที่นี่ เจ้าไม่อาจจะไปที่ไหนได้ทั้งสิ้น” สตรีนางนี้คือคนที่ปรมาจารย์ปฐพีเพิ่งจะเอ่ยนามออกมา, จี้ซิ่วฟาง!!

ปรมาจารย์ปฐพีมองไปยังนางอย่างเงียบๆ ดวงตาแวบขึ้นด้วยรังสีสังหาร โดยไม่สนใจอะไรอีก มันพุ่งตรงไปและคนทั้งสองก็เริ่มต่อสู้กันไปมา

เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็แตกกระจายไป ขณะที่อาณาจักรเต๋าต่อสู้กันจนทำให้ขุนเขาทะเลต้องสั่นสะเทือน

แทบจะในทันทีที่คนทั้งสองต่อสู้กัน ทันใดนั้นก็มีสามคนมาปรากฏกายขึ้นที่ด้านนอกของเกราะป้องกันซึ่งปกคลุมดาวตงเซิ่งไว้ แต่ละคนเหล่านี้กระจายกระลอกคลื่นของอาณาจักรเต๋าออกมา ขณะที่พวกมันนั่งลงขัดสมาธิ เสียงกระหึ่มก็กระจายออกมาจากร่างพวกมัน พื้นฐานฝึกตนของพวกมันระเบิดออกไป ขณะที่ทำการเสริมพลังไปยังเกราะป้องกัน ทำให้มันมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม

ตอนนี้ดาวตงเซิ่งตกอยู่ในเกราะป้องกันไปโดยสิ้นเชิง

ผู้ฝึกตนจากสำนักและตระกูลอื่นๆ มองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ และคลื่นแห่งความตกตะลึงอันยิ่งใหญ่ก็โจมตีเข้ามาในจิตใจของพวกมัน

การกระทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่า…กลียุคในตระกูลฟางตอนนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากตระกูลจี้!! ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลจี้ก็ได้แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า…พวกมันจะต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน!

ขุนเขาทะเลที่เก้าตกอยู่ในความตื่นตระหนก เหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าแห่งสำนักและตระกูลต่างๆ รู้สึกถึงความเย็นเยียบที่กำลังพุ่งขึ้นมาอยู่ในจิตใจ เป็นความเย็นเยียบที่ทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงอยู่ในตระกูลฟาง จากการปรากฏกายขึ้นมาในทันใดของจี้ซิ่วฟาง และจากสามผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าที่ด้านนอกของเกราะป้องกัน

จวบจนกระทั่งเมื่อครู่นี้ ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติใดๆ ของจี้ยิน และได้มองข้ามไปว่า นางเป็นแค่หนึ่งในผู้ถูกเลือกต่างๆ ที่ไม่ได้ต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวเท่านั้น

ตอนนี้เมื่อพวกมันคิดไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ก็ตระหนักได้ถึงแผนการที่แนบเนียนไร้รอยต่อใดๆ ถ้าจี้ซิ่วฟางไม่ได้อยู่ที่นั่น ฟางโส่วเต้าก็จะสามารถแก้ปัญหาความปั่นป่วนวุ่นวายในตระกูลฟางได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อเหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ ความเย็นเยียบในจิตใจของพวกมันก็เริ่มเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

“ตระกูลจี้…ลงมือแล้ว! พวกมันส่งผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋ามาสี่คนเพื่อจัดการกับตระกูลฟาง ถ้าไม่นับราชันจี้ที่เก่าแก่โบราณเช่นเดียวกับสวรรค์ และไม่นับผู้ฝึกตนอื่นๆ อีกแล้วละก็ ตระกูลจี้ก็มีผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าทั้งหมดห้าคน!”

“เต๋าแห่งตระกูลจี้มุ่งเน้นไปที่กรรม พวกมันไม่ได้ลงมือมาเป็นเวลานานมากแล้ว จากตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา เมื่อพวกมันลงมือ ก็มักจะนำหน้าคนอื่นๆ ไปก่อนหนึ่งก้าวเสมอ!”

“นำหน้าไปหนึ่งก้าว…ยกตัวอย่างเช่น ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรโบราณหกคนของตระกูลฟาง ตระกูลจี้ได้จัดเตรียมให้พวกมันต่อสู้กันเองไปแล้ว ทำให้พวกมันไม่อาจจะมาเข้าร่วมกับความวุ่นวายในตอนนี้ได้ จากนั้นก็ยังมีฟางโส่วเต้า ที่พวกมันได้จัดเตรียมให้จี้ซิ่วฟางมาช่วยจัดการ!”

“ถ้าเช่นนั้นแล้ว สิ่งที่สามผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าเหล่านั้นกำลังทำอยู่กับเกราะป้องกันคืออะไรกัน?” ขณะที่เหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋ากำลังพิจารณาถึงเรื่องราวเหล่านี้อย่างรวดเร็ว สีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไป และพวกมันก็มองไปยังทิศทางของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่

ทันใดนั้นระลอกคลื่นอันทรงพลังก็กระจายออกมาจากทิศทางนั้น และเสียงกระหึ่มกึกก้องก็ได้ยินมาขณะที่เงาร่างมากมายปรากฏขึ้น ราวกับว่าสำนักกำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา!

สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่กำลังมาเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วย!

เห็นได้ชัดว่า พวกมันไม่ได้มาช่วยเหลือตระกูลจี้ พวกมัน…มาป้องกันไม่ให้ตระกูลจี้ทำลายล้างตระกูลฟางไป!

ในตอนนี้คนทั้งหมดต่างก็ตระหนักได้ถึงเป้าหมายของการผนึกเกราะป้องกันที่อยู่รอบๆ ดาวตงเซิ่งแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นการป้องกันไม่ให้สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ หรือว่าใครก็ตามจะสามารถสอดมือเข้ามาได้อย่างง่ายดาย นั่นก็หมายความว่าการปรากฏกายขึ้นของจี้ซิ่วฟางยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นไปอีก!

ขณะที่พลังของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่พุ่งขึ้นไป และเงาร่างมากมายกำลังพุ่งออกมา พลังเหล่านั้นจู่ๆ ก็เริ่มจางหายไป ในเวลาเดียวกันนั้นเงาร่างที่โผล่ออกมาก็กลับเข้าไปในสำนักของพวกมันเอง

กลุ่มคนที่ตระหนักดีถึงเรื่องราวเหล่านี้มีแต่เหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าเท่านั้น ซึ่งมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปขณะที่เฝ้าจับตามองไป

อย่างรวดเร็วยิ่ง ดวงตาพวกมันต้องเบิกกว้างขึ้น และจิตใจก็เริ่มหมุนคว้าง

ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ขณะที่เงาร่างมากมายกำลังเตรียมตัวที่จะมายังดาวตงเซิ่งเพื่อช่วยเหลือตระกูลฟาง กลับมีศิษย์ในสำนักของพวกมันประมาณหนึ่งในสิบส่วน…ได้กลายเป็นผู้ทรยศไป!

แม้แต่ผู้อาวุโสของสำนักก็มาเข้าร่วมด้วย ทำให้แน่ใจได้ว่าอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า จะตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายขนาดใหน

ภาพเดียวกันนี้ได้ปรากฏขึ้นในสำนักกระบี่ไท่สิง รวมทั้งเซียนกู่เต้าฉ่าง การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และเห็นได้ชัดถึงผลลัพธ์ที่ถูกวางแผนไว้อย่างลับๆ มานานหลายปี เพื่อที่จะระเบิดออกมาในตอนนี้เอง

เสียงระเบิดดังก้องออกมาจากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ พวกมันเป็นแค่คลื่นแห่งความปั่นป่วนภายในเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่ได้ปรากฏขึ้นนานมากนัก ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลักๆ เกิดขึ้น แต่เป้าหมายของพวกมันก็คือ…ถ่วงเวลาเท่านั้น!

เป้าหมายหลักก็คือถ่วงเวลาของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ไว้ เพื่อให้พวกมันไม่อาจจะมาช่วยเหลือดาวตงเซิ่งได้!

เมื่อรวมเข้ากับเกราะผนึกป้องกัน ก็ทำให้ความล่าช้านั้นถึงขั้นร้ายแรงได้

นอกจากนี้ก็ยังมีคำเตือนที่ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา ซึ่งประกอบอยู่ภายในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนั้น

ความเย็นเยียบที่แผ่ซ่านอยู่ในจิตใจของเหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋า เริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม

“ตระกูลฟาง…กำลังจะถูกกวาดล้างไปแล้ว! ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตระกูลที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น จะถูกล้มล้างไปได้อย่างง่ายดายเช่นนี้มาก่อน”

“ปกติแล้วตระกูลจี้จะไม่ค่อยขยับตัวเคลื่อนไหว แต่ถ้าพวกมันลงมือ…ก็จะโจมตีมาราวกับเป็นสายฟ้าฟาด! นี่คือหายนะของตระกูลฟาง…โชคร้ายจริงๆ ที่ข้าเกรงว่าแผนร้ายของตระกูลจี้ไม่ได้มีแต่เพียงเท่านี้”

“การที่ตระกูลจี้ยอมที่จะเปิดเผยกองกำลังลับที่แอบแฝงตัวอยู่ในสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ก็แสดงให้เห็นว่าความต้องการทำลายล้างตระกูลฟางของพวกมันจะมีมากมายสักเพียงใด…แต่สุดท้ายแล้วเป้าหมายที่แท้จริงของพวกมันคืออะไรกัน?” เหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋ายังคงตกอยู่ในความเงียบ แต่ดวงตาพวกมันสาดประกายขึ้นด้วยโทสะ เป็นโทสะที่ว่าผู้ถูกเลือกของสำนักและตระกูลอื่นๆ ทั้งหมดอาจจะตกอยู่ในแผนร้ายของตระกูลจี้ด้วยเช่นกัน

นอกจากนั้นผู้ถูกเลือกทั้งหมดต่างก็ติดอยู่ที่ด้านนอกของดาวตงเซิ่งแล้วในตอนนี้!

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าจะมีโทสะมากมายเพียงใด พวกมันก็มีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนานและไม่ใช่คนที่โง่เขลา พวกมันรู้ว่าไม่ว่าตระกูลจี้จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่ต้องการที่จะเป็นศัตรูกับสำนักและตระกูลในขุนเขาทะเลที่เก้านี้ทั้งหมด ยกเว้นว่าผู้ถูกเลือกได้กระทำบางสิ่งที่เป็นการรนหาที่ตายเอง มิเช่นนั้นแล้วพวกมันก็คงจะปลอดภัย ตราบเท่าที่พวกมันไม่สอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว เมื่อไหร่ที่การต่อสู้นี้จบลง พวกมันก็คงจะถูกปล่อยตัวให้จากไปได้

เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจดังก้องอยู่ในคฤหาสน์โบราณตระกูลฟาง การต่อสู้อย่างน่าขมขื่นระหว่างกลุ่มคนในตระกูลด้วยกันเอง ทำให้ทั่วทั้งบริเวณนั้นเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต ทุกช่วงเวลาที่ผ่านไป ก็ยิ่งมีกลุ่มคนในตระกูลฟางตายเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ

ความปั่นป่วนวุ่นวายที่อยู่ในคฤหาสน์โบราณทำให้พื้นที่บนดาวตงเซิ่ง ซึ่งอยู่ที่ด้านนอกของตระกูลฟางกลายเป็นความเงียบไปอย่างน่ากลัวขึ้น

อาคารบ้านเรือนพังทลายลงไป สิ่งปลูกสร้างโค่นล้ม พื้นดินสั่นสะเทือน เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่กลางอากาศ มองออกไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกจงรักภักดีต่อตระกูลฟางมากนัก แต่เมื่อได้เห็นกลุ่มคนในตระกูลทั้งหมดกำลังถูกสังหารไป ได้เห็นฟางซีตกอยู่ในอันตรายเช่นนั้น ก็ทำให้กลิ่นอายอันน่ากลัวระเบิดออกมาจากภายในร่างเขา

เมิ่งฮ่าวตบลงไปที่ถุงสมบัติหยิบเอากระถางสายฟ้าออกมา สายฟ้าเต้นไปมา ขณะที่จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็หายตัวไป แทนที่กับคนในตระกูลที่อยู่ใกล้กับฟางซี

ในตอนที่มีการเคลื่อนย้ายทางไกลนั้นเอง ก็เป็นช่วงที่ฟางซีกำลังเผชิญหน้ากับอันตรายที่ใกล้เข้ามาจากหนึ่งในกลุ่มคนสายโลหิตหลัก ขณะที่บุรุษผู้นั้นชี้นิ้วตรงไปยังหน้าผากของฟางซี เมิ่งฮ่าวก็พุ่งเข้าไปโดยไม่ลังเล และโบกสะบัดชายแขนเสื้อขึ้นไป

เสียงระเบิดได้ยินมาขณะที่พลังของชีพจรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบสามจุดระเบิดออกไป เกิดเป็นพลังอันน่ากลัวกระแทกเข้าไปในสมาชิกของตระกูลผู้นั้น ซึ่งกำลังโจมตีมายังฟางซี โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากมันชั่วขณะ ก่อนที่จะระเบิดออกกลายเป็นเศษเลือดเนื้อ

ฟางซีหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา ขณะที่มองไปรอบๆ ความรู้สึกที่ไร้กำลังไม่อาจจะทำอะไรได้ เต็มอยู่ในจิตใจของมันอย่างลึกล้ำ

เมิ่งฮ่าวมองไปยังฟางซีอย่างเงียบๆ อยู่ชั่วครู่ จากนั้นดวงตาก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่เขาเริ่มเรียกนักรบศิลาออกมา ในตอนนี้เขาเริ่มสรุปได้แล้วว่าการเป็นกบฎในตระกูลจะต้องมีกองกำลังจากภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ในตระกูลจะต้องปรากฏกายขึ้นแล้วในตอนนี้

เขาไม่รู้ว่ากำลังมีการต่อสู้เกิดขึ้นอยู่ในส่วนลึกใต้พื้นดินของคฤหาสน์โบราณ และไม่รู้ด้วยเช่นกันว่าการต่อสู้ของอาณาจักรเต๋ากำลังเกิดขึ้นอยู่ที่ด้านนอกในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว แต่เมิ่งฮ่าวไม่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ก็สามารถจะเข้าใจได้ว่า…มีบางสิ่งที่เลวร้ายเป็นอย่างมากกำลังเกิดขึ้นอยู่ในตระกูล

แต่ในช่วงที่เขาทำการเรียกนักรบศิลานี้เอง ก็รับรู้ได้ถึงพลังต่อต้านอันแข็งแกร่ง กระจายออกไปปกคลุมทั่วทั้งดาวตงเซิ่ง มันค่อยๆ เปิดดินแดนบรรพบุรุษออกอย่างช้าๆ ทำให้นักรบศิลาไม่อาจจะมาหาเขาได้ในทันที

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยรังสีสังหาร ทำการเรียกนักรบศิลาอย่างต่อเนื่อง เขาหมุนตัวและเริ่มทำการสังหารเข้าไปในกลุ่มฝูงชนตลอดเส้นทาง เขาไม่ได้อยู่ในระดับของผู้แข็งแกร่งอาณาจักรโบราณ ดังนั้นเขาจึงโจมตีไปด้วยพลังจากอาณาจักรเซียนเท่านั้น และกระทำอย่างรวดเร็วราวกับเป็นสายฟ้า สวรรค์ทั้งสามสิบสามชั้นปกคลุมลงมา และพลังอาณาจักรเซียนก็ระเบิดออกไป กลุ่มคนในตระกูลซึ่งเป็นผู้ทรยศใดๆ ก็ตามที่อยู่ในอาณาจักรเซียนเมื่อมาเผชิญหน้ากับเขา ก็จะต้องแผดร้องอย่างน่ากลัวขึ้น ขณะที่พวกมันถูกทำลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ

เมิ่งฮ่าวคล้ายกับเป็นเซียนแห่งความตาย เสียงกระหึ่มได้ยินมาขณะที่เขาชี้นิ้วขวาออกไป ทำให้หน้าผากของเซียนขั้นที่เจ็ดของตระกูลต้องระเบิดออก จากนั้นเขาก็หมุนตัว สายตาอันเย็นชาสาดประกายตรงไปยังสมาชิกในตระกูลอีกสองคน ที่กำลังพุ่งตรงมาที่เขาเพื่อโจมตี ทำให้จิตใจของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวขึ้นในทันที ก่อนที่พวกมันจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ เมิ่งฮ่าวก็พุ่งผ่านพวกมันไป และศีรษะของพวกมันก็ปลิวขึ้นไปในอากาศ

สีหน้าอันซับซ้อนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟางอวิ๋นอี้ ขณะที่เมิ่งฮ่าวสังหารคนในตระกูลที่มาต่อสู้กับมัน จากนั้นก็พุ่งผ่านไป เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะช่วยชีวิตมันไว้ และตอนนี้สิ่งที่มันสามารถจะทำได้ทั้งหมดก็คือยิ้มอย่างขมขื่นออกมา

เสียงระเบิดดังก้องออกไปทั่ว ขณะที่การต่อสู้อย่างโหดเหี้ยมกำลังดำเนินต่อไป

เมิ่งฮ่าวมีความเชี่ยวชาญในการสังหารเป็นอย่างมาก บนดาวหนานเทียน เขาได้สังหารผู้คนมามากมาย, มากมายเป็นอย่างยิ่ง

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้คุ้นเคยกับการต่อสู้ที่ปั่นป่วนวุ่นวายเช่นนี้อีกด้วย กระถางสายฟ้าแวบขึ้น และเขาก็หายตัวไปในท่ามกลางเสียงกระหึ่ม ในตอนนั้นคนทรยศของตระกูลที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นได้มาปรากฏตัวขึ้นในจุดที่เขาเพิ่งจะหายตัวไป จากนั้นก็ถูกโจมตีมาจากผู้แข็งแกร่งอาณาจักรโบราณห้าคนที่ร่วมมือกันพยายามจะสังหารเมิ่งฮ่าว

ด้วยกระถางสายฟ้า ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะมีใครสามารถตรึงเขาไว้ได้เพื่อที่จะกลุ้มรุมสังหารไป ในช่วงเวลสั้นๆ คนทรยศของตระกูลสิบกว่าคนก็ต้องตกตายไปด้วยเงื้อมมือของเมิ่งฮ่าว

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้แสดงออกถึงความโหดเหี้ยมเช่นนี้ในตระกูล และผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ กลุ่มคนในตระกูลที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ต่างก็มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความประหลาดใจ

โดยที่ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกตนในสำนักและตระกูลต่างๆ ที่อยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้า ถึงแม้ว่าจะมีผนึกเกราะป้องกัน แต่คนทั้งหมดก็สามารถจะใช้วิธีการต่างๆ เพื่อมองไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตระกูลฟางได้ นั่นเป็นสิ่งที่ตระกูลจี้ไม่ต้องการจะปกปิด พวกมันต้องการให้โศกนาฏกรรมอันขมขื่นในตระกูลฟางนี้ ปรากฏขึ้นต่อสายตาของคนทั้งหมดเพื่อแสดงความข่มขู่

อย่างไรก็ตามในตอนนี้เองที่เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ได้ยินออกมาจากบริเวณที่ฟางเว่ยได้กระแทกเข้าไปบนยอดเขา ระลอกคลื่นอันน่ากลัวเริ่มกระจายออกมา ขณะที่ม่านตาของฟางเว่ยได้กลับคืนมาเป็นปกติ

ระลอกคลื่นอันน่ากลัวนั้นได้หายไป มันค่อยๆ ลุกขึ้นมายืนจากในท่ามกลางฝุ่นละออง จากนั้นก็แหงนหน้าขึ้นและหัวเราะออกมา

“หุ่นเชิดนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก ช่างน่าประหลาดใจยิ่ง…การเป็นผู้เยาว์นี้ให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ…ถึงแม้ว่ามันจะอ่อนแอและไม่อาจจะรับพลังของอาณาจักรโบราณได้…แต่ร่างกายนี้ก็แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ หลังจากที่หลอมรวมกับมันได้อย่างสมบูรณ์ในวันข้างหน้า และเปลี่ยนให้ร่างนี้กลายเป็นร่างจริงของข้า ขั้นสูงสุดของอาณาจักรโบราณก็จะไม่ใช่ขีดจำกัดของข้าอีกต่อไปแล้ว!”

“ฟางเว่ย ในฐานะที่เป็นลูกหลานของข้าในตระกูล เมื่อเจ้ามอบร่างกายนี้ให้กับข้า ข้าก็จะช่วยเติมเต็มความปรารถนาให้กับเจ้าเอง” ในตอนนี้ระลอกคลื่นแปลกๆ เริ่มกระเพื่อมออกไปจากร่างฟางเว่ย มันบินขึ้นไปในอากาศ มองตรงไปยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังต่อสู้อยู่ในกลุ่มฝูงชนในคฤหาสน์โบราณ และเริ่มบินตรงไปยังเขา

รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตาของมันขณะที่เข้าไปใกล้

ในตอนนั้นเองที่เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ถึงอันตรายที่เสียดแทงขึ้นมาในจิตใจ เขามองขึ้นไป และสายตาก็จ้องนิ่งไปที่ฟางเว่ย

หรือบางทีอาจจะพูดให้ถูกต้องกว่านี้ก็คือว่า สายตาของเขาตรึงแน่นไปที่…ปรมาจารย์รุ่นที่หก!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!