Skip to content

King of Gods 43

King Of Gods

บทที่ 43 : ดัชนีดารา

เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของชายชรา ดวงตาของจ้าวเฟิงก็ส่องประกาย ชั้นสองของหอตำรานั้นนับว่าแตกต่างจากชั้นหนึ่ง

มันไร้ซึ่งตัวตำราฉบับคัดลอก แต่กลับมีตราหยกวางอยู่แทน และบนตราหยกเหล่านั้นก็ปรากฏคำอธิบายของวิชาเพียงไม่กี่ตัวอักษร คำอธิบายเหล่านั้นทั้งสั้นและไม่เฉพาะเจาะจง นั่นหมายความว่ามันยิ่งยากขึ้นไปอีกในการแยกแยะว่าวิชาใดแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ

เด็กหนุ่มอาจขโมยวิชานับร้อยออกไปและค่อยๆ ย่อยวิชาเหล่านั้นในภายหลังได้เช่นหอตำราชั้นแรก ในฐานะของผู้ที่ปกป้องหอตำราแห่งนี้ ผู้อาวุโสจ้าวย่อมรู้เกี่ยวกับวิชาเหล่านี้เป็นอย่างดี ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือชายชราได้เห็นการต่อสู้ของเขาและเข้าใจถึงสิ่งที่เขาขาดเป็นอย่างดี

“ในที่นี้มีวิชระดับสุดยอดอยู่สามวิชาที่เทียบเคียงได้กับเจ้าคือ หมัดมายาวายุ ดัชนีดารา และแข้งผ่านภา” ผู้อาวุโสจ้าวนำตราหยกทั้งสามออกมา

ทั้งหมดล้วนเป็นวิชาโจมตี?

จ้าวเฟิงรู้สึกสงสัยเล็กๆ ยามที่ได้ยินชื่อวิชาทั้งสาม

“วิชาในการโจมตีของเจ้านับว่าระดับต่ำเกินไป ดังนั้นศักยภาพของมันจึงมีจำกัด ทว่าเจ้าได้ฝึกฝนวิชากำแพงเหล็กเพื่อเสริมด้านการป้องกัน ซึ่งไม่ห่างไกลไปจากวิชาระดับสุดยอดเท่าใดนัก หากเจ้าได้ฝึกฝนวิชาระดับเทพเจ้า ‘กำแพงเงิน’ มันก็จะสมบูรณ์แบบ” ชายชราอธิบาย

ไม่น่าแปลกใจที่เขาเป็นจอมยุทธ์!

เด็กหนุ่มยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวมา ด้านการป้องกันนับว่าใช้ได้แล้ว ทว่าเขายังต้องการการโจมตีอยู่

“วิชาระดับสุดยอดทั้งสามนั้นแตกต่างกัน หมัดมายาวายุมีคุณสมบัติเป็นธาตุลมและใช้วิชาในการปลดปล่อยพลัง เมื่อใช้ร่วมกับวิชาเคลื่อนไหวระดับสูง พลังโจมตีจะมากขึ้นเป็นสองเท่า ดัชนีดาราคือการควบรวมพลังภายในของผู้หนึ่งไว้ที่จุดเดียว มันสามารถโจมตีทุกสิ่งได้ในระยะ แข้งผ่านภานั้นจะสร้างลมหมุน โจมตีเป็นวงกว้าง มีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อใช้กับคนจำนวนมาก…” ชายชราเคราขาวเอ่ยอธิบายวิชาทั้งสาม

จ้าวเฟิงรู้สึกตื่นเต้นกับวิชาทั้งสามยิ่งนัก

เขาสามารถได้รับพลังจำนวนมากจากการฝึกฝนวิชาเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นวิชาไหน

“วิชาใดที่ทรงพลังที่สุด?” จ้าวเฟิงเอ่ยถามอย่างเถรตรง

แม้ว่าทั้งหมดจะเป็นวิชาระดับสุดยอด ทว่ามันก็ยังคงมีความแตกต่างระหว่างกัน

“ฮี่ฮี่ จากในสามวิชานี้ ดัชนีดารานับว่าแข็งแกร่งที่สุด ใกล้เคียงกับวิชาระดับเทพเจ้า มันยอดเยี่ยมกว่าวิชาดัชนีเมฆนภาของจ้าวหลินหลงเสียอีก ทว่าปัญหาเพียงอย่างเดียวคือมันฝึกฝนยากยิ่งนัก ทั้งยังมีความเสี่ยงบางประการในการใช้ออก” ผู้อาวุโสจ้าวเผยรอยยิ้ม

“เช่นนั้นข้าก็เลือกมันแล้วกัน” เด็กหนุ่มเอ่ยโดยไร้ซึ่งความลังเล

เขาได้เห็นวิชาดัชนีเมฆนภาของจ้าวหลินหลงแล้ว และมันก็ทรงพลังจริงเช่นที่ว่า และดัชนีดารานี้กระทั่งทรงพลังกว่าวิชาดัชนีนั่น หลังจากที่ยืนยันความต้องการของเด็กหนุ่มแล้ว ชายชราจึงได้ไปนำตำราฉบับคัดลอกออกมา

จ้าวเฟิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กๆ ยามที่เขารับตัวตำราเก่าแก่จากมือของชายชรา ไม่ช้ารายละเอียดของวิชาดัชนีดาราก็สลักเข้าไปในสมองของเด็กหนุ่ม ดัชนีดารานั้นถูกแบ่งออกเป็นหกระดับ และขั้นต่ำสุดในการฝึกฝนนั้นต้องมีพลังขั้นสี่แห่งหนทางผู้ฝึกตน ดัชนีนี้เป็นการรวบรวมพลังภายในของผู้ฝึกไว้ที่ขุดเดียวจนถึงขีดสุด เมื่อมันถูกฝึกจนเข้าขั้นต่ำ จะสามารถยิงทะลวงผ่านโลหะหนาสองนิ้วได้

วิชาเสริมกายาของบางคนกระทั่งไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญหน้ากับวิชานี้ นอกจากนั้นวิชานี้สนใจเพียงพลังเท่านั้น หาได้ใส่ใจสิ่งอื่นใดไม่

“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการ” จ้าวเฟิงรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก

“ดัชนีดารานั้นมีประโยชน์นัก และแม้ว่าเจ้าจะยังไม่เข้าสู่ขั้นเจ็ดแห่งหนทางผู้ฝึกตนแต่ฝึกวิชานี้จนเข้าระดับสี่ได้ เจ้าจะสามารถโจมตีผ่านอากาศได้” ผู้อาวุโสจ้าวไม่อาจหยุดชื่นชมวิชานี้ได้

โจมตีผ่านอากาศ?

หัวใจของจ้าวเฟิงสั่นกระตุก ทุกคนล้วนรู้ว่าเมื่อผู้ฝึกตนเข้าสู่ขั้นเจ็ด พวกเขาจะสามารถโจมตีผ่านอากาศได้ มันมีความแตกต่างระหว่างขั้นหกและขั้นเจ็ด และวิชาระดับสุดยอด ดัชนีดาราสามารถโจมตีผ่านอากาศได้ก่อนที่ผู้ฝึกจะเข้าสู่ขั้นเจ็ด

“ดัชนีนี้ฝึกยากกว่าปกติราวๆ 2-3 เท่า บางคนนั้นกระทั่งจัดมันให้อยู่ในวิชาระดับอรรธเทพ ข้าเองก็เคยฝึกฝนมันครั้งหนึ่ง ทว่าติดอยู่ในระดับสามเป็นเวลานาน และเพราะการที่จะเข้าสู่ระดับสี่นั้นยากยิ่ง ข้าจึงยอมแพ้และฝึกฝนวิชาอื่นแทน” ผู้อาวุโสจ้าวมองตรงไปยังเด็กหนุ่มด้วยสายตาซับซ้อนทว่าคาดหวัง

“เหตุใดผู้อาวุโสจ้าวถึงได้มั่นใจในตัวข้ายิ่งนัก?” จ้าวเฟิงเอ่ย

“เพราะความเข้าใจในวิชาของเจ้านั้นลึกล้ำนัก เจ้าได้ฝึกฝนวิชาระดับกลางจนเข้าขั้นหลอมรวม และกระทั่งฝึกฝนวิชานภาลอยล่องจนเข้าขั้นสูง” ชายชราเอ่ยชม

เด็กหนุ่มเข้าใจในทันทีว่าอีกฝ่ายรู้ว่าความสามารถในการทำความเข้าใจของเขานั้นสูงยิ่งและอาจสามารถฝึกฝนวิชาดัชนีดาราได้

“ให้ข้าเตือนเจ้า” สีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

“ผู้อาวุโสโปรดกล่าว”

ดวงตาของผู้อาวุโสจ้าวแปรเปลี่ยนเป็นคมกริบ

“เจ้าจะมีโอกาสในชนะจ้าวหลินหลงได้ก็ต่อเมื่อเจ้าเรียนรู้ดัชนีดารา และแม้กระนั้นก็มิได้แน่นอน”

เหตุใดกัน?

จ้าวเฟิงไม่เข้าใจ มิใช่ว่าดัชนีดารานั้นแข็งแกร่งกว่าดัชนีเมฆนภาหรือ?

“นั่นเป็นเพราะ…”

จ้าวหยงชี่พ่นลมหายใจยาวเหยียด

“เพราะว่าจ้าวหลินหลงนั้นเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งยังเป็นบุตรบุญธรรมของหัวหน้าพรรค เขาจึงไม่เพียงได้พฤกษาโลหิตพันปี ทว่ายังได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังหอตำราชั้นสามด้วย”

หอตำราชั้นสาม?

ชั้นสามที่ลึกลับนั่น?

จ้าวเฟิงตกตะลึง ทุกคนล้วนรู้ว่าชั้นสองของหอตำรานั้นเต็มไปด้วยวิชาระดับสูงและวิชาระดับสุดยอดจำนวนหนึ่ง ส่วนชั้นสามนั้นเป็นเพียงแค่ตำนานเล่าขานเท่านั้น

“จ้าวหลินหลงได้รับพฤกษาโลหิตพันปี ทั้งยังมีโอกาสสูงที่จะทะลวงเข้าสู่ขั้นหกในอีกสองสามเดือนและกลายเป็นหัวหน้าของสี่อัจฉริยะของเมืองประกายอรุณ พวกระดับสูงของพรรคย่อมสนับสนุนเขาด้วยทุกอย่างที่พวกเขามี” เมื่อเอ่ยถึงตอนนี้ ชายชราก็ทอดถอนใจขณะเขาคิดเกี่ยวกับเด็กหนุ่มตรงหน้า

อย่างไรก็ตาม ความสามารถของจ้าวเฟิงนั้นไม่อาจนับได้ว่าด้อยกว่าจ้าวหลินหลงได้แม้แต่น้อย

น่าเศร้านักที่เขาเป็นเพียงศิษย์ตระกูลสาขา ในขณะที่จ้าวหลินหลงเป็นศิษย์ตระกูลหลักและบุตรบุญธรรมของหัวหน้าพรรค

แม้ว่าจ้าวเฟิงจะสามารถเอาชนะจ้าวหลินหลงได้ในวันนั้น สิ่งที่เขาได้รับก็ยังคงแตกต่างจากที่อีกฝ่ายได้รับอยู่ดี

“ผู้อาวุโสจ้าวขอรับ ท่านสามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่าสิ่งใดอยู่ในชั้นสามของหอตำรา? มันจะใช่วิชาระดับเทพเจ้าในตำนานนั่นหรือไม่?” ลมหายใจของเด็กหนุ่มถี่กระชั้นขึ้น

วิชาระดับเทพเจ้านับเป็นตำนาน ผู้ฝึกสามารถเข้าสู่ขั้นกายเทพได้เมื่อฝึกฝนพวกมัน

“ฮ่าฮ่า เจ้าคิดหรือว่าเมืองเล็กๆ เช่นเมืองประกายอรุณนี้จะมีบทคัดลอกของวิชาระดับเทพเจ้า?” จ้าวหยงชี่สั่นศีรษะทว่าเอ่ยต่อ

“แต่จ้าวหลินหลงนั้นมีโอกาสที่จะสำนึกรู้บางอย่างได้จากเศษเสี้ยวของวิชาระดับเทพเจ้า”

จ้าวเฟิงพ่นลมหายใจยาว ไม่ช้าเด็กหนุ่มก็ยื่นตำราของวิชาดัชนีดาราคืนสู่ชายชรา

“เจ้าไม่ต้องการคัดลอกมันหรือ?” ชายชราเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ข้าจำมันได้แล้ว” จ้าวเฟิงตัดสินใจที่จะไม่ปกปิด

ความทรงจำชั่วพริบตามิใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แม้ชายชราจะประหลาดใจ ทว่าความสุขภายในดวงตาที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานนั้นกลับล้ำลึกยิ่งขึ้น ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาจะเป็นอัจฉริยะโดยแท้

จ้าวเฟิงยังคงสามารถเลือกวิชาระดับสูงได้อีกสองวิชาหลังจากที่เลือกวิชาระดับสุดยอดแล้ว จ้าวหยงชี่แนะนำวิชาเคลื่อนไหว ‘ย่างก้าวเสี้ยวพริบตา’

“วิชานี้นั้นมีคำเล่าลือว่ามาจากแหล่งเดียวกับวิชานภาลอยล่องและเกือบจะเทียบเท่าได้กับวิชาระดับสุดยอด”

วิชาดัชนีระดับสุดยอดหนึ่งวิชา วิชาเคลื่อนไหวระดับสูงหนึ่งวิชา

จ้าวเฟิงยังสามารถเลือกได้อีกหนึ่งวิชา คราวนี้เขาเลือกวิชา ‘กลืนวนาลัย’

วิชากลืนวนาลัยนั้นคล้ายคลึงกับวิชาซ่อนลมหายใจ มันสามารถซ่อนกลิ่นอายและกลิ่นของผู้ฝึกได้ จากคำอธิบายนั้น หากวิชากลืนวนาลัยถูกฝึกฝนจนเข้าขั้นสูง ผู้ฝึกจะสามารถเข้าสู่สถานะ ‘แกล้งตาย’ และหลบซ่อนจากสายตาของศัตรูได้

“นับว่ามีสายตาที่ดี วิชานี้นับว่ามีประโยชน์ยิ่ง” จ้าวหยงชี่เผยรอยยิ้ม

หลังจากที่เลือกวิชาเสร็จเรียบร้อยแล้ว จ้าวเฟิงจึงเอ่ยขอบคุณชายชราและจากไป

ปึก! ปึก! ปึก!

ในตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากภายในหอตำรา

คนสามคนเดินลงมายังชั้นสอง คนแรกนั้นเป็นชายชราชุดขาว คนที่สองคือชายวัยกลางคนท่าทางสงบเยือกเย็น และคนสุดท้าย เด็กหนุ่มในชุดสีทอง คนสุดท้ายนั้นคือจ้าวหลินหลง!

จ้าวเฟิงคำนับสองคนแรกในทันที

“ผู้เยาว์ทำความเคารพผู้อาวุโสและหัวหน้าพรรค”

จากนั้นเขาจึงเบนสายตาไปยังเด็กหนุ่มในชุดสีทองก่อนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

“พี่หลินหลง”

“อืม” หัวหน้าพรรคและผู้อาวุโสผงกศีรษะ

ทว่าจ้าวหลินหลงนั้นทำเพียงมองมายังเด็กหนุ่มผ่านๆ และเบนสายตาออกไปโดยไร้ซึ่งคำพูด ท่าทางนั้นทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกอึดอัดและฉุนเฉียวยิ่งนัก

อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มนั่นครองอันดับสามในบรรดาศิษย์สายใน และแม้ว่าจ้าวหลินหลงจะเป็นอันดับหนึ่ง อีกฝ่ายก็ไม่ควรมองเมินเขาเช่นนี้

“หัวหน้าพรรคกับผู้อาวุโสอยู่ที่นี่ เป็นไปได้หรือไม่ว่า…” จ้าวเฟิงคิด

หากพวกเขาจะเข้ามายังชั้นสอง เพียงแค่หนึ่งในสองก็เพียงพอ นั่นหมายความว่าทั้งสองได้ส่งจ้าวหลินหลงไปยังชั้นสาม ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผู้อาวุโสจ้าวกล่าวนั้นเป็นความจริง!

เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกโกรธเคือง ทว่าไม่นานความรู้สึกนั้นก็จางหายไปเมื่อเขาคิดถึงมิติในดวงตาซ้ายของเขา

จ้าวเฟิงมุ่งหน้ากลับไปยังบ้าน

ภายในห้อง จ้าวเฟิงปิดเปลือกตาลงและวิชาทั้งสาม ดัชนีดารา ย่างก้าวเสี้ยวพริบตา และกลืนวนาลัยจึงปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของเขา เด็กหนุ่มเริ่มต้นด้วยการฝึกฝนวิชาย่างก้าวเสี้ยวพริบตาก่อนจะค้นพบว่ามันคล้ายคลึงกับวิชานภาลอยล่อง

ครึ่งชั่วโมงถัดมา เขาก็เข้าสู่ระดับพื้นฐาน!

ยามราตรี

จ้าวเฟิงค้นพบสิ่งที่น่าตกใจ เมื่อเขาใช้เคล็ดวิชาตัดลมหายใจควบคู่ไปกับย่างก้าวเสี้ยวพริบตา มันกระทั่งรวดเร็วยิ่งขึ้น

สองสามวันถัดไป เขาจึงเริ่มเพ่งความสนใจไปยังวิชาใหม่

วิชาย่างก้าวเสี้ยวพริบตาและวิชากลืนวนาลัยล้วนเป็นวิชระดับสูง ทั้งจ้าวเฟิงยังพบว่ามันง่ายยิ่งนักที่จะเรียนรู้ มันไม่ใช่เพียงเพราะความสามารถในการเข้าใจที่เขาได้รับจากดวงตาซ้าย แต่เป็นเพราะว่าวิชานภาลอยล่องและวิชาซ่อนลมหายใจนั้นสร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้เขาด้วย

เพยงแค่สิบวัน จ้าวเฟิงก็ฝึกฝนวิชาทั้งสองจนกระทั่งเข้าสู่ขั้นสูง

ถัดจากนั้นเขาจึงเริ่มฝึกฝนวิชาที่สำคัญที่สุด ดัชนีดารา! ดัชนีนี้เป็นวิชาระดับสุดยอดซึ่งยากที่จะฝึกฝน ก่อนหน้านั้น กระทั่งผู้อาวุโสจ้าวก็มิอาจฝึกฝนทั้งหมดได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version