บทที่ 1082 ถูกหมายหัวอีกแล้ว
ในร่างเทพ จ้าวเฟิง หนานกงเซิ่ง และจ้าวหยูเฟยทั้งสามคนโบยบินเข้าไปในอุโมงค์ผลึกที่ซับซ้อนวุ่นวาย
“เข้าไปในเขตใจกลางของร่างเทพก่อน!”
นี่เป็นเป้าหมายของคนทั้งสาม
ทรัพยากรและโอกาสตรงใจกลางของร่างเทพ ย่อมต้องดีกว่าบริเวณรอบนอกมาก
ระหว่าทาง จ้าวเฟิงมักจะเปิดพลังดวงตาข้างซ้ายอยู่เสมอ คอยมองทะลุผ่านพวกกำแพงผลึกแก้วที่พิเศษเฉพาะเหล่านี้เพื่อสำรวจสถาการณ์ทั่วบริเวณ และเพื่อค้นหาสมบัติด้วย
พวกจ้าวเฟิงทั้งสามจงใจหลบหลีกบางกลุ่ม เมื่อเจอทรัพยากรล้ำค่าส่วนหนึ่ง พวกเขาก็จะลงมือโจมตี ทำการแย่งชิงของดังกล่าวมาจากกลุ่มอื่นๆ ในร่างเทพ
พลังจ้าวเฟิงและพวกแข็งแกร่ง อีกทั้งระหว่างคนทั้งสามยังมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ร่วมมือกันเข้าขา กลุ่มราชาเซียนทั่วไปยังไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้
“ไม่รู้การต่อสู้ของครึ่งเทพพั่วเมี่ยและยักษ์กายผลึกจะจบลงอย่างไร?”
หนานกงเซิ่งเอ่ยพึมพำ
เห็นได้ชัดว่าเขายังคงอาลัยอาวรณ์แสงพลังเทพกลุ่มนั้นอยู่
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่อาจรู้ได้!” จ้าวเฟิงส่ายศีรษะ
แต่ตามที่เขาคาดเดา ปีศาจที่เกิดจากพลังเทพกลุ่มนั้น พลังที่แท้จริงของพวกมันน่าจะไม่ด้อยไปกว่าครึ่งเทพพั่วเมี่ย
อย่างแรก ปีศาจพวกนี้มีพลังป้องกันแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ต่อมา มันยังสามารถใช้พลังเทพได้ และสุดท้ายปีศาจพวกนั้นอาจยังมีพลังส่วนหนึ่งของเจ้านายยามมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้
ปัจจัยเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้ว ถึงจะเป็นครึ่งเทพพั่วเมี่ยที่มีเนตรดับสูญก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน
แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าการปะทะกันของสองฝ่ายจะเรียกกลุ่มอื่นมา
โดยสรุปแล้ว ตัวแปรในนั้นเยอะมากเกินไป ไม่อาจคาดการณ์ได้ ทว่าหากพูดตรงๆ ก็คือ จ้าวเฟิงปรารถนาในกลุ่มแสงพลังเทพด้วยเช่นกัน
ขอบเขตพลังของจ้าวเฟิงในตอนนี้มากพอแล้ว ตามทฤษฎีสามารถดูดซับพลังเทพได้
แต่พลังเทพกลุ่มนั้นไม่เหมือนกับพลังเทพปีศาจในร่างหนานกงเซิ่ง จึงไม่อาจมีอิทธิพลเหนือจิตใจของจ้าวเฟิง ทันทีที่จ้าวเฟิงใช้พลังเทพได้ส่วนหนึ่ง จะเท่ากับว่าเขามีไพ่ตายเพิ่มขึ้นอีกใบหนึ่ง ในชั้นกายเนื้อจะสามารถปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวเทียบเท่ากับคุนอวิ๋นและหนานกงเซิ่งได้
อนึ่ง พลังเทพอาจมีส่วนช่วยอย่างมากในการทะลวงขั้นเทพในภายหน้า
ในตอนนี้
จุดที่อยู่ไม่ไกลนักในร่างเทพ มีเสียงอึกทึกครึกโครมดังมา
จ้าวเฟิงและพวกหวั่นวิตก คนทั้งหมดสามารถสัมผัสได้ ใจกลางการระเบิดห่างไกลจากที่นี่มาก แต่พลานุภาพของระเบิดกลับกระจายตัวมาถึง พอจะมองเห็นพลังที่น่ากลัวของมันได้
“ไปดูกันเถอะ!” จ้าวเฟิงแนะนำ
ดวงตาซ้ายจ้าวเฟิงปกคลุมไปด้วยลายคลื่นสีทองอ่อน สามคนเริ่มเข้าใกล้ใจกลางระเบิด
กลิ่นอายเทพที่น่าหวาดกลัวยิ่งหนาขึ้นทุกที ทำให้ตัวสั่นระริก ทุกคนเข้าใกล้พื้นที่ที่เกิดการระเบิดเมื่อครู่มากขึ้นเรื่อยๆ
“กำแพงผลึกที่นี่ถูกทำลายไปหมดแล้ว!”
หนานกงเซิ่งมองไปด้านข้าง พบว่าบนกำแพงผลึกมีร่องรอยของการถูกทำลาย
ส่วนจ้าวเฟิงมองเห็นกลุ่มอื่นๆ ที่กำลังใกล้เข้ามาผ่านดวงตาซ้าย ชัดเจนว่าทั้งหมดต่างพากันมาที่นี่เพราะการระเบิดดังกล่าว
“นั่นคือ?”
ทัศนวิสัยของจ้าวเฟิงมองทะลุกำแพงผลึกจำนวนหลายสิบไปจนถึงขีดจำกัด และมองเห็นเหตุการณ์ส่วนหนึ่ง
กำแพงผลึกภายในนั้นถูกทำลายไปมากกว่าครึ่ง กลิ่นอายพลังเทพจำนวนเล็กน้อยรั่วไหลออกจากรอยโหว่ของกำแพง ทำให้อาณาเขตนั้นกลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม
ขอบนอกของเศษซากกำแพงมีราชาเซียนที่บาดเจ็บหนักสองคนและเซียนสองสามคน ราชาเซียนสองคนนั้นก็คือเฮยตู๋และจื่อตู๋ที่พวกจ้าวเฟิงเจอตอนเข้ามาในร่างเทพใหม่ๆ ในกลุ่มนั้นยังมีเซียนต่างเผ่าพันธุ์ที่จ้าวเฟิงรู้จักอย่างเซียนท่าเทียนด้วย
เซียนท่าเทียน ก็คือเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงในเผ่าพันธุ์มนุษย์ช้างที่มาแก้แค้นจ้าวเฟิงพร้อมกับเซียนหมื่นปรากฏการณ์ในตอนนั้น
ส่วนที่อยู่ถัดไปไม่ไกลคือศพที่เละละเอียดของเซียนต่างเผ่าพันธุ์ร่างหนึ่ง วิญญาณสลายไปหมดสิ้นแล้ว
ถัดจากนั้น ในอาณาเขตใจกลางการระเบิดมีสองร่างโบยบินออกมา
“พั่วเมี่ย ร่วมมือกับเจ้าคราวนี้ พวกข้าเสียหายไปมาก!”
หนึ่งในนั้นเป็นผู้เฒ่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ช้างผิวสีเหลืองเข้ม รูปร่างกำยำ กลิ่นอายพลังอ่อนแอเล็กน้อย สีหน้าดูไม่ได้
“ครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง (ยิ่งใหญ่ดุดัน) ยักษ์กายผลึกตนนั้นทำให้พลังในร่างเทพระเบิด ถ้าหากไม่ใช่เพราะเนตรดับสูญของข้า ชีวิตของเจ้าก็คงดับดิ้นอยู่ที่นี่แล้ว!”
ดวงตาสีทองของครึ่งเทพพั่วเมี่ยอ่อนแสงลงไป
ในตอนแรก พลังที่ยักษ์กายผลึกสำแดงออกมาอยู่เหนือกว่าขอบเขตที่ครึ่งเทพพั่วเมี่ยจะรับมือไหวไปมาก ผลลัพธ์คือหลังจากกลุ่มของครึ่งเทพพั่วเมี่ยถูกไล่ล่ามาไกลระยะหนึ่ง ก็พบกับครึ่งเทพจวี้เหมิ่งแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ช้าง
จากนั้น เมื่อครึ่งเทพสองคนร่วมมือกัน ถึงพลิกสถานการณ์กลับมาไล่ล่าสังหารยักษ์กายผลึก
จนสุดท้าย ยักษ์กายผลึกรู้ตัวเองดีว่าไม่อาจหลีกหนีไปได้ จึงจุดชนวนระเบิดกลุ่มแสงพลังเทพในร่างจนเกิดเหตุการณ์เช่นในวันนี้
“เปลืองแรงไปมากขนาดนี้ ไม่ได้อะไรมาสักอย่าง!”
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งมีสีหน้ากราดเกรี้ยว
“ท่านจวี้เหมิ่ง!”
สมาชิกของกลุ่มครึ่งเทพจวี้เหมิ่งก้มศีรษะทักทายทั้งสีหน้านบนอบ ในตอนนี้พวกเขาไม่กล้าไปยั่วโมโหครึ่งเทพผู้นี้
“ไป!” ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเตรียมจะนำสมาชิกในกลุ่มจากไป
“ครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง ข้าจะบอกข่าวเจ้าสักอย่าง เซียนหมื่นปรากฏการณ์แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ช้างของพวกเจ้าถูกมนุษย์คนหนึ่งจับเอาไว้!”
ครึ่งเทพพั่วเมี่ยเอ่ยยิ้มๆ
“อะไรนะ? เจ้าเด็กนั่น!” ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งชะงักฝีเท้า ขมวดคิ้วมุ่น
“เป็นยอดฝีมือคนใดของเผ่าพันธุ์มนุษย์?”
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งถาม
เซียนหมื่นปรากฏการณ์ดื้อรั้นหัวแข็ง ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรก็ไม่ฟัง จึงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนักกับสมาชิกในเผ่าพันธุ์คนอื่นๆ
แต่เซียนหมื่นปรากฏการณ์ครอบครองเนตรหมื่นปรากฏการณ์ ศักยภาพการเติบโตยอดเยี่ยมนัก ในวันหน้าจะต้องกลายเป็นบุคคลในขั้นครึ่งเทพได้แน่ คนในเผ่าพันธุ์เห็นความสำคัญของเขาอย่างมาก
“ฮ่าๆ เป็นเซียนมนุษย์ จ้าวเฟิง!”
ครึ่งเทพพั่วเมี่ยหัวเราะเสียงดัง แฝงไปด้วยนัยเย้ยหยัน
ในการรบของทั้งสองราชวงศ์ ชื่อเสียงของจ้าวเฟิงโด่งดังยิ่งนัก
ตอนเป็นปฐมเซียนก็ใช้อาวุธเทพพิเศษเอาชนะเซียนหมื่นปรากฏการณ์ หลังจากทะลวงผ่านขั้นเซียนแล้ว ยังเอาชนะเซียนหมื่นปรากฏการณ์ที่ต้องการล้างแค้นอีก
ส่วนครั้งนี้ เซียนหมื่นปรากฏการณ์ผู้ครอบครองเนตรหมื่นปรากฏการณ์ยังถูกจ้าวเฟิงจับไป
“จ้าวเฟิง? เทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่ม?”
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งใบหน้าสงบราวสายน้ำนิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาก็เคยได้ยินเรื่องของจ้าวเฟิงมาก่อน
ก่อนที่จ้าวเฟิงจะเข้าไปในร่างเทพได้ทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้น ด้วยเหตุนี้คนมากมายจึงยังไม่รู้
ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งแค่นเสียงเย็น นำสมาชิกกลุ่มเดินทางออกจากที่ดังกล่าว
ในเวลาเดียวกัน ครึ่งเทพพั่วเมี่ยก็นำคนจำนวนมากจากไปอย่างรวดเร็ว
การระเบิดครั้งนี้น่ากลัวเกินไปมาก เขาและครึ่งเทพจวี้เหมิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าหากเจอครึ่งเทพของพวกมนุษย์ก็จะอันตราย
อีกฟากหนึ่ง จ้าวเฟิงที่สำรวจสถานการณ์ใจกลางการระเบิดด้วยการมองเห็นของดวงตาซ้ายมองไปที่ครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง ใจกายสั่นระรัว
“รีบไป!”
จ้าวเฟิงเอ่ยขึ้นทันที ก่อนจะรีบนำหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยจากไปไกล
คิดไม่ถึงว่าจับเซียนหมื่นปรากฏการณ์มา ยังต้องเผชิญหน้ากับเรื่องประเภทนี้
แต่เดิมภายในร่างเทพนี้ จ้าวเฟิงกังวลเพียงแต่ครึ่งเทพโยวไห่แห่งวังเก้านิรย ในวันนี้พวกเขาถูกจับจ้องจากพวกต่างเผ่าพันธุ์อีกแล้ว
ครึ่งเทพคือผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดในแผ่นดินใหญ่ ถึงเป็นครึ่งเทพจวี้เหมิ่งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในขณะนี้ จะสังหารจ้าวเฟิงก็ยังคงง่ายดาย แค่กระดิกนิ้วก็ได้แล้ว
“ตรงจุดระเบิดมีครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์สองคน!”
จ้าวเฟิงเห็นหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยยังสงสัยเรื่องใจกลางการระเบิด จึงเอ่ยขึ้น
เมื่อเอ่ยจบ หนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยหน้าเปลี่ยนสีทันที
เมื่อเดินทางไปได้ไกลระยะหนึ่งแล้ว พวกจ้าวเฟิงจึงค่อยๆ ลดความเร็วลง อีกทั้งยังฟื้นฟูไอสวรรค์ที่สิ้นเปลืองไปด้วย
“จ้าวเฟิง ที่นั่นเกิดอะไรขึ้นกันแน่? มีครึ่งเทพถึงสองคน!”
ยามนี้ หนานกงเซิ่งเอ่ยถาม
จากนั้นจ้าวเฟิงจึงบอกเรื่องที่เขามองเห็นกับคนทั้งสอง
“ยักษ์กายผลึกก่อให้เกิดการระเบิดของกลุ่มแสงพลังเทพ?”
หนานกงเซิ่งถอนหายใจยาว รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง
แต่ทว่า ในร่างเทพมีโอกาสจำนวนมาก สถานที่อื่นก็น่าจะยังมีพลังเทพส่วนหนึ่งอยู่
หลังจากพักฟื้นไปช่วงหนึ่ง คนทั้งสามก็ออกเดินทางอีกครั้ง
สวบ สวบ~
ทุกคนเพิ่งจะเดินทางไปสองสามลี้ ก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังมาจากด้านหน้า
พรึ่บ!
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงปกคลุมด้วยลายคลื่นสีทองอ่อน มองทะลุผ่านกำแพงผลึกด้านหน้าไป
เห็นเพียงร่างสีขาวทองสามร่างโบยบินออกมาจากในซากกองผลึก ตรงดิ่งมาทางจ้าวเฟิง
“รีบตามไป! อย่าปล่อยให้เซียนของตำหนักไท่หวงหนีไปได้ พวกมันเก็บวัตถุดิบยาล้ำค่ากับผลึกเซียนระดับล่างจำนวนมากไป!”
ในเศษซากผลึกนั้น มีเงาของพวกต่างเผ่าพันธุ์ห้าหกร่างไล่ตามมาทันที
“เซียนเกาหวง?”
จ้าวเฟิงมองเห็นคนคุ้นเคยจากในกลุ่มของพวกที่หนีไป
เซียนเกาหวง ไม่ใช่เซียนแห่งตำหนักไท่หวงที่ปกป้ององค์ชายเก้าในสนามรบเมื่อตอนนั้นหรอกหรือ
พรึ่บ! พรึ่บ!
ในกลุ่มต่างเผ่าพันธุ์หลายคนที่ไล่ตามอยู่เบื้องหลัง มีอยู่สองคนที่กลิ่นอายแกร่งกล้าอย่างประหลาด
หนึ่งในนั้นเป็นแสงสีขาวจาง ปรากฏร่างของสตรีผิวเขียวกึ่งโปร่งแสงอยู่เลือนราง ใบหน้างดงามชวนลุ่มหลง มีความเร็วสูงที่สุด
เบื้องหลังนางยังมีร่างสูงใหญ่ เป็นชายวัยกลางคนต่างเผ่าพันธุ์มีขนสีทองทั่วร่าง ในมือกำขวานยาวเก่าแก่ขนาดยักษ์ สาดพลังกดดันที่ทำให้จิตใจหวาดกลัวออกมา
“รีบหนีไป ไม่แน่ว่าอาจจะเจอกลุ่มมนุษย์!”
ชายเกราะเขียวผู้อยู่ในกลุ่มคนที่หนีไปพร้อมกับเซียนเกาหวงเอ่ยขึ้น
ถึงแม้เขาจะมีขอบเขตพลังขั้นราชาเซียน แต่ร่างกายชายเกราะเขียวผู้นี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนขวาโดนตัดขาด ใบหน้าซีดเผือด
“เป็นกลุ่มมนุษย์!”
เซียนอีกคนที่มองเห็นร่างของจ้าวเฟิงเอ่ยด้วยใบหน้ายินดี
แต่จากนั้น ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมลงไปทันควัน
“เทวาเร้นลับชั้นต้น? เซียนเทวาเร้นลับสามคนงั้นหรือ?”
ชายเกราะเขียวคนที่แขนขวาขาดมองเห็นจ้าวเฟิงก่อน หัวใจพลันหนักอึ้ง เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเซียนสองคนด้านหลังก็ถอนหายใจ
พวกต่างเผ่าพันธุ์ที่ไล่ตามพวกเขามีกันทั้งหมดหกคน ในนั้นยังมีราชาเซียนสองคน เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มที่น่ากลัวเช่นนี้ เซียนธรรมดาสามคนอย่างพวกเขาจะทำอะไรได้
“เป็นจ้าวเฟิง?”
เซียนเกาหวงต่างจากคนทั้งสอง ร้องออกมาด้วยความยินดี
เซียนสองคนในกลุ่มเขาเป็นคนระดับสูงของตำหนักไท่หวง ปิดด่านฝึกตนยาวนานหลายปี จึงเข้าใจสถานการณ์ในสนามรบไม่มากนัก
“จ้าวเฟิง?”
ชายเกราะเขียวผู้นั้น ถึงแม้จะไม่รู้จักใบหน้าของจ้าวเฟิง แต่ยามที่ออกจากการปิดด่านก็เคยได้ยินเซียนคนอื่นๆ เอ่ยถึงชื่อนี้
“จ้าวเฟิง พอจะช่วยพวกเราได้หรือไม่!”
เซียนเกาหวงเอ่ยขอร้อง
เขาย่อมรู้ชัดในความสามารถของจ้าวเฟิง จ้าวหยูเฟย และหนานกงเซิ่ง
อีกทั้งในตอนนี้ พลังของพวกเขาสามคนเพิ่มขึ้น ถึงแม้เขาจะไม่คาดหวังให้พวกจ้าวเฟิงช่วยพวกตนเอาชนะต่างเผ่าพันธุ์ที่ไล่ล่ามา
แต่ถ้าหากพวกจ้าวเฟิงร่วมมือกับพวกเซียนเกาหวง ทั้งรุกทั้งถอย น่าจะสามารถต้านทานพวกต่างเผ่าพันธุ์ด้านหลังได้
ชายเกราะเขียวแขนด้วนและเซียนอีกคนหนึ่งสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย เผยแววยินดี
เมื่อพวกเขาสำรวจตรวจตราคนทั้งสามเบื้องหน้าดีๆ จึงพบว่ามีบางอย่างต่างจากคนทั่วไป เวลานั้น ชายเกราะเขียวยังจำจ้าวหยูเฟยผู้มีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณในร่างได้
“จะได้ประโยชน์อะไร?”
จ้าวเฟิงสีหน้าไม่เปลี่ยน เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
“อะไรกัน นี่เจ้า…”
เซียนชั้นต้นในกลุ่มโกรธเกรี้ยวทันใด
“จ้าวเฟิง เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เหมือนกัน ในเวลาอันตรายเช่นนี้ การช่วยกันต่อต้านต่างเผ่าพันธุ์ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลแล้วกระมัง!”
ราชาเซียนเกราะเขียวที่ได้รับบาดเจ็บมีสีหน้าหนักอึ้งเล็กน้อย
ถ้าหากไม่ใช่เพราะตอนนี้เขาบาดเจ็บ ทำอะไรไม่ได้ เขาคงไม่พูดกับจ้าวเฟิงอย่างนอบน้อมเช่นนี้ และในเวลานี้ ผู้แข็งแกร่งต่างเผ่าพันธุ์หกคนด้านหลังไล่ตามมาถึงแล้ว
ราชาเซียนสองคนที่เป็นผู้นำมองพวกจ้าวเฟิงอย่างประเมิน ท่าทางที่เคยเคร่งเครียดผ่อนคลายมากขึ้น แล้วจึงยิ้มน้อยๆ
“นึกว่าพวกเจ้าจะเจอผู้ช่วยฝีมือเก่งกาจอะไร ที่แท้ก็เป็นแค่เซียนทั่วไปสามคนเท่านั้น!”
สตรีต่างเผ่าพันธุ์ที่ผิวกายเป็นสีเขียวมรกตโปร่งแสงยิ้มเหี้ยมเกรียม